ความคิดเห็นที่ 1   ก่อนอื่นขอกางแผนที่เดินทางตามระเบียบก่อนนะครับ ในวันนี้ (ตอนนี้) เราจะไปเที่ยวที่หมายเลข 3 และ 4 กัน (คาดว่า กว่าจะครบทุกหมายเลข ก็คงอีกหลายตอน ก็ทนๆ กันหน่อยนะครับ...ฮิฮิ) จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 15:01:51

ความคิดเห็นที่ 2   ขอติดตามไปเที่ยวด้วยคนค่ะ จากคุณ : 21 มีนาฯ เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 15:26:00

ความคิดเห็นที่ 3   สวัสดีครับ คุณ21 มีนาฯ เชิญติดตามได้เลยครับ กำลังเพิ่งเปิดกระทู้ เลยเสียเวลาลากแผนที่กันหน่อย ก่อนอื่นต้องขยายแผนที่ใน ตัวเมืองชัยบาดาลก่อน โดยเฉพาะส่วนที่เกี่ยวข้องกับทางรถไฟนะครับ  ซึ่งปกติเรามักจะใช้ถนนหมายเลข 21 ที่วิ่งจาก กรุงเทพฯ ไป จ.เพชรบูรณ์ กันบ่อยๆ ซึ่งมักจะไม่ตัดทางรถไฟ และคนละทางที่ไปยัง จ.ชัยภูมิ ตามถนนหมายเลข 205  ซึ่งการจะมายังถนนเส้นนี้ ต้องเลี้ยวขวาเข้าถนนหมายเลข 2089 ที่จะพาท่านเข้าเมือง ซึ่งตรงทางแยกนั้นจะเป็นทางโค้ง ยกขอบทางสูง ทำให้มองไม่ค่อยเห็นว่ามีทางแยก แต่พอเลี้ยวเข้าไปแล้ว ก็จะพบทางรถไฟตัดขวาง ซึ่งที่นี่แหละ เป็นจุดแรกที่ผมลงไปสำรวจ ตามรอยคนรักรถไฟ ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 15:37:36

ความคิดเห็นที่ 4   มาถึงแล้วครับ ถนนตัดข้ามทางรถไฟ  ปกติเราก็จะวิ่งข้ามทางรถไฟ ไปจนถึงสี่แยกข้างหน้า แล้วเลี้ยวซ้ายไปจ.ชัยภูมิ อันเป็นถนนเลียบทางรถไฟ มีการตัดข้ามกลับไปมา 2 ครั้ง จนถึง อ.บำเหน็จณรงค์ จึงได้แยกกันไปคนละทาง ตรงถนนตัดข้ามทางรถไฟนี่แหละ เป็นจุดหยุดรถรถไฟ ของชาวลำนารายณ์ อันเป็นจุดจอดหลัก แทนที่จะใช้ตัวสถานีรถไฟ เพราะอยู่ห่างออกไปตั้งกิโลครึ่งตามแผนที่ ให้ คห.3 ข้างบน จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 15:49:03

ความคิดเห็นที่ 5   ที่จริงแล้ว สาเหตุที่อยากมาที่นี่ ก็เพราะประทับใจในรูปท่านพระยา ผตก. ที่น่าเกรงขามรูปนี้เอง สงสัยว่ามี พระอาสน์ อะไรตรงนั้นพอดี...ฮี่ๆ ช่างเหมาะเจาะจริงๆ กับคอนเซ็ปรูปนี้ สงสัยเหมือนกันว่าตอนถ่ายภาพ นั้นไม่มีชาวบ้านอยู่แถวนั้นเลยหรือ? ฮา... ในรูปนี้ต้องขอ เซนเซอร์หน้าตา หน่อย เดี่ยวใครจำได้ เอาไปทำเลียนแบบ เอ๊ย... ล้อเลียน จะวางตัวในแผ่นดินอยาก ยิ่งเป็นถึงท่านพระยาแล้วด้วย..... จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 15:57:50

ความคิดเห็นที่ 6   ฮิฮิๆ จะว่าไปแล้ว ถ้าอยากจะดูหน้าตาที่แท้จริงในรูปข้างบน ก็คงต้องคลิ๊กเขาไปหาดูเองในเว็บลิ้งค์ ข้างล่างนี้เองนะครับ กลัวไปละลาบละล้วงในที่ส่วนตัวคร๊าบ (แค่เอารูปมาโชว์นี่ก็ไม่ได้ขออนุญาตด้วยซ้ำไป) http://portal.rotfaithai.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=2354&postdays=0&postorder=asc&start=0 ในที่สุดผมก็มาถึงแล้วครับ ศาลาหยุดรถไฟลำนารายณ์ เหมือนดังในภาพข้างบนเปี๊ยบเลย  หาไม่ยากจริงๆ อยู่ติดถนนตรงทางตัดข้ามรถไฟ แต่ต้องค่อยๆเบารถ มองหา แล้วเลี้ยวซ้ายทันที ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 16:05:53

ความคิดเห็นที่ 7   พอจอดรถริมถนนตรงนั้นได้ ผมก็รีบลงปฏิบัติการค้นหาทันที พระอาสน์ที่นั่ง ตั้งแท่นโชว์ในรูปคห.5 นั้นอยู่ที่ไหน?............  สอดส่ายสายตาก็หาไม่เห็นๆ...  ตำแหน่งก็น่าจะเป็นเก้าอี้ไม้ตัวน้อยนั้น แน่แท้  จะว่าถูกยกไปก็หาใช่ที่ เพราะดูๆแล้ว เขาหล่อปูนยึดขาเก้าอี้ ห้ามขโมยไปไหนด้วย.... ท่านว่าใช่ตัวเดียวกันหรือไม่.... หากมองไปทางซ้าย จะเห็นถนนตัดข้าม อยู่ติดกันพอดี หาไม่ยาก แบบถึงไม่รู้ตัว คล้ายๆ กับตลาดร่มหุบ ที่อยู่ริมถนนพอดี จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 16:14:07

ความคิดเห็นที่ 8   ดูอย่างไรก็ว่าต้องใช่ เก้าอี้ตัวเดียวกันแน่ เพียงแต่ตอนนี้ พนักที่พิงมันหัก หายไปแล้ว เหลือแต่ที่นั่งโล้นๆ อยู่ ไม่มีใครเหลียวแล อยากไปนั่งแล้ว จากในรูปข้างบน ตอนที่สร้างเสร็จใหม่ๆ มันสวยกว่าเก้าอี้ตัวใดๆ ในแถวนั้น เลยมีคนรักมาก ไปรุมนั่งจนหัก เหลือแต่ตอ..เอ๊ย ที่นั่ง.... เลยถ่ายมาให้ดูครับ ผลของการทำตัวอย่าให้เด่น จะเป็นภัย  ขนาดเก้าอี้ก็ยังไม่เว้น....ฮา จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 16:19:34

ความคิดเห็นที่ 9   ลองแพนกล้องมาทางถนนด้านหน้าบ้าง มีการเว้าเกาะให้รถไปจอดรับส่งคนได้ 2 คัน เลยสบายผม ไม่ต้องเดินไกล  คณะที่มาด้วยกันก็นั่งรอในรถไปตามระเบียบ... ไม่ต้องออกมาเจอแดดร้อนๆ อย่างผม จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 16:24:23

ความคิดเห็นที่ 10   เดินข้ามรางรถไฟ แล้วมองไปอีกทางบ้าง มองเห็นเสาสัญญาณรถไฟอยู่ไกลๆ ซึ่งนั่นก็คือสถานีรถไฟลำนารายณ์ ที่อยู่ห่างออกไป กิโลเมตรครึ่ง...แหม..ทำไม ไปอยู่ไกลถนน แหล่งชุมชนขนาดนั้นนะ... อย่างว่าแหละครับ สมัยก่อน ที่ถนนยังไม่เป็นที่นิยมของการคมนาคม ตลาดแถวสถานีรถไฟน่าจะเจริญกว่าด้วยซ้ำไป ปัญหาของคนที่รอรถที่นี่ คือ เขารู้ได้อย่างไรว่า เมื่อใดรถไฟจะผ่านมา เพราะไม่มีป้ายบอกเวลารถไฟเหมือนกับ ที่หยุดรถไฟอัสสัมชัญ ?  หรือเขาใช้ความเคยชิน และการบอกต่อ เท่านั้น... จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 16:31:41

ความคิดเห็นที่ 11   เมื่อหันกลับไปดูรถยนต์ของข้าพเจ้า ที่เตรียมพร้อมกับการเดินทางต่อไปยังสถานีรถไฟลำนารายณ์ ซึ่งเป็นภาพ ในมุมมองของผู้โดยสารที่มานั่งรอ เห็นเป็นประจำ ครับ ได้เวลาเคลื่อนย้ายตำแหน่งแล้วครับ สวัสดี ที่หยุดรถลำนารายณ์ ใครผ่านไปมาแถวนี้ คงได้สังเกตุเห็นง่ายๆ และร่วมระลึกถึงประวัติศาสตร์เมื่อคราท่านพญา..ผตก. มาเยือน นะครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 16:35:47

ความคิดเห็นที่ 12   เส้นทางเล็กๆ ที่ตรงมายังสถานีรถไฟนั้น  ที่จริงไม่ตรงเป๊ะ เพราะจะมีเลี้ยวย๊อกแยก (ขวาที ซ้ายที) ตรงสี่แยกที่มีทางข้ามรถไฟ ก่อนถึงตัวสถานีนั่นแหละครับ (ตามแผนที่ในรูปคห.3)  อย่าเผลอเลี้ยวซ้ายไปนะครับ... ก่อนจะถึงสถานี จะมีวงเวียนเสาธงอยู่ตรงหน้าครับ เป็นเอกลักษณ์ของสถานีรถไฟหลายแห่งในประเทศเรา จากรูปจะเห็น ขบวนรถไฟจอดอยู่ด้านซ้าย ด้วย ช่างเงียบเชียบ ดูไม่เหมือนว่าเป็นตัวสถานีรถไฟ เลยนะครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 16:45:46

ความคิดเห็นที่ 13   เลี้ยวเข้าไปจอดรถ แล้วเดินออกมาทางด้านหน้า เพื่อหาโลเกชั่นสวยๆ ถ่ายให้ดูภาพเต็มๆของด้านหน้าสถานีรถไฟลำนารายณ์ครับ ในภาพจะเห็น คนกำลังเปลี่ยนหลังคาสถานี อยู่นะครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 16:57:00

ความคิดเห็นที่ 14   เข้าไปใกล้อีกนิด มาถึงแล้วสถานีรถไฟลำนารายณ์ ชื่อที่ไม่สามารถหาได้สำหรับเส้นทางรถยนต์ เพราะได้เปลี่ยนไปเป็นชัยบาดาล กันหมดแล้ว แต่ถึงอย่างไร ก็ยังมีเพลง "หนาวลมที่ลำนารายณ์" ของ สายัณห์ สัญญา ในเนื้อร้อง "ลมหนาวโบกมา แก้วตาที่ขอลาก่อน......." ดังก้องอยู่ในใจผม อันเป็นสิ่งที่ดลใจให้ผมอยากมาที่ลำนารายณ์อย่างมาก ครับ ซึ่งเมื่อมาถึง ก็หาชื่อ ลำนารายณ์ ยากเต็มที  ก็มีสถานีรถไฟนี่แหละ ยังคงใช้ชื่อเดิมๆ อยู่  ลำนารายณ์นี้ ก็คือชื่อตำบล ส่วน ชัยบาดาลนี้ก็คือ ชื่ออำเภอ อันซ้อนทับกันอยู่ในปัจจุบัน จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 17:05:01

ความคิดเห็นที่ 15   มาถึงสถานี ก็ต้องเข้าไปที่ เคาท์เตอร์ช่องจำหน่ายตั๋วเดินทางก่อน  มีโปสเตอร์เตือนภัย สมัยใหม่ ติดเต็มไปหมด ทำให้คิดถึง ภาพเตือนภัยสมัยก่อน ที่หาดูได้ยากเต็มทีครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 17:09:39

ความคิดเห็นที่ 16   ด้านหน้า มีตาชั่งแบบเก่า 2 ตัว ซึ่งตัวหนึ่งมีที่ครอบ ห้ามขึ้นไปเล่น ทำให้คิดว่า ตาชั่งอีกตัวคงเสีย เลยไม่ต้องทำที่ครอบ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 17:12:39

ความคิดเห็นที่ 17   ใกล้กันนั้น ก็มาดูป้ายเวลารถเข้าออกสถานีกัน ซึ่งมีทั้งหมด 10 ขบวนที่จอดสถานีนี้  เที่ยวไป 5 ขบวนเที่ยวกลับ 5 ขบวน  ใช้คำพูดแบบเก่า ว่า เที่ยวขึ้น (ไปจาก..แก่งคอย) เที่ยวล่อง (กลับสู่..แก่งคอย) ซึ่งอาจจะงง สำหรับ รถไฟสายใต้ เพราะคำว่าเที่ยวขึ้น คนจะคิดว่า วิ่งขึ้นทางเหนือ หรือสถานที่สูงกว่า และเที่ยวล่อง น่าจะวิ่งลงมาทางใต้ หรือสถานที่ต่ำกว่า จะขัดกับความเป็นจริงไป ยืนดูกระดานนี้ ทำให้คิดไปว่า ในช่องเวลา "ถึง" "หยุด" "ออก" น่าจะแสดงข้อมูลอีกแบบคือ  "เวลาที่ออกจากสถานีต้นทาง" "เวลาที่ออกจากสถานีนี้" และ "เวลาที่ถึงสถานีปลายทาง" ตามที่พิมพ์ในช่อง "เดินระหว่างสถานี" นะครับ เพราะข้อมูลแค่นี้ เราจะคาดเดาอะไรยาก เช่นจะไปทันต่อรถหรือไม่ หรือรถไฟขบวนนี้(ตู้โดยสารนี้) จะวนกลับมาอีกเมื่อใด.. จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 17:24:36

ความคิดเห็นที่ 18   เดินออกมาฝั่งรางรถไฟ มาดูสถานีฝั่งนี้บ้าง  สถานีลำนารายณ์แห่งนี้ เป็นสถานีด้านขวา คือเมื่อเดินทางออกจาก ต้นทางแก่งคอย แล้ว ทำให้ดูงงๆ อีกเช่นกัน สำหรับความเคยชินของการขึ้นรถยนต์ ที่จอดชิดซ้าย ขณะไปจากต้นทาง อิอิ..น่าจะมีมาตรฐาน ตรงนี้นะครับ ในการกำหนดให้ตัวสถานีต้องอยู่ด้านซ้าย หรือขวาของรางเสมอ เมื่อรถเดินทางออกจากต้นทาง... (เรื่องแบบนี้ หลายคนคงเคยเจอมาแล้ว ในกรณี แวะปั๊มน้ำมันข้างทาง ถ้าหากเมื่อใดไปแวะปั๊มด้านขวามือ เวลาออกจะปั๊มมักจะงง ครับ) จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 17:33:44

ความคิดเห็นที่ 19   มองไปทางซ้ายหน่อย จะเห็นธงทิวปลิวไสว เรียงได้สวยงามดีครับ  แสงแดดจ้าไปหน่อย ต้องการให้เห็นภายในอาคารสถานี ภาพข้างนอกเลยจ้าไปหมด... จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 17:37:22

ความคิดเห็นที่ 20   ส่วนด้านขวามือนั้น เป็นประติมากรรมย่อส่วนน้ำตกวังก้านเหลือง ที่คุณแมวกำลังจะกระโจนลงไปเล่น.....ฮา จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 17:41:10

ความคิดเห็นที่ 21   เดินไปอีกด้าน มองเห็นทิวแถวของการจัดวางต้นไม้ตามชานชลา อย่างเป็นระเบียบ... จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 17:43:47

ความคิดเห็นที่ 22   น่าเสียดาย ถัดมาอีกเดือนหนึ่ง มีการเปลี่ยนพื้นชานชลาสถานี ก็เลยออกมาเป็นแบบนี้.... จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 17:46:00

ความคิดเห็นที่ 23   ผมลงเดินลงไปในราง แล้วหันมาถ่ายภาพสถานีดู  แสงแดดยามบ่ายกำลังส่องมาจากทางนั้น ทำให้ไม่สามารถถ่ายภาพฝั่งนั้น เมื่อยืนตรงสถานีได้ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 17:49:03

ความคิดเห็นที่ 24   เมื่อถัดมาอีกเดือนหนึ่ง พื้นสถานีก็เป็นแบบนี้แหละ... เอาไว้ให้เสร็จแล้วคงสวยกว่าเดิมนะครับ ไม่งั้นคงไม่ลงทุนรื้อกันขนาดนี้หรอก จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 17:51:56

ความคิดเห็นที่ 25   ไม่ลืมถ่ายภาพป้ายบอกระยะทางระหว่างสถานีด้วย  จำเป็นะครับ อย่างน้อยก็ทำให้เรารู้ว่าทิศใดไปทางไหน จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 17:55:00

ความคิดเห็นที่ 26   อ้อ..เกือบลืมป้ายประเพณีไป... บังเอิญผมลงรถไปคนเดียว อากาศร้อน ก็เลยไม่มีรูปใครติดมาด้วย จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 17:58:30

ความคิดเห็นที่ 27   สิ่งสำคัญของสถานีแห่งนี้ ก็คือห้องสุขาครับ ใหม่สะอาด และฟรี ด้วยครับ  ในขณะที่บางสถานี เก่า สกปรก แถมเก็บเงินด้วย... มาที่นี่ ไม่ผิดหวังครับ... อย่าลืมว่า แถวนี้หาปั๊มน้ำมันเข้าห้องน้ำยากพอควร จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 18:01:35

ความคิดเห็นที่ 28   ดูสถานีมามากแล้ว ลองมองไปที่รางบ้าง  จะพบเจ้าสิ่งนี้ มันคือหัวจักรไว้ทำอะไรหว๋า คงเป็นงานซ่อมบำรุง แต่จะเป็นการบำรุงรถจักร หรือราง ก็ไม่ทราบได้...คงต้องให้ผู้เชี่ยวชาญรถไฟมาตอบละครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 18:04:41

ความคิดเห็นที่ 29   หันมาตรงนี้ มีอีกคัน เอ้านี่มันตัวอะไรกัน หน้าตาเหมือนตั๊กแตนประทังก้า หรือหุ่นยนต์ในเรื่อง Transformer ดูๆ แล้วน่าจะเกี่ยวกับการซ่อมบำรุงเส้นทางมากกว่านะครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 18:11:04

ความคิดเห็นที่ 30   เดินข้ามรางมาดูอีกด้านหนึ่ง น่ากลัวไม่เบาจริงๆ เจ้าหัวจักรตัวนี้ เคยเห็นแต่หัวจักรที่เป็นรถยกปั้นจั่น ไม่เคยเห็นหน้าตาแบบนี้  นี่ท่าทางจะกางปีกออกมาได้ด้วยนะ... จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 18:14:42

ความคิดเห็นที่ 31   ตรงด้านท้ายจะมีอีกตัวต่อกันอยู่  คงไว้ใช้ทำงานร่วมกันนะครับ  ต้องให้ผู้เชี่ยวชาญมาบอกอีกที  ในสมัยก่อนที่ยังไม่มีเจ้าเครื่องพวกนี้ คงต้องอาศัยแรงงานคนไม่ใช่น้อย เพราะอุปกรณ์แต่ละชิ้นของส่วนประกอบรางรถไฟ ช่างหนักและใหญ่มากๆ ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 18:17:50

ความคิดเห็นที่ 32   ส่วนอาคารตรงกันข้ามกับสถานีสูงๆ นี่ก็คือ หอควบคุมประแจ ซึ่งจะมีลวดสลิงจำนวนมาก ขึงลงมาข้างล่าง ไว้ควบคุมประแจทุกชนิด แบบเก่า (ในปัจจุบันได้เปลี่ยนมาใช้ระบบไฟฟ้ากันหลายสถานีแล้ว) ในหลายๆสถานีที่ไม่มีหอควบคุมประแจ ก็ใช้การดึงประแจจากในสถานีเลย เช่น สถานีแม่ตานน้อย ดังที่เคยพาไปชมมาแล้วในกระทู้นี้ http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E8742668/E8742668.html#41 อาจทำให้ทัศนวิสัยการมองไม่ดีเท่ากับการมีหอควบคุมประแจแบบนี้ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 18:26:59

ความคิดเห็นที่ 33   คราวนี้ก็ถึงเวลา ตามล่า หา "กลับจักรแห่งลำนารายณ์" กันแล้ว  มีชื่อเรียกเต็มๆ ว่า "สามเหลี่ยมกลับหัวรถจักร" ซึ่งเคยใช้ในสมัยก่อน ที่หัวรถจักรยังหันด้านเดียว เหมือนรถยนต์ พบได้เช่น หัวรถจักรไอน้ำ และรถดีเซลเก่าๆ บางรุ่น ที่เมื่อวิ่งไปสุดทาง หรือต้องการจะกลับรถ เหมือนรถยนต์ จำเป็นต้องสร้าง รางที่ใช้กลับหัวรถจักรขึ้นมา เป็นรูปสามเหลี่ยม ซึ่งนอกจากนี้ ยังใช้ "วงเวียนกลับจักร" ก็ได้ โดยสร้างพื้นกลมขนาดใหญ่ ที่หมุนได้เหมือน แผ่นหมุนตรงกลางโตจีน โดยให้รถไฟวิ่งไปจอดข้างในวงกลม แล้วควบคุมพื้นให้หมุนกลับ  ซึ่งต้องใช้กลไกมากกว่า สามเหลี่ยมกลับจักร และยังเหมาะสำหรับใช้ป้อนรถไฟไปยังรางแยก ในอู่ มากกว่า จึงไม่ค่อยพบในสถานีเล็กๆ ปลายทาง จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 18:40:06

ความคิดเห็นที่ 34   คราวนี้มาลองดูวิธีการ ยูเทิร์นของรถไฟกันบ้าง  ที่เขาไม่ใช้วิธีการสร้างรางโค้งๆ ให้วนกลับมาที่เดิมเหมือนรถยนต์ เพราะเนื่องจาก ล้อรถไฟไม่สามารถเลี้ยวได้ ต้องสร้างรางให้มีวงรัศมีที่ใหญ่มากๆ  เมื่อเทียบกับ สามเหลี่ยมกลับจักร ก็ต้องใช้พื้นที่มากกว่ากันถึง 4 เท่า (กว้างยาวด้านละ 2 เท่า) ตามรูปข้างล่างนี้ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 19:01:01

ความคิดเห็นที่ 35   เมื่อจะกลับรถ ต้องมีประแจควบคุมเป็นจังหวะ แบ่งออกเป็น 3 จังหวะ ที่ต้องหยุดรถลงไปโยกประแจที่ราง ถึงว่าซี.. ทำไม รถไฟเวลาทำอะไรต้องใช้คนมาก หรือไม่ก็ต้องเสียเวลา ไม่คล่องตัวเหมือนรถยนต์ ที่ทำโดยคนขับเพียงคนเดียวได้เลย แม้ว่ารถจะยาวอย่างรถเมล์ก็ตาม จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 19:03:52

ความคิดเห็นที่ 36   แต่ในปัจจุบันหัวรถจักรของรถไฟได้มี 2 ด้าน เลยทำให้ไม่มีความจำเป็นต้องกลับหัวรถอีกต่อไป  แม้กระทั่งรถจักรไอน้ำที่นำมาวิ่งในโอกาสพิเศษก็ใช้ 2 หัวต่อท้ายกันเพื่อจะได้ไม่ต้องกลับหัวจักร(ซึ่งอาจทำให้ขาดอรรถรสของความเป็นจริงไปบ้าง)  และอีกเหตุผลหนึ่งก็คือ ช่วยเพิ่มแรงฉุดโบกี้โดยสารด้วย แต่ในวันนี้ เราจะไปค้นหาอดีตกัน คือลานกลับหัวจักรรถ ที่สถานีลำนารายณ์แห่งนี้ ซึ่งเมื่อดูภาพจาก กูเกิ้ลแล้ว จะเห็นแนวโค้งอย่างในรูปข้างล่างนี้ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 19:37:59

ความคิดเห็นที่ 37   แหม..ระยะทางที่เห็นนั้นไม่ใช่น้อยเลย(วัดจาก GPS Pocket Map ที่ไปเดินสำรวจจริงมาแล้ว) แต่ถ้าดูจากรูปเหมือนง่ายๆ น่าแปลกที่ต้นไม้ดันขึ้นเป็นแนวราง ทั้งๆ ที่น่าจะไม่ขึ้นตรงหินกรวดที่รองราง แล้วไปขึ้นตรงอื่นแทน ผมจะพาเพื่อนๆ ไปชมสถานที่จริงกันละนะ เริ่มจากต้องหาจุดแรกที่รางเบี่ยงออกไปจากรางปกติก่อน  จากรูปอ้างอิงของ เว็บรถไฟดอทคอม ที่ถ่ายโดยคุณ ExtenD ข้างล่าง ซึ่งผมจะต้องไปหาให้เจอก่อน จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 19:46:32

ความคิดเห็นที่ 38   เมื่อก้าวลงจากสถานีด้านเหนือแล้ว เดินไปอีกนิดเดียวก็จะเห็นประแจเก่า อันดังกล่าว ใช้เป็นจุดสังเกตุได้ดี.... พบแล้ว ขุมทรัพย์แห่งอีสาน...ฮา จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 19:49:53

ความคิดเห็นที่ 39   เดินเข้าไปดูใกล้ๆหน่อย เจ้าประแจโบราณ ที่ใช้มือโยก ไม่ได้มีการควบคุมระยะไกลจากหอประแจ  และอยู่ในตำแหน่งให้รถวิ่งไปจอดตรงรางตรง มิให้เบี่ยงไปทางซ้าย....... จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 19:56:31

ความคิดเห็นที่ 40   ลองเดินไปอีกหน่อย เพื่อไปดูว่า ทำไมจึงห้ามเบี่ยงไปทางซ้าย...อ้อ..หางขาด รางด้วนนั่นเอง! ตรงจุดนี้ คาดว่าเป็นรางไปสู่ สามเหลี่ยมกลับหัวรถจักรนั่นเอง ซึ่ง ต้องเดินสำรวจกันว่า แนวรางเป็นอย่างไร ยิ่งใหญ่แค่ไหน...หึหึ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 20:13:02

ความคิดเห็นที่ 41   หันกลับมามองหัวประแจ อีกที จะเห็นตัวสถานีรถไฟอยู่ไม่ไกลนัก จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 20:16:40

ความคิดเห็นที่ 42   เดินไปถ่ายจากปลายรางที่ขาดด้วน กลับมาอีกทีหนึ่งในแนวศิลป์ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 20:22:07

ความคิดเห็นที่ 43   หลังจากเดินผ่านพงไม้ในรูปคห.40 ออกไปแล้ว ก็จะพบลานโล่งกว้าง ที่มีทิวไม้เรียงเป็นแนวโค้งตามราง เหมือนที่เห็นจากภาพในกูเกิ้ลแมพ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 20:37:14

ความคิดเห็นที่ 44   ต้องไม่ลืมว่า เรามาอดีต เหมือนพวกนักโบราณคดี รางเก่าพร้อมไม้หมอนได้ถูกรื้อถอนไปนานแล้ว แต่ยังคงเหลือแนวคันทางที่โรยด้วยหินกรวดสีเทา ทางการรถไฟไม่ได้ขุดออกไปจากพื้นดิน เลยทำให้มองเห็นเป็นแนว และยิ่งไปกว่านั้น ได้มีต้นไม้งอกแซมขึ้นมามากมาย จนดูรก  ทั้งๆ ที่น่าจะเป็นทางโล่ง เพราะต้นไม้ขึ้นยาก แต่เนื่องจากกาลเวลาที่ยาวนาน ก็ทำให้มีต้นไม้งอกขึ้นมาได้ ในขณะที่พื้นที่โดยรอบนั้น กลับถูกแผ้วถางทำเกษตรกรรม ให้เตียนโล่ง เลยกลายเป็นพื้นที่ไม่มีต้นไม้งอกไปเสียอีก (กลับตละปัด) จึงต้องใช้จินตนาการร่วมในการสำรวจด้วยว่า แนวทางโค้งๆ เป็นอย่างไร  อูย..ข้าพเจ้าได้กลายมาเป็น นักโบราณคดีไปตั้งแต่เมื่อใดกันนี่ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 20:44:19

ความคิดเห็นที่ 45   ตรงนี้ยิ่งมีแนวหินกรวดเยอะมาก จนต้นไม้ไม่สามารถงอกขึ้นมาได้  แหม...งานนี้เดินเพลินจริงๆ ลืมเรื่องสัตว์ร้ายรอบข้างไปเลย เช่น งู สุนัข แม้แต่วัวที่เขาเลี้ยง ไม่ได้สนใจอะไรเลย ตื่นเต้นๆ ครับ โดยเฉพาะที่ผมสามารถเข้าไปมีส่วนร่วมในภาพของเว็บคนรักรถไฟ ในทริป นั้นได้จริง  แม้จะเดินไปคนเดียว แต่ก็รู้สึกเหมือนมีเพื่อนอยู่รอบข้าง จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 20:49:23

ความคิดเห็นที่ 46   เดินไปสักพัก ซึ่งก็มักต้องเดินนอกแนวราง เพราะต้นไม้ขึ้นรกมาก  ตอนนี้ใกล้จะถึงจุดที่จะบรรจบกับรางอีกด้านแล้ว จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 20:55:44

ความคิดเห็นที่ 47   มาถึงตรงจุดบรรจบ พบพงไม้ขึ้นรกจริงๆ จนมองไม่เห็นอะไรเลย  ผมต้องเดินเลยออกไปจากจุดบรรจบกัน จึงได้พบแนวหินกรวดชัดขึ้นมาอีก แต่กลับโดนถนนสร้างใหม่ มาปูทับลงไปอีก  เมื่อมองข้ามถนนไป ได้สังเกตุเห็นแนวหินชัดกว่าฝั่งเดิมด้วยซ้ำ เพราะดินข้างๆ เป็นดินสีดำ แถมแนวหินกรวดก็ไม่มีต้นไม้ขึ้นสักต้นเลย ชัดครับตามรูปข้างล่างนี้ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 21:02:07

ความคิดเห็นที่ 48   เอาล่ะวะ งานนี้ ไหนๆ ก็มาแล้ว ขอเดินไปให้ถึงสุดปลายรางตรงโน้นเลยดีกว่า จะว่าบ้ากว่ากว่ากลุ่มคนรักรถไฟก็เอาละ เดินดุ่มๆ กลางแดดไปคนเดียว เฮ้อ....... จะว่าไปแล้ว ตกลงที่ดินที่ผมเดินอยู่นี่เป็นของชาวบ้าน หรือการรถไฟกันแน่นะ  เขาถึงมาทำเกษตรกรรมได้  และสาเหตุที่ชาวบ้านไม่ยอมไถดินฝั่งนั้นคลุกไปกับหินกรวด ก็คงกลัวว่าหินกรวดจะแพร่กระจายไปในพื้นดินส่วนอื่นๆอีก ทำให้ต้นไม้โตยาก เลยต้องปล่อยทิ้งไว้ ครั้นจะลงทุนขุดออกไปทิ้งเลย คงกลัวเรื่องผิดกฏหมาย ว่าหินกรวดเป็นทรัพย์สินของการรถไฟนะครับ เลยถ้อยทีถ้อยอาศัย ปลูกต้นไม้ พรวนดิน เฉพาะนอกแนวคันทางของรางรถไฟไปเป็นประจำ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 21:08:45

ความคิดเห็นที่ 49   ตอนนี้ข้าพเจ้าได้มายืนตรงปลายสุดแนวรางเก่า ของสามเหลี่ยมกลับจักรแล้ว.... มองกลับมาเห็นถนนที่ตัดผ่านเล็กๆ อยู่ไกลๆ  จากรูปของกูเกิ้ลแมพในภาพคห.36 ก็เป็นไปตามนั้นทุกประการครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 21:15:19

ความคิดเห็นที่ 50   ระหว่างที่เดินกลับมา มองเห็นที่ดินที่ถูกเตรียมเพาะปลูก  ไม่รู้ว่าเขาจะปลูกต้นอะไรนะครับ  คงไม่ใช่ทานตะวันแน่นอน  อีกไม่นานถ้าใครผ่านไปคงจะได้เห็นครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 21:17:38

ความคิดเห็นที่ 51   เดินกลับมา กำลังจะข้ามถนนขออีกสักภาพ ซึ่งจะเห็นจุดบรรจบรางชัดเจนขึ้น จากพงหญ้าที่เห็นครับ  ต้องใช้จินตนาการหน่อยนะครับ เพราะแนวหินเรือนรางเต็มที แต่ก็ดูยิ่งใหญ่ดีครับ สำหรับอดีตที่ผ่านมา จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 21:22:27

ความคิดเห็นที่ 52   ชาวบ้านเขาเตรียมปลูกมันสำปะหลังครับพี่มิราชช เดี๋ยวจะมาอธิบายเรื่องรถที่พี่สงสัยอีกที จากคุณ : Alderwood เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 21:25:23

ความคิดเห็นที่ 53   ตอนนี้เดินกลับแล้วนะครับ เพียงแต่จะเลือกเดินไปทางซ้าย คือไปตามแนวรางอีกด้านหนึ่ง ซึ่งแทบไม่เห็นแนวหินกรวดเลย อาศัยแนวต้นไม้ที่เรียงกันเป็นแนวโค้งเท่านั้น จากภาพคือ จุดบรรจบของราง 1 กับ ราง 2 ซึ่งจะมองเห็นแนวไม้ไกลๆ โน้นเป็นแนวราง 3 ครับ โอ้ย..งานนี้ต้องจินตนาการกันมากจริงๆ ท่ามกลางแดดเลยนะครับ  แถมเดินยากอีก เพราะดันสวมรองเท้าแตะมาสำรวจ ทำให้เท้าพลิกไปมาบ่อยๆ ลืมนึกถึงจริงๆ เรื่องรองเท้านี่.... จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 21:29:39

ความคิดเห็นที่ 54   สวัสดีครับ คุณAlderwood นึกไม่ถึงว่ากำลังดูอยู่ตอนสำคัญพอดี (กำลังเปิดภาพคุณยกสองนิ้วบนถนนตัดผ่านทางด้วย) ตกใจเล็กน้อย ที่แวะมาทักทาย เหมือนเจาะเข้าไปในอดีตเลย..... มองไปทางซ้ายของภาพข้างบน ก็คือ แนวราง 2 ที่มุ่งไปบรรจบกับราง 3 ด้านทิศเหนือ  แทบไม่เห็นแนวจริงๆ  ไม่มีอะไรน่าสนใจแล้ว ผมจะข้ามไปยังแนวราง 3 แล้วครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 21:35:50

ความคิดเห็นที่ 55   ใกล้ถึงจุดบรรจบกับแนวรางที่ 3 แล้ว  แนวรางคันทางจางมาก ต้นไม้ขึ้นขวางเต็มไปหมด แถมทางก็สูงๆ ต่ำๆ อีก ไม่น่าเชื่อว่า ถ้าไม่เห็นจาก กูเกิ้ลแมพก็จะไม่ทราบเลย จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 21:39:36

ความคิดเห็นที่ 56   มาถึงแล้วครับ แนวรางที่ 3 ซึ่ง ถ้าเลยต่อไป ก็คือ รางรถไฟปกติ ที่อยู่ต่ำกว่าลงไป ครับ  ต้องจินตนาการร่วมมากๆ เลย จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 21:45:09

ความคิดเห็นที่ 57   ตอนนี้ผมก็มาโผล่เอาที่รางรถไฟปกติ ที่อยู่ต่ำลงไปข้างล่าง เลยข้ามรางไปถ่ายภาพจากอีกด้านมาให้ดูกันครับ  ว่าสามเหลี่ยมกลับจักรนั้นอยู่สูงกว่ารางปกติไม่ใช่น้อย จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 21:51:15

ความคิดเห็นที่ 58   หันกลับไปดู ด้านสถานี อุแม่เจ้า! ทำไมไกลอย่างนี้นะ  ผมได้บันทึกพิกัดลงไปใน GPS Pocket PC คู่ใจ คำนวณแล้วอยู่ห่างจากตัวสถานีตั้ง 600 กว่าเมตรน่ะ มองแทบไม่เห็นสถานีเลย  ตรงจุดนี้ กระมังที่กลุ่มคนรักรถไฟได้ออกท่ารำโนราห์กัน...ฮี่ๆ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 21:55:11

ความคิดเห็นที่ 59   คห.28 - รถสั่นหิน (บสน.) คันนี้ผมก็ไม่รู้ว่าทำงานยังไง คห.29,30 รถเกลี่ยหิน (กน.) จะเป็นรถที่ใช้กวาดหิน เกลี่ยหิน ในทางครับ ถ้ามันทำงานเมื่อไร ฝุ่นคลุ้งเลย แก้ไขเมื่อ 03 มี.ค. 53 21:58:26 จากคุณ : Alderwood เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 21:56:32

ความคิดเห็นที่ 60   นี่เป็นหลักฐาน โนราห์ตัวงาม เห็นแล้วกลัวข้อเท้าพลิกจริงๆ ช่างอ่อนช้อยมาก  (ต้องขอเซนเซอร์อีกตามเคย กลัวมีคนลอกเลียนแบบทำตาม...) จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 21:58:55

ความคิดเห็นที่ 61   คห.31 จะเป็นรถอัดหิน (อน.) เวลาทำงาน มันจะยกรางขึ้นนิดนึง แล้วก็จะมีช้อนจิ้มลงไปแล้วทำการอัดหินครับ ดูได้จากคลิป VDO เลยครับ อ้อ จริงๆถ้าให้ครบเซตนี้จะต้องมีรถล้างหินด้วย ไม่แน่ใจว่ามีอยู่เพียงคันเดียวไหม เวลาทำงาน มันก็จะเอาหินขึ้นมาล้างเอาฝุ่น หรือเศษหินที่แตกเป็นเม็ดเล็กๆออกครับ หากไม่ทำเช่นนั้น ก็จะทำให้กลายเป็นเศษดิน ถ้าฝนตกก็อาจจะกลายเป็นดินเลน หรือน้ำขังได้ ซึ่งจะส่งผลเสียต่อทาง จากคุณ : Alderwood เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 22:03:19

ความคิดเห็นที่ 62   ขอบคุณ คุณAlderwood มาก ที่ได้กรุณานำภาพเจ้าเครื่องจักรประหลาดขณะทำงานมาให้ดู  คงเป็นแถวผาเสด็จนะครับ จำก้อนหินยักษ์ก้อนนี้ได้ ถึงว่าซี ทำไมคันรางถึงเรียงกันเป็นระเบียบมาก ทั้งๆ ที่มีระยะทางแสนไกลมาก แถมมักสูงกว่าพื้นดิน ยากแก่การนำจอบเสียมไปทำ มองทางด้านซ้ายมือของรูปคห.58 จะพบกองไม้หมอนคอนกรีต เต็มไปหมด เรียกว่าสุสานก็ว่าได้   ตอนกลางคืนคงดูน่ากลัวไม่น้อยครับ..บรือยย์ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 22:03:24

ความคิดเห็นที่ 63   มองไปอีกด้านหนึ่ง ก็จะมองเห็นเสาสัญญาณอยู่ไกลๆ เส้นทางออกจะโค้งไปทางซ้าย จนลับตาไป ผมต้องเดินกลับแล้วละครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 22:06:36

ความคิดเห็นที่ 64   ตอนเดินกลับ มองเห็นบ้านพักรถไฟเก่าๆ อยู่ ทำให้นึกถึงบ้านสมัยก่อน ก็เป็นแบบนี้กันทั้งนั้น แม้ผมจะไม่มีบ้านสองชั้น แต่บ้านเพื่อนๆ บ้านญาติ ก็คงไปยืนเล่นที่ระเบียงหลังบ้าน เย็นสบายดีมาก ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 22:09:34

ความคิดเห็นที่ 65   กองหมอนคอนกรีตที่เห็น จะนำมาเปลี่ยนแทนหมอนไม้ในเส้นทางสายแก่งคอย - ลำนารายณ์ - บัวใหญ่ครับ หมอนคอนกรีตนี้ เคยใช้งานในสายอื่นมาแล้ว จนกระทั้งเปลี่ยนรางจาก 80 ปอนด์ เป็น 100 ปอนด์ และเปลี่ยนหมอนด้วยในสายนั้น ทำให้หมอนเก่าถูกรื้อออกไปครับ และล่าสุดก็นำหมอนเก่ามาใช้กับทางสายนี้ครับ V V V แก้ไขเมื่อ 03 มี.ค. 53 22:24:55 จากคุณ : Alderwood เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 22:12:57

ความคิดเห็นที่ 66   ช่วงนี้เป็นภาพกำลังเดินกลับ ดูเงียบสงบดีมาก ไม่มีรถไฟผ่านมาสักขบวนเลย (เป็นเวลา 4 โมงเย็นครึ่ง) เพลินดีครับ แม้ว่าจะสวมรองเท้าแตะ ทำให้เดินยากกว่าปกติก็ตาม วันนี้ผมต้องขอพักก่อนนะครับ เพราะดึกมากแล้ว ยังอยู่ที่ทำงานเลย เดี๋ยวผบ.ทางบ้านจะว่าเอา... ต้องขอบคุณคุณ Alderwood อีกครั้งครับกับคลิ๊ปวิดีโอ พรุ่งนี้มาต่อกันที่สะพานรถไฟข้ามแม่น้ำป่าสักครับ เพิ่งเห็นคำตอบ  หมอนคอนกรีตนี้จะเอามาใช้งานหรือครับ  ทำไมดูเก่าจัง ไปรื้อมาจากสายอื่นหรือเปล่านี่ครับ  แต่ถึงอย่างไรก็ดีกว่าไม้หมอนของเดิม ที่อยู่ในสภาพแย่มากๆ ครับ แก้ไขเมื่อ 03 มี.ค. 53 22:18:01 จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 22:15:22

ความคิดเห็นที่ 67   ได้ความรู้อีกแล้ว...ขอบคุณค่ะ จากคุณ : ป้าฟู เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 22:36:20

ความคิดเห็นที่ 68   มาศึกษาความรู้ใหม่ๆ ในนี้ค่ะ เพิ่งทราบว่าเมื่อก่อนรถไฟกลับรถแบบสามเหลี่ยม น่าสนใจ บรรยายได้ละเอียดเช่นเคย ขอบคุณสำหรับรีวิวค่ะ จากคุณ : เด็กศิลป์ (Artiste) เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 53 08:35:27

ความคิดเห็นที่ 69   สามเหลี่ยมกลับรถจักรที่ปัจจุบันยังคงอยู่ ตอนนี้เหลืออยู่ที่เดียวครับ อยู่ที่สถานีชุมพร สภาพทางถือว่าค่อนข้างสมบูรณ์ ทั้งประแจ หมอน แล้วก็ราง แต่ไม่ได้ใช้งานแล้ว ส่วนอีกที่ อาจจะไม่เชิงเรียกได้ว่าสามเหลี่ยมกลับรถจักร สามเหลี่ยมที่ว่าคือสามเหลี่ยมจิตรลดาครับ แต่ก็มักจะถูกใช้งานในการนำรถดีเซลรางมากลับด้านของห้องขับ หรือแม่แต่รถ E&O ก็มากลับตรงนี้เหมือนกัน จากรูป เส้นสีแดงคือทางที่มาจากหัวลำโพง ซึ่งปกติรถสายตะวันออกใช้เส้นทางนี้ ส่วนเหลืองคือทางที่มาจากด้านจิตรลดาครับ และสองสายนี้จะบรรจบกันที่สถานีมักกะสันครับ จากคุณ : Alderwood เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 53 10:13:55

ความคิดเห็นที่ 70   ขอบคุณมากๆครับผม ตอนไปลำนารายณ์แรกๆ ผมหลงไปลงที่สถานีลำนารายณ์และต้องเดินย้อนกลับมาตลาดแทน หุหุ คราวนั้นเสียรู้จริงๆนึกว่าสถานีจะอยู่ใกล้ตลาดมากกว่าเสียอีก จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 53 10:50:31

ความคิดเห็นที่ 71   สวัสดีครับ คุณป้าฟู และคุณเด็กศิลป์ (Artiste) ที่แวะมาเยี่ยมเยียน กระทู้เต็มเปี่ยมไปด้วยภาพ และคำ(บ่น)บรรยายเชิงวิชาการของผมครับ... ถึงคุณAlderwood  ครับ สามเหลี่ยมกลับจักรที่ชุมพร น่าจะเก็บสงวนไว้ในเชิงประวัติศาสตร์นะครับ ส่วนสามเหลี่ยมจิตรลดานั้น ผมเกือบจะพูดถึงก่อนหน้านี้แล้ว แต่คิดว่าในหลายๆ ชุมทางก็น่าจะมีลักษณะสามเหลี่ยมอยู่แล้ว เช่น ภาชี หนองปลาดุก แก่งคอย บัวใหญ่ เป็นต้น แต่อาจไม่มีการใช้งานในลักษณะกลับหัวรถจักรเลยสักครั้ง  แต่พอคุณมาพูดถึง ก็ทำให้เหมือนกับผมลืมไปได้อย่างไร เพราะ ที่ทำงานผมในปัจจุบัน และที่พักผมในอดีต(ก่อนย้ายไปมีบ้านของตัวเอง) ก็อยู่ใกล้กับ สามเหลี่ยมจิตรลดา อย่างมาก ทำให้ต้องข้ามทางรถไฟทุกเช้าถึง 2 จุดทุกครั้งมาเกือบสิบปีเลย จากรูป คห.69 นั้น เส้นทางสีเหลืองดูไม่น่ามีรถโดยสารวิ่งผ่านเลย เพราะไม่ได้ผ่านสถานีหัวโพง  ที่เคยเห็นก็มีแต่ขบวนรถสินค้ายาวๆ เน้นว่ายาวมากๆๆๆๆ...... และไม่บ่อยครั้งที่จะเจอ และ ตรงกลางสามเหลี่ยมจิตรลดาที่มีกลมๆสีเขียว นั้นคือ หมู่บ้านพนักงานรถไฟ ที่มีวงเวียนเป็นบ่อน้ำ ผมรู้สึกชอบที่นั่นไม่น้อย เวลาว่างๆ มักจะเข้าไปวนรถ เล่น บรรยากาศเงียบๆ บ้านพักเก่าๆ บ่อน้ำดูคลาสสิคดี  หลายปีมานี้ มีการสร้างถนนเลียบทางรถไฟ ช่วงสีเหลืองด้วย ใช้เป็นทางลัดได้ดีครับ สวัสดีคุณdigimontamer อีกครั้งครับ ระยะทางจากสถานีมาตลาดเป็นกิโลเลยนะครับ เพราะแค่มาถึงที่หยุดก็กิโลครึ่งแล้ว นับถือนักเดินเท้าตัวยง จริงๆครับ วันนี้มาต่อกัน จากคห.66 ผมยังอยู่บนรางนะครับ เดินมาถึง โรงงานเก่าๆ อะไรก็ไม่รู้ด้านซ้าย แก้ไขเมื่อ 04 มี.ค. 53 12:13:24 จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 53 11:45:10

ความคิดเห็นที่ 72   อ้อ..ผ่านป้ายด้านหน้าธงเหลืองๆ เป็นแขวงบำรุงทางลำนารายณ์นี่เอง เลยเป็นที่มาของการมีรถซ่อมบำรุงทางมาจอด และมีไม้หมอนคอนกรีตมากมาย ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 53 11:48:24

ความคิดเห็นที่ 73   แถวนี้จึงอุดมไปด้วยรางมากมาย ยังกับร้านขายเหล็ก และยังมีไม้หมอนเก่า ที่เป็นไม้จริงๆ คงไม่ได้ใช้แล้ว รอทำฟืน หรือปล่อยให้ผุไปตามธรรมชาติเอง จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 53 11:54:15

ความคิดเห็นที่ 74   อูย..มาถึงสถานีซักที  เดินยากไม่น้อยกับไม้หมอนแบบไม้ ที่เก่าขรุขระ เดินอาจสดุดได้ง่ายๆ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 53 11:59:54

ความคิดเห็นที่ 75   เดินผ่านหน้าสถานีก่อน แหม..ยามนี้ช่างดูเหมือนเพิ่งโดนพายุกระหน่ำมาเลยนะครับ ถลอกปอกเปิกมากๆ  แต่ที่จริงเขากำลังปรับปรุงสถานที่อยู่ ขนาดกระถางต้นไม้สวยๆ ที่เคยวางบนชานชลาในภาพคห.21 ก็ถูกย้ายมาวาง ข้างๆราง ตรงนี้เลย จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 53 12:03:38

ความคิดเห็นที่ 76   ตอนเดินกลับออกมา ต้องใช้ซอยเล็กๆ เดินแทน เพราะพื้นหน้าสถานี ยังถูกรื้อออกไปหมดเช่นกัน นี่คงเป็นการปรับปรุงครั้งใหญ่เลยนะนี่ เพราะมาครั้งก่อน เห็นกำลังเปลี่ยนหลังคาอยู่ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 53 12:06:56

ความคิดเห็นที่ 77   นี่แหละครับช่องซอยเล็กๆ ที่ผมต้องนำรถมาจอดตรงนี้ เพราะมันร่มดี  มีห้องสุขาสะอาดอยู่ใกล้ๆ ด้วยครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 53 12:11:25

ความคิดเห็นที่ 78   ได้ความรู้มากมาย จากคุณ : hot (hothot) เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 53 12:17:31

ความคิดเห็นที่ 79   ก่อนจะไปเป้าหมายถัดไป ผมจะพาท่านไปพบกับปลายของสามเหลี่ยมกลับจักรอีกครั้ง โดยทางรถยนต์ เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่อยากลงเดินไกลแบบผม จากแผนที่ในคห.3 ขอนำมาลงให้ดูอีกที ไปตามลูกศรีสีเขียวนะครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 53 12:20:01

ความคิดเห็นที่ 80   สวัสดีครับ คุณhot (hothot) ยินดีที่ชอบครับ มากจนดูเกินไปหรือเปล่าก็ไม่รู้... แต่ก็เป็นการดีที่วันหลังกลับมาดูอีก ก็จะได้เป็นการทบทวนความจำไปในตัว ยิ่งผมชอบขี้ลืมด้วย ตามรูปข้างล่างนี้คือจุดข้ามทางรถไฟ ก่อนถึงตัวสถานี (ถ้ามาจากที่หยุดรถไฟลำนารายณ์) ให้ระวังกันหน่อย เพราะไม่มีเครื่องกั้นอะไรเลย  เพราะสำหรับรถไฟกับรถยนต์ นี่ดูจะไม่ค่อยถูกชะตากันนัก จะมองเห็นรถไฟก็มักใกล้หรือจะข้ามไปแล้ว เหมือนมีผีมาปิดหูบังตาไว้ จึงต้องหยุดรถดูก่อนข้ามทุกครั้ง แม้จะมีเครื่องกั้นที่ไม่ได้กั้นอยู่ก็ตาม ทำเป็นนิสัยไว้ก่อนแหละดี.. ให้ข้ามไป ก็จะเจอทางโค้งยอกแยก (เลี้ยวขวา และเลี้ยวซ้าย) ถ้าเจอสามแยกให้ไปทางขวาเลยนะครับ พอดี GPS Map ของผมไม่มีข้อมูลทางแยกนี้ด้วย จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 53 12:27:12

ความคิดเห็นที่ 81   และนี่ก็คือถนนที่จะนำท่านไปสู่ ปลายยอดสามเหลี่ยมกลับจักร ที่พาดผ่านดังในรูปภาพคห.47 และ 51 ครับ เป็นถนนใหม่ ที่ GPS Pocket Map ของผมไม่มีระบุไว้ เลยไม่ทราบเหมือนกันว่าไปสิ้นสุดตรงไหน แหม..ดูรูปแล้ว อยากจะบรรยายว่า "สามเหลี่ยมกลับจักรรอคุณอยู่ข้างหน้าแล้ว"...ฮา จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 53 12:31:46

ความคิดเห็นที่ 82   ตอนนี้ผมก็กลับออกมาที่ถนนใหญ่ สาย 205 ที่จะมุ่งไปยัง จ.ชัยภูมิ เพื่อไปสู่เป้าหมายต่อไป คือ สะพานรถไฟข้ามแม่น้ำป่าสัก แต่พอเลี้ยวรถออกมาปุ๊บก็เจอกับศาลเจ้าสวยมาก มาค้นจากใน GPS Map บอกว่าเป็น มูลนิธิสงเคราะห์ ลำนารายณ์เฟงไล้ ครับ ตำแหน่งก็ตามแผนที่ในคห.79 เลยนะครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 53 12:38:59

ความคิดเห็นที่ 83   ถัดไปนิดเดียว ติดกันเลยก็เจอวัดไทยสวยๆ อีกแล้ว คือ วัดลำนารายณ์ จะอยู่เกือบตรงข้ามทางเข้าสถานีรถไฟ ด้านถนนใหญ่ เลยนะครับ  ถ้าใครพอมีเวลา ก็ลองแวะเข้าไปสักการะมหาเจดีย์ ด้านหน้าวัด สักครั้งนะครับ สร้างได้งดงามมาก จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 53 12:43:41

ความคิดเห็นที่ 84   และนี่ก็ป้ายบอกทางแยกเข้าไปยังสถานีรถไฟลำนารายณ์ ตรงถนนสาย 205 นะครับ สังเกตุได้ไม่ยาก อยู่ตรงข้ามกับวัดลำนารายณ์สวยๆ ข้างบนนั่นแหละครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 53 14:14:11

ความคิดเห็นที่ 85   เป็นถนนคู่ขนานนะครับ ต้องเตรียมออกล่วงหน้า เมื่อเจอซอยสุรนารายณ์33 ก็เลี้ยวซ้ายเข้าไปทันที ซอยเล็กๆ จนดูไม่น่าจะเป็นทางไปสถานีรถไฟได้เลย จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 53 14:18:51

ความคิดเห็นที่ 86   เป็นซอยตรง ระยะทางประมาณ 400 เมตรครับ มองเห็นเสาธงหน้าสถานีแต่ไกลๆ  สักพักหนึ่งคงปรับปรุงสถานีเสร็จแล้วสวยกว่าเดิม ใครผ่านมาก็ลองแวะเข้าไปชมได้นะครับ (อ้อ..มีห้องน้ำสะอาดด้วย) สำหรับกระทู้นี้ได้ยืดยาวมาเยอะ(มัวแต่พร่ำพรรณาเรื่องสามเหลี่ยมกลับจักร มากไปหน่อย)  ต้องขอยกเรื่อง "เดินสะพานรถไฟข้ามแม่น้ำป่าสัก" ไว้ในกระทู้ข้างล่างนี้นะครับ ติดตามชมต่อไปได้เลยครับ http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E8946737/E8946737.html จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 53 14:56:53

ความคิดเห็นที่ 87   ช่างลุยจริงครับ พี่มิราชช สถานีลำนารยณ์กำลังปรับปรุง ภาพชุดนี้เป็นภาพประวัติศาสตร์เลย จากคุณ : หมอดาริน เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 53 19:15:52

ความคิดเห็นที่ 88   พี่มิราชชครับ จากรูปสามเหลี่ยมจิตรลดาตรงนั้น เส้นสีเหลืองที่ว่า มีรถโดยสารวิ่งผ่านเฉพาะเเที่ยวเช้าวันราชการครับ ขบวน 376 รังสิต - หัวตะเข้ จริงๆแต่ก่อนก็เคยมีอีกหลายขบวนครับ เช่น ฉะเชิงเทรา - อยุธยา, ฉะเชิงเทรา - หัวหิน (ปัจจุบันคือขบวน 261 กรุงเทพ - หัวหินครับ) จากคุณ : Alderwood เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 53 20:34:50

ความคิดเห็นที่ 89   สถานีลำนารายณ์ถ้าผ่านไปช่วงกลางวันเขาจะมีขายข้าวโพดต้มกับมันต้มด้วยหน่ะครับ เป็นจุดพักที่หาของกินได้ไม่กี่จุดบนเส้นทางระหว่างแก่งคอย-บัวใหญ่เลย (สายนี้มันอัตคัดของกินจริงๆ) จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 53 06:50:54

ความคิดเห็นที่ 90   สวัสดีครับคุณหมอดาริน : มองได้สองแง่คือ ไปถ่ายเอาตอนไม่สวยมาโชว์ กับถ่ายตอนที่ไม่ได้มีโอกาสเห็นง่ายๆ ครับ แล้วแต่คิดครับ ขอบคุณสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมของคุณ Alderwood กับคุณ อุ้ย (digimontamer)  ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 53 21:22:42