ไปต่อกันดีกว่าครับ
ได้เวลาเที่ยง Checkout ออกจากที่เดิม ก็มุ่งหาที่พักใหม่เพราะที่เดิมจองไว้แค่วันเดียว วันที่สองไปตายเอาดาบหน้า โชคดีหน่อยวันนั้นแดดไม่แรง เลยตะลุยไปเรื่อยๆ
เข้ารีสอร์ทนู้นออกรีสอร์ทนี้ ไม่ถูกใจซะที ก็ขี่มาเรื่อยๆเจอป้าย วิมานคีรี รีสอร์ท
เอ๊ะน่าสน ขับเข้าไปดูหน่อยดีกว่า ทางเข้า เข้าลำบากหน่อยนะครับเป็นดินลูกรัง อย่าเผลอล้มไปนะ ขอบอกเจ็บปวดสุดๆ ตอนเด็กเคยโดน ร้องให้โรงพยาบาลแทบแตก (นอกเรื่องซะงั้น)
วกเข้ามาเรื่องรีสอร์ท วันนั้นวันอาทิตย์ในใจก็แอบเสียงจะมีที่พักมั้ย ต้นมกราคม
อากาศก็หนาว ไฮซีซั่น แต่ไม่ลองก็ไม่รู้ ดุ๋มๆเข้าไปถาม
จนท : คุณป้าครับมีที่พักมั้ยครับ
คุณป้าคนดูแล : มีจ๊ะหนู ทัวร์ที่จะมา รถเค้าเสียเค้าเพิ่งโทรมายกเลิก ถ้าหนูพักรีสอร์ทเป็นของหนูเลย
จนท : ขอบคุณครับคุณป้า (ในใจรีสอร์ทใหญ่มาก แต่อยู่กะแฟน 2 คน แอบหวั่นๆ)
สักพักป้าแกก็พาเลือกห้อง ส่วน Type ห้องก็มีหลายแบบ ผมเลือกด้านหน้าติดกับทุ่ง วิวสุดลูกหูลูกตา ไม่มีอะไรมาบัง ราคาปกติ 1400/คืน
แต่ป้าก็บอกว่า มากันสองคนเองหรอ เดี๋ยวป้าลดให้ 700 ไม่มีอาหารเช้านะจ๊ะ ด้วยความที่วิวสวย ที่พักดี ผมรีบตอบรับ แต่ที่แกบอกว่าไม่มีอาหารเช้านะ
สุดท้ายพอตื่นเช้ามาผมก็ออกไปเดิน แกก็เรียกมากินกาแฟ โอวัลติน ขนมปัง
ผมคิดว่า ถ้าคนเรามีใจบริการ ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม สุดท้ายคนที่ได้รับประโยชน์ก็คือคนให้บริการนั้นเอง
ส่วนตัวผม ผมสัญญาในใจว่าจะกลับไปพักที่ วิมานคีรีรีสอร์ท ไม่ใช่เพราะวิว หรือที่พักราคาหลักร้อย แต่เพราะน้ำใจชาวบ้าน ที่มีต่อคนกรุงอย่างผมครับ