ความคิดเห็นที่ 1 เช้าวันที่ 18 กรกฎาคม นับเป็นช่วงเวลาสุดท้ายที่ผมจะได้อยู่ในโบลิเวีย ตลอดเวลากว่า 12 วันที่ผ่านมาในโบลิเวีย มันช่างเป็นประสบการณ์อันแสนมีค่า ถึงแม้ประเทศนี้จะยากจน สาธารณูปโภคไม่ค่อยสะดวกสบายเหมือนเพื่อนบ้านรอบข้าง แต่ผมก็ได้เห็นวิถีชีวิตแท้ๆ ที่ธุรกิจการท่องเที่ยวยังไม่เข้ามาแทรกแซงมากนักอย่างประเทศเพื่อนบ้าน อีกทั้งประเทศนี้ก็ยังมีกิจกรรมที่ท้าทายต่อมหมวกไตให้หลั่งอะดรีนาลีนอยู่มากมายเลยละครับ หากชอบการผจญภัย รักความสมบุกสมบันแล้วละก็ โบลิเวียคือที่สำหรับคุณ!! ไม่พูดพร่ำทำเพลงมากครับ ผมจองรถกับบริษัท Titicaca เอาไว้ตอนเก้าโมงเช้าของวันนั้น พอแปดโมงแล้วก็ได้เวลาที่ต้องเช็คเอาท์ เก็บของ แล้วไปยังบริษัทรถเพื่อเตรียมขึ้นรถกันครับ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 13:22:23

ความคิดเห็นที่ 2 ก่อนอื่นขออภัยก่อนล่วงหน้านะครับที่กระทู้อาจจะอัพช้าไปบ้าง อินเตอร์เน็ตที่ที่ผมอยู่ตอนนี้มันเอาแน่นอนไม่ได้เลยจริงๆ ครับ - - ตั๋วรถของเราในวันนี้ บอกไว้อย่างชัดเจนว่าไปรอที่ออฟฟิศเขาตอนแปดโมงสี่สิบนะ อย่าขาดอย่าเกิน ราคาค่ารถไปยังเมือง Puno ก็ 30 โบลิเวียโน่ครับ ใช้เวลาเดินทางทั้งสิ้นประมาณ 3 - 4 ชั่วโมง จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 13:29:34

ความคิดเห็นที่ 3 พร้อมๆ กันนั้นที่ออฟฟิศของบริษัทเดินรถ พนักงานก็แจกใบเข้าเมืองของเปรูให้กับผู้โดยสารทุกๆ คนครับ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 13:31:16

ความคิดเห็นที่ 4 รถบัสที่จะพาเราข้ามพรมแดนในวันนี้ สภาพโอเคใช้ได้เลย จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 13:32:23

ความคิดเห็นที่ 5 เบาะเบอะก็ดูกว้าง ยืดแข้งยึดขาได้สบายๆ ครับสำหรับผม (แต่สำหรับฝรั่งตัวสูงๆ ขายาวๆ นี่คงไม่ค่อยสบายเท่าไหร่) จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 13:34:53

ความคิดเห็นที่ 6 พอทุกคนขึ้นรถกันหมดแล้วคุณอาโชเฟอร์คนนี้ก็มาบอกผู้โดยสารถึงขั้นตอนและกระบวนการต่างๆ ที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองของทั้งฝั่งโบลิเวียและเปรูครับ ละเอียดดีจริงๆ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 13:37:26

ความคิดเห็นที่ 7 พอตัวเลขดิจิตอลบนนาฬิกาผมบอกเวลา 7 โมงเช้า (ครับ ไม่ผิดหรอกครับ เพราะผมตั้งนาฬิกาไว้ตามเวลาของแคลิฟอร์เนียซึ่งช้ากว่าโบลิเวีย 2 ชั่วโมงในขณะนั้น) ก็ได้เวลาที่ล้อหมุน เพียงแค่ไม่กี่อึดใจเราก็มาถึงด่านพรมแดนแล้วละครับ สำหรับด่านพรมแดนของโบลิเวียกับเปรูนี้มีชื่อว่า Kasani ห่างจากเมือง Copacabana ไปประมาณ 8 กิโลเมตรครับ เอ้า จะมัวช้าอยู่ไย เอาพาสปอร์ตเราเข้าไปปั๊มออกเสียสิ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 13:42:39

ความคิดเห็นที่ 8 เจ้าหน้าที่ ตม. ของโบลิเวียเองพอเห็นพาสปอร์ตผมก็งง อาจเป็นเพราะนานๆ ถึงจะมีคนไทยผ่านมาทางนี้ซักทีนึงด้วยก็เป็นได้ครับ พวกเขาเองก็ตรวจพาสปอร์ตผมใหญ่ คิดว่าผมเข้าเมืองมาโดยผิดกฎหมาย โถ พ่อคุณ หน้าตาหล่อๆ อย่างผมเนี่ยนะจะลักลอบเข้าเมืองคุณ!! แต่สุดท้ายก็ผ่านไปได้ด้วยดีครับ พอปั๊มออกเรียบร้อยก็ให้เดินออกไปตรงซุ้มประตูโค้งที่เห็นลิบๆ ในรูปนี่แหละครับ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 13:46:01

ความคิดเห็นที่ 9 และตรงซุ้มประตูโค้งนี่เองครับ คือเส้นบางๆ ที่แบ่งระหว่างพหุสังคมรัฐโบลิเวียและสาธารณรัฐเปรู สูดหายใจเข้าลึกๆ พร้อมกับนับหนึ่ง สอง สาม.... จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 13:49:22

ความคิดเห็นที่ 10 บู้มมมมมม แล้วก็กลายเป็นโกโก้ครั๊นช์.... (เอิ่ม ไม่ใช่ละ...) นับหนึ่ง สอง สาม พอพ้นประตูนี้เราก็เข้ามาอยู่ในเขตของประเทศเปรูอย่างเป็นทางการแล้วละครับ อ้อ อย่าลืมปรับนาฬิกาด้วยนะครับ เพราะเวลาที่เปรูจะช้ากว่าโบลิเวีย 1 ชั่วโมงครับ First Impression.. ผมรู้สึกว่าบ้านเรือนของฝั่งเปรูจะดูดีกว่าทางโบลิเวียอยู่..นิดหน่อยครับ ผู้คนดูแต่งเนื้อแต่งตัวดีกว่า รถรามากกว่า จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 13:53:08

ความคิดเห็นที่ 11 แต่เรายังไม่เสร็จพิธีการเข้าเมืองกันนะครับ เพราะเราต้องเดินมายังอาคารนี้กันซะก่อนเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองของเปรูปั๊มพาสปอร์ตของเราครับ สำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางไทยสามารถเข้าเปรูได้ไม่เกิน 90 วันครับ แต่ว่า..... บอกก่อนครับว่าได้ถึง 90 วันก็จริง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะได้ทุกคนนะครับ ตอนแรกคุณพี่ ตม. แกก็มองพาสปอร์ตผมแบบงงๆ พร้อมกับหยิบโพยขึ้นมาดู ก่อนที่แกจะถามผมเป็นภาษาสเปนว่าจะอยู่เปรูนานเท่าไหร่ ผมก็ตอบไปว่า dos semanas (สองอาทิตย์) คุณพี่แกฟังแล้วก็ปั๊มพาสปอร์ตผมพร้อมกับเขียนตัวเลข "30" ลงบนตราประทับ พร้อมกับบอกว่าผมให้คุณ 30 วันละกัน ทั้งนี้การที่คุณจะอยู่ได้กี่วันทั้งหมดขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ ตม. ล้วนๆ ครับ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 13:59:58

ความคิดเห็นที่ 12 ร้านแลกเงินก็มีอยู่ทั่วไป คุณพี่โชเฟอร์แกแนะนำร้านนี้ครับ ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าแกมีเอี่ยวอะไรกับเจ้าของร้านนี้หรือเปล่า แต่เผอิญว่าร้านยังไม่เปิดครับ แป่ว... ผมเองก็ไม่มีเงินของเปรูติดมือเลย สุดท้ายเลยต้องพึ่งบรรดาป้าๆ ที่ตั้งโต๊ะรับแลกเงินเล็กๆ กันตรงชายแดนนี่แหละครับ ที่นี่รับแลกดอลลาร์ ยูโร ปอนด์ โบลิเวียโน่ ครับ ผมเลยเอาโบลิเวียโน่ที่เหลือมาแลกให้หมด ส่วนอัตราแลกเปลี่ยนก็เป็นธรรมดาครับ ที่ชายแดนแบบนี้โดนโขกแน่นอนอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นแลกไปให้พอใช้ช่วงแรกก็พอครับ สำหรับสกุลเงินของเปรูชื่อเต็มๆ ก็คือ Nuevos Soles แปลเป็นอังกฤษได้ว่า New Sun ซึ่งผมจะเรียกสกุลเงินนี้เป็นภาษาไทยว่า "โซล" ก็แล้วกันนะครับ สำหรับอัตราแลกเปลี่ยนก็ประมาณ 2.5 โซลต่อหนึ่งดอลลาร์ หรือ 1 โซลมีมูลค่าประมาณ 12 บาท ใกล้เคียงกับริงกิตมาเลเซียครับ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 14:09:07

ความคิดเห็นที่ 13 พอทำธุระกันเสร็จเรียบร้อยก็มาขึ้นรถกันต่อครับ พี่โชเฟอร์แกก็ขับมาจอดรอที่ฝั่งเปรูเป็นที่เรียบร้อย จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 14:11:30

ความคิดเห็นที่ 14 ระหว่างทางก็ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นเท่าไหร่ให้น่าจดจำครับ ถนนจากชายแดนไปยังเมือง Puno สภาพก็โอเคใช้ได้ เป็นถนนสองเลน รถวิ่งสวนกันตลอดทางครับ แต่เห็นสภาพถนนของเปรูแล้วผมบอกได้เลยว่าทางหลวงต่างจังหวัดของบ้านเราดีกว่าเยอะครับ นั่งมาได้สามชั่วโมงหน่อยๆ พอผมมองออกไปนอกหน้าต่างก็เห็นบ้านเรือนกระจุกตัวอย่างหนาแน่นบนไหล่เขาอยู่เบื้องหน้าทะเลสาบ ใช่แล้วครับ นี่จะเป็นที่อื่นไปไม่ได้นอกจาก Puno เราเดินทางใกล้ถึงจุดหมายกันแล้วครับ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 14:14:36

ความคิดเห็นที่ 15 หลังจากรถเมล์จอดสนิทที่สถานีขนส่งแล้ว ก็ได้เวลาออกหาโรงแรมครับ อ่านดูใน Lonely Planet คู่ใจผมก็เห็นมีที่นึงน่าสนใจ ชื่อโรงแรม Uros ก็เลยเรียกแท็กซี่จากสถานีขนส่งไปยังโรงแรมนี้ ซึ่งคิดราคา 5 โซลครับ สำหรับโรงแรมนี้ (ไม่ได้ถ่ายรูปมาด้วย) สภาพก็เหมือนโรงแรมเก่าๆ บ้านเราครับ แต่เจ้าของแกเป็นคนแก่ๆ อบอุ่น อัธยาศัยดี ราคาคืนละ 30 โซลสำหรับห้องเดี่ยว มีน้ำอุ่น มี wi-fi นับว่าโอเคเลยครับ สำหรับทำเลก็ถือว่าใช้ได้ เดินประมาณ 7-8 นาทีก็ถึงถนนคนเดิน Jiron Lima กลางเมืองแล้วครับ พอตอบตกลงคุณลุงเจ้าของโรงแรมแล้ว ออกมาสำรวจเมืองซักหน่อยดีกว่า นี่แหละครับโฉมหน้าของถนนคนเดินกลางเมือง Jiron Lima ครับ หากอยู่ในเมืองนี้ให้ท่องชื่อถนนนี้ให้ขึ้นใจเลยนะครับ รับรองไม่มีหลง! จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 14:19:50

ความคิดเห็นที่ 16 อ้อ แล้วก็ถนนเส้นนี้มี ATM ของหลายเจ้าเลยละครับ เพราะฉะนั้นหากมาจากโบลิเวียแล้วกังวลไม่อยากแลกเงินเยอะตรงชายแดน ก็มาหากดได้ที่นี่ครับ รับรองไม่มีช็อต! แต่รู้สึกว่าบัตรต่างชาติที่นี่จะกดได้ครั้งละไม่เกิน 400 โซลนะครับ เลือกกดเป็นดอลลาร์หรือโซลก็ได้ ตอนนี้ก็เที่ยงที่เปรูแล้ว (แต่เป็นบ่ายโมงของโบลิเวีย) ท้องก็เริ่มร้องเพราะเพิ่งออกมาจากโบลิเวียโดยที่ไม่ค่อยได้กินอะไร เห็นร้านนี้เป็นร้านอาหารจีนสไตล์เปรู เลยขอลองซะหน่อย จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 14:24:13

ความคิดเห็นที่ 17 สั่งชุดอาหารเที่ยงมาครับ อย่างแรกที่มาเสริฟก่อนคือเกี๊ยวน้ำร้อนๆ รสชาติใช้ได้ และผมก็สั่งน้ำอัดลมยอดฮิตของประเทศนี้ครับ Inca Kola สีเหลืองๆ แต่รสชาติคล้ายน้ำเขียวครับ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 14:27:28

ความคิดเห็นที่ 18 หากมาถึงเปรูทั้งที ไม่ได้ลอง Inca Kola ก็ถือว่ามาไม่ถึงเปรูนะครับ ขอถ่ายรูปคู่ซะหน่อย (แต่ขออนุญาตเซ็นเซอร์หน้านะครับ เดี๋ยวเจ้าหนี้จะตามมาเจอตัว ชะแว้บบบ ) คุณ pencilcase เคยบอกผมว่ามันมีเวอร์ชั่นเป็นไอติมแช่แข็งด้วย แต่ผมก็ไม่เคยลองซักทีครับ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 14:32:10

ความคิดเห็นที่ 19 และจานหลักของวันนี้ ข้าวผัดครับ ซึ่งผมว่ารสชาติจืดชืดมาก ไม่เหมือนข้าวผัดบ้านเราที่รสจัดกว่านี้เยอะ สรุปรวมค่าเสียหายมื้อนี้ก็ราวๆ 8-9 โซลครับ แอบแพงอยู่เหมือนกันนะเนี่ยเทียบกับค่าครองชีพบ้านเราและบ้านเค้า จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 14:34:25

ความคิดเห็นที่ 20 หลังจากนั้นผมก็เดินออกไปหาซื้อตั๋วรถทัวร์ไปยัง Cusco เป้าหมายต่อไปครับ (ท่านผู้ชมเห็นคำว่า Cusco คงเริ่มลุ้นตามๆ กันแล้ว ใช่ครับ เราใกล้จะถึง highlight อย่าง Machu Picchu กันแล้วครับ!!) แต่ระหว่างทางเดินกลับมาโรงแรมก็มาเจอคุณตำรวจถือโล่ห์เดินตามผู้ชุมนุมประท้วงที่มาเดินขบวนกันกลางเมืองในวันนั้น ผมเห็นแบบนี้พลันนึกถึงเรื่องราวที่อ่านมาในอินเตอร์เน็ตที่ว่าในเปรูและโบลิเวีย การประท้วงแบบนี้เป็นเรื่องปกติ หากรุนแรงจะถึงขั้นปิดทางหลวงหลักที่เป็นเส้นทางคมนาคมระหว่างเมือง ซึ่งนั่นอาจกินเวลาเป็นวัน เอาล่ะสิครับ ใจคอชักเริ่มไม่ดีแล้ว แต่ที่แปลกก็คือ ผมคาดหวังว่าจะเจอสิ่งแบบนี้ในโบลิเวียมากกว่าเปรู แต่ตลอดเวลาที่ผมอยู่ในโบลิเวียผมไม่เคยเจออะไรพรรค์นี้เลย ก็ได้แต่ภาวนาแหละครับว่าการประท้วงนี้จะไม่บานปลาย และจะไม่กระทบแผนการของผม... จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 14:39:19

ความคิดเห็นที่ 21 ครับ สาเหตุที่ผมต้องกลับโรงแรมก็เพราะว่าผมซื้อทัวร์ทัวร์นึงกับทางโรงแรมไว้ด้วย (โรงแรมนี้ยังเป็นบริษัททัวร์อีกด้วย) ซึ่งทัวร์จะออกตอนบ่ายสองโมงครับ ทัวร์ที่ผมว่านี้ก็คือทัวร์ไปชม Sillustani (อ่านว่า ซิญูสตานี) ซึ่งเป็นสถานที่ฝังพระศพของบุคคลสำคัญของผู้คนพื้นเมืองโบราณทั้งก่อนสมัยอินคาเรืองอำนาจและสมัยอินคาเรืองอำนาจ ตอนนี้ก็ได้เวลาแล้ว คนของบริษัททัวร์ก็มาเรียกเราไปขึ้นรถแล้วครับ สำหรับค่าทัวร์นี้ราคา 30 โซลครับ รวมค่ารถรับส่งโรงแรมทั้งขาไปและขากลับ ถือว่าไม่แพงครับ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 14:43:52

ความคิดเห็นที่ 22 และคุณพี่ใส่หมวกที่ยืนถือไมค์นี้ก็คือไกด์ของเราในวันนี้ครับ บนรถพี่แกก็จะพูดอังกฤษสลับกับสเปนไปเรื่อยๆ ก่อนเราจะถึงพี่แกก็แนะนำประวัติศาสตร์คร่าวๆ ของดินแดนแถบนี้ครับ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 14:45:35

ความคิดเห็นที่ 23 ตามไปลาติน อเมริกาด้วยคร้าบบบบบบบบบบบบบ จากคุณ : tottui เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 14:45:59

ความคิดเห็นที่ 24 สวัสดีตอนบ่าย (แต่ของผมตอนนี้จะเที่ยงคืนแล้ว) ครับคุณ tottui ติดตามชมกันต่อไปเลยครับ นี่น่าจะเป็นโรงเรียนโปลีเทคนิคเวอร์ชั่นเปรู จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 14:48:47

ความคิดเห็นที่ 25 และตอนนี้เราก็ออกมานอกเมืองแล้วครับ บนถนนสุขุมวิทแห่งเปรู (เพราะนี่คือทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3 นี่เองครับ ) ที่เชื่อมระหว่าง Puno และ Cusco จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 14:50:28

ความคิดเห็นที่ 26 ระหว่างทางก็ผ่านทุ่งหญ้ากว้างไกลสุดลูกหูลูกตา มีรางรถไฟพาดผ่านตรงกลางด้วย แต่เชื่อไหมครับว่ารางรถไฟนี่ไม่ใช่ของเปรูหรอกครับ ให้ทายว่าบริษัทอะไรของประเทศอะไรเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ทางรถไฟสายนี้ หากเป็นคนรักการเดินทางผมเชื่อว่าน่าจะรู้จักบริษัทรถไฟนี้กันดีครับ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 14:53:06

ความคิดเห็นที่ 27 ในขณะเดียวกันคุณพี่ไกด์ก็เล่าถึงเรื่องราวต่างๆ ของอาณาจักรอินคาโดยสังเขปด้วย พร้อมกับกล่าวถึงระบบถนนหนทางที่น่าทึ่ง และยุ้งฉางที่มีอยู่ตลอดรายทาง สาเหตุที่ต้องมียุ้งฉางเยอะๆ นี่ก็เพราะว่าแต่ละท้องถิ่นจะปลูกพืชได้ไม่ค่อยจะเหมือนกันเลยครับ เมืองหลวงอย่าง Cusco เลยต้องพึ่งพาพืชพรรณธัญญาหารจากดินแดนอื่นๆ และ Cusco เองในสมัยนั้นก็จะนำเข้ามันฝรั่งจาก Puno ที่เป็นแหล่งปลูกมันฝรั่งมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้วครับ ว่ากันว่ามันฝรั่งที่ Puno นี้มีนับเป็นร้อยๆ สายพันธุ์เลยทีเดียว ส่วนภาพข้างบนคือข้าวโพด ซึ่งเป็นพืชที่ปลูกกันมากในจังหวัด Cusco ครับ และจังหวัด Cusco ก็มีข้าวโพดเป็นสิบๆ สายพันธุ์เช่นเดียวกัน จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 14:58:24

ความคิดเห็นที่ 28 นั่งรถมาได้เกือบชั่วโมงเราก็มาถึงบริเวณด้านหน้าของ Sillustani แล้วละครับ น้องๆ 4 คนนี่มาต้อนรับผมหรือไงเอ่ย? น่ารักดีนะครับ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 15:03:29

ความคิดเห็นที่ 29 แม้ว่าเปรูและโบลิเวียในส่วนที่เป็นที่ราบสูงจะมีพื้นฐานทางวัฒนธรรมที่ใกล้เคียงกันมาก แต่ทว่าสิ่งที่เปรูแตกต่างจากโบลิเวียโดยสิ้นเชิง ก็คือธุรกิจการท่องเที่ยวครับ ในเปรูนี่อย่าให้พูด ตามจุดท่องเที่ยวไม่ว่าจะเป็นจุดไหนก็ตาม จะมีเพิงพวกนี้มาตั้งกันเพียบ ไม่ว่าแหล่งท่องเที่ยวนั้นจะเล็กหรือใหญ่ ส่วนของโบลิเวียนี่จะไม่ค่อยพบเห็นเท่าไหร่ครับ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 15:05:45

ความคิดเห็นที่ 30 สิ่งก่อสร้างที่มีลักษณะคล้ายๆ หอคอยที่เห็นนั่นแหละครับ คือหลุมฝังพระศพในสมัยโบราณ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 15:08:52

ความคิดเห็นที่ 31 คุณพี่ไกด์ทำหน้าที่อธิบายประวัติความเป็นมาอย่างขะมักเขม้น จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 15:10:56

ความคิดเห็นที่ 32 ภาพที่เห็นนี่ก็คือภูมิปัญญาชาวบ้านสมัยโบราณครับ เหมือนพี่ไกด์จะบอกว่าเป็นเขื่อนโบราณ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 15:13:34

ความคิดเห็นที่ 33 ส่วนนั่นก็คล้ายๆ กับตอนที่แล้วครับ แท่นบูชายัญนั่นเอง บรึ๋ยยยย จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 15:15:58

ความคิดเห็นที่ 34 หินที่เห็นด้านนอกไม่ได้หุ้มพระศพโดยตรงนะครับ ยังมีข้างในอีกชั้นหนึ่ง จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 15:17:39

ความคิดเห็นที่ 35 ฝีมือการเรียงหินเนี๊ยบขนาดนี้ เห็นแล้วรู้ได้ทันทีครับว่านี่คืองานหินของชาวอินคา ส่วนอันที่เห็นข้างหลัง งานหินไม่ประณีตเท่า เป็นฝืมือของผู้คนก่อนยุคอาณาจักรอินคาครับ แก้ไขเมื่อ 11 ธ.ค. 55 15:20:15 จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 15:19:36

ความคิดเห็นที่ 36 กลุ่มหลุ่มพระศพ Sillustani ตั้งอยู่ริมทะเลสาบ Umayo ครับ ตอนนี้กำลังต้องแสงแดดยามบ่ายเป็นประกายสวยงามเชียว จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 15:21:55

ความคิดเห็นที่ 37 และนี่ก็คือทะเลสาบ Umayo ครับ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 15:24:02

ความคิดเห็นที่ 38 อยู่ชมกันพอสมควรแล้ว ได้เวลากลับกันแล้วละครับ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 15:26:25

ความคิดเห็นที่ 39 รถตู้โฟล์คมาขายของแบบนี้ เห็นแล้วนึกถึงบ้านเราขึ้นมาทันใดเลยละครับ แต่เหมือนบ้านเราชอบเอารถโฟล์คตู้แบบนี้มาขายนมสด จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 15:28:41

ความคิดเห็นที่ 40 แต่ยังครับ ทัวร์นี้ยังไม่จบเพียงเท่านี้ เพราะระหว่างทางกลับยังมีโปรแกรมแวะหมู่บ้านชาวท้องถิ่นกันต่อ (เฮ้อ... นี่กะจะให้เสียตังค์ให้ได้รึไงนะเนี่ย) แต่คิดอีกมุมก็ดีนะครับ ถือว่าเป็นการกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 15:30:44

ความคิดเห็นที่ 41 ที่เห็นในรูปนี้คือ "ดิน" ครับ ใช่ครับ ผมพูดไม่ผิด มันคือดินจริงๆ ครับ คนที่นี่เค้าเอามา "กิน" กันนะครับ!! จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 15:32:35

ความคิดเห็นที่ 42 ก่อนเราจะกลับผมเองก็ได้มีโอกาสคุยกับพี่ไกด์คนนี้ตอนที่ลูกทัวร์คนอื่นๆ กำลังง่วนทำโน่นทำนี่กันอยู่ แกเล่าให้ฟังว่าอาชีพมัคคุเทศก์ในเปรูเนี่ยถือเป็นอาชีพที่ไม่ใช่ว่าใครก็จะเป็นกันได้ง่ายๆ ในเปรูจะมีโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยที่เปิดสอนเฉพาะทางนี้โดยตรง และต้องผ่านการทดสอบทักษะทางภาษาอังกฤษอีกด้วย (มิน่า! ทำไมผมรู้สึกว่าไกด์ทัวร์ในเปรูพูดภาษาอังกฤษฟังชัดและรู้เรื่องกันแทบทุกคนที่ผมเจอมา) ฟังๆ ดูแล้วก็นับเป็นอาชีพที่มีเกียรติในเปรูอยู่เหมือนกันนะครับเนี่ย แกเองยังบอกอีกด้วยว่า ที่แกมาเป็นไกด์ที่นี่เพราะแกอยากจะให้ผู้คนได้รู้ว่า เปรูไม่ได้มีเพียงแค่ Machu Picchu เท่านั้น ผมละทึ่งและนับถือในอุดมการณ์ไกด์ของพี่แกจริงๆ ครับ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 15:38:08

ความคิดเห็นที่ 43 ก่อนจะกลับเรายังได้พบกับดาราหน้ากล้องกันด้วยนะครับ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 15:43:03

ความคิดเห็นที่ 44 ฮั่นแน่ มีหันมามองกล้องด้วย! จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 15:44:10

ความคิดเห็นที่ 45 เจ้า Alpaca ดูเหมือนจะทำหน้างงๆ แฮะ หรือมันโกรธกันแน่ผมก็ไม่ทราบได้ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 15:46:50

ความคิดเห็นที่ 46 คนที่นี่เค้าเลี้ยงสัตว์พวกนี้กันเป็นกิจลักษณะเลยละครับ สาเหตุก็เพราะว่าสมัยก่อนอเมริกาใต้ไม่มีสัตว์จำพวกหมู ม้า วัวพวกนี้เลยครับ มีแต่พวกสัตว์คล้ายอูฐพวกนี้ คนอเมริกาใต้สมัยโบราณเลยจำเป็นต้องเลี้ยงสัตว์พวกนี้ (คำว่า "ม้า" ในภาษาเกชัวของชาวอินคายังเรียกว่า "caballo" ซึ่งมันก็คืออันเดียวกับภาษาสเปนเลย บ่งบอกให้รู้ว่าม้าเพิ่งจะได้ถูกนำเข้ามาในอเมริกาใต้ตอนสมัยยุคอาณานิคมเท่านั้นเองครับ) จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 15:49:58

ความคิดเห็นที่ 47 น่ารักมากจนต้องขอรูปคู่ซะหน่อย ดูสิครับ น่าเข้าไปลูบขนมันเล่นจริงๆ ใช่ไหมครับ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 15:52:17

ความคิดเห็นที่ 48 ส่วนน้องหนูคนนี้ก็เหมือนจะรู้หน้าที่ เรียกคะแนนกันไปได้จากนักท่องเที่ยวคนละโซลสองโซล จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 15:54:15

ความคิดเห็นที่ 49 ตอนนี้เรากลับปูโน่กันดีกว่า จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 15:59:24

ความคิดเห็นที่ 50 เผลอแป๊บเดียวก็กลับมาถึง Puno กันแล้วครับ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 16:01:54

ความคิดเห็นที่ 51 ตอนนี้ก็เริ่มเย็นแล้ว มาหากิน เอ้ย หาอะไรกินกันดีกว่าครับ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 16:09:05

ความคิดเห็นที่ 52 แวะเข้ามาร้านร้านนึงตามคำแนะนำของ Lonely Planet บนถนน Lima สั่งเมนูนี้มาครับ เป็นเบคอนพันเนื้อ ส่วนข้างล่างคือ Quinoa (กีนัว) ธัญพืชหลักของชาวอเมริกาใต้สมัยโบราณ รสชาติเปรี้ยวๆ มันๆ เค็มๆ ถูกปากดีมากๆ เลยครับ แต่พอเห็นบิลแล้วทำให้เหงื่อตกเอาได้ เพราะจานนี้ราคาแพงถึง 30 โซลครับ ราคาเท่ากับห้องพักโรงแรมผมคืนนึงเลยนะครับนั่น!! จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 16:13:49

ความคิดเห็นที่ 53 ขอโทษทีครับ ลืมลงรูปซะงั้น แหะๆ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 16:15:04

ความคิดเห็นที่ 54 หลังจากหน้าซืดกับอาหารจานละ 30 โซล (360 บาท) มาแล้ว ไปหาน้ำใบบัวบก เอ้ย น้ำอะไรดื่มดีกว่า จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 16:17:23

ความคิดเห็นที่ 55 นี่แหละครับ ค่อยดื่มแก้ช้ำใจได้หน่อย ที่เห็นนี่เรียกว่า Api ครับ ทำมาจากข้าวโพดสีม่วง เสริฟมาร้อนๆ เลยครับ รสชาติจะออกเปรี่ยวๆ หวานๆ แปลกลิ้นดีครับ แก้วนี้แค่ 1.5 โซลเท่านั้นเอง ค่อยยังชั่ว! จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 16:23:21

ความคิดเห็นที่ 56 นับว่าจบวันแรกของผมในเปรูแบบงงๆ วันนี้ดูเหมือนจะมีอะไรหลายๆ อย่างผ่านเข้ามาพอสมควรแล้วผมเองก็รับมือไม่ค่อยจะทัน อาจเป็นเพราะผมเพิ่งมาถึงวันแรก เวลาทำอะไรเลยดูเงอะงะๆ ไปบ้าง แต่นั่นมันก็เรื่องปกติครับ หลังจากดื่ม Api แก้วนี้เสร็จก็ได้เวลาของผมที่ต้องกลับโรงแรมเพื่อไปพักผ่อนเอาแรงเที่ยวต่อในวันรุ่งขึ้นครับ สำหรับในตอนต่อไปเราจะยังคงอยู่ที่ Puno ครับ แต่คราวนี้เราจะพาไปเที่ยวเกาะต้นกก ภูมิปัญญาท้องถิ่นของชาว Uros เรื่องราวจะเป็นอย่างไรนั้นเชิญติดตามได้ตอนต่อไปครับ สำหรับตอนนี้ผมขอจบลงเพียงเท่านี้ พบกันใหม่ตอนหน้าครับ สวัสดีครับ จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 16:31:10

ความคิดเห็นที่ 57 เข้ามาตามอ่านอย่างตั้งอกตั้งใจ ปีหน้าว่าจะไปบ้าง อ้อ ได้ลองชิมมันเทศกับข้าวโพดเปรูบ้างป่าวครับ ดูน่ากินดี จากคุณ : Persimon เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 20:21:45

ความคิดเห็นที่ 58 ตามมาอ่านค่ะ จากคุณ : TanN LaH La เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 55 08:52:42

ความคิดเห็นที่ 59 สวัสดีครับคุณ Persimon ผมเองก็ไม่ได้ลองทั้งสองอย่างแบบสดๆ หรอกครับ แต่หากคุณมีโอกาสได้มารับประกันว่าจะได้ลองมันแน่ๆ ในรูปแบบอาหารต่างๆ ครับ เช่น Api ที่ผมพูดถึงในตอนนี้ หรือไม่ก็อาหารท้องถิ่นหลายๆ อย่างของเปรูจะมีมันฝรั่งต่างชนิดกันเป็นส่วนประกอบแล้วแต่อาหารครับ ขอบคุณครับคุณ TanN LaH La จากคุณ : KhunWasut เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 55 11:02:43