ความคิดเห็นที่ 1 เช้าวันเสาร์ เราตื่นกันประมาณ 8 โมงเพื่อออกเดินทางไป “ม่อนแจ่ม” สถานที่ที่หลายคนสงสัยว่า ม่อนแจ่ม คืออะไร มีอะไรดีที่นั่น ทำไมเดี๋ยวนี้ถึงมีแต่คนมาเชียงใหม่เพื่อไปเที่ยวม่อนแจ่มกันเยอะ และที่สำคัญเป็นคำถามในใจผมมาตลอด ม่อนแจ่ม เป็นสานที่ที่ไม่ไกลจากตัวเมืองเชียงใหม่เลยจริงๆครับ จากการศึกษาแผนที่และ ถามทางจากคนท้องถิ่น ได้ใจความว่าใช้เวลาประมาณ 1 ชม. เราก็ถึงม่อนแจ่มได้โดยไม่ยาก จากคุณ : aiikwan เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 55 00:18:12

ความคิดเห็นที่ 2 วินาทีแรกที่ผมเห็นม่อนแจ่ม ทำให้รู้สึกว่าการจัดการที่นี้ดีพอสมควร จนผมตึกตักคิดเอาเองว่านี้คงเป็นที่ของเอกชน ที่มาซื้อและทำเป็นสถานที่ท่องเที่ยวให้ผู้คนขึ้นมาสัมผัสอากาศ หนาว กับดอกไม้สวยงามมากมาย โดยไม่ต้องเดินทางไปไกล ผมได้เดินชมรอบๆของม่อนแจ่ม ทำให้พบว่าที่นี่จัดการธรรมชาติได้อย่างมีระเบียบเข้าถึงคนได้ทุกเพศทุกวัยที่อยากจะสัมผัสธรรมชาติ  และอีกอย่างที่สำคัญที่ผมต้องพูดถึงคือ อาหารที่ม่อนแจ่มนั้นเรียกได้ว่ามีรสชาติที่อร่อยมาก กับเมนูที่คอยรองรับความหิวมากมาย เชื่อได้ว่าอร่อยไม่แพ้ร้านอาหารในกรุงเทพเช่นกัน แล้วยังมีกลิ่นไอของความเป็นเหนือผสมลงตัวกันอย่างสมบูรณ์ในราคาที่เป็นกันเอง ในบรรยากาศที่ผมรับประกันได้เลยว่าในกรุงเทพคงไม่มี จากคุณ : aiikwan เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 55 00:18:43

ความคิดเห็นที่ 3 หลังจากมื้ออาหารแห่งความสุขได้ผ่านไป ผมได้มีโอกาสพูดคุยกับพนักงานเก็บเงินกับประเด็นที่ว่า “ม่อนแจ่มเป็นของเอกชนใช่ไหมครับ” (คำถามนี้ผมถามเพื่อตอกยำความคิดของผมเท่านั้นเอง) แต่คำตอบที่ผมได้กลับมาคือ “ไม่ใช่ค่ะ นี้เป็นของโครงการที่กำลังพัฒนาขึ้นมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยว เพื่อหารายได้ให้กับชาวเขา” คำตอบที่ได้ยินนั้นมันทำให้ผมถึงกับอึ้งไปเลย เพราะเมื่อมองย้อนกลับไปผมเห็นทุกๆอย่างมันดูเป็นระเบียบเรียบร้อยมากไม่เหมือนงานของภาครัฐเลยสักนิด จากคุณ : aiikwan เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 55 00:21:04

ความคิดเห็นที่ 4 หลังจากที่อึ้งไปสักพักผมยิ้มให้กับพนักงานคนนั้น และพวกเด็กดอยน่ารักที่เต็มม่อนแจ่มไปหมด ด้วยความดีใจที่ผมได้เดินทางมาเยี่ยมที่นี่ ทั้งที่ตอนแรกผมคิดว่าเป็นเพียงสถานที่ท่องเที่ยวที่จัดฉากความเป็นธรรมชาติขึ้นมาเอง แต่มันกลับกันม่อนแจ่มได้แฝงไปด้วยความรู้สึกดีๆมากมาย จากคุณ : aiikwan เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 55 00:21:40

ความคิดเห็นที่ 5 หลังจากที่ผมลงมาจากม่อนแจ่มแล้ว ก็ถึงเวลาในการรอคอยเวลาที่จะไปงานลอยโคมยี่เป็ง ผมจึงเลือกที่จะเริ่มหาร้านนั่งพักในช่วงการรอเวลา ซึ่งต้องบอกก่อนว่าผมมาเชียงใหม่แล้วนับครั้งไม่ถ้วน แต่ว่าแต่ละครั้งที่ผมมามักไม่ได้สัมผัสกับตัวเมืองเชียงใหม่มากนัก ส่วนใหญ่เชียงใหม่สำหรับผมคือสถานที่ก่อนที่ผมจะขึ้นไปบนดอยต่างๆมากกว่า แต่ครั้งนี้ผมมีเวลาเล็กน้อยในการเยี่ยมชมเชียงใหม่ ต้องบอกเลยที่นี่เป็นเมืองที่มีร้านน่ารักมากมายซ่อนตัวอยู่ตามซอกซอยเต็มไปหมด แล้วยังมีร้านอาหารบรรยากาศดีรสชาติอร่อยอีกมากมายจนผมเองนั้นก็ไม่ว่าจะรู้ไปทางไหนนดี ซึ่งที่นี่ถ้าไม่ใช่คนกินจุผมคิดว่ากว่าคุณจะสัมผัสรสชาติตามร้านต่างๆของที่นี่หมดต้องใช้เวลาอีกนานเป็นแน่             หลังจากที่ได้เวลาวันเป็นสมควรแล้วเราก็ต้องเดินทางออกไปเพื่อไปร่วมงานที่ ธุดงคสถานล้านนา ซึ่งใกล้ๆกับมหาลัยแม่โจ้ ไม่ไกลจากตัวเมืองเชียงใหม่เท่าไหร่ แต่กว่าเราจะไปถึงต้องใช้เวลาร่วม ชม. กันทีเดียวเพราะผู้คนแห่กันไปร่วมงานนี้กันอย่างคับคั่ง ทั้งคนไทยที่มาจากต่างถิ่น คนต่างชาติ และคนพื้นเมืองแถวนั้น ซึ่งกว่าเราจะเข้าไปถึงในงานได้นั้นต้องใช้เวลาพอสมควร ก่อนที่ผมจะมาที่นี้ผมก็ได้ทำการศึกษาพิธีการของงานยี่เป็งไว้บ้างแล้ว แต่เมื่อมาเจอของจริงนั้นกลับให้ความรู้สึกที่วุ่นวายในการจัดการที่ไม่ดี ป้ายที่คอยบอกทางมี ทำเอาผมเกือบถอดใจในนาทีแรกที่ได้เห็น จากคุณ : aiikwan เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 55 00:22:19

ความคิดเห็นที่ 6 สุดท้ายเเล้วผมก็ได้เข้ามายืนในพื้นที่สำหรับการลอยโคม ที่ทำให้ผมสังเกตุเห็นรอบๆตัวแล้วพบว่า ผู้คนที่มาลอยโคมนั้นบางคนนั่ง บางคนยืนจับกล้องเพื่อเตรียมถ่ายภาพ บางคนมาจับจองพื้นที่วางขาตั้งกล้องกันทั้งแต่เนิ่นๆ รวมทั้งยังมีชาวต่างชาติมากมายที่เข้ามาร่วมพิธี และพิธีบนเวทีก็ยังดำเนินต่อไปตามสคริป แต่น้อยคนนักจริงที่จะฟังว่าตอนนี้พิธีเค้าทำอะไรไปแล้วบ้าง ผมโชคดีครับที่ได้ยืนข้างๆกับคนพื้นเมือง เค้าเล่าให้ฟังว่า “พี่มาที่นี้ทุกปี จริงๆแล้วเมื่อก่อนคนไม่เยอะขนาดนี้ส่วนใหญ่จะเป็นในละแวกนี้ มาร่วมกันปล่อยโคม โดยเชื่อกันว่าการปล่อยโคมคือการปล่อยสิ่งไม่ดี สิ่งช่วยร้าย ให้ออกไปจากเรา ที่เหมือนเป็นการร่วมทำบุญครั้งใหญ่ของปีเลยทีเดียว แต่ตอนนี้ได้เปลี่ยนไปแล้ว คนที่มาส่วนใหญ่ไม่รู้เลยว่าเรามาลอยโคมทำไม มาเพื่อที่จะได้ถ่ายรูปสวยๆเอาไปอวดกัน มาเพื่อที่จะได้ชมความสวยงามของโคมไฟเท่านั้น มันเยอะจนเหมือนไม่ใช่งานประเพณีแบบเดิมๆอีกแล้ว “ พอผมได้ฟังสิ่งที่พี่เค้าเล่ามาประกอบกันกับสำเนียงเหนือแล้ว เป็นแรงผลักดันให้ผมวางกล้องลงทันที เพื่อที่จะได้ฟังพระสวดมนต์ และทำตามประเพณีของเค้าจริงๆ   จนถึงเวลาที่ทุกคนรอคอย โคมไฟนับหมื่นดวงกำลังจะจุดไฟแล้วปล่อยไปพร้อมๆกัน แสงแฟลชจากกล้องเริ่มสาดส่องกันอย่างไม่หยุดยั้ง เมื่อโคมลอยขึ้นไปทุกๆคนแหงนหน้ามองท้องฟ้า แล้วต่างปรบมือด้วยความสุขที่สวยงามของโคมไฟยี่เป็งตามที่ผมเคยเห็นแต่ในรูป แต่ตอนนี้ผมได้มาสัมผัสกับตัวเอง มันมหัศจรรย์มากๆเลยครับ เหมือนกับว่ามันคือ ต้นไม้สีสวยๆในหนังเรื่อง Avtar บนความอลังการที่สร้างมาจากความร่วมมือร่วมใจของคนทุกคนในนั้น ท้องฟ้าที่มืดสนิทมีแต่โคมไฟเต็มไปหมด กับช่วงเวลาเพียงไม่กี่นาทีที่โคมไฟค่อยๆลอยขึ้นไปนั้น มันคุ้มค่าจริงที่เราได้มีโอกาสมายืนมอง ที่ผมเองรู้สึกว่าอยากจะให้ทุกคนมาเห็นด้วยตาตัวเองเสียจริง จากคุณ : aiikwan เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 55 00:22:49

ความคิดเห็นที่ 7 หลังจากเสร็จสิ้นการลอยโคม ผมได้รีบออกมาจากพื้นที่ตรงนั้น เพราะว่ากลัวจะติดแหง็กอยู่บนถนนนานเกินไป ซึ่งมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆครับ เราติดอยู่บนถนนพร้อมฝนที่พัดกระหน่ำเข้ามา มันเป็นช่วงเวลาที่ทำให้ผมได้มีเวลาคิดทบทวน กับประเพณีใหญ่ของชาวเชียงใหม่นี้ว่า จริงๆแล้วการที่เค้าไม่มีระบบจัดการ การที่เค้าไม่มีป้ายบอกทางจนทำให้ผมต้องหงุดหงิด มันไม่ใช่เพราะอะไรหรอกครับ มันคงเป็นเพราะที่ตัวเราเองต่างหากที่อยากจะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของประเพณีเค้า แต่เรากลับรับความดั้งเดิมของเค้าไม่ได้ เมื่อก่อนเค้าคงไม่ต้องเตรียมการอะไรใหญ่โต ไม่มีคนจากข้างนอกมาเยอะแยะมากมาย ไม่มีทัวร์ชาวต่างชาติที่มาโดยไม่รู้อีอีโหน่อีเหน่ มีแต่เพียงคนท้องถิ่นที่ต่างแต่งชุดสีขาวเข้ามาตั้งร่วมใจทำบุญ เอาสิ่งไม่ดีออกจากชีวิตเค้าไป ส่วนหนึ่งผมคิดว่าคงเป็นเพราะรูปถ่ายสวยๆที่อยู่ตามเว็บไซต์ที่ทำลายประเพณีนี้ไป ทำให้ผมคิดว่าผมจะนำรูปถ่ายของผมพร้อมบทความของผมกลับไปแชร์ตามเว็บไซต์เพื่อเป็นเครื่องช่วยเตือนสติ ให้นักท่องเที่ยวช่วยกันรักษาประเพณีความเป็นมากัน ไม่อย่างนั้นแล้วต่อไป เราคงจะไม่มีอะไรดีๆให้เห็นกันอีก จะกลายเป็นที่ที่มีแต่ชาวต่างชาติที่ไม่รู้ความสำคัญของประเพณีมานั่งกันเต็มธุดงคสถานล้านนา จากคุณ : aiikwan เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 55 00:23:34

ความคิดเห็นที่ 8 เมื่อค่ำคืนนั้นผ่านไปผมก็เข้าพักที่โรงแรมใกล้กับมหาลัยเชียงใหม่ในราคาย่อมเยา เพราะพรุ่งนี้วางแผนนกันไว้ว่าเราคงจะแวะไหว้พระในเมืองและซื้อของฝากกลับไป เช้าตรู่วันอาทิตย์ ผมได้ไปเดินซื้อของในตลาดกลางเมือง โดยไม่ลืมที่จะแวะกินอาหารพื้นเมืองของเชียงใหม่ ที่มี ข้าวซอย น้ำพริกหนุ่ม น้ำพริกอ่อง ไส้อั่ว ที่เป็นพระเอกของงาน ซึ่งทำให้ผมรู้สึกว่าไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรไม่ว่าจะร้านไหนๆในกรุงเทพฯ ผมก็ไม่เคยจะรู้สึกว่าอร่อยเหมือนกับของที่นี่ อาจเป็นเพราะบรรยากาศของเชียงใหม่ ที่เต็มไปด้วยผู้คนที่ยิ้มแย้มแจ่มใส สำเนียงไทยๆของชาวเหนือนั้นมันทำให้ทุกอย่างลงตัวจริงๆครับ             ตามวัดวาอารามกระจายไปอยู่ทั่วเมืองเชียงใหม่นั้น ถ้าจะเปรียบเทียบกันในศัพท์วัยรุ่นก็คงจะเปรียบได้ว่า ไม่ว่าคุณจะหกล้มตรงไหนหัวคุณคงไปฝาดกับวัดสักวัดนึงแน่นอน การมาที่นี่ครั้งนี้มันทำให้ผมได้รู้สึกว่า ต่อให้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน“ ผมก็จะยังคงรักเชียงใหม่เพราะด้วยความเป็นเมืองเชียงใหม่อย่างที่กล่าวมานั่นเอง" จากคุณ : aiikwan เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 55 00:24:18

ความคิดเห็นที่ 9 บทส่งท้าย หลังจากนั้นผมก็ได้เดินทางกลับกรุงเทพฯ เพื่อเตรียมพร้อมทำงานในวันจันทร์ต่อไป ทริปนี้ผมเดินทาง ออกคืนวันศุกกลับวันอาทิตย์ตอนบ่าย บางคนอาจจะมองว่าเหนื่อยเกินไปสำหรับระยะทางที่ไกล และค่าใช้จ่ายยังต้องใช้เยอะอีก  แต่สำหรับผมเเล้วถือว่าไม่เลยครับทั้งความเหนื่อยและค่าเสียหายที่คิดกันว่าเเพง  เพราะอย่างค่ารถเดินทาง (รถผมใช้แก็ส) 500 บาท / คน ค่าที่พักเชียงใหม่ 250 บาท / คน อาหาร 5 มื้อ 1000 บาท / ต่อคน (อาหารระดับสวนอาหาร) และค่าเบ็ดเตร็ดอื่นๆอีก 500 / คน รวมๆแล้วคุณจะใช้เงินเพียง 2500 บาท/คน ที่ดูเเล้วรู้สึกดีกว่าการ “ไม่ต้องจองเครื่องบินที่ต้องรอข้ามปี แล้วจองไปแล้วไม่รู้ว่าจะได้ไปหรือเปล่า” อีกอย่างครับไม่ต้องกลัวว่าจะเหนือยในการขับรถเพราะว่าคุณมีเพื่อนอีกตั้งสามที่จะช่วยกันได้  รวมทั้งไม่ต้องกลัวเรื่องนอนเรื่องกิน เพราะว่าเมื่อเราไปถึงที่นั่นเราสามารถกำหนดเองตามงบประมาณที่เรามี สุดท้ายนี้ที่สำคัญที่สุดของพนักงานเงินเดือนอย่างเราๆคือ "คุณไม่ต้องรอหยุดยาว คุณก็ไปเที่ยวเชียงใหม่ได้เจ้า” .หวังว่าทุกคนจะได้แรงบรรดาลใจจากการการเดินทางในครั้งนี้ของผมนะครับนะครับ By Step Out Side ร่วมติดตามการเดินทางกับพวกเราผ่านภาพถ่ายได้ที่http://www.facebook.com/SOSStepOutSide จากคุณ : aiikwan เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 55 00:24:52

ความคิดเห็นที่ 10 ว้าว .. สวยงามมาก จากคุณ : ช่างกลปืนใหญ่ เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 55 02:04:54

ความคิดเห็นที่ 11 ขอบคุณมากค่ะ ชอบรีวิวแบบแทรกการเล่าเรื่องของคุณ  รูปก็สวยค่ะ ถ้ามีรีวิวอีกคราวหน้า  ขอรูปใหญ่ขึ้นสักนิดได้ไหมคะ แก้ไขเมื่อ 06 ธ.ค. 55 05:57:27 จากคุณ : Sky With Rainbow เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 55 05:56:05

ความคิดเห็นที่ 12 #8 สถานที่ ตรงไหนครับ สวยจัง จากคุณ : คนชอบดอย เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 55 08:55:04 A:171.4.209.73 X: TicketID:374572

ความคิดเห็นที่ 13 ขอบคุณรีวิวรูปสวยๆ นะคะ จากคุณ : คนช่างฝัน สาวข้างบ้าน เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 55 10:19:35

ความคิดเห็นที่ 14 ค.ห.ที่ 12 ภาพสุดท้ายเป็นภาพระหว่างทางในการเดินทางไปม่อนแจ่มครับ แก้ไขเมื่อ 06 ธ.ค. 55 11:26:03 จากคุณ : aiikwan เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 55 11:20:51

ความคิดเห็นที่ 15 รูปสวยแจ่มทุกใบเลยครับ จากคุณ : kungpack เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 55 12:42:36

ความคิดเห็นที่ 16 ยินดีจ๊าดนั๊ก   ตี้มาแอ่ว เจียงใหม่  และเล่าเรื่องราว  ที่ฟังแล้วดีใจ๋ ที่ได้อยู่เจียงใหม่  เจ้า จากคุณ : มะพร้าวห้าวริมทะเล เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 55 15:53:05

ความคิดเห็นที่ 17 ม่อนแจ่มนี่สวยจริงครับ จากคุณ : Destiny-Boy เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 55 21:39:17

ความคิดเห็นที่ 18 รูปงามขนาด ... ผ่อแล้ว กึดเติงหาบ้าน  U_U จากคุณ : Mister_Sniper_POP เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 55 22:21:23

ความคิดเห็นที่ 19 ที่ม่อนแจ่ม เขาจะไม่ถามลูกค้าที่มาพักว่าอยู่โซนไหน แต่เขาจะถามชื่อลูกค้าเลย กรุ๊ปคุณ..ใช่มั๊ยคะ เวลาไปสั่งอาหารก็เหมือนกัน ไม่ถามว่านั่งโต๊ะไหน แต่จะถามว่าโต๊ะคุณ..ใช่มั๊ยคะ เขาจะจำหน้าลูกค้าได้ เรียกชื่อทุกครั้ง น้องๆพนักงานน่ารักทุกคน เสียดายตอนเราไปไม่ได้กินนมควาย ... ^^" ครัวจะเปิด 7.00-19.00 เพราะแม่ครัวอยู่ในหมู่บ้านข้างล่าง ต้องเดินทางไปกลับลำบาก ไปนอนมา 1 คืน  23 องศา ไปกัน 3 คน โซนที่เรานอนมี 2 เต็นท์ พักได้เต็นท์ละ 3 คน แต่เนื่องจากต้องใช้ห้องน้ำและศาลาพักผ่อนร่วมกัน เมื่อมีกรุ๊ปเราแล้วทางรีสอร์ทจึงไม่รับกรุ๊ปอื่นมานอนเพิ่ม เขาบอกว่าเขาต้องรักษาความเป็นส่วนตัวของลูกค้า ได้ยินมีคนโทร.มาถามตลอด บ้างก็จะจอง บ้างก็ปฏิเสธ ถ้าใครจะปฏิเสธเขาไม่ว่าเลยนะ เพราะไม่ยอมให้โอนเงินมาก่อนด้วย เราไป 23 จองไว้ว่าจะไปนอน 26 วันที่ 24 เขาเพิ่งโทร.มาบอกว่าได้นอนนะ คือไม่ให้โอนเงินไปก่อนด้วยนะ แล้วก็ติดต่อยากสุดๆ เพราะที่นั่นมีสัญญาณแค่บางจุดเท่านั้น อาหารอร่อยค่ะ (ยกเว้นกาแฟ) บรรยากาศดี ราคาก็ประมาณร้านอาหารในกทม.(บางคนบอกว่าแพง) โซนที่เรานอนอยู่ไหล่เขาค่อนข้างสูงแล้ว หมอกจะลอยมาหาได้น้อย เมื่อเทียบกับคนที่นอนไหล่เขาด้านล่าง ตื่นมาตอนเช้าหมอกลอยมาถึงที่เลย โดยรวมเราชอบนะ 7/10  ค่าหัวนอนเต็นท์คนละ 500 ไม่มีอาหารเช้า ไม่มีไฟฟ้า ห้องน้ำรวม เราว่าแพงไป สถานที่เดิน 10 นาทีก็ทั่วแล้ว กระหล่ำปลูกไว้เพื่อถ่ายรูปเท่านั้น ดอกไม้มีไม่มาก แต่บรรยากาศดี  คนส่วนใหญ่ไม่มาพักนะคะ จะมาถ่ายรูปอย่างเดียว จากคุณ : ตัวเล็กฟันเหล็กรักเด็กใส่แว่น เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 55 14:31:57