Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
+++ ข้อมูลดิบๆ New Zealand (ไม่มีรูป ไม่รีวิว) +++ vote ติดต่อทีมงาน

กระทู้นี้ผมเขียนตามประสบการณ์ที่เจอมานะครับ

คนอื่นที่ไปที่เดียวกัน อาจจะเจอคนละอย่าง ก็ไม่ว่ากันครับ และตามสไตล์นะครัีบคือผมไม่รีวิว ไม่โพสต์ภาพ เพราะขี้เกียจ และผมเป็นถ่ายภาพสวยมากระดับโลก จึงไม่อยากเอารูปมาลงในเว็บให้เสียราคา

อีกอย่างคือข้อมูลหลายๆ อย่าง คุณสามารถ google หาเอาเองได้ ผมก็จะไม่ลงไว้ให้นะครับ นั่นหมายถึงให้คุณไปหาต่อเอาเอง ผมขี้เกียจพิมพ์


เริ่มเลยนะครับ


การเดินทางของผม:
ผมเดินทางคนเดียว ไม่เช่ารถขับ ใช้ขึ้นรถทัวร์เอา นอนตาม Hostel และ Couchsurf ด้วย ไม่ทำอาหารกินเอง ใช้วิธีซื้อกินเอา ผมเดินทางช่วงกลางพฤศจิกาถึงต้นธันวานี้ครับ

คือด้วยความที่ประเทศเขาเป็นเกาะ ล้อมรอบไปด้วยทะเลรอบด้าน อากาศที่นี่จึงเปลี่ยนแปลงได้ไวมากครับ ส่วนใหญ่จะมีครบทั้งอบอุ่นเวลาแดดออก แล้วเดี๋ยวก็จะมีเมฆทำให้หนาวและลมแรง สุดท้ายก็จะมีฝนตกปรอยๆ เพราะงั้นก็ึควรเตรียมเสื้อผ้าไปให้พร้อมสำหรับทุกสภาพอากาศนะครับ
ช่วงที่ผมไปมันก็ spring แล้ว แต่คนท้องถิ่นเขาบอกว่าปีนี้แปลก อา่กาศแปรปรวนมาก summer มาช้ากว่าปกติ ช่วงที่ผมไปก็จะยังเย็นๆ อยู่ สูงสุดประมาณ 20 ต่ำสุดประมาณ 6 ปัญหาคือลมครับ
ยิ่งที่ Wellington นี่ลมแรงมากเลย บางทีอากาศไม่หนาวมากแต่ลมแรงเลยทำให้ยิ่งหนาว เตรียมแจ็คเก็ตกันลมไปจะดีมากครับ ผมติดเสื้อกับ long john แบบ heat teach ของ Uniqlo ไปด้วย ก็ช่วยได้เยอะครับ

อาหาร:
อย่าไปคาดหวังมากเรื่องรสชาติหรือความหลากหลายนะครับ คิดซะว่ากินๆ ให้มันไม่หิว ส่วนมากก็เป็นอาหารฝรั่ง มื้อเช้าส่วนใหญ่ผมจะลงกับพวกเบเกอรี่และ hot chocolate มื้ออื่นๆ ก็แล้วแต่ Burger, Sandwich, Fish & Chips อะไรไปตามเรื่องตามราว
ส่วนเรื่องราคามื้อหนึ่งถ้าไม่กินแพงเว่อร์ จะตกอยู่ีราวๆ 10-15 NZD เทียบเป็นบาทก็แพงใช้ได้ครับ แต่ราคานี้ก็ถือเป็นเรตปกติของที่นั่น บางร้านให้อาหารค่อนข้างเยอะ แบ่งเก็บไว้กิน 2 มื้อได้

อยากเซฟค่าอาหารต้องไปซื้อวัตถุดิบมาทำเองครับ ตาม hostel ทุกที่มีครัวให้ อ่านกฏระเบียบของเขาให้ถี่ถ้วนเสียก่อน แล้วก็ไปหาซื้อของจากห้างมาทำกินเอง ส่วนผมเดินทางคนเดียวและขี้เกียจกระเตงพวกวัตถุดิบมาคอบทำอาหาร ก็เลยซื้อกินเอาเกือบทุกมื้อ เปลืองดีครับ แต่เผอิญรวยเลยไม่ค่อยมีปัญหานัก

ห้างที่มีขายพวกผักผลไม้และเนื้อสัตว์ หลักๆ จะมี 2 ยี่ห้อ คือ Countdown กับ Pack 'n Save ซึ่งเท่าที่ผมเดินๆ ดูๆ เล่นๆ แล้ว สินค้าที่ Pack 'n Save จะถูกกว่าอยู่นิดหน่อย แต่เหมือน Countdown จะมีสาขามากกว่า จริงๆ ไปเมืองไหนก็ต้องมีไอ้สองห้างนี้ไม่อันใดก็อันหนึ่ง หรือบางเมืองก็มีแม่มสองห้างเลย


พาหนะเดินทาง:
อย่างที่บอกนะครับว่าไม่ได้เช่ารถขับเอง เพราะงั้นผมไม่รู้เรื่องเช่ารถ ผมนั่งแต่รถบัส ผมนั่งของ 2 ยี่ห้อคือ Intercity และ Magic Bus
ทั้ง 2 ยี่ห้อนี้ จะมี Pass ขายครับ คือเหมือนเป็นตั๋วระยะยาว เขาจะกำหนดระยะเวลาการใช้มาให้ อย่างของ Intercity ผมใชั  25-hour Flexi Pass ซึ่งก็จะมีเวลาให้เราในนั้น 25 ชั่วโมง การเดินทางแต่ละขาจะกำหนดมาแล้วว่าใช้เวลากี่ชั่วโมง เขาก็จะหักเวลาออกไปตามนั้นจนกว่าจะหมด ถ้าหมดแล้วก็เติม top up ใหม่ได้ เหมือนซื้อบัตรเติมเงินโทรศัพท์

ส่วนตัวผมชอบ Intercity มากกว่าเพราะ
1. มีรถหลายรอบมากกว่า
2. ไม่บังคับเส้นทาง
อย่างของ Magic Bus จะมีบังคับเส้นทาง เช่น Auckland --> Rotorua จะนั่งจาก Rotorua --> Auckland ไม่ได้ ไม่มีรถ สำคัญคือรถท่านก็ไม่มีวิ่งทุกวัน ต้องดูตารางเอาว่าเส้นไหนมีวิ่งวันไหนบ้าง เลยทำให้ไม่สะดวกนัก
3. รถของ Magic Bus ส่วนมากจะเป็น Backpacker วัยรุ่นขึ้นกัน มากันเป็นกลุ่มๆ คนขับก็จะ entertain ผู้โดยสารไปเรื่อย ด้วยการชวนคุย ให้ข้อมูลสถานที่ข้างทาง ขายทัวร์ เปิดเพลงตลอดเวลา บางทีก็จอดให้ลงไปถ่ายรูปสถานที่เที่ยวบ้าง ซึ่งในแง่นึงมันก็ดีั แต่ผมไม่ชอบเพราะทำให้ต้องใช้เวลาเดินทางมากกว่าปกติ (จอดส่งคน + แวะพัก + แวะกินข้าว + ถ่ายรูป + ส่งคนลงไปทัวร์) และบนรถหาความสงบไม่ได้เลย  

แต่ถ้าใครกะว่าจะไปหาเพื่อนเที่ยว หรือหาเพื่อนแชร์ห้อง ผมว่าบริการของ Magic ก็เหมาะอยู่ ไม่งั้นก็มีอีกยี่ห้อ บริการคล้ายๆ กันคือ Stray Bus แต่ผมไม่ได้้ขึ้นยี่ห้อนี้เลยนะ อันนี้ฟังจากไอ้พวกเด็กๆ Backpacker มาอีกที


ที่พัก:
ทุกเมืองจะมี  hostel ทั้งนั้นครับ (ที่นี่เขาจะเรียกว่า Backapckers) ราคา dorm bed จะตกอยู่ที่ประมาณ 25-30 NZD บางทีก็เป็น bunk (เตียงสองชั้น) บางทีก็เป็น bed (คือเตียงปกติ ไม่มีชั้นบน)
ทุกที่มีครัวให้ ห้องน้ำรวม ส่วนใหญ่สะอาดดี บางที่มี wifi ฟรี บางที่เสียตังค์ซื้อบัตรเน็ต แต่ทุกที่มี computer ให้หยอดเหรียญให้เน็ตได้ ส่วนใหญ่จะตกอยู่ที่ 2 NZD ได้ประมาณ 20-24 นาที

โทรศัพท์:
ที่ Auckland จะมี SIM ของยี่ห้อ 2 degrees แจกฟรี ถามเอาตาม i-site นะครับ SIM นี้สามารถหักเป็น Mini SIM ได้ด้วย ของยี่ห้อนี้เติมเงินขั้นต่ำ 20 NZD โทรกลับเมืองไทยนาทีละประมาณ 1 เหรียญนิดๆ โทรในประเทศนา่ทีละไม่ถึงเหรียญดี ค่าโทรค่อนข้างแพง ส่ง text เอาพอละ

ผมถอย Samsung Hero ไปใช้ มีประโยชน์มาก ใช้โทรจองที่พัก จองรถทัวร์ จองทัวร์ สะดวกดี และส่วนใหญ่หลายๆ ที่จะมีเบอร์ toll free (ขึ้นต้น 0800) ทำให้ประหยัดค่าโทรไปได้พอควร ผมอยู่ 3 อาทิตย์ เติม 20 NZD ทีเดียวอยู่

I-site:
จริงๆ มันก็คือ information center ของแต่ละเมืองครับ มีทุกเมือง ให้ข้อมูลได้ละเอียดมาก ชนิดว่าถ้าคุณไม่วางแผนและไม่รู้อะไรมาเลย เข้าไปที่ศูนย์นี่ จะมีเอกสาร โบรชัวร์ และเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกให้คุณพร้อมสรรพ จนคุณสามารถจัดทริปได้เลย

มาดูกันแต่ละเมืองบ้างนะครับ ผมจะเน้นไปที่ที่พักและที่กิน ส่วนที่เที่ยวอาจจะแนะนำบ้าง แต่ก็จะเป็นเชิงความเห็นส่วนตัว รายละัเ้อียดก็ไปหากันเอาเองนะครับ

Auckland:
ผมไม่ได้อยู่ที่นี่นานมากนักนะครับ และก็มา couchsurf ที่นี่ด้วย แนะนำอะไรไม่ค่อยได้ ขอผ่าน

Rotorua:
ที่นี่ผมพักที่ Rotorua Central Backapackers เพราะ
1. ใกล้ที่ลงรถ 2. ใกล้ที่เที่ยวอื่นๆ เช่น museum และ lake rotorua 3. ที่นี่ไม่ค่อยเหม็นกลิ่นกำมะถัน
คือเมืองนี้มันมีพวกบ่อพุร้อน บ่อโคลนเดือดอยู่เยอะนะครับ ในเมืองก็มีกลิ่นซัลเฟอร์หน่อย ที่พักบางแห่งอย่าง Crash Castle จะอยู่ในทิศทางที่ลมพัดเอากลิ่นมาพอดี ก็จะอบอวลหน่อย ส่วนที่ผมพักไม่มีกลิ่นเลย ครัวสะอาด เจ้าของผู้ชายชื่อ Neil อัธยาศัยดี เคยมาเมืองไทย ชอบองค์บากภาคแรกมากกว่าภาคสอง ส่วนคนเมียชื่อ Catherine อัธยาศัยไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ดูมึนๆ แต่ก็บริการดีัทั้งคู่ ห้องเป็นเตียง bed ไม่ใช่ bunk ซึ่งส่วนตัวผมชอบแบบนี้มากกว่า
ที่กินมีอยู่ใกล้หลายร้าน แถวสี่แยก Fenton street ตัดกับ Pukuatua Street ซึ่งก็คือแยกข้างๆ ที่พักที่ว่านี้ มีร้านอาหารราคาไม่แพงหลายร้าน ถ้าเดินบน Fenton st. มุ่งหน้าไปทาง i-site จะมีอยู่ร้านนึงขายอาหรเกาหลี ราคาไม่แพง เจ้าของร้านเป็นป้าเกาหลี ใจดี คุยเก่ง ปะเหลาะๆ แกหน่อย อวยๆ เกาหลีหน่อย แกจะให้เพิ่มพิเศษ จนถึงกับแบ่งกินได้ 2 มื้อแบบอิ่มๆ เลย
เมืองนี้เขาถือเป็น Maori Capital นะครับ เพราะมีเมารีอยู่หนาแน่นที่สุด จะมีพวก cultural village เปิดโชว์อยู่ 2-3 แห่ง ผมไปที่ Te Puia มา รวมๆ ก็โอเค มีโรงเรียนสอนแกะไ้ม้แบบเมารีอยู่ในนั้นด้วย ส่วนโชว์ของที่นี่น่าผิดหวัง เข้าใจว่านักแสดงเขาต้องแสดงทุกวัน วันละหลายรอบ ก็คงเบื่อบ้าง เลยแสดงแบบไม่เต็มที่เท่าไหร่ ดูจืดๆ
นอกเมืองนี้มีล่องแก่งนะครับ ของบริษัท Raftabout มีแบบล่อง 3 ชั่วโมงก็มี ไปลงแก่ง Kaituna สูง 7 เมตร สนุกดี ค่าทัวร์ประมาณ 25 NZD มั้ง มีรถรับส่งถึงหน้าที่พักเลย

Wellington:
ที่พักแนะนำไม่ได้ครับเพราะ couchsurf ที่กินในเมืองมีเยอะแยะครับ เดินๆ เอา มีซูชิแบบ 12 NZD อิ่มใช้ได้ มีร้านอาหารของแก็งค์ Hare Krishna ชื่อ Higher Taste อยู่ใต้ถุนตึก Old Bank Arcade แถว Customhouse Quay ตัดกับ Lambton Quay เป็นอาหารมังฯ อินเดีย เลือกขนาดจานแล้วตักเอา่ตามแต่สามารถ หรือจะกินแบบบุปเฟต์ก็มี
เมืองนี้มี free wifi ให้แต่คนแชร์ bandwidth กันกระจายจนอืดมาก อยากได้สัญญาณดีๆ ให้ไปที่ Te Papa
Te Papa หรือพิพิธภัณฑ์แห่งชาติของเขาจ๊าบมาก ควรไป นอกจากไปใช้เน็ตฟรีแล้ว ที่นี่มีอะไรให้ดูเยอะพอควรเลย ผมหมดกับที่นี่ไป 3 ชั่วโมง

นั่งรถไฟอกไปนอกเมืองนิดเดียว เลือกสาย Johnsonville ไปลงสถาานี Khandallah แถวนั้นจะมี trail ให้เดินหลายเส้น เรียกรวมๆ ว่า Nothern walkway ผมเดินเส้น Khandallah route แล้วลงมาทาง Bell's track ขึ้นไปถึงบนยอดเขา Kaukau เห็นวิวทั้งเมือง ใช้เวลาเดินแค่ประมาณ 2 ชั่วโมงไปกลับ แต่บนนั้นลมแรงมากเลย Wellington ขึ้นชื่ออยู่แล้วนะครับเรื่องลมแรง เพราะงั้นเตรียมแจ็คเก็ตกันลมไว้ได้เลย

>Nelson:
เมืองนี้เล็กๆ ครับ น่ารักดี ถ้าสนใจจะไป Abel Tasman ก็มาตั้งหลักที่เมืองนี้ก็ได้ครับ จะซือทัวร์เอาหรือไปเองก็สุดแล้วแต่
ผมพักที่ Accents on the park อยู่ใกล้ๆ โบสถ์ Christ Church Cathedral ห้อง Dorm 6 เตียง เป็น bunk หมด ถ้าจ่ายสดราคา 26 NZD ถ้าจ่าย credit โดน 27 NZD ที่นี่บริการดีเลย เจ้าของผู้ชายชื่อ Royce พูดเก่งมาก อัธยาศัยดีแต่บางทีก็ดู fakeๆ ไปหน่อย เหมือนเขาหลุดมาจาก sitcom ยังไงพิกล นอกจากนี้ก็มีพนักงานผู้ชายที่หน้าตาคล้ายๆ เป้ อารักษ์ กับพนักงานผู้หญิงสวยมากอีก 1 คน

แต่เอาเหอะ.. โดยรวมผมชอบที่นี่เลย บรรยากาศดี ไม่ไกลจากที่กินที่เที่ยวต่างๆ ครัวสะอาด ห้องน้ำสะอาด ชั้นล่างมีบาร์ เปิดค่ำๆ มีเบียร์ขาย Tab Lager ราคา 7.20 NZD ได้มา 1 pint ร้านนี้่ขายอาหารมังฯ organic ด้วย แต่ที่นี่ก็ถือว่าเฮี้ยบพอสมควรนะครับ ที่ผมเห็นมากะตาเลยก็คือว่า เขามีกฏว่าต้อง check-out ออกตอน 10 โมง และแขกที่ check-out แล้ว อนุญาตให้ใช้ครัวทำอาหารได้ถึง 11 โมง

มีผู้หญิงจีนอยู่คนที่ check out แล้วและอาจจะลืมดูกฏข้อนี้ ลงมาทำอาหารกินตอนบ่ายโมง (เธอรอขึ้นรถตอนบ่ายสอง) Royce เดินมาเห็นก็ตรงเข้ามาปิดเตาเลย และบอกด้วยเสียงค่อนข้างจริงจังว่าไม่เห็นกฏข้อนี้เหรอ ก็เข้าใจว่ากฏต้องเป็นกฏ แต่วิธีการของ Royce อาจจะดูโหดไปนิด

จากที่พักนี้ เดินไปตามถนน Trafalgar ถึงแยกตัดกับถนน Bridge เลี้ยวซ้ายไปจะมีร้านอาหารราคาไม่แพงหลายร้าน ร้านอาหารไทยก็มีหลายร้าน มี convenient store ของแขกปัญจาบีอัธยาศัยดีและยิ้มสวย 1 ร้าน เปิดประมาณ 9 โมง ปิดทุ่มครึ่ง
แต่ถ้าเลี้ยวขวาไปทาง post shop (ไปรษณีย์) ติดๆ กันจะมีรถเข็นขายอาหารไทยของพี่นิด ราคากล่องละ 10-12 NZD ได้เยอะพอควร ข้าวผัดแกงเขียวหวานเนื้ออร่อยดี แต่แกก็ยอมรับว่ารสชาิตไม่ค่อยเหมือนบ้านเราหรอก มันหาวัตถุดิบให้เหมือนบ้านเรายาก

ในเมือง Nelson ไม่ค่อยมีอะไรให้เที่ยวหรอกครับ ถ้าจะมาที่นี่แล้วไม่กะไป Abel Tasman ก็อย่าอยู่นาน

โบสถ์ Cathedral ตรงข้ามที่พัก เปิดเสาร์-อาทิตย์ ข้างในมีทางวงกตเล็กๆ ให้เห็นว่คาธอลิกก็มีเดินจงกรมเหมือนกัน วันอาทิตย์ 5 โมง มีร้องเพลง Choral ในโบสถ์ เพราะดี


Kaikoura:
จะมาเมืองนี้คุณต้องยอมเปลืองตังค์หน่อย เพราะเขามีกิจกรรมให้ทำเยอะ แต่ละกิจกรรมค่อนข้างแพง เช่น Whale watching, Seal swim, Dolphin swim. แต่ละอย่างราคาก็ 100 กว่าเหรียญทั้งนั้น

หรือถ้าจะเอาถูกก็มีเดินไปดู Seal Colony จากตัวเมืองเดินไปประมาณ 4-5 โล ขากลับจะเดินทางเดิมก็ได้ (เดินตามถนน) หรือจะวกขึ้นเขาเดินไปตามทาง Peninsula walkway กลับมาในเมืองก็ได้
แนะนำว่าใครจะเดินไป Seal colony ควรจะพกน้ำและอาหารติดไำปด้วยนิดหน่อยนะครับ เพราะระหว่างทางจะไม่มีอะไรให้กินเลย มีร้านรถเข็น 2 ร้านก่อนถึุงที่จอดรถของ Seal colony แต่ราคาค่อนข้างแพง 15-17 เหรียญ ยืนดู portion อาหารที่ฝรั่งสั่งมาแล้วก็ไม่ได้เยอะอะไร เพราะงั้นกินให้อิ่ม ฉี่ให้เรียบร้อย ระหว่างทางมีห้องน้ำที่เดียว แล้วค่อยเดินไป

ไปถึง Seal colony แล้วอย่าเพิ่งตกใจว่าแมวน้ำมันอยู่ไหนกัน ตรงที่จอดรถจะแทบไม่มีแมวน้ำให้เห็นเลย ต้องลงเดินไปตามชายหาดที่เป็นหินอีกสักกิโล ผ่าน Bird nest colony ไปก่อน ถึงจะไปเจอเวิ้งใหญ่ที่อยู่กระจายๆ กันเวิ้งละ 20-30 ตัว เข้าไปถ่ายรูปได้ใกล้พอควร แต่ก็ไม่ควรเกิน 5 เมตร บางตัวรำคาญคนไทยก็จะกระดืบๆ หนีๆ ไป

ที่พัก ผมพักที่ Fish Tank Lodge อยู่เยื้องๆ กับที่ลงรถเลย เรียกว่าลงมาปุ๊บ ข้ามถนนมาก็เจอเลย ได้ 6 bunks dorm ราคา 25 NZD ไม่ประทับใจมาก พนักงานไม่ค่อยเอาใจใส่เท่าที่ควรแต่ก็ไม่ถือว่าแย่ ครัวไม่ค่อยสะอาดเท่าไหร่ ห้องน้ำโอเค เล็กไปนิด เตียงนอนไม่มีไฟอ่านหนังสือให้
โดยรวมๆ ให้ 6 เต็ม 10 ที่ชอบมากที่นี่คือระเบียงหน้า ออกมานั่งรับแดดตอนเช้า ตอนผมไปกลางคืนหิมะตกบนภูเขา เช้ามาฟ้าโปร่ง ออกมานั่งจิบกาแฟ ดูดบุหรี่ ผิงแดด ชมภูเขาหิมะและทะเล

ที่กิน จาก Fish Tank เดินย้อนกลับไปทางที่รถวิ่งมา (ออกจากที่พักมาแล้วเลี้ยวซ้าย) มีหลายร้าน ที่ผมชอบชื่อ Coopers catch เป็นกึ่งๆ fast food แต่เขาทำอาหารที่สั่งเดี๋ยวนั้น ไม่ทำรอไว้ก่อน เพราะงั้นสั่งอาหรแล้วก็ต้องรอนานหน่อย แต่อร่อยและไม่แพง จะมีชุด Meal deals ราคา 9-13 NZD ที่ได้เยอะมาก แบ่งกันกิน 2 คนได้
ที่นี่มีขายชุด Crayfish (ทำนองว่าเป็นกุ้งมังกร มาทั้งตัวเลย) ด้วย ราคาจำไม่ได้เพราะไม่ได้กินเนื่องจากเป็นคนไม่โปรดซีฟู้ด แต่เห็นแก็งค์คนจีนกินแล้วดูอร่อยและมูมมามดีมาก


Christchurch:
ไม่จำเป็นก็อย่าไปเมืองนี้เลย บาดแผลจากแ่ผ่นดินไหวปีที่แล้วมีอยู่ทุกที่ในเขตใจกลางเมืองที่ตอนนี้ปิดเกือบทั้งโซนเพื่อบูรณะ คนย้ายออกไปอยู่รอบนอกเยอะขึ้น ทำให้เวลาผมอยู่ที่นี่แล้วรู้สึกว่าเมืองนี้ทัน half dead ไปแล้ว เป็นเมืองที่ผมประทับใจน้อยที่สุดในบรรดาทุกเมืองที่ผมไปมาทริปนี้

ราคาที่พักที่นี่ก็แพงกว่าที่อื่น dorm bed จะอยู่ที่ 30 เหรียญเลย เป็นเพราะว่าที่พักหลายแห่งพักหรือไม่ก็ต้องปิดกิจการไปเนื่องจากแผ่นดินไหว ทำให้พวกที่เหลืออยู่ได้จังหวะขึ้นราคา และด้วยความที่ที่พักมีน้อย แต่ละที่จึงเต็มค่อนข้างเร็ว

ผมพักที่ Vagabond backpacker อยู่ไกลจากท่ารถของ Intercity มาก (ท่ารถเดิมอยู่ใกล้ที่พักนี้แต่พังเพราะแผ่นดินไหว เลยต้องย้ายออกไป) ผมต้องเดินมาประมาณครึ่งชั่วโมง ราคาก็ 30 NZD ไม่สมราคาเลย เป็นบ้านเก่าหน่อย ห้องก็เล็ก ซอยหลายห้องเลย แต่ละห้องเป็น bed มีประมาณ 4 beds เตียงเล็ก ผ้าห่มบาง ครัวเล็กและสกปรก
คนที่มาพักส่วนใหญ่เป็นพวกไอ้หนุ่มฮิปปี้ทั้งหลาย เจ้าของก็ไม่เอาใจใส่และไม่เข้มงวด ปล่อยให้ไอ้พวกเวรนี่นั่งดื่มเบียร์กันถึงดักดื่น เสียงดัีงทุกคืน ห่วยมาก คือไม่แนะนำให้ไปนอนที่นี่เลย ได้ยินมาว่า Jail house ดี แต่ผมจองไม่ทัน เต็มเสียก่อน แต่ที่นั่นก็จะอยู่นอกเมืองไปหน่อยนึง

เป็นเมืองที่หาของกินลำบากเพราะร้านส่วนใหญ่ปิด ผมลงเอยกับ Subway 6 inch ไปสองมื้อ อนาถามาก

ที่เที่ยวก็ไม่มีอะไรเท่่าไหร่ Canterbury museum ก็งั้นๆ ที่ดีหน่อยคือมี Red Zone tour คือเขาจะพาเข้าไปดูในเขต Red Zone ที่ปิดบูรณะอยู่ เล่าให้ฟังว่าตรงไหนมีอะไร เคยเป็นอะไร เกิดอะไรขึ้นตอนแผ่นดินไหว
ถ้าใครไม่ชอบอะไรหดหู่ๆ ก็อย่าไปทัวร์นี้ จองทัวร์ได้ที่ i-site ข้างๆ museum ค่าทัวร์ 15 NZD

ข้างๆ museum มี Botanic Garden จัดสวนไว้สวยเลย อลังการมาก มีต้นไม้ขนาดสิบคนโอบหลายต้น
ผมกินกลางว้นที่ museum cafe แล้วมานอนหลับที่นี่ เพลินมาก แต่นอกจากเดินชมนกชมไม้แล้วก็ไม่มีอะไรให้ทำอีก

อีกจุดนึงคือ Re:start mall เป็น shopping area ของเมืองที่สร้างขึ้นมาจากตู้คอนเทนเนอร์ ให้เห็นว่าเมืองพยายามที่จะฟื้นตัวมากๆ
แต่ยังไงผมก็ไม่ค่อยแนะนำเมืองนี้หวะ เป็นเมืองที่น่าเบื่อมาก

แก้ไขเมื่อ 10 ธ.ค. 55 15:26:02

แก้ไขเมื่อ 09 ธ.ค. 55 13:20:12

จากคุณ : จร หมอนหมิ่น
เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 55 13:18:22




[ต้องการแตกประเด็นจากกระทู้เดิมคลิกที่นี่] [กติกามารยาท] [Help & FAQ] 
ความคิดเห็น :
  PANTIP Toys
จัดรูปแบบ :
ไฟล์ประกอบ :
  Help
ชื่อ :
 

ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com