ความคิดเห็นที่ 1   ฤดูใบไม้ผลิ จะเริ่มขึ้นวันที่ 21 หรือ 22 มีนาคม จนถึงเดือนมิถุนายนนับเวลาประมาณเก้าสิบวัน ฤดูแห่งการชมดอกไม้หัว เจ้าครอคคัสหลากสีจะแย่งกันเบ่งบานบนพรมหิมะขาวสะอาด สถานที่น่าเที่ยวในช่วงนี้คือพวกปราสาทเก่า และเมืองเก่าทั้งหลาย คุณจะได้บรรยากาศความงามที่ดูขลังแบบธรรมชาติ หลังจากครอครัสบานไปแล้ว เริ่มเข้าสู่เดือนฤดูใบไม้ผลิอย่างแท้จริง นาซิสซัสสีเหลือง ขาว และส้ม จะบานอวดความงามตัวเองอยู่ตามริมคลองและข้างถนน ไฮยาซินต์จะส่งกลิ่นหอมอบอวล แล้วจึงตามด้วยทิวลิป ส่วนตามเริมถนนดอกเชอรี่ ดอกส้ม และแอปเปิ่ลบลอสซัมจะบานสะพรั่งทิ้งกลีบสีขาวสีชมพูเต็มพื้นให้ดูเพลินตาในช่วงตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์ ไปจนถึง กลางเดือนเมษายนแล้วแต่พันธุ์ ช่วงปลายกุมภาพันธ์นี้จะเป็นช่วงหยุดฤดูใบไม้ผลิ เด็กๆจึงไม่ต้องไปโรงเรียน ในแคว้นนอร์ด บราบั้นท์ Noord brabant และลิมเบิร์ก Limburg จะมีเทศกาลคานาวัล เป็นวันที่เรียกได้ว่า วันคนบ๊อง เพราะชาวบ้านชาวเมืองจะออกมาเดินร่อน หาอะไรดึ่ม พูดคุยและแต่งตัว โดยไม่ได้แต่งในเชิงสวยงามเหมือนเทศกาลคาร์นิวัลในประเทศอื่นๆ แต่คนดัตช์จะนำมุ้ง ผ้าม่าน ผ้าปูที่นอน มาแต่งตัวให้ดูขำๆ เด็กๆก็จะแต่งตัวเป็นเจ้าหญิงเจ้าชายหรือตัวประหลาด ใครที่อยากดูเทศกาลแบบยุคกลาง ไปชมได้ที่เมืองเล็กๆชื่อบรีลเล่อะ Brielle ในเขตเซาท์ฮอลลันด์ Zuid-holland ค่ะ ทุกวันที่ 1 เมษายน เมืองนี้จะมีเทศกาลประจำเมืองที่น่าดูชมอีกแห่งหนึ่ง ช่วงนี้แนะนำของฝากคือช็อคโกแลตอีสเตอร์รูปร่างแปลกๆ น่ารักๆ ที่จะมีขายกันในตลาดในช่วงเดือนกลางมีนาคม-เมษายน เป็นรูปกระต่าย ไก่ และไข่ สัญลักษณ์แห่งอีสเตอร์ สำหรับคนที่จะมาท่องเที่ยวสวนดอกไม้เคอเคนฮอฟ (ในเขตเมืองลิสเซ่อะ Lisse) ช่วงเวลาที่เปิด ก็จะอยู่ในช่วงกลางเดือนมีนาคมถึงกลางเดือนพฤษภาคมทุกๆปี สำหรับใครที่ชอบความงามแบบไม่ปรุงแต่ง ก็สามารถเช่าจักรยานไปเที่ยวทุ่งดอกไม้ ได้จากหลายๆ เมือง โดยเทศกาลขบวนพาเหรดดอกไม้แห่งบลูมโบลเลิ่นเสตร็ค  Bloembollenstreek จะอยู่ในวันเสาร์ช่วงประมาณวันที่ 21-24 เมษายนแล้วแต่ปี เลยมาอีกหนึ่งอาทิตย์ในช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์ปลายเดือน ต่อไปจนถึงต้นเดือนพฤษภาคมก็จะมีเทศกาลวันดอกไม้แห่งชาติ บลูมเมิ่นดาเคิ่น (Bloemendagen) ที่แต่ละบ้านจะตกแต่งโมเซคด้วยดอกไม้ มาประกวดประชันกัน เมืองนี้ยังมีทุ่งดอกไม้ที่เรียกว่าเป็นอาณาเขตกว้างใหญ่ที่สุดในเนเธอร์แลนด์อีกด้วย อากาศยังจัดว่าหนาวสำหรับคนไทยคือประมาณตั้งแต่ 8 ถึง 20 องศาเซลเซียสในเวลากลางวัน ทั้งยังอาจมีฝนปรอยๆ ได้ระหว่างวัน ควรใส่เสื้อแจ็คเก็ตที่กันลมกันฝนได้ ใส่หมวกหรือพกร่มเล็กๆ กันเป็นหวัด สถานที่ท่องเที่ยวทั่วไปจะเริ่มเปิดทำการอีกครั้งหนึ่งในเดือนเมษายนหรือพฤษภาคม อย่าลืมว่าดอกไม้หัวเมื่อบานแล้ว จะไม่ออกดอกใหม่ แต่ดอกตูมจะทยอยกันบานจนครบ หากคุณมาในช่วงปลายฤดูในเดือนพฤษภาคมอาจจะไม่ได้เห็นดอกไม้หลายชนิดอีกต่อไปแล้ว ฤดูร้อนจะเข้ามาแทนที่ ต้นไม้จะเริ่มเขียวครึ้ม ช่วงนี้แดดจะเริ่มแรง แต่จำไว้ว่าวันใดที่แดดแรง ลมก็จะแรงและอากาศจะหนาว ช่วงนี้ในตลาดจะมีผลไม้อร่อยออกมาให้เลือกกันหลายแบบ ใครที่ชอบกินเชอรี่ก็ควรจะมาสักช่วงเดือนพฤษภาคม คุณจะได้กินเชอรี่กันแบบหนำใจ ในราคาแสนถูก จากคุณ : เที่ยวไปสองไพเบี้ย เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 09:24:00

ความคิดเห็นที่ 2   ฤดูร้อน จะเริ่มขึ้นวันที่ 21 หรือ 22 มิถุนายน ไปจนถึงเดือนกันยายนนับเวลาสามเดือน หลังจากดอกไม้หัวร่วงโรยไปหมด ตุ่มเขียวๆบนต้นไม้ที่เราเห็นกิ่งอ่อนๆในหน้าร้อย จะกลายเป็นใบเขียวเข้มสะพรั่งไปทั้งต้น ไม้ใหญ่จะเริ่มออกดอก สองข้างถนนที่มีต้นไม้ใหญ่ คุณอาจจะเห็นต้นเกาลัดจะโรยดอกสีขาว สีชมพูลงปูพื้นเมื่อลมพัดแรง ในขณะที่สองตายาย ใส่เสื้อยืดกางเกงขาสั้น ปั่นจักรยานคุยกันอย่างไม่รีบร้อนไปตามเลนจักรยาน ในกลิ่นสดชื่นของฤดูร้อน ฤดูนี้อากาศจะไม่หนาวอีกต่อไป คนไทยที่มาเที่ยวในช่วงกลางฤดูร้อน คือเดือนกรกฏาคมและสิงหาคม คุณสามารถแต่งตัวแบบที่อยู่เมืองไทยได้ เพียงแต่มีแจ็กเก็ตแขนยาวตัวบางๆไว้อีกตัวเพื่อกันลม และฝนที่อาจตกนิดหน่อยเหมือนพระวสันต์พรมน้ำเล่น หากต้องการไปเที่ยวเมืองเล็กๆหลีกหนีความพลุกพล่าน ช่วงนี้จะเป็นเวลาที่ดีที่สุด สถานที่แนะนำก็คือคี้ทฮอร์น Giethoorn เวนิสสีเขียวแห่งเนเธอร์แลนด์ หมู่บ้านชาวนาแบบดัชต์แห่งนี้จะมีสวนดอกไม้ฤดูร้อนบานสะพรั่งสวยงามต้อนรับคุณ   หน้านี้จะเป็นเวลาของดอกไม้หลากสีอื่นๆ จะเข้ามาแทนที่ เพราะฉะนั้นคุณไม่ขาดความงามของเมืองดอกไม้เป็นแน่ สวนกุหลาบและสวนสัตว์เป็นอีกที่ที่ไม่น่าพลาด สวนสัตว์ที่แนะนำก็ได้แก่เดียร์การ์ด ไบลย์ดอร์ป Diergaarde Blijdorp ที่รอตเตอร์ดัม Rotterdam, เบอร์เกอร์ ซู Burger Zoo ในอาร์นเน็ม Arnhem, อ้าเปิ้นเฮิล Apenheul ที่เมืองอ้าเปิ้ลดอร์น Apeldoorn, หรือจะลองซาฟารีเปิด เบ๊คเซ่อะ แบร์คBeekse Berg ขับรถเข้าไปอยุ่ในดงสิงโตก็ไม่ว่ากัน ในช่วงฤดูร้อนนักท่องเที่ยวยังมีผลพลอยได้จากค่าบริการรถไฟราคาพิเศษ แถมยังเป็นช่วงที่โรงเรียนปิดเทอม (เดือนกรกฏาคมและสิงหาคม) ใครๆก็ออกไปเที่ยวนอกบ้านกัน สถานที่ท่องเที่ยวจึงดูครึกครื้น อาจทำให้บางสถานที่คนแน่นมาก สำหรับคนชอบช้อปปิ้ง ฤดูร้อนยังเป็นช่วงสินค้าลดราคาอีกช่วงหนึ่งของปี ในเดือนกรกฏาคม ร้านรวงจะทำการรุสต็อก จึงมีสินค้าพวกเสื้อผ้าและแฟชั่นมาลดราคากันถึง 75 เปอร์เซ็นต์อีก โดยพอหมดสิ้นดือนกรกฏาคม ก็จะมีคอลเลคชั่นใหม่มาให้เลือก ใครที่เดินตามแฟชั่นและอยากมาดูแบบใหม่ๆ ที่นำสมัยก็มาดูกันได้ในช่วงสิงหาคมนี้ค่ะ หน้าร้อนเป็นอีกช่วงที่ทางการขนส่งมวลชนจะเปลี่ยนตารางรถมาเป็นตารางหน้าร้อน นั่นก็คือรถจะวิ่งด้วยความถี่น้อยลง เพราะนักเรียนดัตช์ไม่ต้องไปโรงเรียน นอกจากนั้นปลายฤดูร้อนช่วงต่อของฤดูใบไม้ร่วงก็ยังมีขบวนรถบุปผชาติให้ชมกันที่อาลสเมียร์ Aalsmeer เมืองที่มีตลาดประมูลดอกไม้ที่มีชื่อเสียง ในช่วงสุดสัปดาห์สุด้ายของเดือนสิงหาคม ต่อกับกันยายนของทุกปี รูปประกอบ จิ๊กมาจาก Wikipedia ค่ะ เป็นเมืองป้อมปราการที่เล็กที่สุดในเนเธอร์แลนด์ ชื่อ Bourtange อยู่ห่างจากชายแดนเยอรมันนีไปไม่ถึงสามกิโลเมตร จากคุณ : เที่ยวไปสองไพเบี้ย เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 09:28:26

ความคิดเห็นที่ 3   เที่ยวเนเธอร์แลนด์ในฤดูใบไม้ร่วง จะเริ่มขึ้นวันที่ 21 หรือ 22 กันยายน ไปจนถึงเดือนธันวาคมนับเวลาสามเดือน ฤดูแห่งสีสันที่หลายๆคนหลงใหล ใบไม้จะเริ่มเปลี่ยนสี เป็นสีเหลืองส้มแดง และร่วงหล่นลงสู่พื้น ชาวบ้านชาวเมืองจะรื้อตู้เสื้อผ้า เอาเสื้อผ้าฤดูหนาวออกมาเตรียม และทำความสะอาดบ้านกันยกใหญ่ก่อนฤดูหนาวจะมาเยือน เวลาคุณเดินผ่านหลายๆ บ้าน เจ้าของบ้านมักจะง่วนอยู่กับการเช็ดกระจกในเช้าวันหยุด   ในวันที่อากาศดีแดดจะแรงฟ้าใสมาก เป็นการเตือนให้รู้ว่าวันนั้นอากาศหนาวเป็นพิเศษ อากาศจะกลับไปหนาวเท่าๆกับช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิ และอาจหนาวได้จนถึง 5 องศาในช่วงต่อเข้าฤดูหนาว การแต่งตัวไม่ควรเน้นสวยอย่างเดียวแต่เน้นอบอุ่นและกระชับ ใครที่ชอบซื้อของลดราคา จะได้จ่ายเงินกันอีกครั้งในช่วงก่อนเทศกาลคริสมาสต์นี้เอง สินค้าน่าซื้ออย่างพวกช็อกโกแลต ที่ทำพิเศษสำหรับเทศกาลเป็นตัวอักษรชื่อคน และขนมประจำเทศกาล จะมีให้เริ่มซื้อกันตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ซึ่ง่เป็นวันฮัลโลวีนแบบดัตช์ๆ St.Maarten (ซิ๊นต์ ม๊าร์ตเติ้น) มีขนมและลูกอมแบบดัตช์ให้เลือกเป็นของฝากอีกมากมาย สถานที่ท่องเที่ยวแนะนำคือพวกสวนสนุก สวนสนุกที่มีชื่อเสียงในเนเธอร์แลนด์นั้น ใหญ่โตไม่แพ้ดิสนีย์แลนด์ในปารีส และเป็นที่รู้จักของคนดัตช์ทุกคน ผุ้ใหญ่ที่โตขึ้นมา เกือบร้อยละเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์เคยมีพ่อแม่พาไปเที่ยวที่ Efteling (เอฟเทลลิ่ง) มาก่อน สวนสนุกนี้ตั้งอยู่ที่เมืองค๊าซเฮอเฟิ่ล Kaatsheuvel เป็นเมืองเล็กๆ ในแคว้นนอร์ด บราบั้นท์ Noord-brabant ไปช่วงนี้ คนจะไม่มากนัก ทำให้คุณได้เล่นทุกอย่างโดยไม่ต้องเข้าคิว ที่สำคัญสวนนี้ถูกจัดไว้อย่างสวยงามและยิ่งสวยขึ้นเมื่อใบไม้เปลี่ยนสี ในเดือนตุลาคม ใครที่อยู่ใกล้เดนฮาก ไม่ควรพลาด วันสำคัญอีกวันหนึ่งของประเทศ Prinjesdag (ปรินเชิ้สดัค) จัดขึ้นทุกปีในวันอังคารสัปดาห์ที่สาม ของเดือนกันยายน สมเด็จพระราชินีจะทรงรถม้าสีทอง ไปยังริดเดอร์ซาล Ridderzaal ที่รัฐสภาเพื่ออ่านราชโองการ ใครพลาดโอกาสได้ชมนี้ก็ยังหาชมได้ในแบบฉบับย่อที่มาดูโรดัม Madurodam ค่ะ การเลือกช่วงเวลาในการเดินทางนั้น มีความสัมพันธ์กับเสื้อผ้าในกระเป๋าเป้ของคุณโดยตรง จึงไม่ควรมองข้ามจุดนี้ไป จากคุณ : เที่ยวไปสองไพเบี้ย เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 09:30:28

ความคิดเห็นที่ 4   วางแผน เลือก และจองที่พัก ที่พัก เป็นหนึ่งในหลายๆส่วนประกอบที่คุณขาดไม่ได้ในการยื่นประกอบการขอวีซ่าเนเธอร์แลนด์ นอกจากสเตตเมนท์ของคุณจะมีเลขเกินหกหลัก มีกิจการน่าเชื่อถือใหญ่โตจนเขาไม่แคร์ว่าคุณจะพักที่ไหน หรือนามสกุลดังจนโผล่เข้าไปทางเจ้าหน้าที่ก็แสตมป์วีซ่าอนุมัติให้ทันที ง่ายๆซะแบบนั้น ที่พัก จะต้องเป็นที่ที่คุณหลับลงได้สบายทุกคืนหลังจากการเหน็ดเหนื่อยในการเดินทางท่องเที่ยวมาตลอดทั้งวัน แต่ไม่ใช่แพงจนไม่คุ้มกะค่านอนคืนละไม่ถึงหกชั่วโมง โดยเฉพาะสำหรับขาเที่ยวกลางคืน หรือถูกจนน่าใจหาย แต่เข้าไปแล้ว เหม็นกลิ่นบุหรี่ตามเครื่องนอน และหนวกหูเสียงบาร์ข้างล่างจนนอนไม่ได้ สำหรับประเทศเล็กๆอย่างเนเธอร์แลนด์นั้น โอกาสที่จะได้ไปงีบบนรถไฟตู้นอน ที่วิ่งกลางคืนโดยประหยัดค่าทีพักนั้นมีความเป็นไปได้เป็นศูนย์ เพราะประเทศเล็กเสียจนจนรถไฟวิ่งจากใต้ขึ้นเหนือภายในเวลาไม่ถึงสี่ชั่วโมง แถมสถานีรถไฟก็จะปิดประตูหน้า หลังจากรถรอบสุดท้ายวิ่งไปแล้วประมาณตีหนึ่งกว่าๆ จะมาเปิดอีกทีก็เมื่อรถรอบแรกเริ่มวิ่งประมาณตีสี่ หมดโอกาสประหยัดค่าที่นอน แต่เพราะความที่ประเทศเล็ก และคนในประเทศเองต่างก็ชอบเดินทางไปเที่ยวเมืองอื่นในเวลาสุดสัปดาห์หรือฤดูร้อนที่เด็กๆโรงเรียนปิด เนเธอร์แลนด์จึงมีที่พักหลากหลายระดับในหลายสถานที่ให้เลือก สำหรับขาลุย โฮสเทลมีกระจายอยู่ทั่วไปแทบทุกเมืองใหญ่ ภายใต้เครือ www.stayokay.com บางเมืองใหญ่อาจจะมีถึงสองโลเกชั่นให้เลือก ที่พักประเภทนี้ ราคาถูกและมักตั้งอยู่ใกล้ๆ สถานีรถไฟ หรือแหล่งท่องเที่ยวทั่วไป บางที่มีอาหารเช้าให้บริการ มีอินเตอร์เน็ท และถ้าหรูขึ้นมาอีก ก็จะมีร้านอาหาร บาร์ หรือขายอาหารแพ็คสำหรับมื้อกลางวันด้วย ข้อเสียของโฮสเทลคือ ไม่มีความเป็นส่วนตัว และหนวกหู สนนราคาของโฮสเทลในเนเธอร์แลนด์เริ่มตั้งแต่สิบยูโรกว่าๆไปจนถึง 30 กว่ายูโร ปัจจุบันบ้านคิวบิกแห่งรอตเตอร์ดัมเปิดเป็นโฮสเทลแล้ว ใครที่เคยใฝ่ฝันอยากเข้าไปอยู่ในบ้านทรงประหลาดๆมาใช้บริการได้ค่ะ ราคาไม่ได้แพงกว่าปกติ โดยจองผ่านเวบ Hihostels หรือเวบตรงของ Stayokay ก็ได้ค่ะ จากคุณ : เที่ยวไปสองไพเบี้ย เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 09:38:47

ความคิดเห็นที่ 5   หากราคาและที่ตั้งของที่พักโฮสเทล ของสเตย์โอเค ยังไม่เป็นที่ถูกใจคุณ เวบไซต์ www.hostelworld.com เป็นอีกที่  คิดค่าบริการจอง 1.5 ยูโร ต่อครั้ง ต่อโฮสเทล (ฟรีสำหรับขาประจำ) คุณใช้บัตรเครดิตจ่ายค่ามัดจำ 10 เปอร์เซ็นต์ของราคารวมค่าห้องที่คุณต้องการจอง โฮสเทลเวิร์ล จะมีที่พักในเนเธอร์แลนด์ให้เลือกค่อนข้างหลากหลาย แม้แต่ในเมืองเล็กๆ และมีข้อดีพิเศษคือมี Cancellation protection หากว่าเกิดฉุกละหุก วีซ่าไม่ผ่าน ไม่ทัน หรือต้องงดทริปอย่างกะทันหัน เงินค่ามัดจำนั้น คุณสามารถเก็บไว้ใช้ในงวดการเดินทางครั้งต่อไปที่ไม่เกินหกเดือนได้ด้วย     หรืออีกที่ www.hostelbookers.com สองเวบไซต์จองนี้เป็นที่เชื่อถือไว้วางใจได้ คุณยังสามารถดูรูปโรงแรม เช็คที่ตั้งจากแผนที่ และอ่านรีวิว ของผู้ใช้ที่เคยไปพักมาแล้วเพื่อจะได้ข้อมูลที่ละเอียดขึ้นก่อนการตัดสินใจ สำหรับเวบหลังนั้นมีบริการที่น่าประทับใจด้วยบริการแก้ปัญหาให้ลูกค้าออนไลน์ ด้วยการ Live chat โดยตรงกับเจ้าหน้าที่ หากคุณมีปัญหาในการจอง หรือต้องการสอบถามเพิ่มเติม นอกจากโฮสเทล แคมป์ปิ้ง เป็นที่พักอีกแบบที่มีอยู่หลากหลายในเนเธอร์แลนด์ แต่ที่พักเช่นนี้ไม่เหมาะกับหนุ่มสาวชาวแบกเป้ชาวไทยที่ไม่พิสมัยการเช่ารถขับ เพราะจะอยู่นอกตัวเมือง ไปตามชนบท ผุ้มาพักส่วนใหญ่ เป็นชาวดัตช์หรือเพื่อนบ้านใกล้เคียงอย่างเบลเยี่ยมและเยอรมันนี ที่มีรถยนต์ส่วนตัว หรือมีรถตู้นอนคาราวาน จึงเดินทางเข้าไปถึงที่พักได้ แคมปิ้งนั้นเป็นที่พักที่ราคาถูกสุด บางที่อาจจะราคาไม่ถึง 10 ยูโรต่อคนด้วยซ้ำ ใครที่เที่ยวเนเธอร์แลนด์ด้วยการเช่ารถ ลองมองหาที่พักแบบนี้ได้ ทุกแห่งจะมีห้องสุขา ห้องอาบน้ำให้บริการและบางที่ก็มีสระว่ายน้ำและร้านอาหารให้บริการภายในครบวงจรอีกด้วย ภาพจากกรุของเราเองคะ นานปีทีหนจึงจะเจอหิมะในรอตเตอร์ดัมกับเขา จริงๆแล้ว รอตเตอร์ดัมเป็นเมืองที่บ้านหลังใหญ่โตและสวยกว่าอัมสเตอร์ดัมมาก ถ้าเพียงแต่มันจะหลงเหลือร่องรอย รอดจากระเบิดของนาซีมาได้เยอะกว่านี้สักหน่อย จากคุณ : เที่ยวไปสองไพเบี้ย เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 09:42:37

ความคิดเห็นที่ 6   อีกทางเหลือของที่พักระดับเป็นส่วนตัวขึ้นมาอีก โรงแรมในเนเธอร์แลนด์ มีให้คุณเลือกแทบทุกแบรนด์ที่จะหาได้ในเมืองไทย โรงแรมที่มีสาขาพวกนี้ส่วนมากจะมีตัวตึกทรงสมัยใหม่ และมีมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก แต่หากคุณค้นหาที่พักแล้วเจอโรงแรมที่เป็นบูติก หรือ Bed & Breakfast www.bedandbreakfast.nl นั้น คุณอาจจะตกใจเล็กน้อย ถ้ามาถึงหน้าโรงแรมแล้วพบว่าคุณจะต้องแบกกระเป๋าเดินขึ้นบันไดสูงชันแถมแคบขนาดคนสองคนเดินสวนกันแทบไม่ได้ เพราะสภาพตึกในเนเธอร์แลนด์ ทางเข้าจะเป็นประตูแคบๆ หรือเป็นส่วนหนึ่งของบ้าน ที่เจ้าของนำมาทำเป็นห้องพักในราคาถูก การเปรียบเทียบเพื่อเลือกสถานที่ เมืองต่างๆในเนเธอร์แลนด์นั้น สามารถเข้าถึงได้ ด้วยรถไฟ หรือรถบัสที่วิ่งระหว่างเมือง การเลือกที่พักให้ดี เมื่อดูจากที่ตั้งแล้ว ควรจะห่างจากสถานีรถไฟ หรือป้ายรถบัสไม่เกินสิบห้านาที ถึงแม้ประเทศนี้จะราบเรียบ แต่การเดินหาที่พัก หรือเลือกที่พักที่อยู่ไปคนละฝั่งของเมือง จะให้ทำให้คุณเหนือย เสียเวลาและพาลหงุดหงิด โดยเฉพาะยิ่งถ้าที่พักนั้นห่างจากแหล่งร้านอาหารและซุเปอร์มาร์เก็ต เมื่อคุณจองโรงแรมโดยผ่านเวบเอเจนซี่ คุณจะได้รายละเอียดของที่ตั้ง และวิธีการเดินทางไปโรงแรม หากว่ายังไม่ละเอียดพอ ปัจจุบันนี้ อินเตอร์เน็ทให้ความสะดวกสบายเพิ่มขึ้นด้วยการเช็คที่ตั้งของที่พักที่คุณสนใจจาก http://maps.google.com โดยคุณค้นหาที่ตั้งของสถานีรถไฟหลักของเมืองนั้นๆ เพื่อประกอบการตัดสินใจ อย่างไรก็ตาม อย่างที่บอกไว้ตอนต้นว่าแต่ละเมืองแม้ไม่มีรถไฟผ่าน ก็จะมีเน็ตเวิร์คของการคมนาคมที่ดี อย่างน้อยก็จะมีป้ายรถบัสทุกระยะประมาณสองร้อยถึงห้าร้อยเมตร และที่สำคัญรถบัสเกือบทุกสายจะผ่านสถานีรถไฟเสมอ เอารูปมาฝากจากแถวบ้าน เราเป็นคนติดเมืองคะ มาอยู่รอตเตอร์ดัม รู้สึกเหมือนอยู่กทม.เลย จากคุณ : เที่ยวไปสองไพเบี้ย เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 09:46:31

ความคิดเห็นที่ 7   มานั่งเป็นเพื่อนค่ะ ^^ แอบตาลายนิดนุง 55++ จากคุณ : Atocha เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 09:47:08

ความคิดเห็นที่ 8   หากในเวบไซต์ข้างต้น ไม่มีโรงแรมที่คุณพอใจในเมืองที่คุณต้องการไปพัก www.google.com เป็นที่ที่จะไม่ทำให้คุณผิดหวัง โดยพิมพ์ชื่อเมืองเข้าไป ตามด้วยคำว่า accommodation, hotel, hostel กูกเกิ้ลจะทำการจัดลำดับตัวเลือกมาให้คุณได้ค้นหากว่าสิบหน้า จนกว่าจะพอใจ สำหรับการเปรียบเทียบในส่วนของราคาค่าที่พัก คุณไม่จำเป็นต้องดูรายละเอียดว่าโรงแรมหรือโฮสเทลใดมีบริการอาหารเช้า เพราะอาหารเช้าแบบ continental นั้นเป็นสไตล์ที่คนไทยทานแล้วไม่ค่อยจะอิ่ม หากว่าที่พักหนึ่งมีอาหารเช้าให้แล้วราคาสูงกว่าอีกที่เกินสามยูโร ก็เริ่มจะไม่คุ้มค่าแล้ว การเลือกโรงแรมและที่พักให้ได้ตรงกับใจที่สุด คุณสามารถดูรายละเอียดของสถานที่นั้นๆ ได้ที่เวบไซต์ของโรงแรม หรือโฮสเทลนั้นโดยตรง เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ละเอียดที่สุด แต่เมื่อจะทำการจอง ที่พักอย่างโรงแรม มักจะมีราคาห้องพักที่สูงกว่าเวบไซต์ที่เป็นเอเย่นซี่ เพราะฉะนั้น ลองเช็คจากหลายๆเวบที่ให้บริการจองที่พัก ว่าที่ไหนน่าเชื่อถือและให้ราคาดีที่สุด โดยเมื่อคุณจะทำการจอง เวบไซต์จองส่วนมากจะถามหมายเลขบัตรเครดิต หรือบางที่ก็รับเดบิตการ์ด Visa Electron คุณตรวจดูได้ง่ายๆว่าหน้าเวบนั้นมีบริการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลคุณหรือไม่โดยมองหารูปสัญลักษณ์กุญแจล็อกปิด ที่ด้านล่างของ brouwser หากคุณพักในโรงแรมที่มีมาตรฐาน จะเลือกชำระเงินส่วนที่เหลือด้วยบัตรเครดิตหรือเงินสดก็ได้ แต่การจ่ายเงินด้วยบัตรเครดิตในโรงแรมเล็กๆ มักไม่สะดวก เพราะที่นี่เขามักจะรับบัตรเดบิตการ์ด ที่เรียกว่า พินพาส ของเนเธอร์แลนด์แต่เพียงอย่างเดียว การจ่ายบัตรเครดิตอาจมีค่าส่วนต่างของอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มมาจากค่าห้องที่ปกติก็ไม่ถูกอยู่แล้ว ก่อนตัดสินใจ อย่าลืมสอบถามให้ละเอียด ทิวลิปนั้นเป็นต้นไม้ที่ปลูกตามเกาะกลางถนน ปกติเหมือนดาวเรืองที่เมืองไทยนั่นเลย แม้จะไม่บุกไปถึงสวนเคอเคินโฮฟ คุณก็เจอทิวลิปทุกที่ค่ะ ถ้ามาช่วงสงกรานต์ จากคุณ : เที่ยวไปสองไพเบี้ย เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 09:51:37

ความคิดเห็นที่ 9   ขอบคุณมากค่ะ จากคุณ : กุ้งนะจ๊ะ เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 09:53:41

ความคิดเห็นที่ 10   "จะพยายามแยกให้มันหายแน่นนะคะ ข้อมูลเยอะมากๆ แบบว่าเขียนไว้เป็นร้อยๆหน้าเลยคะ ไม่มีงบจะพิมพ์แล้วคะ ไล่แจกดีกว่า :)" ตั๋วเครื่องบิน เมื่อคุณเตรียมแผนการและจำนวนวันได้เรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อมาก็คือหาตั๋วเครื่องบิน การวางแผนล่วงหน้าสองเดือนขึ้นไปเป็นอย่างน้อย จะทำให้คุณมีตัวเลือกสำหรับตั๋วเครื่องบินราคาถูกมากขึ้น การจะดูว่ามีสายการบินใดบ้างที่เดินทางจากกรุงเทพ ไป อัมสเตอร์ดัม สกิบโพล (สนามบินนานาชาติแห่งเนเธอร์แลนด์) คุณคลิกปลายนิ้วหาได้ที่ www.skyscanner.com ก่อนที่คุณจะเลือกทัวร์เอเย่นต์ ที่บริการประทับใจ ให้เป็นผู้ปรินท์และจำหน่ายตั๋ว (ซึ่งอาจรวมบริการอื่นๆด้วย) ให้แก่คุณหลังการขาย อาจมีสายการบินอื่น ที่สามารถพาคุณไปเนเธอร์แลนด์โดยแวะที่ประเทศอื่น แล้วต่อรถไฟ โดยมีราคาที่ประหยัดกว่า หรือคุณอาจเลือกใช้บริการสายการบินโลว์คอสต่อเพื่อการแวะไปเที่ยวประเทศอื่น เวบไซต์นี้จะมีประโยชน์ต่อไปค่ะ "งานอาร์ตริมชายทะเลเมืองรีสอร์ท Scheveningen ตอนนี้โดนรื้อชั่วคราวปรับชายหาด ใครมาตามหา คงไม่เจอซะละ" จากคุณ : เที่ยวไปสองไพเบี้ย เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 10:00:59

ความคิดเห็นที่ 11   ปัจจุบันนี้สายการบินที่บินตรง ระหว่างกรุงเทพและอัมสเตอร์ดัมโดยไม่แวะที่ใดเลย ก็มีด้วยกันสามสายการบิน เรียงตามลำดับเวลาที่มาถึงเนเธอร์แลนด์ KLM Royal Dutch Airlines (KL) ออกจากประเทศไทยเวลา 23.20 น. และมาถึงเนเธอร์แลนด์เวลาประมาณ 5.45 น. Eva Air (BR) ออกจากประเทศไทยเวลา 12:30 น. หลังเที่ยง และมาถึงเนเธอร์แลนด์เวลาประมาณ 19.25 น. China Airlines (CI) ออกจากประเทศไทยเวลา 2.55 น. หลังเที่ยงคืน และมาถึงเนเธอร์แลนด์เวลาประมาณ 9.40 น. สายการบินอื่น ๆที่ต้องแวะระหว่างทาง Thai Airways (TH) ที่ร่วมการบินโดยมีเครื่องของ Lufthansa (LH) บิน ออกจากประเทศไทยเวลา 23.55 และมาถึงเนเธอร์แลนด์เวลาประมาณ 9.00 แวะพักที่เยอรมันนี LTU International Airways (LT) จะบินออกจากประเทศไทย 10.50 ถึงเยอรมันนี Dusseldorf เวลา 18.10 คุณต้องหาเครื่องบินภายในยุโรป หรือต่อรถไฟเอง ดุสเซิ่ลดอร์ฟ เป็นเมืองที่อยู่ใกล้ชายแดนฝั่ง Limburg ของเนเธอร์แลนด์ มีรถไฟวิ่งเข้าออกระหว่างสองประเทศนี้สม่ำเสมอ ถือเป็นการเที่ยวแถมไปเสียเลย "ศาลโลก หรือ Vrede Paleis แปลตามตัวว่า Peace Palace ที่ประเทศไทยเคยมาขึ้นศาลในกรณีพิพาทเขาพระวิหารกับกัมพูชา ตั้งอยู่ในเมืองหลวง Den haag (The Hague) รถแทรมสาย 1,10 ผ่านค่ะ" จากคุณ : เที่ยวไปสองไพเบี้ย เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 10:04:20

ความคิดเห็นที่ 12   สายการบินแต่ละสายการบิน มีเวลาการบินที่ไม่ตรงกัน สายการบินที่คุณต้องการ อาจจะมีไฟลท์ที่ไม่ตรงกับวันที่ที่คุณเลือก เมื่อคุณเลือกวันได้เรียบร้อยแล้ว อย่าลืมเช็คดูให้ดีว่าคุณจะมีไฟลท์สำหรับการบินกลับ เพราะการซื้อตั๋วเครื่องบินไปกลับจากสายการบินเดียวกัน ย่อมถูกกว่าและสะดวกกว่าต่างสายการบินกันแน่นอน รายการนี้คนที่สะสมไมล์ก็เลือกใช้บริการกันตามสะดวกของทุกท่านนะคะ เบอร์โทรศัพท์ติดต่อสายการบิน สายการบินหลักๆ ที่พาคุณบินมาเนเธอร์แลนด์ เพื่อการติดต่อในระหว่างที่อยู่ที่นี่ China Airlines Tel 020-646 1001 Fax 020-646 4039 Eva Air : Tel 020 -575-9162 Res 020-5759166 Airport 020-4466279 Fax 020-5759174 KLM : Tel 020-4747747 หรือ 0900-boekklm ประกันสุขภาพและอุบัติเหตุ (Travel insurance) สถานทูตเนเธอร์แลนด์เป็นหนึ่งในหลายสถานทูตของประเทศในกลุ่มยุโรปที่บังคับให้ผู้เดินทางมาจากประเทศนอกยุโรปอย่างไทย ต้องมี Travel insurance เป็นเอกสารประกอบการขอวีซ่า ประกันชีวิต life insurance ที่คุณมีอยู่แล้วนั้น ไม่สามารถคุ้มครองค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดจากการเจ็บป่วยหรืออุบัติเหตุของคุณในต่างประเทศได้ทั้งหมด ประกันสุขภาพที่ใช้เมื่อเดินทางไปต่างประเทศนั้น เป็นประกันที่จ่ายกันต่อวัน และจะต้องคุ้มครองไปทั่วโลก ทั้งอุบัติเหตุและโรคภัยไข้เจ็บทั้งหลาย ที่เกิดระหว่างที่คุณออกนอกสนามบินของประเทศไทยไปแล้ว โดยมีวงเงินไม่ต่ำกว่า 30.000 ยูโร หรือ 1.5 ล้านบาท "RLD หรือเรดไลท์ ในยามค่ำคืน เห็นกันจะจะว่าแดงจริงๆ แต่ถ้าอยากดูน้องๆในตู้ ควรจะมาก่อนห้าโมงเย็นค่ะ ไม่งั้นม่านจะปิดหมด อดดู ดูได้แต่ห้ามถ่ายรูปน้องเขา จะเสียมารยาทอย่างแรงงงงง ปัจจุบันทางการจังหวัด ได้อนุญาตให้ดีไซเนอร์เข้ามายึดตู้ ทำเป็นตู้โชว์เสื้อผ้าไป ทำให้น้องๆเขาเหลือที่ทำกินน้อยลง ก็ไปดูของอนุรักษ์นะคะ" จากคุณ : เที่ยวไปสองไพเบี้ย เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 10:09:07

ความคิดเห็นที่ 13   ตัวอย่างแนะนำของ Bupa www.bupathailand.com ชั้น 9 อาคาร Q-house 38 ถ.คอนแวนต์ สีลม กรุงเทพ 10500 โทร 02 – 234 77 55 เมื่อคุณขอวีซ่าเชงเก้น คุณจะต้องทำประกันเริ่มจากวันที่คุณออกจากประเทศไทยไป จยถึงวันที่คุณจะกลับเข้าประเทศค่ะ โดยประกันจะมีหน้าที่จ่ายเงินในส่วนของค่ารักษาพยาบาล หากเกิดอุบัติเหตุ หรือคุณเจ็บไข้ได้ป่วยถึงต้องเข้าพบแพทย์ที่เนเธอร์แลนด์ แต่ส่วนของรายละเอียด คุณอ่านได้ต่อไปในหัวข้อ เมื่อคุณเจ็บป่วยระหว่างการเดินทางค่ะ ถ้าคุณมั่นใจว่าภายในเวลาระยะสั้นนี้คุณจะไม่ต้องเจ็บป่วยถึงกับล้มหมอนนอนเสื่อ ก็ไม่จำเป็นต้องทำประกันแบบแพงเกินความจำเป็นเกินไปให้เปลืองเงินเพิ่มขึ้นค่ะ วีซ่าเชงเก้น (Schengen visa) เมื่อคุณขอวีซ่าเข้าเนเธอร์แลนด์ คุณจะได้วีซ่าเชงเก้นโดยอัตโนมัติ วีซ่าเชงเก้น single entry หมายถึงว่า คุณจะเข้าประเทศที่อยู่ในเชงเก้น ณ เวลานี้ ได้ขยายขอบเขตไปจนทั่วคอนติเนนทัล ยุโรป รวมสิบห้าประเทศเดิม Belgium, Netherlands, Luxembourg, France, Germany, Spain, Portugal, Greece, Italy, Austria, Sweden, Denmark, Finland, Iceland, Norway และอีกเก้าประเทศใหม่ล่าสุด คือ Estonia, Latvia, Lithuania, Malta, Hungary, Poland, Slovakia, Slovenia และ Czech Republic และที่เป็นคำถามกันอย่างมากมายคือ Switzerland, Lichtenstein รวมถึงประเทศที่เปิดพรมแดนทั้งสามคือ Monaco, San marino และนครรัฐ Vatican ได้ทั้งหมดด้วย แต่หากว่าคุณมีแค่ single entry visa จะออกไปเข้าประเทศอื่นที่ไม่ได้อยู่ในสนธิสัญญาเชงเก้น คือ England, Ireland, และประเทศในกลุ่มยุโรปตะวันออก คือตั้งแต่โรมาเนีย บัลกาเรีย และตั้งแต่โครเอเชียลงไปถึงอัลเบเนีย คุณจะไม่สามารถกลับเข้ามาในเขตเชงเก้นได้อีก จะต้องบินกลับไทยจากประเทศนั้นไปเลย "อ่อ ข้างบนมิใช่รูปคนเขียนหรอกนะคะ อิฉันหน้าตาอย่างนี้ค่ะ" จากคุณ : เที่ยวไปสองไพเบี้ย เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 10:14:05

ความคิดเห็นที่ 14   วีซ่าที่คุณจะได้จากสถานทูตเนเธอร์แลนด์จะเป็นจำนวน วันตามที่คุณยื่นขอในแบบฟอร์มเป๊ะๆ ดังนั้นกรอกจำนวนวัน และวันที่ และวางแผนให้เรียบร้อย แต่ก่อนจะไปยื่นเอกสาร คุณจะต้องโทรไปขอคิวเพื่อยื่นเอกสารที่สถานทูตเนเธอร์แลนด์ก่อน ในวันจันทร์ถึงศุกร์ เวลา 12.00-16.00 ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 3095240 ที่อยู่ตามนี้ค่ะ สถานทูตเนเธอร์แลนด์ 15 ซอยต้นสน ถนนเพลินจิต แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน 10330 โทรศัพท์ 02 - 309 5200 ban@minbuza.nl www.netherlandsembassy.in.th เวลาทำการ ขอวีซ่า : วันจันทร์ถึงศุกร์ เวลา 09.00-12.00 รับวีซ่า : วันจันทร์ถึงพฤหัส เวลา 08.00-16.00 วันศุกร์เปิดถึงเที่ยงวัน เอกสารหลักเพื่อการยื่นเรื่องมีดังนี้ค่ะ 1. พาสปอร์ต  วันหมดอายุมากกว่าสามเดือนนับจากหลังจากวันที่ ที่วางแผนว่าจะกลับมาถึงเมืองไทย ใครที่พาสปอร์ตใกล้หมดอายุแล้ว การไปขออาจจะทำให้เกิดความลำบากเพราะเจ้าหน้าที่กลัวว่าคุณจะหนีไปเป็นโรบินฮู้ดที่เนเธอร์แลนด์ได้ 2. แบบฟอร์มกรอกเรียบร้อย 1 ใบ  ดาวโหลดแบบฟอร์มได้ที่เวบไซต์สถานทูตตามที่บอกไว้ข้างต้นค่ะ 3. รูปถ่ายล่าสุดขนาดพาสปอร์ตสี 2 รูป 4. ค่าวีซ่า 60 ยูโร จ่ายเป็นเงินบาทไทย อัตราแลกเงินในเวลานั้นๆ 5. ใบคอนเฟิร์มตั๋วเครื่องบิน  เอกสารชั่วคราวคอนเฟิร์มตั๋ว จากบริษัทที่คุณจองตั๋วไว้ทั้งขาไปและกลับ โดยยังไม่ต้องจ่ายเงินซื้อตั๋วก่อน วีซ่าท่องเที่ยว ไม่สามารถจองตั๋วขาเดียวได้ค่ะ เจ้าหน้าที่จะไม่รับพิจารณาวีซ่าให้กับคุณ 6. หนังสือรับรองว่าสามารถลางานได้จากนายจ้าง  บ่งบอกตำแหน่งของคุณในที่ทำงานและตำแหน่งของผุ้รับรอง และช่วงเวลาที่ลาให้ชัดเจน ตรงกับใบคำร้องขอวีซ่า แนะนำให้ใช้หัวกระดาษจากบริษัท เพื่อความน่าเชื่อถือ หรือถ้าเป็นนักเรียนอยู่ใช้หนังสือรับรองสถานภาพนักศึกษาแทน สำหรับอาชีพส่วนตัวหรืองานฟรีแลนซ์ก็ไม่มีส่วนนี้ค่ะ "ตลาดประมูลดอกไม้ที่ Aalsmeer ไปไม่ลำบาก ค่าเข้าชมไม่แพง อลังการมาก สำคัญอย่างเดียว เปิดแค่หกโมงเช้าถึงสิบโมงกว่าๆเท่านั้นเอง ถ้าตื่นไหว ไปดูกัน" จากคุณ : เที่ยวไปสองไพเบี้ย เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 10:21:13

ความคิดเห็นที่ 15   7. เอกสารแสดงสถานภาพทางการเงินที่เพียงพอ  เช่น หนังสือสัญญาจ้างงานของคุณเองหรือจดหมายรับรองจากผู้บังคับบัญชา (สูงสุดในบริษัทได้ก็ดีค่ะ) บอกตำแหน่งหน้าที่การงาน และอายุงานของคุณ  สำหรับเจ้าของกิจการใช้เอกสารจดทะเบียน และเอกสารงบดุลของปีที่ผ่านๆมา ผู้ที่ทำงานส่วนตัวหรือฟรีแลนซ์คุณจะต้องแสดงเงินในบัญชี หุ้น หรือทรัพย์สินอื่นๆแทนค่ะ 8. สลิปเงินเดือนล่าสุด ไม่ว่าจะใช้ของเราเองหรือของผู้ที่จะค้ำประกันทางการเงินให้เราไม่ว่าจะพ่อแม่พี่น้อง หรือบุคคลใดที่มีความสัมพันธ์อันดีกับเรา ใช้สลิปเงินเดือนสามเดือนล่าสุด หรือ บัตรเครดิต ที่เป็นชื่อของคุณเองเท่านั้น 9. สมุดบัญชี หรือ สเตตเมนท์ ถ้าเป็นบัญชีออมทรัพย์ หรือฝากประจำ คุณควรจะเอาเงินไปฝากสักเล็กน้อย ก่อนหน้าไปขอวีซ่า เพื่อให้สมุดมีรายการเคลื่อนไหว เพราะบัญชีที่ไม่ใช่กระแสรายวันไม่สามารถอัพเดทได้ สมุดบัญชีจะไม่จำเป็นในกรณีที่คุณมีหน้าที่การงานมั่นคงอยู่แล้ว เอกสารเงินเดือนก็เพียงพอ แต่หากเงินรายได้ของคุณไม่มีสลิปเงินเดือน หรือแต่ละเดือนไม่แน่นอน คุณจะต้องโชว์จำนวนเงินที่เข้าบัญชีในแต่ละเดือนค่ะ หากคุณไม่ได้ยื่นเอกสารทางการเงินของตัวเอง ให้แนบสำเนาหลักฐานแสดงตัวผู้ค้ำประกันและความสัมพันธ์กับคุณด้วย 10. ใบจองที่พัก  และหลักฐานการเสียค่าจองด้วย (อันนี้จะดูน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น) สำหรับบางเวบเอเย่นซี่เช่น คุณสามารถใช้บริการประกันการยกเลิกการจอง Cancellation insurance ในราคาร้อยกว่าบาท เพื่อป้องกันการสูญเงินหากวีซ่าไม่ผ่าน หรือเปลี่ยนใจเปลี่ยนที่พักในวินาทีสุดท้ายได้ด้วย เลือกกันตามความสะดวกได้ค่ะ 11. ใบคอนเฟิร์มที่นั่งบนเครื่องบิน ขอใบคอนเฟิร์ม ที่เรียกว่า PNR นี้ได้จากเอเย่นต์จำหน่ายตั๋วเครื่องบินทั่วไป โดยไม่ต้องเสียเงินค่าออกตั๋วก่อน ใบคอนเฟิร์มนี้จะมีรายละเอียดของเที่ยวบินขาไปและขากลับ ภายใต้ชื่อคุณโดยระบุไฟลท์และเวลา คุณจะต้องยื่นใบนี้เพื่อแสดงความน่าเชื่อถือว่าคุณสามารถจะเดินทางไปและกลับได้จริงตามวันที่ที่ยื่นขอวีซ่าไว้ เพราะฉะนั้นเอกสารทุกตัวที่มีวันที่ จะต้องตรงกันนะคะ 12. แผนการเดินทาง (Itinerary) ว่าคุณจะไปที่ไหนวันไหน อันนี้ก็สามารถยกเอา itinerary ที่คุณวางแผนไว้จากการอ่านหนังสือเล่มนี้แหละค่ะ ไปประกอบได้เลย "เยอะไปหน่อย อ่านยากนิดนะคะ ใกล้ๆ อัมสเตอร์ดัม มีหมู่บ้านน่ารักๆ ชื่อ Volendam อาจจะเป็นที่เดียวในประเทศที่มีสตูดิโอถ่ายรูปให้คุณแปลงโฉมเป็นหนุ่มดัชชี่ สาวดัชมิลล์ชั่วคราว สนนราคาต่อคนประมาณ 15 Euro ค่ะ" จากคุณ : เที่ยวไปสองไพเบี้ย เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 10:24:59

ความคิดเห็นที่ 16   หลังจากยื่นเอกสาร คุณโทรเช็คที่วันที่แผนกวีซ่าเพื่อสอบถามผลการขอวีซ่าได้ที่หมายเลขโทร. 02 3095240 ในวันจันทร์ถึงวันศุกร์ ระหว่างเวลา 13.00-16.00 น. เจ้าหน้าที่จะแจ้งให้ทราบว่าคุณจะมารับหนังสือเดินทางพร้อมวีซ่าได้ตั้งแต่วันใด เมื่อวีซ่าคุณอนุมัติแล้ว คุณต้องนำเอกสารเหล่านี้ คือ ตั๋วเครื่องบินตัวจริง และสำเนาสำหรับสถานทูต จากที่คุณได้จองไว้ในชั้นแรก ตอนนี้คุณจะต้องควักกระเป๋าออกมาจ่ายค่าตั๋วแล้ว เมื่อคุณทำการจ่ายเงิน ตรวจตั๋วเครื่องบินก่อนจะพิมพ์ ดูการสะกดชื่อ และวันที่ให้ดี ถ้าสงสัยไม่แน่ใจติดต่อเจ้าหน้าที่ผู้ออกตํ๋วในตอนนั้นเลย เพิ่อป้องกันปัญหาค่ะ สายการบินที่บินตรงอย่างไชน่าแอร์ไลน์  นั้นราคาไม่แพงเท่าสายการบินเคแอลเอ็ม แต่มีเวลาบินที่ค่อนข้างดึก และข้ามไปอีกวันหนึ่ง คุณอาจจะไปขึ้นเครื่องผิดวันได้ ถ้าไม่ตรวจดูวันที่และเวลาให้ดี สำหรับสายการบินที่ต้องเปลี่ยนเครื่อง หรือแวะพัก เช็คเวลาให้ดีว่าคุณจะไม่ตกเครื่อง 13. ประกันการเดินทาง และสำเนาสำหรับสถานทูต เพื่อให้สะดวกควรสำเนาถ่ายเอกสารของเอกสารสำคัญทั้งสองชิ้นนี้ให้ไว้กับเจ้าหน้าที่สถานทูตในวันรับวีซ่าค่ะ หากคุณไม่สะดวกไปรับวีซ่าเอง คุณสามารถทำหนังสือมอบอำนาจให้ใครไปรับแทนได้ค่ะ โดยต้องไม่ลืมเอกสารนี้ บวกกับใบมอบอำนาจและบัตรประจำตัวของคุณผู้มอบอำนาจค่ะ ทางเอเย่นต์จำหน่ายตั๋วเครื่องบินหลายๆ แห่ง มีบริการรับวีซ่าแทนคุณพร้อมจำหน่ายประกันการเดินทางควบคู่ไปด้วย ลองสอบถามเพื่อความสะดวกของคุณเองค่ะ "ทุ่งทิวลิปในแต่ละปี จะไม่ซ้ำสีกัน และบางทุ่งที่เคยปลูกในปีหนึ่ง ก็อาจจะไม่มีให้ชมในอีกปี แต่ถ้าให้แน่ มาช่วงสงกรานต์ทุกปี รับรองมีให้ดูแน่ๆค่ะ" จากคุณ : เที่ยวไปสองไพเบี้ย เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 10:28:10

ความคิดเห็นที่ 17   จัดกระเป๋า ถ้าคุณเที่ยวเฉพาะในเนเธอร์แลนด์ และกะว่าจะย้ายที่พักไปเรื่อยๆ เป็นวงกลม กระเป๋าเดินทางของคุณไม่ควรจะมีขนาดใหญ่กว่าตู้ล็อกเกอร์ไซส์กลาง เพราะหากว่าคุณยัดมันเข้าไปไม่ได้แล้วละก็ คุณจะมีปัญหาใหม่กับการแบก หรือลากกระเป๋าที่พกมาด้วยไปทั่วทุกแห่งหน กระเป๋าที่ใบใหญ่มากเกินไป จะทำให้คุณเสียโอกาสในการเลือกที่พักถูกๆ เพราะต้องมากังวลว่าจะแบกขึ้นห้องพักในโฮสเทลไม่ไหว หรือถ้าโรงแรมนั้นไม่มีลิฟท์ จะทำอย่างไร และหากคุณคิดจะใช้แบ็คแพ็ค ต้องดูให้มั่นใจว่า คุณไม่ได้ซื้อมันมาใหม่และใช้ในงานแรกในทริปนี้โดยเฉพาะ เพราะหากว่าขนาดและน้ำหนักของแบ็คแพ็คที่ห้อยอยู่บนหลังคุณไม่พอดี ทริปนี้อาจจะกลายเป็นทริปนรกดีๆ นี่เอง เพราะแบ็คแพ็คที่น้ำหนักมากเกินไปหรือรูปทรงไม่พอเหมาะ จะทำให้คุณปวดหลัง และพาลจะปวดไปถึงบั้นเอว และเมื่อเดินไปนานๆ จะทำให้แข้งขาคุณพลอยอ่อนเปลี้ยเพลียแรงไปด้วย ส่วนเสื้อผ้านั้น คุณไม่จำเป็นต้องลงทุนซื้อใหม่ทั้งเซ็ตเพื่อกะมาเที่ยวหนนี้ แต่ให้ตรวจดูสภาพอากาศสำหรับช่วงนั้นของปี แล้วเลือกเสื้อผ้าที่กระชับตัว อุ่น เลือกหมวกกันหนาวอย่างสวยเก๋มาสักใบ ผ้าพันคออุ่นๆ สีสวยสักผืน ถุงมือขนสัตว์แท้ที่ใส่แล้วกระชับสักคู่ ก็เพียงพอแล้ว สำหรับการเที่ยวหนึ่งอาทิตย์ "ขบวนรถบุปผชาติ ปีนึงมีหนเดียว ในวันเสาร์อาทิตย์สุดท้ายของเดือนเมษายน เส้นทาง Noordwijk-Haarlem เพราะฉะนั้นถ้าอยากดู ต้องวางแผนล่วงหน้าแล้วค่ะ ไปดูได้ที่ www.bloemencorso-bollenstreek.nl" จากคุณ : เที่ยวไปสองไพเบี้ย เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 10:31:58

ความคิดเห็นที่ 18   หยิบของใส่กระเป๋า สิ่งที่คุณควรจะพกไป ควรจะมีแค่ อะไรที่คุณไม่สามารถจะหาได้ในเนเธอร์แลนด์ การจัดกระเป๋าทริปนี้ไม่ควรให้น้ำหนักกระเป๋าเกิน 10 กิโลกรัม เพราะจะต้องแบกมันไปอีกหลายเมืองด้วยกันค่ะ สำหรับกระเป๋าถือนั้น มิใช่ว่าคุณจะนำสิ่งของน้ำหนักเท่าไหร่ก็ได้ ตามกฏหลักๆ คุณไม่สามารถนำกระเป๋าถือน้ำหนักเกิน 7 กิโลกรัมขึ้นไปไว้บนที่เก็บของเหนือศีรษะในเคบินผู้โดยสารได้ เพื่อเหตุผลทางความปลอดภัยของคุณและผู้โดยสายคนอื่น ถ้าคุณมีเพียงเป้ใบเดียวระหว่างการเดินทาง ควรจะควบคุมน้ำหนักตามนี้ อย่าลืมตรวจให้ดีว่ากระเป๋าเดินทางของคุณไม่มีสิ่งที่ผิดกฏหมาย หรือห้ามนำเข้าไปในประเทศเนเธอร์แลนด์ สินค้าหลักๆที่ไม่ได้รับอนุญาตก็คือพันธ์ไม้ อาหารสด เนื้อสัตว์ที่ยังไม่แปรรูป รายละเอียดเหล่านี้คุณสามารถเช็คได้ที่เวบไซต์ของศุลกากรเนเธอร์แลนด์ www.douane.nl ค่ะ "ที่รู้อะไรดีๆ เกี่ยวกับดอกไม้เยอะ เพราะมีเพื่อนเป็นเจ้าของทุ่งทิวลิปหลายคน และหนึ่งในนั้นคือ Aad ลุงแกยังทำหน้าที่เป็นแลนด์ ดูแลนักท่องเที่ยวคนไทยด้วยค่ะ ใครมาละก็ ลี่ส่งไปทัวร์ทุ่งกะลุง ได้ทิวลิปช่อยักษ์กลับบ้านเมืองไทยด้วย ขออนุญาตขายเพื่อนหนึ่งคน" จากคุณ : เที่ยวไปสองไพเบี้ย เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 10:36:02

ความคิดเห็นที่ 19   การติดต่อสื่อสาร Telecommunication ถ้าคุณจำเป็นต้องมีโทรศัพท์ใช้ติดตัวในยุโรป อย่าเปิด roaming เพราะมันแพงมากๆ โดยเฉพาะถ้าคุณมีกิจธุระที่เมืองไทยให้ต้องคุยนาน แต่จะถูกกว่าถ้าทางบ้านจำเป็นต้องติดต่อคุณ ให้เขาส่ง SMS มา ผู้ส่งจะเสียค่าบริการเท่ากับคุณยังอยู่ในเมืองไทยด้วยกัน ปัจจุบัน มีหลายบริษัทจำหน่ายซิมเพื่อการโทรออกจากเนเธอร์แลนด์ไปยังต่างประเทศด้วยราคาถูกมาก เช่น Ortel, Lebara, Tele 2, Lycamobile คุณสามารถหาซื้อซิมเพื่อการโทรออกราคาถูกเช่นนี้ได้ที่ร้าน Belhuis การไปโทรศัพท์ในร้านโทรนั้น เขาจะมีห้องให้คุณมิดชิด และเบอร์ที่คุณหมุนโทรไปจะไปปรากฏโดยบอกเพียงหมายเลขประเทศ และรหัสจังหวัด โดยทางร้านเขาจะคิดค่าบริการสำหรับโทรกลับไทยอยู่ที่ 30 – 50 เซ็นต์ต่อนาทีค่ะ โทรภายในเนเธอร์แลนด์ สำหรับถ้าคุณจำเป็นต้องใช้โทรศัพท์เพื่อโทรออก ระหว่างท่องเที่ยวอยู่ในเนเธอร์แลนด์ หากโทรศัพท์ของคุณ Simlock free ให้เอาเฉพาะตัวเครื่องมาแล้วมาซื้อซิมที่นี่ใส่ มีหลายบริษัทที่ขายเฉพาะซิม เช่น Orange, T-mobile, Vodafone, หรือแม้แต่ AH ซึ่งขายในกระป๋องซุปขนาดใหญ่ ในซุปเปอร์มาร์เก็ต Albert Heijn ซิมส่วนมากมีราคาประมาณ 10 ยูโร โดยหลายบริษัทได้รวม prepaid ค่าโทรออกไว้ในราคานั้นแล้ว คุณจึงโทรได้เลยทันทีที่ซื้อมา โดยบัตรเติมเงินนั้นมีขายทั่วไปตามซุปเปอร์มาร์เก็ต และ Kiosk ตามสถานีรถไฟค่ะ  หากคุณจะใช้เพื่อโทรกลับไทยโดยเฉพาะ ย้อนขึ้นไปดูย่อหน้าบนนะคะ "วิวจากสะพานข้ามแม่น้ำซาน ที่ Zaanse schans หมู่บ้านอนุรักษ์ เข้าชมฟรีค่ะ เดินทางแค่สิบห้านาที จาก Amsterdam ถ้าใครมาฮอลแลนด์แล้วไม่ได้ไปเนี่ย เสียท่ามากๆ" จากคุณ : เที่ยวไปสองไพเบี้ย เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 10:39:48

ความคิดเห็นที่ 20   ตู้โทรศัพท์สาธารณะ ตู้โทรศัพท์ส่วนมากจะรับการ์ดที่เป็นชิป ตู้แบบหยอดเหรียญมีหลงเหลืออยู่ในประเทศน้อยมาก ตู้ที่รับบัตรเครดิตจะพอมีอยู่บ้างในสนามบิน และสถานีรถไฟใหญ่ๆ ตู้ที่อยู่ตามที่สาธารณะยังอาจจะมีของบริษัท Telfort ซึ่งใช้บัตรโทรศัพท์อีกประเภท บัตรโทรศัพท์จะมีให้เลือกตั้งแต่ 5 ยูโร ขึ้นไป แต่ไม่คุ้มค่าที่จะซื้อไว้โทรกลับเมืองไทย เพราะคุณจะโทรได้ไม่ถึงสามคำ บัตรก็จะหมด อินเตอร์เน็ทคาเฟ่ และ wi-fi ร้านอินเตอร์เน็ททั่วไป จะแฝงตัวอยู่ที่เดียวกับร้านที่ให้บริการโทรศัพท์ระหว่างประเทศที่เรียกว่า เบลเฮ้าส์นั่นเอง ค่าบริการส่วนมากจะอยู่ที่ชั่วโมงละ 1 – 2 ยูโร ศาสนาประจำชาติ แม้ว่าปัจจุบันเนเธอร์แลนด์จะเป็นประเทศที่มีอัตราคนไม่นับถือศาสนาอะไรเลยมากติดอับดับของยุโรป ประชากรที่นับถือคริสต์ส่วนใหญ่ที่นี่มีทั้งโรมันคาทอลิคและโปรเตสแตนซ์ สาเหตุที่เนเธอร์แลนด์แยกตัวออกมาจากการปกครองของของสเปน ก็เพราะอิทธิพลโรมันคาทอลิคที่ชาวดัตช์ต่างไม่ยอมรับนี่เอง ปัจจุบันเพราะเนเธอร์แลนด์เป็นประเทศที่ให้เสรีทางการเลือกนับถือศาสนาเช่นนี้ จึงมีคนเลือกนับถือมุสลิม ฮินดู พุทธ แยกเป็นนิกายต่าง ๆมากมาย โบสถ์คริสต์จะมีกระจายอยู่ทุกเมือง โดยนับความเจริญของหมู่บ้าน จากการที่ดูว่าหมู่บ้านนั้นมีโบสถ์หรือเปล่า นอกจากนั้น ในหลายเมืองใหญ่ที่มีชาวตุรกีหรือมาร็อกกันอาศัยอยู่มาก ก็จะพบมัสยิดด้วย ส่วนวัดของไทยนั้น ตั้งอยู่ที่เมืองวาลไวค์ (Waalwijk) ในแคว้นนอร์ดบราบันท์ (Noord-Brabant)ค่ะ และอีกที่หนึ่งที่เมืองหลวงอัมสเตอร์ดัม โบสถ์ใหญ่ที่สวยงามของแต่ละเมืองที่เรียกว่าโกร๊ตเต่อะ แค๊ร์ก (Grote kerk) นั้นเปิดให้นักท่องเที่ยวและผุ้สนใจเข้าชม โดยมักมีค่าชมประมาณ 3 ยูโร ส่วนมัสยิดนั้นจะไม่เปิดให้เข้าไปเดินชมภายในนอกจากกิจการทางศาสนา และผู้หญิงห้ามเยื้องกรายเข้าไปใกล้อย่างเด็ดขาด มัสยิดที่ใหญ่โตและสวยงามมีกระจายกันอยู่ทั่วประเทศเช่นเดียวกับโบสถ์ค่ะ "โชว์ชุดแต่งกายประจำชาติ ขอหายาก ที่ Unseen Holland ที่ลี่ขอนำเสนอค่ะ Openluchtmuseum Arnhem ยังไม่มีทัวร์ไหนพาไป อยากไปต้องดิ้นรนไปเอง ถ้าไม่มีเวลาเทียวฮอลแลนด์ มีแค่วันเดียว ไปที่นี่ที่เดียว เท่ากับไปมาแล้วทั่วประเทศค่ะ" จากคุณ : เที่ยวไปสองไพเบี้ย เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 10:43:47

ความคิดเห็นที่ 21   ผลิตผลขึ้นชื่อ “ดอกทิวลิป”เข้ามาในเนเธอร์แลนด์ประมาณศตวรรษที่ 17 จากตุรกี และกลายเป็นแฟชั่นของบรรดานักเพาะเลี้ยงต้นไม้ที่พยายามสร้างทิวลิปรูปทรงใหม่และสีใหม่ๆ ขึ้นมาแทบนับไม่ถ้วน เทศกาลดอกไม้และผลไม้ที่ดึงดูดฝูงชนจำนวนมากจากต่างประเทศให้มาดูเทศกาลต่างๆที่จัดขึ้นในช่วงฤดูใบไม้ผลิ หรือช่วงเวลาที่ตรงกับสงกรานต์บ้านเรา แต่ดอกไม้ที่มีชื่อเสียงในการส่งออกนอกจากทิวลิปแล้วก็คือไม้ตัดดอกพวกกุหลาบ ไอริส เบญจมาศ รักเร่ คาร์เนชั่น และต้นไม้ประดับอื่นๆ เป็นไม้กระถางสำหรับปลูกในบ้าน คุณสามารถซื้อกลับไปเมืองไทยได้ค่ะ เช่นเดียวกับเมล็ดพันธุ์ดอกไม้ ซึ่งเป็นดอกไม้ฤดูร้อน แต่พันธุ์ที่ปลูกเมืองไทยขึ้นได้ดีสุด คือดอกผักบุ้ง เรียกว่า Winden ค่ะ ค่าเงิน เดิมเนเธอร์แลนด์ใช้ค่าเงินคุลเดิ้น (Gulden) หรือ กิลเดอร์ (Gilder) ในภาษาอังกฤษ ตั้งแต่มกราคมปี 2002 เป็นต้นมาก็มาใช้เงินยูโร โดยมีรูปพระพักตร์สมเด็จพระราชินีเบอาทริกซ์เป็นลวดลายบนหน้าเหรียญ เหรียญเงินยูโรที่พบในเนเธอร์แลนด์ อาจจะมีมาจากประเทศเพื่อนบ้านที่ใช้ยูโร เพราะเหรียญมีการเดินทางเปลี่ยนมือผ่านชายแดนได้สะดวก ใครที่ชอบสะสมลองหันมาสะสมเหรียญยูโรดูซิคะ ส่วนธนบัตรนั้นมีใช้ตั้งแต่ 5, 10, 20, 50,ส่วน 100, 200 และ 500 ยูโร มักจะไม่เป็นที่ยอมรับ นอกจากคุณจะใช้จ่ายอะไรที่มีราคาสูงจริงๆ ดังนั้นหากคุณแลกเงินยูโรมาจากเมืองไทย ขอย้ำว่าไม่ควรแลกธนบัตรที่ใหญ่กว่า 50 ยูโรมาใช้เลย การทอน ก็จะปัดเศษด้วย เหรียญ 1, 2 เซนต์ที่เป็นทองแดง คุณจะไม่มีโอกาสได้พบเลย เพราะเขาจะปัดเศษสตางค์ขึ้น หรือลง เช่นเศษ 46 เซนต์ก็จะปัดลงเป็น 45 ถ้าเป็น 88 ก็ปัดขึ้นเป็น 90 "อาหารดัตช์น่ากินๆ ก็มีเยอะเหมือนกัน มันจะซ่อนอยู่ตามร้านอาหารท้องถิ่น ร้านที่อยู่ตามซอกตามหลืบ ดูจากข้างนอกธรรมด๊าธรรมดานั่นแล" จากคุณ : เที่ยวไปสองไพเบี้ย เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 10:52:46

ความคิดเห็นที่ 22   ข้อมูลดีๆ แบบนี้สุดยอดเลยจ้า ต้องเกบตังไปเที่ยวให้ได้ จากคุณ : iamaob เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 10:54:38

ความคิดเห็นที่ 23   อาหารการกิน คนดัตช์ไม่ทานอาหารหนักในมื้อเช้าและเที่ยง สำหรับคนที่พักในโรงแรม หรือโฮสเทล คุณจะพบอาหารเช้าส่วนใหญ่เป็นพวกซีเรียล และนม ขนมปังชิ้นๆ เนย แยมชนิดต่างๆ ชีส แฮม และเบคอน อาหารเช้าของเนเธอร์แลนด์ก็เป็นแบบอาหารเช้ายุโรปที่เขาเรียกว่า คอนติเนนทั่ล เบร๊คฟัสต์ (Continental breakfast) คือไม่มีไข่ คนดัตช์มักจะดึ่มแค่กาแฟและขนมปังก่อนออกไปทำงาน เมื่อคุณออกจากที่พักไป ไปถึงสถานีรถไฟ หลายๆ สถานีรถไฟจะมีร้านขายอาหารพวกแสน็คบาร์ตั้งอยู่ ร้านเหล่านี้จะขายแซนด์วิช กาแฟ พิซซ่า หรือมีร้านอาหารฟาสฟู้ดอเมริกัน และสิ่งที่แปลกตาสำหรับคนไทยก็คือ ตู้ขายของกินอัตโนมัติ ที่มีระบบทำความร้อนและมีกุ๊กคอยทำอาหารมาใส่ในตู้ ติดไว้บนฝาผนัง บางคนเรียกเอาว่า ฝาผนังกินได้  ร้านชื่อดังคือ Febo   วิธีการซื้อของคุณก็คือดูว่าช่องไหนมีชิ้นอาหารที่คุณสนใจ แล้วก็ทำการหยอดเหรียญเงินลงไปตามราคา แล้วก็ค่อยๆ บรรจงเปิดฝาประตู หยิบไส้กรอก หรืออะไรอื่นใดที่คุณเสียสตางค์ซื้อไปแล้วออกมา ที่ต้องค่อยๆเปิดก็เพราะว่ามันร้อนค่ะ ของกินเหล่านี้ มักจะมาพร้อมกับทิชชูหนึ่งชิ้นค่ะ คุณจะได้ไม่เปื้อนมือ ถ้ามีโอกาสก็ลองหาทานดูนะคะ สนนราคาประมาณ 1-2 ยูโรค่ะ ต้องเตรียมเหรียญไว้ด้วย เพราะตู้จะรับเงินที่พอดีเท่านั้น ไม่มีทอน  ถ้าไม่มีพอดี ก็ไปซื้อกับคนขายได้ค่ะ แต่จะอดเล่นหยอดเหรียญ "อย่างร้านนี้เอาหมี่ผัดใส่กล่องโฟมขายหยอดตู้ด้วย มีกันทุกเมืองค่ะ หมู่บ้านเล็กแค่ไหนก็ยังมีขาย เรียกว่าฝาผนังกินได้" จากคุณ : เที่ยวไปสองไพเบี้ย เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 10:55:35

ความคิดเห็นที่ 24   อาหารเหล่านี้ก็ได้แก่ ปาตั๊ด (patat) หรือเฟรนชฺ์ฟรายแบบชิ้นใหญ่กรอบนอกนุ่มใน ทานกับมายองเนส เรียกว่า ปาตั๊ดเม็ท ถ้าเป็นซอสเนยถั่ว เรียกว่าพินด้าเซ้าส์ (pindasaus) หรือซอสเคอรี่ ตามด้วยฟริกาเดล (frikadel) ไส้กรอกขนาดเล็กยาวชนิดเผ็ดทำจากเนื้อและหมูบด และโครเก็ต (kroket) โครเก็ต เนื้อบดชุบขนมปังป่นทอด มีหลายไส้ (Bitterbal) บิตเต้อร์บอล เนื้อบดผสมเครื่องเทศ สไตล์เดียวกับโครเก็ต แนะนำร้านอร่อยให้ว่าชื่อสมุลเลอร์ (Smuller) อยู่แถวสถานีรถไฟ รับรองมีทุกสถานี ตู้ขายขนมและน้ำบนชานชาลา หากว่าคุณรอรถไฟนานแล้วแต่คันที่ต้องการยังไม่โผล่มา ชักจะเริ่มหิวอีก ลองมองไปบนชานชาลาใกล้ๆตัว คุณอาจจะได้เจอกับตู้ขายช็อกโกแลต หรือน้ำอัดลมกระป๋อง อันนี้ลี่ขอไม่พูดถึงมาก เพราะที่เมืองไทยก็มีแล้ว วิธีการเดียวกันเด๊ะเลยแต่ราคาแพงกว่าหลายเท่า น้ำอัดลมนั้นส่วนมากมีเป็นแบบขวด 500 มล. ราคาประมาณ  2 ยูโร หาได้ตามชานชาลา สถานีรถบัส สถานีรถไฟ หรือบางครั้งตามสถานที่ราชการ ก็มีตู้เหล่านี้เหมือนกัน ถ้าคุณขึ้นไปบนรถไฟที่มีสีลายๆ (รถไฟเหล่านี้จะวิ่งไปเบลเยี่ยม หรือมาจากเบลเยี่ยม) คุณอาจจะได้เจอกับร้านขายของกินเคลื่อนที่ ซึ่งตู้ขายของแบบนี้เหมือนกับที่คุณเห็นแอร์โฮสเตสใช้บนเครื่องบินเพียงแต่ว่ามันใหญ่กว่า มีมันฝรั่งกระป๋อง ถั่ว และขนมกินเล่น กาแฟ ชา และน้ำอัดลม หลากหลาย ก่อนจะตัดสินใจซื้อ ดูราคาได้บนรถเข็นค่ะ เขามีรูปพร้อมราคาให้ดูแล้ว สำหรับรถเข็นขายของแบบนี้ รถไฟเนเธอร์แลนด์ชนิดอื่นๆ ไม่มีค่ะ สำหรับรถบางเส้นทาง อาจจะมีเพียงแค่หนุ่มน้อยหน้ามลคนสองคน ใส่เสื้อสีส้มยี่ห้อกิออสค์ (Kiosk) เดินแบกเป้สะพายหลังขายเครื่องดึ่มร้อนพวกโกโก้ หรือกาแฟด่วน บนรถ บางครั้งมีของกินเล่นเล็กน้อยเป็นตัวเลือกพิเศษ ซึ่งหาได้ตามรถไฟที่วิ่งระหว่างเส้นทางไกลๆ "ไม่ใช่แต่ทิวลิปที่มีสีดำ ดอกไม้ในฮอลแลนด์มักจะโดนทำให้เป็นสีดำ นัยว่าคนที่นี่ชอบของดำ สาวๆ ก็ชอบที่ดำๆ ...เอิ๊ก" แก้ไขเมื่อ 06 ก.ค. 53 11:17:50 จากคุณ : เที่ยวไปสองไพเบี้ย เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 10:58:52

ความคิดเห็นที่ 25   มาต่อด้วยอาหารมื้อว่างๆ ส่วนมากจะเป็นอาหารมื้อที่คนดัตช์นิยมกินเล่นกันเมื่อไปเที่ยว ได้แก่ ปลาฮาริ่งดิบ ที่ทำความสะอาดเอาก้างออกเรียบร้อย เวลาเสิร์ฟจะมาพร้อมกับหัวหอมซอย เพิ่มรสชาติ ฮาริ่งเป็นปลาดิบที่มีรสเค็มและคาว เนื้อเหนียว อาจจะไม่ถูกปากคนไทย ไม่เหมือนซาซิมิอาหารญี่ปุ่น นอกจากฮาริ่งแล้วก็ยังมีปลาไหลที่เรียกว่าพาลิ่ง( paling) ที่นำมาทำเป็นสลัด หรือกินแกล้มเบียร์ในมื้อว่างๆ อันนี้ถ้าไม่ดูหน้าตาก่อนจะแล่ ก็พอจะกินได้ รสชาติดีทีเดียวไม่แพ้ปลาไหลในอาหารญี่ปุ่น นอกจากของคาวๆ แล้ว ของกินเล่นแบบขนมหวาน ก็เป็นที่นิยมกันทั่วไปโดยเฉพาะตามคาเฟ่รอบจตุรัส ในวันที่อากาศดี ขนมกินเล่นที่คนไทยทุกคนชอบแน่ๆ ก็คือ (poffertje) พ็อฟเฟิร์ทเจ้อะ คือขนมครกเนเธอร์แลนด์ แต่รสชาติจะคล้ายๆกับขนมลูกโดนบ้านเรา คือเป็นแพนเค้กอยู่ในรางขนมครก เวลากินจะมีเนยและน้ำตาลไอซิ่งมาคู่กัน บางที่อาจจะหรูหน่อย มีผลไม้และวิปปิ้งครีมด้วย ราคาก็ตามความหรูนั่นเลย นอกจากนั้นอั๊บเปิ้ลต๊าร์ท (Appeltaart) หรือที่เรารู้จักว่าแอปเปิ้ลพาย ก็เป็นอาหารว่างอีกอย่าง ที่คนดัตช์ชอบทานกันตามคาเฟ่ เข้าคู่มากับช็อกโกแลตร้อนๆพร้อมวิปปิ้งครีม ก็แสนจะสุขแล้ว "หารูปของกินมาประกอบไม่ทันเลย เดี๋ยวจะพยายามรื้อหามาให้ค่ะ เอากังหันมาฝาก กังหันที่เปิดให้ชม มักจะมีค่าเข้าชมมาตรฐานเดียวกับโบสถ์ค่ะ คือ 3 ยูโร" จากคุณ : เที่ยวไปสองไพเบี้ย เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 11:04:53

ความคิดเห็นที่ 26   "ได้อาเปิ้ลทาร์ตมาก่อน เห็นแล้วชวนหิวมาก ขอไปชงกาแฟตั้งไว้ และงีบสักแป๊บ หกโมงแล้วค่า ยังไม่ถึงเศษหนึ่งส่วนห้าของเล่มเลย" หากคุณเดินเล่นในตลาดนัดในช่วงปลายฤดูร้อนต้นฤดูใบไม้ร่วง อาจจะได้เจอซุ้มขายหอยแมลงภู่อบ ที่จะมากับน้ำจิ้มสูตรผสมมายองเนส ที่ถ้าจะให้ถูกปากคนไทย คงจะต้องเตรียมน้ำจิ้มซีฟู้ดอย่างแซ่บไปแกล้ม ถึงจะสะใจพี่ไทยเรา นอกจากหอยอบแล้ว ก็จะหาร้านขายปลาทอดและหอยทอดได้ทั่วไปในตลาด ปลาทอดที่คนดัตช์ชื่นชอบกับมากเรียกว่า (Kibbeling) คิบเบ่อะลิ่ง เป็นปลาเนื้อขาวชิ้นเล็กๆ ชุบแป้งทอด หรือถ้าเป็นปลาชุบแป้งทอดทั้งตัว เรียกว่า (Lekkerbek) เล็กเกอร์เบ็ค ทั้งสองชนิดนี้ทำจากปลาชนิดเดียวกันที่เรียกว่าคาเบิลเยาว์ (Kabeljauw) นอกจากนั้นก็ยังมีกุ้งตัวใหญ่ชุบแป้งทอดที่เรียกว่ากัมบ้า (Gamba) และหอยแมลงภู่ชุบแป้งทอด โมสเซ่อเลิ่น (Mosselen) ที่ขายกันเป็นขีด อ่านออกเสียงไม่ถูกก็ยังไปยืนเอานิ้วจิ้มได้ที่ตู้กระจกหน้าร้าน ซอสจะมีให้เลือกเช่น ซอสกระเทียม Knoflook คโน้ฟโหลก หรืออีกอันก็คือซอสราวิโกตี้ อันนี้คุณรู้จักดีอยู่แล้ว อาหารว่างชนิดต่อมา ที่พวกเราจะไม่นึกไม่ฝันว่าคนดัตช์เขาจะกินเอาจริงเอาจังกันเป็นอาหารเย็นได้ด้วยก็คือพันน่ะคุ๊กเกิน (Pannekoeken) หรือแพนเค้ก ดีๆนั่นเอง เชื่อกันว่าเมื่อคนดัตช์ได้อพยพไปอยู่อเมริกานั้น อาหารชนิดนี้เป็นอาหารหลักที่ทุกบ้านต่างก็กินกัน จนทุกวันนี้ไม่มีใครรู้อีกแล้วว่ามันเป็นอาหารดัตช์ คนดัตช์จะใส่ทุกอย่างลงไปเป็นหน้าแพนเค้กได้หมด ไม่ว่าจะเป็นเบค่อน ผลไม้หลากชนิด ชีสและแฮม หรือแบบธรรมดา ที่ราดน้ำตาลไอซิ่ง หรือน้ำเชื่อม จากคุณ : เที่ยวไปสองไพเบี้ย เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 11:11:09

ความคิดเห็นที่ 27   ตามมาอ่านของฟรีค่ะ ^o^ จากคุณ : nichalala เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 11:22:55

ความคิดเห็นที่ 28   อ่านแล้วอยากไปจัง จากคุณ : meaw-angle เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 11:40:35

ความคิดเห็นที่ 29   น่าอ่านมาก ขอบคุณครับ จากคุณ : ชาย เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 11:40:56 A:180.180.19.169 X: TicketID:256819

ความคิดเห็นที่ 30   แวะมาอ่าน หวังว่าจะมีโอกาสได้ไป จากคุณ : blewt เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 12:20:39

ความคิดเห็นที่ 31   ขอบคุณครับ เป็นประเทศในฝันอีกหนึ่งประเทศที่อยากไปครับ จากคุณ : gigzy เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 13:34:39

ความคิดเห็นที่ 32   ขอบคุณมากค่ะ เป็นประโยชน์มากเลย ตอบแทนด้วยกิฟท์นะคะ จากคุณ : For the good time เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 14:54:10

ความคิดเห็นที่ 33   ขอบคุณนะคะที่เอามาให้อ่าน จากคุณ : ต้องให้เปลี่ยนสักกี่ที เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 15:14:04

ความคิดเห็นที่ 34   ชอบกระทู้แบบนี้ครับ ข้อมูลเพียบ สงสัย lonely planet จะเจ๊งก็คราวนี้ ขอบคุณมากๆครับ จากคุณ : parad เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 18:44:16

ความคิดเห็นที่ 35   จริงๆ เขียนไว้มีหลายประเทศ หลายเมืองเลยค่ะ แต่ไม่มีโอกาสได้พิมพ์ค่ะ ไม่มีเส้นหย่ายในวงการ อีกอย่างสนพ.เขาคงกลัวขายไม่ได้ ในเมื่อไม่อยากขายให้เรา เราก็แจกฟรีค่ะ เพราะจุดประสงค์เราคือให้ข้อมูลถึงนักท่องเที่ยว ไม่ได้มีจุดประสงค์จะรวย และแจกที่นี่ที่เดียว หากมีใครไปเจอที่อื่นมาละก็ เราอาจจะได้รวยวิธีอื่นแทนค่ะ แอบไปนอนมายาวเลย เดี๋ยวแปะเพิ่มให้อีกนิด เดี๋ยวจะไปตลาดซื้อเชอรี่มากินรับร้อนซะหน่อยค่ะ จากคุณ : เที่ยวไปสองไพเบี้ย เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 19:20:57

ความคิดเห็นที่ 36   เมื่อมาถึงอาหารมื้อเย็น เป็นมื้อที่หนักที่สุดของวัน อาหารดัตช์เป็นอาหารที่ไม่ค่อยมีชื่อเสียงระดับโลกเหมือนอาหารฝรั่งเศส หรืออาหารอิตาเลี่ยน แต่ก็มีขนมปังที่อร่อยๆ หลากหลายชนิด ถ้ามีเวลาลองเดินหาดูในซุปเปอร์มาร์เก็ตใหญ่ๆ อย่าง (Albert Heijn) อัลเบิร์ตไฮน์หรือในร้านเบเกอรี่เป็นเรื่องเป็นราว คุณจะแปลกใจว่าคนที่นี่เขากินอะไรกันหนักกันหนา กับขนมปังที่มีเกือบห้าสิบชนิด ยังไม่รวมมันฝรั่งอีกหลายหลายประเภทและยี่ห้อ การหาร้านอาหาร ที่เนเธอร์แลนด์นี้ หากคุณต้องการหากาแฟดึ่ม และกินอะไรเล่นนิดๆหน่อยๆ คุณรี่เข้าไปได้ที่ (Eetcafe  เอ๊ตคาเฟ่, Cafe คาเฟ่ หรือ Eethuisเอ๊ตเฮาส์ ) ที่เหล่านี้จะมีอาหารแบบง่ายๆขายด้วย ส่วนคอฟฟี่ช็อป Coffeeshop นั้นไม่มีกาแฟขายนะจ๊ะ มีแต่กัญชา และฮาชี่  คาเฟ่ส่วนมากจะเปิดประมาณ 10 โมงเช้าเป็นต้นไป แต่อาจจะเปิดดึกด้วยหรือไม่ ต้องดูว่าเขามีเครื่องดึมแอลกอฮอล์ขายด้วยหรือเปล่า ชีส (Kaas) ก๊าส อาหารที่ขาดไม่ได้ของเนเธอร์แลนด์ ชีสเป็นส่วนประกอบของอาหารแทบทุกมื้อ และคนดัตช์ชอบชีสเกือบทุกประเภท ชีสสีเหลืองที่นิยมกัน จะวัดอายุกันด้วยคำว่า (Jong ยง, Belegen เบอเล๊เคิ่น, Oud เอ๊าท์) ว่าชีสไหนอายุน้อย ก็จะมีความเหนียวนุ่มมากกว่า ชีสที่อายุมาก Oud จะแข็งและมีกลิ่นแรง ไม่สามารถหั่นออกได้ง่ายๆ ส่วนมากจะต้องขูดเอา อย่างชีสพวกพามีซานที่โรยหน้าอาหาร ชีสแบบที่เราคนไทยกินกันนั้น ส่วนมากจะเป็นชีสแบบ (Jong หรือ Belegen) มีเนื้อนุ่ม เค็มไม่จัดและกลิ่นไม่แรง มีหลายรส ชีสรมควัน  ชีสรสพริก ชีสรสโหระพา และอื่นๆอีกมากมาย "ตลาดชีส(หลอกๆนักท่องเที่ยว) ที่เมือง Alkmaar อนุรักษ์ตลาดแบบโบราณ ส่วนถ้าจะซื้อจริงๆ ให้ไป่ที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต หรือตลาดนัดค่ะ ละลานตา ชิมได้ด้วย" จากคุณ : เที่ยวไปสองไพเบี้ย เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 19:28:18

ความคิดเห็นที่ 37   นอกจากชีสดัตช์แล้ว คนดัตช์ก็ยังชอบกินชีสจากประเทศอื่นด้วย โดยเฉพาะชีสแปลกๆ อย่างชีสนมแพะ (geitenkaas) ไก๊เตินก๊าส หรือชีสอ่อนๆพวก (feta) เฟตา อาหารดัตช์ประจำบ้านที่มีชื่อเสียงนั้น คุณอาจจะหาทานไม่ได้ในร้านอาหาร เหมือนการจะไปสั่งข้าวมันไก่ในโรงแรมห้าดาว อาหารดัตช์นั้นเป็นส่วนผสมของ มันฝรั่ง เนื้อ และผัก โดยปรุงแยกกันเป็นส่วนๆ เลยไม่ค่อยมีใครได้รู้ว่าอ้อ นี่อาหารดัตช์มันเป็นอย่างนี้หรอกหรือ อาหารตามบ้านที่รู้จักกันก็ได้แก่ (Stamppot) สตำผด คือมันบดใส่ผักและหมูสามชั้นชิ้นเล็กๆ เครื่องเทศ กินกับไส้กรอกอันใหญ่ๆ และมัสตาร์ด ตามชอบ จะแบ่งตามผักที่ใส่ได้เป็น (Stamppot zuurkool สตำผด ซือร์โคล, Stamppot Andijvie สตำผด อันไดฟี่ หรือ Hutspot ฮึ๊ทสปอต) (ใส่แครอท) หรือซุปเฉพาะสำหรับหน้าหนาว อย่าง เอ็ร์ตเติ้นซุป(erwtensoep) หรือซุปถั่วลันเตา เป็นซุปข้นเละๆ ที่กินในหน้าหนาว คู่กับไวน์แดงร้อนที่เรียกว่ากลึไวน์ (gluwein) ถ้าคุณมาเที่ยวเนเธอร์แลนด์ในช่วงฤดูหนาวแล้วละก็ หากินได้ไม่ยากตามลานสเก็ตทั่วไปในแต่ละเมือง นอกจากนั้น ในเนเธอร์แลนด์ยังมีร้านอาหารต่างชาติมากมาย ที่คุณไปทดลองชิมได้ ตั้งแต่ร้านอาหารตุรกีที่มีอยู่มากมายทุกเมือง อาหารจีนที่จะประหยัดเงินในกระเป๋าคุณได้มากสำหรับมื้อเที่ยงที่อิ่มหนำ และที่พบได้ทั่วไปคือร้านอาหารอินโดนีเซียที่มีอาหารที่คนไทยพอจะรับมือได้ และราคาไม่แพงนักอีกด้วยค่ะ นอกจากนั้นก็ยังมีอาหารญี่ปุ่น อาหารเวียดนามและอาหารไทย มากมายให้เลือกหาทานกันแล้วแต่ความใหญ่ของเมือง เมืองใหญ่ๆ อย่างรอตเตอร์ดัม นั้นอาจจะมีร้านอาหารไทยมากถึงสิบกว่าร้านด้วยกัน ในอัมสเตอร์ดัมอาจจะฟาดไปสามสิบกว่าร้าน อาหารอินโดนีเซียที่คนดัตช์กินกันทุกวันจนนึกว่าเป็นอาหารดัชต์ไปแล้วก็คือบะหมี่โกแร็ง ( bami goreng) เส้นหมี่ผัดแห้งใส่ผักและเนื้อชนิดต่างๆ sate หรือสะเต๊ะจากเนื้อหลากชนิด ร้านอาหารในเนเธอร์แลนด์หลายๆร้านจะเปิดบริการเฉพาะมื้อเย็น เริ่มตั้งแต่ประมาณ 4 หรือ 5 โมงเย็นไปจนถึงดึก แต่หากคุณเข้าร้านอาหารมาค่อนข้างดึก จะต้องรู้ด้วยว่าครัวส่วนมากปิดตั้งแต่เวลา 4 ทุ่ม คุณเข้ามานั่งดึ่มได้ แต่สั่งอาหารเพิ่มไม่ได้อีกแล้ว "การเต้นรำในชุดประจำชาติ หาดูไม่ได้ในเมืองใหญ่ๆ แต่ต้องออกไปตามหมู่บ้านเล็กๆ ท้องถิ่นเหล่านี้จะมีกลุ่มผู้อนุรักษ์ของเก่า แสดงกันวันเสาร์อาทิตย์ ที่สำคัญฟรี และหาดูยากๆๆๆจริงๆ" จากคุณ : เที่ยวไปสองไพเบี้ย เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 19:33:32

ความคิดเห็นที่ 38   ชื่ออาหารในภาษาดัตช์ (เพิ่มเติม) kip กิ๊ป ไก่ varken ฟ๊าร์คเกิ้น หมู rund รึนด์ เนื้อ lam ลั๊ม แกะ eendenborst เอ็นเดิ่นบ๊อร์สท์ อกเป็ด garnalen คาร์นาเลิ่น กุ้งเล็ก gamba คัมบ้า กุ้งกุลาดำ paling พาลิ่ง ปลาไหล haring ฮาริ่ง ปลาแฮริ่ง mosselen มอสเซ่อะเลิ่น หอยแมลงภู่ oester อู้สเตอร์ หอยนางรม rijst ไร๊ซ์ ข้าว nasi นาซี ข้าวผัด soep ซุป แกงจืด (ที่ไม่จำเป็นต้องจืดอย่างเดียว อาจจะเค็มด้วย) aardappel อ๊าร์ดอับเปิ้ล มันฝรั่ง aardbei อ๊าร์ดเบิย สตรอเบอรี่ asperges แอ๊สแปช หน่อไม้ฝรั่ง แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว รู้มากไป เดี๋ยวจะพูดดัตช์ได้ไปซะนะคะ "ดูหน้าค่าตา ขนมครกดัตช์ รสชาติคล้ายแพนเค็กแต่ความเหนียวน้อยกว่า จะนุ่มลิ้น พอดีคำ และยิ่งอร่อย ต้องเอาเนยสดไปแตะๆ ให้เนยละลายย้อยลงใส่ขนม แล้วคลุกๆๆ น้ำตาลไอซิ่ง โอ้ พูดแล้วอยากกิน ไปซื้อกินในตลาดสักถาดดีกว่า สนนราคาเท่าที่เห็นนี้ประมาณ 4 ยูโรค่ะ" จากคุณ : เที่ยวไปสองไพเบี้ย เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 19:37:35

ความคิดเห็นที่ 39   เมื่อมีข้อมูลสำหรับอาหารแล้ว เราก็มาดูเรื่องเครื่องดึ่มกันต่อ เครื่องดึ่มพื้นฐานที่สุดก็คือน้ำเปล่า น้ำจากก็อก(น้ำเย็น) ในเนเธอร์แลนด์นั้นสะอาดและดึ่มได้เลย (แม้หลายๆคนจะบอกว่ารสชาติไม่อร่อยนัก) เวลาคุณจะไปเที่ยวไหน ก็หาขวดมาเติมน้ำไว้ก่อน จะช่วยประหยัดค่าน้ำดึ่มได้มาก เพราะเนเธอร์แลนด์ไม่มีปั๊มน้ำใสไหลเย็นให้คุณเติมน้ำดึ่มระหว่างทางได้ง่ายๆเหมือนในสวิสเซอร์แลนด์ ส่วนเครื่องดึ่มที่มีชื่อเสียง ที่ดึ่มกันทั่วไปก็คือเบียร์ แม้ว่าเบียร์ดัตช์จะไม่มีชื่อเสียงว่าอร่อยนัก แต่ก็โด่งดังไปทั่วโลก ไม่มีใครไม่รู้จักเบียร์ ไฮเนเกิ้น (Heineken) ที่คนดัตช์ในประเทศแทบไม่ดึ่มกัน เพราะมีอย่างอื่นที่อร่อยกว่า นอกจากเบียร์ระดับอินเตอร์เนชั่นนอลเอาไว้ส่งออกอย่างไฮเนเก้นแล้ว ดัตช์ยังมีเบียร์ท้องถิ่น ที่มีรสชาติดีอีกมากมายหลากชนิด เช่น(Amstel อัมสเท็ล, Brand บรั๊นท์, Bavaria บาวาเรีย, Dommelsch ดมเมิ่ลช์, Grolsch กรอล์ช , Hertog Jan แฮท็อกยัน, และ Gulpener กัลเปิ่นเนอร์) พอเป็นตัวอย่างให้ลองหามาชิมกันนะคะ "ใครเชียร์ฟุตบอลฮอลแลนด์บ้างเอ่ย ปีนี้ เข้ารอบสี่ทีมสุดท้ายแล้ว แต่เอ หมอดูตัวเลข บอกว่าเยอรมันนีจะเป็นแชมป์ ยังไงก็เชียร์ละกัน ฮอลแลนด์ไม่เค้ย ไม่เคยได้ถ้วยเลย การไฟฟ้าบริษัทหนึ่งมีโปรโมชั่น ถ้าฮอลแลนด์ได้ถ้วยบอลโลก ใช้ไฟฟรีทั้งปี ซ้าธุ ขอให้ได้" แก้ไขเมื่อ 06 ก.ค. 53 19:44:05 จากคุณ : เที่ยวไปสองไพเบี้ย เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 19:43:15

ความคิดเห็นที่ 40   เบียร์ดัตช์ส่วนมากเป็นเบียร์ใสที่เรียกว่าพิลส์ (pils) นอกจากนั้นตามคาเฟ่ และร้านอาหาร ก็ยังมีเบียร์อร่อยๆ จากประเทศที่มีชื่อเสียงอย่างเบลเยี่ยมให้ลองชิมกันมากมาย หรือแม้แต่ในซุปเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป เบียร์เบลเยี่ยมที่แนะนำก็ได้แก่ (Jupiler จูปิแลร์, Hoegaarden ฮูการ์เดิ้น) เป็นเบียร์ขาว, ครี๊ก (Kriek) ที่เป็นเบียร์รสผลไม้ เหมาะสำหรับคุณสุภาพสตรีที่ชอบความแปลกใหม่ หรือสเตลล่า อาร์ทัวร์ (Stella-artois) ที่ไปโด่งดังในหลายประเทศเช่นกัน กินอาหารและเครื่องดึ่มแล้ว มาต่อกันที่ขนมและของกินเล่นแบบพกพากันค่ะ ขนมขึ้นชื่อที่ขาดไม่ได้คือสโตร้บว้าเฟิ่ล (stroopwafel) ขนมวัฟเฟิลแบบแบนสอดไส้น้ำเชื่อม หรือน้ำผึ้งหวานอร่อย โดยเฉพาะแบบที่ทำสดในเทศกาลหน้าหนาวจะหอมหวานชวนกินมาก ซื้อติดมือกลับบ้านไปได้ราคาพอๆกับโปสการ์ดหนึ่งใบ การันตีว่าชิมแล้วติดใจกันแน่นอน มีขนมดัตช์อย่างหนึ่งที่ไม่แนะนำ เรียกว่า (drop) ดร็อปเนี่ยคือลูกอม ที่สีดำๆ มีรูปร่างหน้าตาหลากแบบ รสชาติบอกไม่ถูก จากการสอบถามคนไทยจำนวนมากที่ลองชิมเข้าไป ทุกคนพากันส่ายหน้าและไม่พูดอะไรค่ะ ขนมเหล่านี้หาซื้อได้ทั่วไปตามซุปเปอร์มาร์เก็ต ในแผนกขนมนั้นจะยังอัดแน่นไปด้วยช็อกโกแลตทั้งจากเนเธอร์แลนด์เอง ซึ่งจะเป็นช็อกโกแลตแท่ง มีทั้งช็อกโกแลตนม แบบช็อกโกแลตล้วนเข้มข้น แบบใส่ถั่ว หรืออัลมอนต์ หรือจะหาของฝากพวกช็อกโกแลตรูปหอยที่สอดใส้ปราลิเน่ ( praline) ของเบลเยี่ยมก็มีให้หยิบคว้ากันตามสะดวกบนชั้น นอกจากนั้นบางร้านยังมีช็อกโกแลตจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างคาร์เท่อะ ดอร์ (Carte D’or) ลิ๊นท์ (Lindt) จากสวิสเซอร์แลนด์ หรือเฟอเรโร่ โรเชอร์ (Ferrero Rocher) ช็อกโกแลตที่มีแพ็คเกจจิ้งหรู เหมาะแก่การซื้อเป็นของฝากผู้หลักผู้ใหญ่ด้วย "มรดกโลกที่น่าเที่ยวที่สุดของเนเธอร์แลนด์ เป็นพื้นที่โล่ง เข้าชมฟรี มีคาเฟ่ใกล้ ให้นั่งจิบโกโก้ร้อนใส่วิบปปิ้งครีมในหน้าหนาว หรือทานขนมเค็กจิบชาในหน้าร้อน ถ้ามาเอาช่วงทัวร์ลงละก็ พี่ยุ่นเพียบเลยทีเดียว สามารถเดินทางไปดูได้จากรอตเตอร์ดัมด้วยเรือเร็วทุกครึ่งชั่วโมงค่ะ" จากคุณ : เที่ยวไปสองไพเบี้ย เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 19:48:35

ความคิดเห็นที่ 41   อย่างที่บอกในช่วงอีสเตอร์ คุณอาจจะหาซื้อช็อกโกแลตพิเศษที่ทำเป็นรูปกระต่าย แม่ไก่ หรือสัตว์น่ารักๆ หลากชนิด หรือแม้แต่ช็อกโกแลตรูปทะลึ่งๆ ลามก ที่ก็มีคนซื้อกันเอาไปแกล้งคนอื่นๆ ได้ตามร้านค้าทั่วไปหรือในตลาดนัด ส่วนช่วงซินเตอร์คล้าสใกล้ๆปีใหม่ นั้นคุณจะเจอช็อกโกแลตที่เป็นรูปตัวอักษรภาษาอังกฤษ ตั้งแต่ A – Z ให้เลือกซื้อไปแจกเพื่อนฝูงตามอักษรนำหน้าชื่อเขา ตามเทศกาลของดัตช์ไปด้วย ช็อกโกแลตพิเศษเหล่านี้ไม่ได้มีราคาต่างจากปกติแต่อย่างใดค่ะ ขายกันเป็นกรัม นอกจากช็อกโกแลต ขนมดัตช์อื่นๆ ก็เหมาะที่จะเป็นของฝากไม่แพักัน ใครจะรู้ว่าคำว่าคุกกี้นั้น จริงๆแล้วมาจากภาษาดัตช์ว่า (koekje) คุ้กเจ้อะ และขนมคุกกี้อย่างสเป็คคูลาช (speculaas) คุกกี้ซินนามอนที่อัดพิมพ์เป็นรูป หรือ หรือจะลองขนมเค้กแม๊ร์คไปป์ (mergpijp) ขนมเค้กสอดไส้แยมราดด้วยมาร์เซ่อะปายน์ (marsepein) หรือน้ำตาลเหนียวผสมไข่ขาวและอัลมอนด์ ที่นำมาปั้นเป็นรูปได้ด้วย มาเซ่อะปายน์ นี้จะมีหลากหลายหน้าตา เป็นขนมที่กินกันในช่วงอีสเตอร์ - พาส (Paas) และคริสมาสต์ - ซินเตอร์คลาส (Sinterklaas) "ช่วงใกล้คริสมาสต์ เดือนธันวาคม ที่ตลาดนัดบ้านคิวบิค (Blaak square) จะมีต้นสนมาขายเพียบ สนตัดใหม่ๆ กลิ่นยางสนหอมๆ เดินเข้าไปใกล้ๆได้กลิ่นคริสมาสต์กันเลยทีเดียว เขาขายกันต้นเล็กก็ 10 ยูโรขึ้นไป นับว่าไม่แพง เมื่อเด็กขายของตามร้านก็ได้เงินค่าแรงต่อชม.ประมาณนี้เอง" จากคุณ : เที่ยวไปสองไพเบี้ย เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 20:00:09

ความคิดเห็นที่ 42   สวัสดีค่ะ คุณลี่ เข้ามาทักทาย และขอบคุณสำหรับข้อมูลค่ะ อยากไปเที่ยวมานานแล้วค่ะ ขอบคุณอีกครั้งค่ะ จากคุณ : หมู (ตัว) อ้วน เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 53 01:20:49

ความคิดเห็นที่ 43   Ahhhh thanks for the info ka. makes me wanna pack my back and go to Holland jing jing T^T จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 53 02:35:22

ความคิดเห็นที่ 44   ขอบคุณมากคุณลี่มากค่ะ อ่านซะจุใจเลยค่ะ จากคุณ : wachu เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 53 17:35:09

ความคิดเห็นที่ 45   ว้าจบแล้วหรอ มีต่อไหมคะ ปล. ถ้า สนพ. มันยุ่งยาก ก็ทำขายเองเลยสิคะ จากคุณ : meaw-angle เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 53 13:46:33

ความคิดเห็นที่ 46   มาต่อค่ะ อยากทำขายเองหรอกนะคะ วันก่อนทำฮังการีออกมา ยังขายไม่หมดเลย ฮ่าๆๆ แต่อันนั้นไม่ได้เขียนเองค่ะ ถ้าเกิดมีคนอยากซื้อคงติดต่อมาแล้วจ้า แต่ส่วนมากคนชอบอ่านฟรีมากกว่า เราก็ไม่ได้ตั้งใจจะขายเอารวยนี่นา ไม่คิดมากจ้า แต่ถ้าสนพ.ไหน หรือใครมาขโมยต้นฉบับนี่ ก็คงต้องเอาเรื่องกันหน่อยแหละ ต่อๆๆ รูปประกอบของคคห ที่ 41 ----------------------------------------------- จากคุณ : เที่ยวไปสองไพเบี้ย เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 53 19:25:59

ความคิดเห็นที่ 47   อย่างไรก็ตาม สำหรับคนที่ไม่ชอบซินนาม่อนนั้น จะพบว่าขนมคุกกี้ส่วนใหญ่ของดัตช์จะมีส่วนผสมของเครื่องเทศชนิดนี่อยู่เกือบทั้งหมด ถ้าคุณไม่ชอบ ก็สามารถหาซื้อคุกกี้เนยแบบธรรมดาที่หอมมันกลิ่นเนยสด มาลองแทน ก็อร่อยไม่แพ้กันเลย ส่วนขนมคุกกี้พวกสอดไส้ต่างๆนั้น จะมีไส้เป็นอัลมอนด์บดซึ่งคนไทยหลายๆคนก็ไม่ชอบ แต่ก็อยากให้รู้ไว้ จะได้ลองชิมกันดูนะคะ สุดท้ายสิ่งที่คนไทยหลายๆคนไม่เคยรู้ เมื่อคุณไปซื้อน้ำดึ่มจากซุปเปอร์มาร์เก็ตโดยน้ำอัดลมเหล่านั้นบรรจุอยู่ในขวดพลาสติกใสที่มีขนาดบรรจุเกิน 1 ลิตร ปกติแล้วคุณจะต้องจ่ายเงินค่าขวด ที่เรียกว่าสตาซี่เก็ลท์ (statiegeld) เป็นมูลค่า 25 เซ็นต์ต่อขวด ซึ่งเมื่อคุณดึ่มหมดแล้ว สามารถจะนำไปคืนที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตใดก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นที่เดิม โดยถามหาตู้คืนขวด สตาซี่เค็ลท์ เฟลส(statiegeldfles) แล้วนำไปหยอดคืนโดยใส่ก้นขวดเข้าไป เครื่องจะนับจำนวนแล้วให้บิลคุณออกมา บิลนี้คุณสามารถนำไปขึ้นเงินได้ที่แคชเชียร์เพื่อใช้หักลดค่าสินค้าที่คุณช้อป หรือหากคุณไม่ได้ซื้ออะไร เขาก็จะจ่ายเงินส่วนนั้นคืนมาให้ค่ะ เพราะฉะนั้น ดึ่มน้ำหมดแล้ว อย่าทิ้ง เช่นเดียวกับขวดเบียร์ ที่มีราคา 10 เซ็นต์อยู่ต่อขวดเมื่อคุณนำมาคืนค่ะ จากคุณ : เที่ยวไปสองไพเบี้ย เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 53 19:39:27

ความคิดเห็นที่ 48   สุขภาพ อนามัย และความปลอดภัย สุขภาพและอนามัยที่ดีระหว่างการท่องเที่ยว คือการได้กินอิ่ม นอนหลับ และไม่ลากกระเป๋าจนปวดแขน หรือแบกเป้จนปวดหลัง และไม่ได้ใส่รองเท้าที่กัดจนหน้าแหย หลักการเลือกที่พัก อาหาร การจัดกระเป๋า และอุปกรณ์ระหว่างการเดินทาง เรามีแนะนำไปแล้วในหัวข้อต้นๆ ขั้นตอนนี้เราจะมาหาวิธีป้องกันการเจ็บไข้ได้ป่วยระหว่างการเดินทางในประเทศที่หนึ่งวันมีสี่ฤดูแห่งนี้ เพื่อไม่ให้คุณหมดสนุก ห้องน้ำ การเข้าห้องน้ำเมื่อคุณมีความจำเป็นเป็นความสำคัญที่ขาดไม่ได้ หากคุณลองดูห้องน้ำบนรถไฟแล้วไม่เป็นที่ประทับใจ คุณควรจะต้องเตรียมเงินไว้ประมาณ 20 – 50 เซ็นต์ สำหรับค่าใช้บริการห้องน้ำสาธารณะที่ค่อนข้างสะอาด (ซึ่งรายการนี้ลี่ก็ไม่สามารถรับประกันให้คุณได้ว่าเสียเงินไปแล้วมันจะสะอาดจริงหรือไม่) นอกจากห้องน้ำสาธารณะที่มีให้บริการตามสถานีรถไฟแล้ว คุณอาจจะพบห้องน้ำ(ชาย)ที่ตั้งอยู่ที่สาธารณะ(แบบเปิดเผย) อย่างสุขาชายกลางตลาดนัด โอ้ววว ฟังแล้วมันน่าตื่นเต้นซะไม่มี ห้องน้ำแบบนี้ไม่เสียเงิน และมีให้แต่คุณๆผู้ชายเท่านั้น จริงๆแล้วมันก็ไม่เป็นที่อนาจารแต่อย่างใดเพราะออกแบบมาให้มีหลืบมีมุม สามารถบดบังสายตาอยากรู้อยากเห็นของคนที่เดินผ่านไปมาได้ อย่างน้อยก็มีห้องน้ำให้ใช้ ไม่ต้องเสี่ยงกับการถูกปรับโทษฐานปล่อยทุกข์ไม่เป็นที่เป็นทาง ค่าปรับ 30 ยูโรเชียวนะ "บ้านหน้าต่างสไตล์อัมสเตอร์ดัมแท้ๆ หาที่เมืองอื่นดูก็ยาก" จากคุณ : เที่ยวไปสองไพเบี้ย เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 53 19:44:00

ความคิดเห็นที่ 49   ห้องน้ำบางชนิดเก๋มาก ใช้วิธีการโทรศัพท์ไปใช้บริการ ห้องน้ำแบบนี้จะเป็นประตูโครเมี่ยมบานใหญ่ๆ ดูไฮเทค ข้างๆประตูจะมีหมายเลขโทรศัพท์ให้เราโทรไป เมื่อทำการโทรไปแล้ว ก็จะเปิดประตูได้ มีเวลาให้ใช้บริการ 15 นาที หากว่ายังทำธุระไม่เสร็จก็ต้องโทรอีกรอบ พอจะหาได้ตามสถานีรถไฟบางแห่ง(เท่านั้น) สถานที่ท่องเที่ยว และบัตรประเภทต่างๆ พิพิธภัณท์ ขาประจำชอบเที่ยวที่รักในศิลปะและวัฒนธรรม จะมีความสุขในการเที่ยวไปในหลายพิพิธภัณท์ทั่วประเทศเนเธอร์แลนด์ แต่คุณจะต้องรู้ก่อนว่า โดยปกติทั่วไป พิพิธภัณท์ที่ขึ้นกับรัฐ มักจะปิดในวันจันทร์ (บางแห่งที่มีนักท่องเที่ยวเยอะมากอาจจะเปิดทั้ง 7 วัน)   เพราะฉะนั้นก่อนจะวางแผนไปเที่ยวให้เช็คดูก่อนว่าพิพิธภัณท์ที่คุณจะไปในวันจันทร์นั้น ปิดหรือไม่ หลายๆพิพิธภัณท์ในเมืองเล็กๆ ก็จะไม่มีเจ้าหน้าที่ประจำตลอดเวลา จึงอาจจะเปิดเฉพาะเวลาบ่ายเท่านั้น รายละเอียดหาตามอ่านได้ในทริปย่อยของแต่ละวันค่ะ ค่าเข้าชมจะต่างกันไปตามแต่ขนาดของพิพิธภัณท์ หากว่าคุณมีแผนจะเข้าพิพิธภัณท์ให้มากระหว่างทริป คุณสามารถจะขอทำบัตรมิวเซียมการ์ด  สำหรับคนที่ชอบเข้าชมพิพิธภัณท์ บัตรนี้ราคา 40 ยูโรสำหรับผู้ใหญ่ และถูกลงมาอีกนิดสำหรับคนที่อายุไม่ถึง 26 โดยคุณสามารถเข้าชมมิวเซียมฟรี 400 แห่งทั่วประเทศ ป้จจุบันรวมบ้านอันเน่อะ ฟรังค์ Anne Frank ที่อัมสเตอร์ดัมเข้าไปด้วย คุณสามารถคำนวณความคุ้มค่าของการใช้บัตรนี้ได้จากสถานที่ที่คุณจะเลือกไปในแต่ละเมือง โดยเลือกทำบัตรได้ที่พิพิธภัณท์แรกที่คุณไปเข้าชม และใช้เวลาทำแค่แป๊บเดียวค่ะ โดยเริ่มทำใบแรกได้ที่พิพิธภัณท์แรกที่คุณเข้าชมเลยค่ะ บัตรนี้มีอายุ 1 ปีเต็ม จึงจะคุ้มค่าอีกเป็นหลายเท่าสำหรับคนที่มาเที่ยวระยะยาว มาศึกษาต่อหรือมีโอกาสไปๆมาๆเนเธอร์แลนด์บ่อยครั้ง เพราะสามารถเข้าพิพิธภัณท์ที่ร่วมในโครงการได้โดยไม่จำกัดครั้งเลยค่ะ "เริ่มง่วงๆ บ่ายๆต้องกินกาแฟ แก้ง่วงก่อน" จากคุณ : เที่ยวไปสองไพเบี้ย เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 53 19:49:46

ความคิดเห็นที่ 50   การ์ดแต่ละเมือง เช่น (อัมสเตอร์ดัมการ์ดAmsterdam card, รอตเตอร์ดัมพาสRotterdampas) จะมีรายละเอียดที่เหมาะสำหรับคนที่จะมีเวลาอยู่ในหนึ่งเมือง ค่อนข้างนาน สำหรับคนที่พิสมัยในเมืองใดเมืองหนึ่งโดยเฉพาะค่ะ ยูเรล เบเนลักซ์พาส (Eurail – Beneluxpas) บัตรผ่านสะดวกสำหรับรถไฟที่ทำให้คุณเดินทางได้หลายประเทศ สำหรับเบเนลักซ์พาส ใช้เดินทางใน เบลเยียม เนเธอร์แลนด์ และลักเซมเบิร์ก เป็นเวลาห้าวัน ที่ไม่จำเป็นต้องติดต่อกัน ภายในระยะเวลาหนึ่งเดือนค่ะ ถ้าคุณต้องการไปเที่ยวต่อ เบเนลักซ์พาสเหมาะมากหากว่าคุณดูแล้ว ระยะทางในการท่องเที่ยวในเนเธอร์แลนด์ในแต่ละวันไปกลับเกินสี่ชั่วโมง และค่ารถไปกลับแต่ละวันเกิน 25 ยูโร โดยเบเนลักซ์พาสนี้มีให้เลือกสามชนิด คือเบเนลักซ์พาส สำหรับคนที่เดินทางคนเดียว เบเนลักซ์เซฟวิ่งพาส สำหรับผู้เดินทางด้วยกันสองคนขึ้นไป และเบเนลักซ์ยูธพาส สำหรับผู้ที่อายุยังไม่ถึง 26 นอกจากนี้ยังมีบัตรรถไฟที่รวมประเทศอื่นๆ เข้าไว้อีกด้วยตามความสะดวกในการเดินทางไปยังประเทศอื่นของคุณ แต่หากว่าคุณรวมค่าใช้จ่ายเฉพาะส่วนของค่ารถไฟที่คุณจะใช้ในเนเธอร์แลนด์แล้วไม่คุ้มค่า ก็ไม่ควรซื้อไปค่ะ สำหรับคนที่เข้าเนเธอร์แลนด์ผ่านทางเบลเยี่ยม ให้ซื้อตั๋วที่เรียกว่า Benelux Tourrail แทนค่ะ ซื้อได้ทุกสถานีรถไฟในเบลเยี่ยม ไม่ต้องเสียค่าส่งเหมือนเบเนลักซ์พาส และใช้ได้เหมือนกันในสามประเทศเบเนลักซ์ โดยเมื่อเทียบกันราคาจะถูกกว่ายูเรล เบเนลักซ์พาสเสียอีกด้วยซ้ำ ส่วนเบเนลักซ์พาสทุกชนิดนั้น ไม่มีขายในประเทศเนเธอร์แลนด์ค่ะ "ช็อกกะแลตสำหรับโรยหน้าขนมปัง หาที่อื่นไม่ได้ มีแต่ที่ฮอลแลนด์ค่ะ สองสีนี้เป็นสีพิเศษสำหรับโรยบนขนมปังที่แจกให้แขกที่มาเยี่ยมบุตรค่ะ ใครเพิ่งคลอดลูกชายก็จะโรยสีฟ้า และสีชมพูสำหรับลูกสาว" จากคุณ : เที่ยวไปสองไพเบี้ย เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 53 19:55:29

ความคิดเห็นที่ 51   การขนส่งมวลชน OV (Openbaar Vervoer) ขึ้นชื่อว่าประเทศในยุโรปตะวันตก เนเธอร์แลนด์มีบริการการขนส่งมวลชน ที่เทียบกับเมืองไทยแล้วทำให้ประเทศของเราดูล้าหลังไปหลายขุม ระบบการบริการการจัดการเรื่องนี้ ถูกควบคุมและพัฒนาโดยคอมพิวเตอร์ จึงมีความผิดพลาดน้อยและทางการมีความรวดเร็วในการหาวิธีแก้ไข ทำให้นักท่องเที่ยวไม่ค่อยจะประสบปัญหาการเดินทางระหว่างท่องเที่ยวนัก เรามาเริ่มจากเครือข่ายรถไฟก่อนเลย รถไฟ trein (ไทรน์) เป็นบริการขั้นพื้นฐานจากรัฐในทุกๆประเทศในยุโรป รถไฟของเนเธอร์แลนด์จัดว่าทันสมัย สะอาดและสะดวกสบายพอสมควร (แม้จะด้อยกว่ารถไฟในสวิสเซอร์แลนด์อยู่ดี) สามารถแบ่งได้เป็น 2 ชั้นตามราคาตั๋ว ส่วนรถไฟจริงๆนั้น บ้างก็มีสองชั้นต้องขึ้นบันได บ้างก็มีชั้นเดียว แต่ละคัน หน้าตาทั้งภายในและภายนอก แทบไม่เหมือนกัน เขาจะมีชื่อเป็นของตัวเอง สไตล์ใครสไตล์มัน ซึ่งเราจะมาดูรายละเอียดกันต่อไป รถในเนเธอร์แลนด์ เกือบร้อยทั้งร้อยมีสีเหลือง-น้ำเงิน โดยมีสัญลักษณ์ลูกศรเบี้ยวๆ จากคำย่อ NS เนเด้อลันด์เซ่อะ สปอร์เว็ค (Nederlandse Spoorweg) เป็นสัญลักษณ์ บางคันสีขาวน้ำเงิน บางคันก็มีลวดลายสีสันแปลกตา อย่างรถไฟที่พ่นสีส้มเป็นที่ระลึกในการแข่งขันโอลิมปิก แล้วมีรูปเก๋ๆ ของนักกีฬาทีมชาติจากหลากหลายกีฬาอยู่ทั่วคัน หรือมีบ้างที่เป็นรถไฟของบริษัทอื่น ได้รับสัมปทานร่วมวิ่งในเส้นทางของ NS จากคุณ : เที่ยวไปสองไพเบี้ย เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 53 19:57:17

ความคิดเห็นที่ 52   รถไฟที่นี่วิ่งแล้วค่อนข้างเงียบ (ยกเว้นถ้าคุณไปนั่งอยู่ตรงห้องว่างๆที่เป็นช่วงต่อของโบกี้ จะเสียงดังกึกกักกึงกังหน่อย) สองข้างทางที่รถไฟต้องผ่านชุมชน ก็จะมีกำแพงเก็บเสียงเพื่อป้องกันมลภาวะทางเสียงแก่ผุ้อยู่อาศัยในแถบริมทางรถไฟ รถไฟโดยสารเกือบทุกสายใช้พลังงานจากกระแสไฟฟ้า รางรถไฟจึงมีสายไฟกระกบไปตลอดทาง โชคดีที่ไฟฟ้าในเนเธอร์แลนด์ไม่ค่อยมีดับๆติดๆตามอำเภอใจ ผู้โดยสารรถไฟก็เลยได้เดินทางอย่างมีความสุขจนถึงปลายทาง ไม่ต้องหยุดแหง็กอยู่เป็นนานอินเด่อะมิดเดิ่ลออฟโนแวร์ ( in the middle of nowhere) อ่านบอร์ดรถไฟให้เป็น กระดานแจ้งการออกของรถไฟในเนเธอร์แลนด์เกือบทุกสถานีจะมีบอร์ดแสดงเวลารถออก บ้างก็เป็นระบบไฟฟ้าเปิดสมุด บ้างก็เป็นหน้าจอดิจิตอล แต่ส่วนประกอบที่คุณพอจะเห็นได้เป็นหลักๆ ก็คือ คำว่าแฟร์เทร็ค vertrek (รถออก) ตามด้วยเวลารถออกที่ตรงมากๆ ถ้าคุณมาช้ากว่านี้แม้แต่ห้าวินาที เขาก็จะไม่รอ ยกเว้นคุณสบตากับคอนดัคเตอร์ปิ๊งๆได้ทันก่อนที่เขาจะเป่านกหวีดปิดประตู ก็อาจจะรอกันบ้างสิบวินาที หลังตัวเลขบอกเวลา จะบอกชนิดของรถไฟว่าเป็นรถอะไร บางเส้นทาง ที่เป็นนอกเมือง รถไฟจะเปลี่ยนเป็นรถ สต็อปไทรน์ stoptrein เพื่อรับส่งผู้โดยสารให้ครบทุกเมือง ตัวอักษรใหญ่สุดจะบอกชื่อเมืองที่เป็นปลายทาง อยู่ด้านล่างสุด ส่วนเมืองย่อยๆระหว่างทางนั้นจะบอกในส่วนที่เป็นบรรทัดด้านบน ตหากว่าคุณต้องการไปเมืองใดเมืองหนึ่งที่อยู่ในเส้นทางที่รถวิ่งยาว คุณจะต้องดูแผนที่ควบคู่ไป ว่ารถไฟคันนี้จะหยุดที่เมืองใดบ้าง ถ้ามีเมืองที่เป็นปลายทางของคุณอยู่ในระหว่างนั้น คุณก็สามารถขึ้นไปใช้บริการได้เลย ไม่จำเป็นว่าต้องเจาะจงเป็นรถไฟที่ไปจอดที่เมืองนั้นเป็นปลายทาง จากคุณ : เที่ยวไปสองไพเบี้ย เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 53 20:01:05

ความคิดเห็นที่ 53   รถไฟไม่วิ่ง รถไฟตกราง ในวันที่ระบบคอมพิวเตอร์ควบคุมเส้นทางเกิดอาการรวน หรือมีอุบัติเหตุบนรางรถไฟ เนื่องจากวัวใครไม่รู้เดินไม่ดูตาม้าตาเรือ หรือรถไฟคันใดคันหนึ่งล่าช้าเนื่องจากโชเฟอร์ท้องเสียเข้าห้องน้ำนานไป อาจจะทำให้เกิดรถไฟเลท เฟอร์ทร๊ากกิ้ง (vertraging) ขึ้นได้ โดยคุณจะเห็นคำนี้ขึ้นเป็นตัวสีแดงบนป้ายบอกเวลาและเส้นทางรถไฟบนชานชาลา และที่ห้องโถงใหญ่โดยเขาจะแจ้งเวลาประมาณการให้เป็นนาทีอีกด้วย ด้านหลังที่เป็นตัวแดง คือการแจ้งบอกเวลาที่คาดว่ารถจะออกสาย ซึ่งก็หมายความว่า รถคันนี้มาจากเมืองอื่นและการล่าช้าได้เกิดขึ้นในระหว่างเส้นทาง แต่ปกติแล้วจะไม่เลทไปกว่า 20 นาที ในระหว่างที่รอรถมาสาย คุณมีตัวเลือกอื่นในการเลือกเปลี่ยนรถไฟเป็นคันอื่นทีจะออกก่อน เพื่อไม่ให้การเดินทางของคุณคาดเคลื่อนไป "จะเห็นตัวแดงๆ บอกเวลารถมาสาย ดูจากรูปข้างบนนะคะ" จากคุณ : เที่ยวไปสองไพเบี้ย เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 53 20:02:05

ความคิดเห็นที่ 54   เมื่อรถคันหนึ่งคันใดเข้าเทียบชานชาลาผิดเวลา เกิดปัญหาให้คันอื่นๆ ที่จะเข้าสู่ชานชาลาเดียวกันต้องจอดรอและเสียระบบกันไปหมด บางครั้งที่มีอุบัติเหตุรถไฟชน หรือทางรถไฟเสียหายวิ่งไม่ได้ ทำให้ต้องหยุดรถเส้นทางนั้นทุกขบวน เอาละซีท่านผู้โดยสาร แต่รถไฟเนเธอร์แลนด์ไม่เคยละทิ้งผู้โดยสาร เพราะฉะนั้นไม่ต้องตกใจไป ให้คุณคอยเงี่ยหูฟังประกาศจากทางสถานี (ในรถไฟสายระหว่างประเทศ และระหว่างเมืองใหญ่จะมีประกาศเป็นภาษาอังกฤษควบคู่ด้วย) ถ้าได้ยินชื่อเมืองที่จะไป แต่ไม่แน่ใจ(ก็มันฟังไม่ออกนิ) ก็สะกิดคนดัชต์ข้างๆ แล้วถามเขาเป็นภาษาอังกฤษได้ ว่าเมื่อกี้โฆษกประกาศอะไรออกมาบ้าง หรือถามเจ้าหน้าที่รถไฟ ที่จะสวมเสื้อสีน้ำเงินเข้ม ปักสีแดงสัญลักษณ์รถไฟตามรูปที่เห็น ในเนเธอร์แลนด์นั้น การประท้วงค่าเงินเดือนของพนักงานรถไฟมีไม่ค่อยบ่อยครั้งเหมือนในเบลเยี่ยม หรือเพื่อนบ้านฝรั่งเศส และแต่ละครั้งมีการวางแผนล่วงหน้าเป็นเวลานาน พร้อมแจ้งผู้โดยสารไว้ก่อนไม่ว่าจะเป็นทางหนังสือพิมพ์หรือป้ายประกาศขนาดใหญ่ที่สถานีรถไฟ เผื่อให้ผู้โดยสารผู้มีพระคุณหาวิธีเดินทางอย่างอื่น ทำให้การเดินทางโดยรถไฟ เป็นที่น่าเชื่อถือและความปลอดภัยก็อยู่ในขั้นยอมรับได้ แต่เมื่อพูดถึงราคาก็ยังจัดว่าแพงอยู่ดีสำหรับคนไทย หากว่าคุณซื้อตั๋วไปเรียบร้อยแล้ว รถไฟไม่วิ่ง ก็ไม่ต้องตกใจ คุณก็เอาตั๋วที่ยังไม่ได้ตอกวันที่และเวลาไปขอเงินคืนได้เลย หรือหากตั๋วโดยสารของคุณลงเวลาแล้ว แบบนี้ไม่ได้เงินคืนแต่ เขาก็จะพยายามจัดเตรียมหารถบัส รถทัวร์หรือวิธีการขนส่งอื่นๆ เพื่อพาคุณไปยังจุดหมายปลายทางได้เหมือนเดิม (ไม่นับว่าจะล่าช้า เพราะมันคงหนีกันไม่พ้นแน่ๆค่ะ) "โฆษณาของการรถไฟ มีอยู่ตัวเลือกเดียว ยังจะต้องโฆษณาอีก เพราะคนดัตช์เดี๋ยวนี้ก็รักสบาย หนีไปขับรถยนต์ส่วนตัวกันมากขึ้น ทำให้รถติดสุดๆ" จากคุณ : เที่ยวไปสองไพเบี้ย เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 53 20:05:13

ความคิดเห็นที่ 55   การซื้อตั๋วและชนิดของรถไฟ ตั๋วรถไฟในเนเธอร์แลนด์นั้น ในแบบดั้งเดิม ไม่ว่าจะซื้อที่เคาน์เตอร์ หรือตู้อัตโนมัติ ตั๋วจะไม่ระบุชนิดของรถไฟ เลขขบวนรถ เลขที่นั่ง หรือแม้แต่เวลารถออก จะมีเพียงส่วนสำคัญหลักๆ คือ ลงวันที่ที่เดินทาง สถานที่ต้นทางและปลายทาง ชนิดของตั๋ว(ชั้นที่โดยสาร) และราคาที่บอกไว้ตัวเล็กๆเท่านั้น ถ้าคุณไม่ได้วางแผนไว้ แต่อยากจะไปไหน ก็เพียงแค่ไปซื้อตั๋วแล้วดูว่าปลายทางที่จะไป ว่าขึ้นรถได้ที่ชานชาลา แปร์รอน (perron) ใด รถไฟเที่ยวที่คุณจะขึ้นได้เร็วที่สุดเที่ยวถัดไป ออกเวลากี่โมง ก็สามารถขึ้นรถไปได้เลย ถ้าซื้อที่เคาน์เตอร์คุณจะต้องเสียค่าบริการเพิ่ม 50 เซ็นต์ ต่อใบ แต่เขาสามารถจะเช็คให้คุณได้ละเอียดว่าเส้นทางที่คุณจะไป มีรถวิ่งออกจากสถานีที่คุณต้องการเวลาเท่าไหร่ และจะต้องเปลี่ยนรถที่สถานีใด ชานชาลาใด การจองที่นั่ง : การซื้อตั๋วรถไฟที่วิ่งภายในเนเธอร์แลนด์นั้น ไม่มีการเปิดให้จองที่นั่ง เมื่อคุณขึ้นไปบนรถเลือกที่นั่งได้ตามชั้นหนึ่งหรือชั้นสองตามราคาตั๋วที่จ่ายไป ถ้าคุณนั่งแล้วอยากจะย้ายที่นั่งก็ไม่มีใครว่าอะไร หรือถ้าตาร้ายขึ้นไปบนคันที่คนแน่น ก็จะต้องเล่นเก้าอี้ดนตรีกันเอง ไม่มีคืนเงินถ้าไม่มีที่นั่ง ดังนั้นหากคุณอยากนั่งรถสบายๆให้คุ้มกับเงินที่เสียไป ควรหลีกเลี่ยงการเดินทางในช่วงเวลาเร่งด่วนคือก่อนเก้าโมงเช้า และหลังสี่โมงครึ่งค่ะในวันธรรมดาค่ะ หากโชคร้ายขึ้นไปรถช่วงที่คนกำลังเลิกงานพอดี ก็อาจจะได้ยืนตลอดสายจนถึงปลายทาง จะไปโวยกะใครก็ไม่ได้นะคะ "วิวที่คุณจะเห็น ริมทางรถไฟในส่วงเดือนเมษายน ถ้านั่งจาก Amsterdam ลงมา Leiden" จากคุณ : เที่ยวไปสองไพเบี้ย เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 53 20:08:18

ความคิดเห็นที่ 56   ซื้อตั๋วล่วงหน้า ตั๋วไม่ลงวันที่ : หากเราจะซื้อล่วงหน้า ก็เลือกตั๋วแบบไม่ลงวันที่ได้อีกด้วย เหมาะสำหรับคนที่มีแผนเตรียมไว้แล้ว แต่ไม่รู้จะเลือกเดินทางวันไหนดี ต้องรอดูสภาพอากาศก่อน ซื้อไปเลยรวดเดียวประหยัดค่าบริการออกตั๋ว (ใบละ 50 เซ็นต์ ถ้าซื้อหลายใบพร้อมกันทีเดียว เขาคิดรวมแค่ 1 ยูโรค่ะ) ตั๋วที่ไม่ลงวันที่ (zonder datum) (ซ้นเด้อร์ ดาตึ้ม) คุณเลือกชนิดตั๋วนี้ได้จากตู้ขายตั๋วอัตโนมัติด้วยค่ะ ตั๋วชนิดนี้ถ้ายังไม่ได้ใช้ สามารถติดต่อขอขายคืนได้ที่เคาน์เตอร์ด้วยค่ะ แม้จะยุ่งยากสักหน่อย ตั๋วโอเฟชิปการ์ด (OV-chipcard) : ตั๋วชนิดล่าสุดที่เพิ่งเริ่มเข้ามาใช้ในเนเธอร์แลนด์ ตั๋วชนิดนี้เป็นสมาร์ทการ์ดขนาดเท่าบัตรเครดิตที่ใช้กับรถโดยสารทุกชนิด พาสรถไฟชนิดต่างๆที่คุณซื้อมา จะต้องนำมาใส่ข้อมูลลงโอเฟชิปการ์ดนี้ เพื่อการใช้ต่อไป รายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อที่สำนักงานการรถไฟที่สกิปโพลเมื่อคุณมาถึงค่ะ หลักการใช้โอเฟชิบการ์ดนั้น คือ คุณจะต้องมีเงินสำหรับใช้จ่ายค่ารถไฟอยู่ในบัตร เรียกว่า อ้บล้าดเดิ้น (opladen) ทำได้กับตู้เติมเงิน หรือเจ้าหน้าที่เคาน์เตอร์เฉพาะ เมื่อคุณจะเดินทางทุกครั้ง ตรงประตูขึ้นชานชาลาจะมีเครื่องหมายชิป ตัวนี้ ให้คุณเอาบัตรเข้าไปทาบได้เลย หากบัตรใส่อยู่ในกระเป๋าสตางค์ก็ไม่ต้องควักออกมา เครื่องสามารถอ่านผ่านไปได้ ถ้ากระเป๋าคุณไม่แน่นไปด้วยบัตรหลายชนิดมากเกินไป หากคุณลืมให้เครื่องอ่านบัตรขาเข้า ขาออก คุณจะต้องเสียค่าปรับ 4 ยูโร โดยเมื่อคุณขึ้นไปใช้บริการรถโดยสารใดก็ตามเครื่องจะทำการหักเงินคุณไว้ก่อนเป็นมัดจำ 4 ยูโรเสมอ และหากคุณไม่ได้ทำการเช็คเอาท์ไป ก่อนจะไปขึ้นรถคันอื่น เมื่อรถโดยสารคันใหม่ ตรวจพบว่าคุณยังไม่ได้ทำการเช็คเอาท์มาจากอีกคน เขาจะยึดเงิน 4 ยูโรนี้หักออกไปเป็นค่าปรับทันที การใช้บัตรชนิดนี้ คาดว่าจะให้ความประหยัดและสะดวกสบายมากขึ้นสำหรับผู้โดยสารที่เดินทางในระยะใกล้ๆ ค่ะ เพราะจะไม่โดนเสียค่าโดยสารแบบเหมารวม และเป็นการเสียค่าเดินทางที่ยุติธรรมที่สุด เสียกันตามระยะทางที่เดินทางเป็นกิโลเมตรค่ะ จากคุณ : เที่ยวไปสองไพเบี้ย เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 53 20:11:20

ความคิดเห็นที่ 57   มองผ่านๆ ไว้มาเก็บข้อมูลตามหลังทีเดียวนะคะ แน่นมากๆ ค่ะ จากคุณ : jI@ng jIng zhEn เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 53 14:24:36

ความคิดเห็นที่ 58   สุดยอดไปเลยพี่ อยากให้พี่พาเที่ยวเยอรมันจังเลยค่ะ ^ ^ จากคุณ : radiergummi เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 53 15:09:58

ความคิดเห็นที่ 59   พี่ก็อยากทำทัวร์ รูทเยอรมันนะคะ แต่ตอนนี้ภาษาเยอรมันยังไม่เก่งเท่าฝรั่งเศส ไปแค่สวิสเซอร์แลนด์ก่อนค่ะ :) จากคุณ : เที่ยวไปสองไพเบี้ย เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 53 16:52:24

ความคิดเห็นที่ 60   ว้าวววดีจังค่ะ กำลังจะไปเนเธอร์แลนด์ช่วงกันยาพอดีค่ะ กลางๆๆเดือน แต่ไปไปบูดาเบส 5 วัน อยู่เนเธอรแลนด์ 2 วัน ไม่ทราบว่าไปไหนได้บ้างค่ะอยากให้ช่วยแนะนำที โรงแรมอยู่แถว Airport ค่ะ ขอบคุณมากๆๆค่ะ จากคุณ : pppp18_Tikky เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 53 22:38:02

ความคิดเห็นที่ 61 ขอบคุณมาก ๆ สำหรับข้อมูลนะคะ จากคุณ : kalamangtangyai (kalamangtangyai) เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 53 18:22:33

ความคิดเห็นที่ 62 สนุกและข้อมูลดีค่ะ เราไม่ค่อยชอบเนเธอร์แลนด์เท่าไหร่เลยอะ คือจริง ๆ มันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร แต่เราว่าประเทศอื่น ๆ ในยุโรปที่ดีกว่ามีเยอะแยะ (คืออันนี้แล้วแต่มุมมองนะคะ) เราไปทำงานสองปี ก็งั้น ๆ ดีว่ามีรถขับฟรี มีบ้านอยู่ พอสุดสัปดาห์เราก็ไปเที่ยวประเทศอื่นแทน ที่ไปบ่อยมาก ๆ ก็ Antwerp Brussels หรือ Archen จากคุณ : Travel Animal เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 10:08:41

ความคิดเห็นที่ 63 ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีดีนะคะ วางแผนไปสงกรานต์ปีหน้าค่ะ อาจมาขอความเห็นหลังจัดแผนเสร็จนะคะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ จากคุณ : junejungja เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 53 13:20:28

ความคิดเห็นที่ 64 อยาก ถาม ว่า ที่ เนเธอแลนด์ ใช้ ไฟ เท่า ไร 220 Volt หรือ 230 Volts ค่ะ ช่วยตอบ ด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : สีเขียว เขียนเมื่อ : 18 มี.ค. 54 17:23:09 A:202.183.221.114 X: TicketID:310107

ความคิดเห็นที่ 65 แล้ว หัวปลั๊ก ไฟ เป้น สาม หัว หรือ สอง หัว ค่ะ แบบกลม หรือ แบบ แบนค่ะ จากคุณ : สีเขียว เขียนเมื่อ : 23 มี.ค. 54 12:47:53 A:202.183.221.114 X: TicketID:310107

ความคิดเห็นที่ 66 สุดยอด จากคุณ : mkj เขียนเมื่อ : วันคุ้มครองโลก 54 20:03:34

ความคิดเห็นที่ 67 ขอบคุณในความมีน้ำใจของคุณลี่นะคะ ตอนนี้บ๋อมกำลังจะสั่งหนังสือเรียนดัตช์อยู่ค่ะ จากคุณ : บ๋อม (bomn) เขียนเมื่อ : 21 มี.ค. 55 13:57:40