ประวัติพระพุทธบาทสี่รอยนี้ กาลครั้งหนึ่งเมื่อพระพุทธองค์พร้อมด้วยพระพุทธสาวก 500 องค์ ได้เสด็จมาฉันจังหันอยู่บนเขาเวภารบรรพตแห่งนี้ เมื่อพระพุทธองค์ฉันจังหันเสร็จก็ได้ทราบด้วยญาณว่าบนเทือกเขานี้มีรอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้ากกุสันโธ พระพุทธเจ้าโกนาคมโน พระพุทธเจ้ากัสสะโป อันมีในที่นี้พุทธสาวกทั้งหลายมีพระสารีบุตรเป็นประธานเมื่อเห็นเช่นนี้จึงทูลถามว่าพระพุทธองค์ทรงเล็งดูด้วยเหตุใด พระพุทธองค์ทรงตอบว่า ดูก่อนท่านทั้งหลายสถานที่แห่งนี้ แม้นว่าพระพุทธเจ้าทั้งสามพระองค์ที่ล่วงมาแล้วในอดีตกาลก็มาประทับรอยพระบาทไว้ ณ ที่นี้ทุก ๆ พระองค์และแม้นว่าพระศรีอริยเมตไตรก็จะเสด็จมาประทับรอยพระบาทไว้ ณ ที่นี้ และจักประทับรอยรอยพระบาทสี่รอยนี้ให้เป็นอันหนึ่งอันเดียว (คือประทับลบสี่รอยให้เหลือรอยเดียว) เมื่อพระพุทธองค์ตรัสแก่สาวกทั้งหลายเสร็จแล้วก็เสด็จไปประทับรอยพระบาทซ้อนรอยของพระพุทธเจ้าทั้งสามพระองค์ จึงมีรอยพระบาทของพระพุทธเจ้าสี่พระองค์ จึงกำเนิดเป็นพระพุทธบาทสี่รอย แล้วทรงอธิษฐานว่า เมื่อตถาคตนิพพานไปแล้ว เทวดาทั้งหลายจะนำเอาพระบรมสารีรีกธาตุมาบรรจุไว้ที่รอยพระพุทธบาทนี้ เมื่อครบเวลา 2000 ปีแล้ว พระพุทธบาทสี่รอยนี้ก็จักปรากฏแก่ปวงชนและเทวดาทั้งหลายก็จักได้มาไหว้และบูชา เมื่อทรงอธิษฐานและทำนายไว้ดังนี้แล้วก็เสด็จไปวัดเชตวันเมืองสาวัตถี เมื่อครบ 2000 ปีแล้วเหล่าเทวดาทั้งหลายจึงเนรมิตเป็นเหยี่ยวใหญ่บินลงจากภูเขาเวภารบรรพตไปจับลูกไก่ของชาวบ้านขึ้นมาบนภูเขา เจ้าของลูกไก่โกรธมากจึงตามเหยี่ยวไปหมายจะยิงให้ตาย แต่ไม่พบเหยี่ยวไปพบรอยพระพุทธบาทแทนจึงได้กราบไหว้ แล้วลงมาจากภูเขาบอกความแก่ชาวบ้าน คนที่ทราบข่าวก็พากันขึ้นไปกราบไหว้บูชา จนได้ชื่อว่าพระพุทธบาทรังรุ้ง (รุ้งแปลว่าเหยี่ยว) จวบจนพระยาเม็งรายครองเมืองเชียงใหม่ก็ได้เสด็จมากราบนมัสการ หลังจากนั้นก็เปลี่ยนชื่อเป็นพระพุทธบาทสี่รอย ต่อมาพระยาธรรมช้างเผือกเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ได้สร้างวิหารครอบรอยพระพุทธบาทสี่รอยนี้ไว้ ต่อมาพระชายาเจ้าดารารัศมีก็ได้สร้างวิหารครอบไว้อีกและ พ.ศ. 2472 ครูบาศรีวิชัยก็มาบูรณะใหม่อีกจนตราบเท่าทุกวันนี้
จากคุณ |
:
เถาตำลึง
|
เขียนเมื่อ |
:
22 ธ.ค. 55 13:28:25
|
|
|
|