ความคิดเห็นที่ 1   คราวก่อนที่เดินทางมาไหว้พระแท่นศิลาอาสน์นั้น ผมหาคิวรถสองแถวไปเมืองลับแลไม่เจอครับ คราวนี้ออกจากสถานีรถไฟมาก็เห็นเจ้าสองแถว อุตรดิตถ์-ลับแล-หัวดง จอดรอคิวอยู่ จึงได้โอกาสโดยสารไปดูเมืองลับแลเป็นการฆ่าเวลาเสียเลย ค่าโดยสารอุตรดิตถ์-ลับแลก็ 20 บาทครับ (ถ้าไปหัวดงก็ 20 บาทเช่นกัน สรุปว่าจะลงที่ไหนก็ 20 บาท) รถออกตอน 6 โมงเช้าพอดีครับ และมีรถทุกๆ 1 ชั่วโมง (เฉพาะก่อนเที่ยง ถ้าหลังเที่ยงลงไป 2 ชั่วโมงต่อคันครับ) จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 20:09:03

ความคิดเห็นที่ 2   รถหว่างรอรถสองแถวออกเดินทางก็ลองแวะไปเดินเล่นที่ตลาดเทศบาล 2 เมืองอุตรดิตถ์ตอนเช้าๆดูก่อนครับ ที่นี่มีตลาดเช้าใหญ่ๆ 2 แห่งคือตลาดเทศบาล 2 ตรงใกล้ๆแม่น้ำใหญ่ และตลาดเช้าริมถนนบรมอาสน์ฟากขะโน้นของทางรถไฟ จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 20:10:14

ความคิดเห็นที่ 3   ไปด้วยคนนะคร๊าบ .... อิอิ จากคุณ : ก้อนหินยอดดอย เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 20:10:26

ความคิดเห็นที่ 4   ช่วงนี้ทุเรียนลับแลกำลังมีผลผลิตออกมาเยอะเลยครับ รวมไปถึงผลไม้อื่นๆอีกด้วย ทำให้ในตลาดเช้ามีคนเอาทุเรียนลับแลมาขายมากมาย จากที่สอบถามดูส่วนใหญ่จะเป็นทุเรียนธรรมดาครับ ไม่ใช่หลงและหลินลับแลอันลือชื่อ สนราคาทุเรียนแบบนี้บางทีก็ตกลูกละ 10-20 บาท ตามแต่ขนาดไป จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 20:11:42

ความคิดเห็นที่ 5   เดินจนเกือบ 6 โมงเช้าผมก็กลับไปขึ้นรถสองแถวไปเมืองลับแลครับ (ท่ารถสองแถวจะอยู่ใกล้ๆกับป้ายรถเมล์ที่ไปบ้านนาโคกและฟากท่าครับ คืออยู่เยื้องๆกับโรงแรมวานิช 1 ใกล้ๆตลาดเทศบาล 1) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 15 นาทีก็มาถึงประตูเข้าเมืองลับแล ดินแดนของเจ้าฟ้าฮ่ามกุมารและแม่หม้ายครับ จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 20:13:26

ความคิดเห็นที่ 6   ลับแลแม้จะเป็นอำเภอเล็กๆ แต่ก็โด่งดังนั้นในเรื่องเมืองในตำนานและผลไม้รสอร่อยนานาชนิดครับ แถมมีของกินขึ้นชื่ออย่างข้าวแคบและหมี่พันผักเป็นของชูโรง เช้าที่ลับแลก็เงียบสงบตามแบบอำเภอเล็กๆครับ จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 20:14:34

ความคิดเห็นที่ 7   ที่ลับแลก็มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจหลายแห่งครับ หนึ่งในนั้นก็คือพระธาตุเก่าแก่ที่วัดเจดีย์คีรีวิหาร ว่ากันว่าสร้างโดยเจ้าฟ้าฮ่ามกุมาร ผู้ครองเมืองลับแลยุคแรกๆ มีอายุเกือบพันปีทีเดียว จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 20:16:19

ความคิดเห็นที่ 8   ด้านหน้าเมืองลับแลก็มีอนุสาวรีย์ของพระศรีพนมมาศครับ เป็นคหบดีและข้าราชการเมืองลับแลสมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งได้สร้างความเจริญให้กับเมืองนี้มากมาย จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 20:18:39

ความคิดเห็นที่ 9   ผมก็เดินเล่นที่ลับแลจนราวๆ 7 โมงเช้าครับ ก็ต้องรีบเผ่นกลับมาอุตรดิตถ์เพื่อรอรถไฟขึ้นไปลำพูนกัน ก็อาศัยรถสองแถวลับแล-หัวดง สายเดิมกลับมาลงหน้าสถานีรถไฟหล่ะครับ จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 20:19:55

ความคิดเห็นที่ 10   จากนั้นก็เดินเล่นที่สถานีรถไฟและย่านโรงรถจักรเรื่อยเปื่อย บังเอิญเหลือบไปเจอเจ้า ดาเวนพอร์ท 530 เข้าพอดีครับ ทำสีเสียนิ้งเลยทีเดียว เจ้านี่อายุมากกว่า อายุของผมคูณด้วยสองแค่เกือบ 10 ปีเอง เก่าแก่มากๆ จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 20:21:07

ความคิดเห็นที่ 11   รอที่อุตรดิตถ์จนถึง 9.50 น. ข.407 นครสวรรค์-เชียงใหม่ ก็เดินทางเข้าสู่สถานีอุตรดิตถ์ครับผม ผมจะใช้เจ้านี่โดยสารไปสถานีรถไฟลำพูนครับ ซึ่งแน่นอนว่ามันฟรี และใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมงเศษๆ (ถ้ามันตรงเวลาหน่ะนะ) ข.407 ออกจากอุตรดิตถ์เอาตอน 9.53 น. ครับ และมุ่งหน้าสู่สถานีรถไฟศิลาอาสน์เป็นลำดับต่อไป จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 20:23:09

ความคิดเห็นที่ 12   มาถึงศิลาอาสน์ก็ได้เวลาโด๊ปเสียหน่อยครับ ต้องจัดการเติมน้ำมันให้พร้อมเพื่อเดินทางตะลุยเทือกเขาในภาคเหนือกัน จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 20:23:50

ความคิดเห็นที่ 13   หลังจากซดน้ำมันจนอิ่มประมาณ 10 นาที เจ้า ข.407 ก็ออกเดินทางจากสถานีรถไฟศิลาอาสน์ครับ หยุดรับส่งผู้โดยสารที่ป้ายหยุดรถตลาดท่าเสา, สถานีบ้านด่าน และสถานีปางต้นผึ้งตามลำดับ ที่ปางต้นผึ้งมีคนขึ้นมากันเยอะเลยครับ (ผมก็หลงนึกว่าสถานีนี้ไม่มีคนเสียอีก) ในฤดูนี้ชาวบ้านแถบนี้จะนำพวกผลผลิตทางการเกษตรอย่าง ทุเรียน มังคุด ขนุน มะนาว ฯลฯ บรรทุกขึ้นรถไฟไปขายที่เด่นชัยบ้าง ลำปางบ้าง หรือบางรายก็ขนไปขายไกลถึงเชียงใหม่ก็มีครับ รถไฟเป็นพาหนะที่ประหยัดที่สุด อย่างที่เห็นเขาขนทุเรียนขึ้นไปทีละ 3-4 เข่งนี่ ค่าระวางตกเข่งละ 30 บาทเท่านั้นครับ ส่วนคนขายขึ้นฟรี..... แถมได้เอาทุเรียนหรือผลไม้มาเร่ขายบนรถไฟ หารายได้ไปพลางๆระหว่างทางอีกด้วย หุหุ ปล. ถ้าซื้อทุเรียนกับเขา จะมีบริการมาปอกให้ถึงที่ครับ จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 20:27:45

ความคิดเห็นที่ 14   ออกจากปางต้นผึ้งไปไม่ไกลก็ลอดผ่านอุโมงค์ปางตูบขอบ อุโมงค์รถไฟแห่งแรกของภาคเหนือครับ จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 20:28:37

ความคิดเห็นที่ 15   ตามด้วยอุโมงค์เขาพลึงที่ยาวกว่าอุโมงค์ปางตูบขอบนิดหน่อย จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 20:29:00

ความคิดเห็นที่ 16   วิ่งมาอีกไม่ไกล (แต่เขาจอดทุกสถานีเลยใช้เวลาหลายนาทีหน่อย) ก็มาถึงสถานีรถไฟเด่นชัย สถานีระดับหนึ่งของจังหวัดแพร่ครับ ท่านใดจะลงรถไฟและเดินทางต่อไปยังจังหวัดแพร่และน่าน ก็ลงที่สถานีนี้ได้ครับ มีรถสองแถวบริการส่งท่านถึงสถานีขนส่งเมืองแพร่เลยทีเดียว ออกจากเด่นชัยก็ผ่านสถานีปากปาน และเริ่มเห็นแม่น้ำยมอยู่ทางขวามือครับ พร้อมๆกับการปรากฎตัวของแก่งหลวง จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 20:30:38

ความคิดเห็นที่ 17   ช่วงนี้แม่น้ำยมไม่ค่อยจะมีน้ำเท่าไหร่ครับ แก่งหลวงเลยกลายเป็นโขดหินแล้งๆเสียมาก ภาพไม่ค่อยสวยงามนักแต่ก็แปลกตาไปอีกแบบ เลยสถานีรถไฟแก่งหลวงไปไม่ไกลก็ข้ามสะพานข้ามห้วยแม่ต้าครับ ตรงนี้เป็นจุดที่ห้วยแม่ต้ามาบรรจบกับแม่น้ำยมพอดี จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 20:31:39

ความคิดเห็นที่ 18   ต่อไปไม่ไกลก็ถึงสถานีรถไฟบ้านปินครับ สถานีสำคัญอีกแห่งของจังหวัดแพร่ สถานีนี้ตั้งอยู่ใจกลางชุมชนบ้านปิน ห่างจากที่ว่าการอำเภอลองเพียง 4 กิโลเมตรเท่านั้น จากตรงนี้สามารถต่อรถสองแถวไปอำเภอลอง, อำเภอวังชิ้น และจังหวัดลำปางได้ครับ เมื่อต้นปีตอนผมมาที่นี่ สถานีบ้านปินยังมีสีขาวอยู่เลย แต่ตอนนี้กลายเป็นสีอิฐไปเสียแล้ว เนื่องจากการรถไฟได้งบบางส่วนมาจากงบไทยเข้มแข็งหน่ะครับ เลยเอางบมาปรับปรุงทัศนียภาพของสถานีรถไฟต่างๆเสีย (อย่างสถานีรถไฟทางใต้หลายแห่งก็เอาไปสร้างห้องน้ำใหม่กันอุตหลุด) จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 20:33:58

ความคิดเห็นที่ 19   ข.407 เข้าสถานีบ้านปินเกือบ 12.05 น. ครับ และต้องจอดรอทาง ข.12 จากเชียงใหม่ อยู่นานทีเดียว นับว่าโชคดีที่ ข.407 มารอหลบที่บ้านปินครับ เพราะที่นี่อุดมสมบูรณ์ด้วยของกินนานาชนิด ทั้งข้ามหลาม เมี่ยงสด กล้าวฉาบ และบะหมี่ (เส้นบะหมี่เจ้านี้เขามีร้านผลิตอยู่ในตลาดบ้านปินครับ ร้านก๋วยเตี๋ยวแถวเมืองลองรับบะหมี่จากร้านนี้แทบทั้งสิ้นเลย) เลยได้โอกาสเติมพลังกันอิ่มท้องถ้วนหน้า (ผมก็ฟาดบะหมี่ไป 1 ห่อ+ข้าวหลาม 2 กระบอก เบ็ดเสร็จจ่ายค่าเสียหายไป 30 บาท อิ่มกำลังดี) รออยู่เกือบ 20 นาที ข.12 ก็เข้ามาจอดยังสถานีบ้านปินครับ และก็ได้ฤกษ์ที่ ข.407 จะออกเดินทางต่อเสียที แก้ไขเมื่อ 02 มิ.ย. 53 20:39:57 แก้ไขเมื่อ 02 มิ.ย. 53 20:38:41 จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 20:37:34

ความคิดเห็นที่ 20   นั่งรถไฟไปด้วยกินก๋วยเตี๋ยวไปด้วย น่าสนุกจัง จากคุณ : แมงปอบินเดี่ยว เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 20:38:53

ความคิดเห็นที่ 21   จากสถานีบ้านปิน ข.407 ก็แวะที่สถานีรถไฟผาคัน, ป้ายหยุดรถผาคอ ตามลำดับ ที่ผาคันนั้น ข.407 ได้สวนกับ ข.102 เที่ยวล่องครับ นี่ ข.102 ผ่านผาคันตอนเกือบ 12.40 น. แล้ววันนั้นมันไม่ถึงกรุงเทพกี่โมงหว่า.......(ให้ผมเดาคงไม่ต่ำกว่า 23.00 น. แน่นอน) จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 20:40:20

ความคิดเห็นที่ 22   จากผาคอก็ต่อด้วยสถานีรถไฟปางป๋วยครับ ที่นี่ก็สวนกับรถคู่พี่น้องอย่าง ข.408 (แล้วมันจะไปถึงนครสวรรค์กี่โมงหว่า.....) จากปางป๋วยก็ต่อด้วยสถานีแม่จางครับ จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 20:41:20

ความคิดเห็นที่ 23   พอพ้นแม่จางก็เข้าสถานีรถไฟแม่เมาะ (2 ภาพบน) จากแม่เมาะแล้วก็ศาลาผาลาด, แม่ทะ, หนองวัวเฒ่า  ช่วงนี้มีการเปลี่ยนไม้หมอนเป็นระยะๆครับ ทำให้รถไฟทำความเร็วได้ไม่เต็มที่นัก อย่างไรก็ตามสุดท้ายก็เข้าถึงสถานีรถไฟนครลำปางเสียที (2 ภาพ ล่าง) ที่ลำปางนี้ ข.407 จะเปลี่ยนผลัด พขร และ ชค ครับ โดยให้ผลัดใหม่ขึ้นทำขบวนไปเชียงใหม่แทน (ผลัดเก่าเข้าใจว่าเป็น พขร จาก แขวงนครสวรรค์กระมัง) กว่าจะมาถึงลำปางก็ประมาณ 14.05 น. ครับ จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 20:44:23

ความคิดเห็นที่ 24   จากนครลำปางก็วิ่งผ่านตลาดรัตน์ ตลาดเช้าข้างสถานีรถไฟที่ลือชื่อของเมืองลำปางและก็ข้ามแม่น้ำวังครับ ช่วงนี้แม่น้ำวังแห้งจอดแทบจะเดินข้ามได้เลยทีเดียว จากลำปางก็ผ่านห้างฉัตรและปางม่วง สถานีปางม่วงนี้สามารถลงรถไฟขึ้นไปเที่ยววัดพระธาตุปางม่วงได้ครับ และเป็นสถานีรถไฟที่ตั้งอยู่ตรงโค้งพอดี เหมาะสำหรับลงไปถ่ายภาพไม่น้อย จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 20:45:52

ความคิดเห็นที่ 25   ออกจากปางม่วงก็จะผ่านสถานีแม่ตานน้อย และเริ่มไต่ขึ้นดอยขุนตาน ข้ามสะพานคอมโพสิตและลอดอุโมงค์ขุนตานตามลำดับครับ จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 20:46:35

ความคิดเห็นที่ 26   พ้นจากอุโมงค์ก็คือสถานีรถไฟขุนตาน ซึ่งสามารถลงที่นี่แล้วขึ้นไปเที่ยวดอยขุนตานได้ครับ ผมมาถึงขุนตานตอนเกือบ 15.30 น. ครับ ตอนนี้คุณนกสุโขทัย ที่มาเที่ยวขุนตานก่อนผมคงจะขึ้นไปถึง ย.2 แล้วกระมัง หุหุ จากขุนตานก็ข้ามสะพานทาชมภู สะพานคอนกรีตสีขาวที่เป็นสัญลักษณ์ของแถบนี้ครับ จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 20:48:13

ความคิดเห็นที่ 27   สวัสดีครับคุณอุ้ย รู้สึกว่าจะนั่งรถไฟเที่ยวบ่อยนะครับ ผมก็ชอบนะ ได้เห็นวิวทิวทัศน์ สวยๆ ท้องนาบ้าง ขอบคุณที่พาไปเที่ยวบ่อยๆครับ จากคุณ : ม่วงมหากาฬ เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 20:49:05

ความคิดเห็นที่ 28   ผ่านสถานีรถไฟทาชมภูและศาลาแม่ทา ที่ศาลาแม่ทาก็รอหลบเจ้า ข.52 เที่ยวกลับกรุงเทพครับ ซึ่งวันนี้จัดพหุด้วยปู่ GE มาตั้งแต่เชียงใหม่เลย ออกจากศาลาแม่ทาก็เป็นหนองหล่ม และวิ่งยาวกว่า 15 กิโลเมตรเข้าสู่สถานรถไฟลำพูน จุดหมายปลายทางของผมครับ วันนี้ ข.407 มาถึงสถานีรถไฟลำพูนตอน 16.35 น. พอดีครับ รวมเวลาเดินทางจากอุตรดิตถ์มาลำพูนก็เกือบ 7 ชั่วโมงเศษๆ แต่นั่งดูนั่นดูนี่ไปเรื่อยๆก็รู้สึกว่าผ่านไปเพียงพริบตา จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 20:50:59

ความคิดเห็นที่ 29   สถานีรถไฟลำพูนเป็นสถานีระดับ 2 ประจำจังหวัดลำพูนครับ อยู่ที่ ก.ม. 729 จากกรุงเทพและห่างจากสถานีรถไฟเชียงใหม่ราวๆ 20 กว่ากิโลเมตร ตัวสถานีตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองเก่าของลำพูนประมาณ 2.5 กิโลเมตรครับ มีถนนเชื่อมเข้ามาที่สถานี 2 สายสำคัญๆคือ ถนนสันป่ายางและถนนเจริญตาครับ จากตรงนี้รอบๆไม่ค่อยจะมีบ้านเรือนมากนัก ต้องข้ามฟากมาอีกฟากของสถานีรถไฟ หรือเดินออกไปทางถนนเจริญตาจึงจะค่อยมีบ้านคนหน่อย จากสถานีรถไฟลำพูนจะเข้าตัวเมืองลำพูนก็มีหลากหลายวิธีครับ 1. เดินเท้า ราวๆ 2.5 กิโลเมตร 2. ใช้บริการมอเตอร์ไซด์รับจ้างหน้าสถานี 3. เดินออกไปตามถนนเจริญตาราวๆ 500 เมตรก็จะถึงถนนลำพูน-เชียงใหม่ครับ จากตรงนี้สามารถโบกพวกรถสองแถวสาย ลำพูน-เชียงใหม่ หรือรถประจำทางเข้าไปในตัวเมืองลำพูนได้ ค่ารถก็ 10 บาทถ้วน ช่วงที่ผมไปนี้สถานีรถไฟลำพูนก็กำลังปรับปรุงย่านสถานีและทาสีใหม่พอดีครับ จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 20:56:49

ความคิดเห็นที่ 30   จากสถานีรถไฟลำพูน แน่นอนว่าผมก็เดินเข้าเมืองตามระเบียบครับ ผมเดินเลียบทางรถไฟลงมาเรื่อยๆจนถึงสะพานข้ามแม่น้ำกวง ซึ่งเป็นแม่น้ำสำคัญของจังหวัดลำพูนครับ จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 20:58:24

ความคิดเห็นที่ 31   แม่น้ำกวงนั้นแม่จะมีขนาดไม่ใหญ่แต่ก็เป็นแม่น้ำสำคัญของลำพูนครับ ตัวเมืองโบราณของลำพูนก็ตั้งอยู่ข้างๆแม่น้ำสายนี้แล น่าเสียดายที่ปัจจุบันสภาพน้ำในแม่น้ำกวงไม่ค่อยจะดีนัก น้ำมีกลิ่นและมีผักตบชวาเป็นจำนวนมาก จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 21:00:22

ความคิดเห็นที่ 32   จากสะพานรถไฟข้ามแม่น้ำกวง เดินเลี้ยวขวาไปไม่ไกลก็จะเจอกับกู่ช้างและกู่ม้า สถานที่สำคัญที่ควรแวะมาชมเมื่อมาเยือนเมืองลำพูนครับ กู่ช้างกู่ม้าเป็นเจดีย์ทรงกลมๆแปลกตาที่สร้างขึ้นตั้งแต่ยุคพระนางจามเทวีตั้งเมืองลำพูนเลยทีเดียว ที่นี่เป็นสถานที่บรรจุช้างและม้าคู่ใจของพระเจ้ามหันตยศ ซึ่งเป็นผู้ครองเมืองหริภุญชัยลำพูนต่อจากพระนางจามเทวีครับ (เป็นโอรสของพระนางนั้นแล) องค์แรกคือกู่ช้าง จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 21:03:12

ความคิดเห็นที่ 33   อีกองค์ด้านหลังคือกู่ม้าครับ เป็นเจดีย์ที่บรรจุม้าคู่ใจของพระเจ้ามหันตยศ เช่นกัน จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 21:04:15

ความคิดเห็นที่ 34   ภาพเจ้าพ่อกู่ช้างครับ ช้างเชือกนี้ตามตำนานชื่อว่า ภู่ก่ำงาเขียว เป็นพญาช้างที่ตำนานเล่าว่าท่านหลงฝูงมาจากดอยอ่างสรง (ที่เชียงดาวโน่น) ครับ เนื่องจากเทวดาท่านเห็นว่าพระนางจามเทวีตั้งเมืองหริภุญชัยแล้วยังไม่มีช้างคู่บารมี เลยบันดาลให้ฝนตกหนักแถบเชียงดาวถึง 7 วัน 7 คืน พญาช้างภู่ก่ำงาเขียว ติดฝนและผลัดหลงจากฝูงมาจนถึงท่าน้ำเมืองหริภุญชัย พระนางจามเทวีเลยไปเชิญเข้าเมืองมาเป็นช้างทรงและตกถึงเจ้ามหันตยศครับผม ว่ากันว่าพญาช้างเชือกนี้ไปชนกับช้างจากที่ไหน ช้างที่เป็นศัตรูล้วนเกรงกลัวบารมีไม่กล้าปะงาด้วยทั้งสิ้น จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 21:09:42

ความคิดเห็นที่ 35   ออกจากกู่ช้างกู่ม้าไปไม่ไกลก็จะถึงวัดไก่แก้วครับ หน้าวัดไก่แก้วก็มีกู่ไก่ เป็นเจดีย์ทรงคล้ายกู่ช้างกู่ม้าตั้งอยู่ ว่ากันว่าเป็นที่บรรจุร่างของไก่วิเศษที่คอยปกป้องเมืองลำพูนมาแต่โบราณ ตามนิทาน (ที่ผมจำมาจากป้ายหน้าวัดไก่แก้ว) เขาเล่าว่า สมัยที่เมืองละโว้กับหริภุญชัยเป้นศัตรูกันนั้น เมืองลำพูนมีไก่วิเศษตัวหนึ่ง จะกู่ขันร้องเพื่อปกป้องเมืองจากภัยอันตรายนานาประการครับ เสียงขันของไก่ขาววิเศษนี้ทำให้พระเจ้าเมืองละโว้กังวลมากว่าจะเป็นอุปสรรคในการบุกตีเมืองลำพูน จึงหาทางกำจัดไก่ขาวเสีย โดยการบนบานให้เทพประจำเมืองละโว้ จำแลงตนเป็นพราหมณ์ลอบเข้าไปในเมืองหริภุญชัยครับ และพอเทพจำแลงไปพบไก่แก้วเข้าก็เอาไม้วิเศษตีจนไก่แก้วถึงแก่ความตาย ต่อมาพอพระเจ้าหริภุญชัยทราบว่าไก่แก้วถูกทำร้ายตายเสียแล้วก็อาลัยนัก จึงนำร่างของไก่แก้วบรรจุไว้ในเจดีย์ให้คอยปกป้องเมืองสืบต่อมาครับผม จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 21:38:58

ความคิดเห็นที่ 36   หลังวัดกู่ไก่ก็คือวัดไก่แก้วครับ วัดที่สร้างเพื่อระลึกถึงไก่ขาววิเศษที่คอยปกป้องเมือง จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 21:40:30

ความคิดเห็นที่ 37   จากวัดไก่แก้ว ผมก็เดินวกไปวกมาด้วยความงงสักพัก ก็ทะลุออกมายังริมถนนสันป่ายางครับ เดินไปอีกนิดหน่อยก็คือวัดสันป่ายางหลวง วัดสำคัญนอกเมืองเก่าของลำพูนอีกแห่งหนึ่ง วัดสันป่ายางหลวงนี้ว่ากันว่าเป็นวัดแห่งแรกของดินแดนล้านนาครับ สร้างขึ้นเมื่อเกือบ 1500 ปีมาแล้ว เป็นสถานที่ซึ่งพระพุทธศาสนาได้ปักหลักมั่นคงลงในภาคเหนือของไทย มีพระวิหารที่สวยงามและสิ่งก่อสร้างสำคัญๆมากมาย จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 21:43:15

ความคิดเห็นที่ 38   ด้านหลังพระวิหารคือพระเจดีย์ทองคำ ที่ได้มีการเชิญพระอัฐิธาตุของพระอัครสาวกซ้าย-ขวาของพระพุทธองค์คือพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะมาประดิษฐานที่นี่ครับ จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 21:44:28

ความคิดเห็นที่ 39   อีกสถานที่สำคัญก็คือ วิหารพระโขงเขียว ครับผม จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 21:45:17

ความคิดเห็นที่ 40   ภายในวิหารพระโขงเขียวก็ประดิษฐ์ฐานองค์พระแก้วเขียวหรือชื่อเต็มๆว่า พระพุทธอัญญรัตนมหานทีศรีหริภุญชัย ซึ่งตามตำนานเล่าว่า ได้แกะสลักขึ้นจากรัตนชาติสีเขียวที่ปรากฎขึ้นจากแม่น้ำโขงครับ (พระแก้วเขียวหรือพระเขียว คือพระพุทธรูปองค์เล็กๆที่อยู่เบื้องบนของพระพุทธรูปองค์ใหญ่ในภาพซ้ายบนครับ ภายในวิหารออกจะมืดไปนิดเลยถ่ายมาไม่ชัดนัก แต่พระท่านงามมากๆ หากไปเที่ยวลำพูนก็แวะไปกราบกันได้ครับ) วันนี้ยังเป็นวัดที่เป็นสถานที่ถวายพระเพลิงพระนางจามเทวีอีกด้วย แก้ไขเมื่อ 02 มิ.ย. 53 21:48:44 จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 21:47:13

ความคิดเห็นที่ 41   ตามคุณอุ้ยไปเที่ยวด้วย.... แต่ทำไม น้องๆ อัลธอม GE มอม ได้ใจจริงๆๆ ตอนนี้กำลังทำภารกิจ ไปดักถ่ายรูป พขร กะ ชค โยนห่วง รับห่วง ยังไม่ได้รูปแจ่มๆเลย ได้นั่งเที่ยวเฉพาะสายอิสาน อยากนั่งไปสายเหนือบ้าง แอบแจมรูปรถไฟนะ จากคุณ : Sugarbean เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 21:49:45

ความคิดเห็นที่ 42   จากวัดสันป่ายางหลวงก็เดินไปวัดพระคงฤาษีกันต่อครับ วัดนี้อยู่หลังโรงพักจังหวัดลำพูนพอดี เป็นวัดเก่าแก่ 1 ใน 5 วัด ที่พระนางจามเทวีสร้างขึ้นตอนมาครองหริภุญชัยครับ ภายในมีพระเจดีย์ที่ศักดิสิทธิ์และงดงามมากๆ จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 21:49:59

ความคิดเห็นที่ 43   ด้านหลังโรงพักเมืองลำพูนเป็นพิพิธภัณฑ์ตำรวจเมืองลำพูนครับ ผมไปเย็นไปหน่อยเขาเลยปิดทำการไปแล้ว จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 21:51:26

ความคิดเห็นที่ 44   เดินเลยโรงพักเมืองลำพูนมานิดก็คือประตูเมืองด้านทิศเหนือครับ ชื่อว่าประตูช้างสี เพราะอยู่ติดกับวัดช้างสีนี้แล เมืองหริภุญชัยโบราณมีประตูเมืองใหญ่ๆ 5 แห่งคือ ประตูช้างสี, ประตูมหาวัน, ประตูท่านาง, ประตูท่าขาม และประตูลี้ครับ ประตูช้างสีอยู่ทางทิศเหนือของเมืองพอดี ที่ลำพูนนี้ยังคงอนุรักษ์แนวกำแพงเมืองและคูเมืองเก่าเอาไว้ได้ค่อนข้างจะสมบูรณ์มากครับ ในประเทศไทยเราคงจะเหลือไม่กี่เมืองหรือจังหวัดที่มีการอนุรักษ์แนวกำแพงเมืองและคูเมืองเก่าเอาไว้ได้รอบด้านและครบถ้วนแบบนี้ (ในแถบภาคเหนือที่มีแนวกำแพงสมบูรณ์เข้าใจว่ามีแต่ เชียงใหม่และแพร่เท่านั้น เมืองหรือจังหวัดอื่นๆจะแปรสภาพไปเกือบหมด หรือเหลือแค่เพียงบางส่วนเท่านั้น) จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 21:57:28

ความคิดเห็นที่ 45   ผมก็เดินเข้าเมืองทางด้านประตูช้างสีนี้แลครับ เดินตรงไปตามถนนสายหลักที่ผ่านใจกลางเมืองเรื่อยๆ ตอนเย็นๆบรรยากาศก็เงียบๆนิดหน่อย ร้านรวงที่ขายตอนกลางวันส่วนใหญ่ก็ทะยอยปิดร้านกันแล้ว จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 21:58:53

ความคิดเห็นที่ 46   ก่อนอื่นก็ไปหาที่พักก่อนครับ ที่พักที่ผมจะไปพักนี้อยู่นอกเขตเมืองเก่าออกไปทางวัดมหาวันครับ เลยวัดมหาวันไปตามถนนจามเทวีราวๆ 200 เมตรก็จะถึง เป็นคล้ายๆห้องเช่ารายวัน ชื่อว่า ธารีรัตน์ คอร์ท ราคาค่าห้องก็พัดลม 250 บาท ห้องแอร์ 300 บาทครับ สภาพห้องก็พอใช้ได้ไม่เลวนักคุ้มกับที่จ่าย จริงๆถ้าต้องการที่พักราคาประหยัดกว่านี้ก็พอหาได้แถวริมถนนสันป่ายางใกล้ๆสถานีรถไฟครับ แต่ผมคิดว่าตรงนั้นไกลจากตัวเมืองเก่าและตลาดไปนิด เดินไปเดินมาหาของกินลำบาก เลยมาเอาแถวนี้ดีกว่า หุหุ จากนี้ิไปก็เก็บข้าวของ อาบน้ำเตรียมจะออกไปเดินถนนคนเดินเมืองลำพูนริมคูเมือง ไปหาของกินที่ตลาดหนองดอก และก็ไปวัดพระธาตุหริภุญชัยเพื่อเวียนเทียนในวันวิสาขบูชาครับผม ขอยกยอดไปต่อตอนหน้าจะดีกว่า ขอบพระคุณทุกๆท่านที่แวะมาเยี่ยมชมมากๆครับ จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 22:02:26

ความคิดเห็นที่ 47   เรียนคุณ ก้อนหินยอดดอย----ขอบคุณมากๆครับผม----- เรียนคุณ แมงปอบินเดี่ยว----ขอบคุณมากๆครับผม ผมชอบรถไฟอย่างหนึ่งก็ตรงมีอาหารการกินนี้แลครับ----- เรียนคุณ ม่วงมหากาฬ----ขอบคุณมากๆครับผม----- เรียนคุณ Sugarbean----ขอบคุณมากๆครับผม กลางเดือนนี้ผมวางแผนว่าถ้ามีเวลา จะนั่งรถไฟไปเที่ยวงานผีตาโขนที่ด่านซ้ายดูบ้างครับ ไม่ได้กลับไปนั่งรถไฟสายอีสานมาเกือบ 3 เดือนแล้ว หุหุ----- จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 22:06:17

ความคิดเห็นที่ 48   ตามติดชิดขอบรางครับผม จากคุณ : มู๋มิลค์ตัววาฬ เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 22:36:19

ความคิดเห็นที่ 49   เป็นรีวิวที่สนุกมากค่ะ                       จากคุณ : ไก่แก่แม่ปลาช่อน เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 22:36:57

ความคิดเห็นที่ 50   แวะมาตามไปเที่ยวด้วยคน เร็วๆนี้ก็จะไปเหมือนกันครับ แต่ไปแค่แถวๆทาปลาดุก คุณ Sugarbean - อย่างน้อยแถวนั้นก็ได้เจอพวกรถพลังงาน แถมได้ Alsthom Refurbish ใส่เครื่อง CAT อีกแน่ะ แถวกทม.ไม่ค่อยเจอเลย จากคุณ : Alderwood เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 23:14:40

ความคิดเห็นที่ 51   ชอบมากเลยค่ะนั่งรถไฟแบบนี้...มีของขายตามสถานี... จากคุณ : ป้าฟู เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 23:27:30

ความคิดเห็นที่ 52   ขอบคุณรีวิวสวยมากค่ะ จากคุณ : mamyammy เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 23:50:50

ความคิดเห็นที่ 53   ชอบลำพูนมานานแล้วครับ แฟนก็คนลำพูน ขอบคุณสำหรับการรีวิวครับ :-) จากคุณ : DekDoiTung เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 53 00:32:54

ความคิดเห็นที่ 54   ขอนั่งรถไฟตามไปเที่ยวด้วย เห็นรีวิวแล้วอยากไปบ้าง จังหวัดนี้ยังไม่เคยไปอ่ะ จากคุณ : น้องอ้วนกะพี่ผอม เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 53 08:11:45

ความคิดเห็นที่ 55   รอชมตอนต่อไปค่ะ ชอบมากเลยพาเที่ยวแบบนี้ ละเอียดดี สามารถไปตามได้เลยจ๊ะ จากคุณ : travel alone2010 เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 53 08:29:40

ความคิดเห็นที่ 56   เที่ยวด้วยรถไฟดีจังค่ะ เคยไปแต่เชียงใหม่ สุราษฏร์ ยังประทับใจอยู่เลย  (จะเซ็งตอนตกรางเนี่ยแหละ)   ลำพูนน่าเที่ยวมากค่ะ เคยเที่ยวแต่รอบนอก มีโอกาสคงต้องไปเที่ยวอีก  รีวิวสวยดีค่ะ จากคุณ : ม่านบาหลี เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 53 08:53:21

ความคิดเห็นที่ 57   ประทับใจ ลำปางมาแล้ว    จะขอลุยลำพูน ตามรอยบ้างนะครับ                               จากคุณ : ..sp@wn.. เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 53 09:18:00

ความคิดเห็นที่ 58   รีวิวได้ถูกใจมาก มีข้อมูลประกอบด้วยเยื่ยมครับ.. จะตามไปด้วยทุกทริป จากคุณ : Joe Monster_1009 เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 53 11:05:20

ความคิดเห็นที่ 59   เห็นชื่อคุณ digimontamer แล้วต้องรีบคลิกเข้ามาอ่านรีวิวโดยพลัน มั่นใจว่าต้องมีเรื่องราวการเดินทางด้วยรถไฟพร้อมข้อมูลแน่นปึ๊กอีกตามเคย ขอบคุณนะครับ ที่ร่วมแบ่งปันเรื่องราว จากคุณ : Cyberbean เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 53 12:36:42

ความคิดเห็นที่ 60   ขอนั่งรถไฟไปลงเด่นชัยด้วยคนนะคะ จะไปบ้านน้าสาว อยู่บ้านวังหงษ์ค่ะ จากคุณ : บัวนลิน เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 53 12:55:06

ความคิดเห็นที่ 61   การนั่งรถไฟเที่ยวก็ดูสนุกอีกแบบนะ จากคุณ : Ann@Ohm เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 53 16:41:33

ความคิดเห็นที่ 62   ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาเยี่ยมชมมากๆครับ เรียนคุณ มู๋มิลค์ตัววาฬ----ขอบคุณมากๆครับผม----- เรียนคุณ ไก่แก่แม่ปลาช่อน----ขอบคุณมากๆครับผม----- เรียนคุณ Alderwood----ขอบคุณมากๆครับผม คุณ Alderwood จะไปขึ้นดอยขุนตานอีกหรือครับ ----- เรียนคุณ mamyammy----ขอบคุณมากๆครับผม----- เรียนคุณ DekDoiTung----ขอบคุณมากๆครับผม----- เรียนคุณ น้องอ้วนกะพี่ผอม----ขอบคุณมากๆครับผม----- เรียนคุณ travel alone2010----ขอบคุณมากๆครับผม----- เรียนคุณ ม่านบาหลี----ขอบคุณมากๆครับผม เวลาที่ต้องหยุดรอนานๆบนรถไฟ ที่หยุดอยู่เฉยๆก็น่าเซ็งเช่นกันครับ แถมยังร้อนอีกต่างหาก----- เรียนคุณ..sp@wn..----ขอบคุณมากๆครับผม ----- เรียนคุณ ป้าฟู----ขอบคุณมากๆครับผม รถไฟสายเหนือของกินเยอะจริงๆครับ----- เรียนคุณ..sp@wn..----ขอบคุณมากๆครับผม ----- เรียนคุณ Joe Monster_1009----ขอบคุณมากๆครับผม----- เรียนคุณ Cyberbean----ขอบคุณมากๆครับผม----- เรียนคุณ บัวนลิน----ขอบคุณมากๆครับผม ผมอยากจะหาโอกาสไปเที่ยววัดพระธาตุดอนโตน  ที่วังหงษ์มานานแล้ว ยังไม่มีโอกาสไปเสียที เคยได้ยินว่าเวลามีงานไหว้พระธาตุดอนโตน เป็นงานที่น่าไปชมมากๆเลย----- เรียนคุณ Ann@Ohm----ขอบคุณมากๆครับผม ข้อดีคือ สนุก+ประหยัด+ของกินเยอะครับ----- จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 53 20:54:24

ความคิดเห็นที่ 63   ดีจังครับ นั่งรถไฟกลางวัน ได้เห็นอุโมงค์ทั้งสี่แห่งและสะพานใหญ่ๆ ด้วย สำหรับอุโมงค์ในคห.21 จขกท.ไม่ได้บอกชื่อ ผมไปค้นมา คืออุโมงค์ห้วยแม่ลาน อยู่ระหว่าง สถานีบ้านปิน กับสถานีผาคัน ผมอยากไปเดินสำรวจเหมือนกัน เอาไว้เก็บรวบยอดทีเดียว... จากคุณ : มิราชช (mirage_II) เขียนเมื่อ : วันสิ่งแวดล้อมโลก 53 23:19:07

ความคิดเห็นที่ 64   ปรบมือให้ครับ จากคุณ : oumbkk เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 53 13:10:44

ความคิดเห็นที่ 65   ขอบคุณเจ้าของกระทู้ที่พาเที่ยวในบ้านตัวเอง(ลำพูน)  เคยคิดว่าลำพูนไม่มีที่เที่ยว  แต่หลังจากได้ชมกระทู้ความคิดก็เปลี่ยนไป โอกาสหน้าถ้ามาเยือนอีก  จะแนะนำที่พักให้นะคะ จากคุณ : ผ้าฝ้ายสีสวย เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 53 09:35:57