ความคิดเห็นที่ 1   อย่างที่เกริ่นไปในตอนที่แล้วว่า ด้วยทำเลทองที่ใกล้ยุโรป แอฟริกา และเมดิเตอร์เรเนียน ทำให้สารพัดชนเผ่าเฮโลเข้ามาบุกเกาะซิซิลี ไม่ว่าจะเป็นกรีก โรมัน อาหรับ นอร์แมน สเปน ฝรั่งเศส ฯลฯ และแต่ละชาติก็ทิ้งซากอารยธรรมไว้ให้ชนรุ่นหลังได้ดูต่างหน้าด้วย ไม่เชื่อดูวิหารกรีกที่ Agrigento ซิฮะ แม่เจ้า ไม่บอกจะรู้มั๊ยเนี่ยว่าวิหารกรีกทั้งดุ้นที่เห็นในรูปนี่ อยู่ที่ซิซิลีนะเคอะไม่ใช่กรีซ! >_< ตอนแรก จขกท.ก็เลือกไม่ถูกว่าจะไปเที่ยวเมืองบาโร้กสวยๆอย่าง Siracusa, Noto และ Ragusa หรือจะไปดูโบสถ์ไบเซนไทน์งามๆที่ Palermo ดี แต่สุดท้าย จขกท.ก็เลือกปาแลร์โม่ค่ะ เพราะบาโร้กเนี่ยเห็นมาเยอะแล้ว แต่หนูไม่เค๊ย หนูไม่เคยได้เที่ยวโบสถ์ไบเซนไทน์เลย กี๊ดๆ ด้วยเหตุนี้เราสองพ่อลูกเลยได้นั่งรถตรูดบานเกือบ 5 ชั่วโมงไปปาแลร์โม่กัน ซึ่ง 5 ชั่วโมงนี่รวมเวลาดีเลย์ครึ่งชั่วโมง ตอนเปลี่ยนรถที่สนามบิน Catania ด้วยฮ่ะ -_- จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 53 10:12:05

ความคิดเห็นที่ 2   แต่วิวระหว่างทางสวยดีค่ะ ยิ่งช่วงท้ายๆเห็นวิวทะเลจากไฮเวย์ด้วย ทำให้รู้สึกว่าเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วมั่กๆ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 53 10:12:23

ความคิดเห็นที่ 3   ปลายทางรถบัสอยู่ที่สถานีรถไฟ Stazione Centrale (Central Station) ของปาแลร์โม่เน้อ แค่ก้าวลงจากรถ จขกท.ก็เริ่มสยองแล้วฮ่ะ เพราะเมืองดูสกปรกๆวุ่นวาย รถก็เยอะคนก็แยะอีก จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 53 10:12:41

ความคิดเห็นที่ 4   หนีไปตั้งหลักที่ Hotel Orientale ของเราที่อยู่ใกล้ๆกับสถานีรถไฟก่อนดีกว่า จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 53 10:13:06

ความคิดเห็นที่ 5   อะจ๊ากกกกกกกกกก จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 53 10:13:24

ความคิดเห็นที่ 6   ตึกโทรมได้ใจมากอ่ะ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 53 10:13:38

ความคิดเห็นที่ 7   บอกแล้วจะเชื่อมั๊ยว่าอดีตมันเคยเป็น palazzo ที่สร้างตั้งกะปี 1700 ไม่ทราบว่า 300 ปีที่ผ่านมาเนี่ย เคยได้ทาสีอาคารใหม่กันบ้างมั๊ยหนอ >_< จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 53 10:14:02

ความคิดเห็นที่ 8   ป๊ะป๋าแอบบ่นว่า "ชอพาป๊ามาอยู่โรงแรมอะไรเนี่ย โทรมก็โทรม เก่าก็เก่า ลิฟต์ก็ไม่มี!" "อ้าว ป๊าไม่ชอบเหรอ โรงแรมออกจะแนวไม่เหมือนใครดีออกป๊า" (แถจนสีข้างเลือดออกซิบๆเลยตู) แก้ไขเมื่อ 16 ก.ค. 53 04:44:33 จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 53 10:14:35

ความคิดเห็นที่ 9   ดูดิ๊ มีตราประจำตระกูลอันเขื่องแปะเพดานแบบนี้ จะหาได้ที่ไหนอีก! จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 53 10:14:51

ความคิดเห็นที่ 10   แม้ภายนอกจะชวนสยองสมราคาโรงแรม 1 ดาวถ้วน แต่ด้านในโรงแรมก็โอเคนะฮะ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 53 10:15:10

ความคิดเห็นที่ 11   แต่ห้องเล๊กเล็ก (แต่ห้องน้ำดันใหญ่แฮะ) แถมทีวียังสัญญาณป่วยมากอีก ฮ่วย จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 53 10:15:34

ความคิดเห็นที่ 12   โรงแรมว่าแจ่มแล้ว วิวบนถนน Via Maqueda ที่โรงแรมตั้งอยู่ก็งามไม่แพ้กันเลยค่ะ -_- จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 53 10:15:49

ความคิดเห็นที่ 13   ช่างต่างจาก Taormina ที่เราเพิ่งจากมา ราวกะหน้ามือขวากับหลังเท้าซ้ายจริงๆ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 53 10:16:26

ความคิดเห็นที่ 14   แต่พอเดินไปตาม Via Maqueda เรื่อยๆก็จะเจอ Quattro Canti ที่มีตึกงามๆอยู่ 4 มุมถนนเลย จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 53 10:16:56

ความคิดเห็นที่ 15   Quattro Canti นี่ใช้เป็นจุดแบ่งเมืองเก่าของปาแลร์โม่ออกเป็น 4 โซนค่ะ ได้แก่ Capo, Vacciria, La Kalsa แล้วก็ Albergheria จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 53 10:17:29

ความคิดเห็นที่ 16   เห็นโทรมๆแบบนี้ ไกด์บุคยังบอกว่านี่เมืองดูดีมีชาติตระกูลขึ้นเยอะแล้วนะคะ 10 ปีก่อนยิ่งโทรมซกกว่านี้หลายเท่า >_< แม่เจ้า นี่หรือชะตากรรมของเมืองที่เมื่อพันปีก่อน ได้รับการยกย่องว่าเป็นเมืองที่สวยที่สุดในโลก จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 53 10:17:54

ความคิดเห็นที่ 17   ถ้าเพื่อนๆสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับปาแลร์โม่ ก็สามารถหาคำตอบได้จากหนังสือ Midnight in Sicily เล่มนี้ค่ะ หนังสือเล่มนี้จับฉ่ายสุดๆ เพราะครอบคลุมหมดทั้งเรื่องประวัติศาสตร์ อาหาร ศิลปะ และวรรณกรรมของซิซิลี โดย Peter Robb ผู้เขียนเป็นชาวออสเตรเลียที่เคยลงหลักปักฐานที่ซิซิลี-เนเปิลส์อยู่ถึง 14 ปีด้วยกัน Peter Robb เล่าว่าตอนสงครามโลกครั้งที่ 2 ปาแลร์โม่โดนระเบิดสัมพันธมิตรบอมบ์เมืองเสียเละเทะ แต่หาใช่ปาแลร์โม่เมืองเดียวที่ประสบชะตากรรมนี้ โคโลญจ์เอย เดรสเดนเอย ก็โดนบอมบ์จนราบเป็นหน้ากลองเช่นกัน แต่แทนที่จะบูรณะสร้างเมืองขึ้นมาใหม่แบบโคโลญจ์หรือเดรสเดน Salvo Lima และ Vito Ciancimino สองนายกเทศมนตรีขี้ฉ้อของปาแลร์โม่ในช่วงปี 1950s-1960s กลับเอาเงินช่วยเหลือจากรัฐบาล ไปสร้างแฟลตห่วยๆน่าเกลียดๆนอกเมืองเสียหมด แล้วปล่อยให้ย่านเมืองเก่าอยู่ในสภาพเน่าเละผุพังซะงั้น -*- คงไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ เมื่อผู้เขียนบอกเราว่าทั้ง Salvo Lima และ Vito Ciancimino นั้น มีสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับแก็งค์มาเฟียซิซิลี ซึ่งเป็นที่รู้จักในนาม Cosa Nostra (= Our Thing = เรื่องของพวกกรู?) จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 53 10:19:10

ความคิดเห็นที่ 18   แต่คงจะจริงที่เขาว่าในวงการนี้ไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร เพราะภายหลัง Salvo Lima ก็ถูกยิงตายกลางเมืองปาแลร์โม่ เพราะคนเก่าแก่อย่าง Lima นั้น หมดประโยชน์กับ Salvatore "Toto" Riina หัวหน้าแก็งค์ Cosa Nostra คนใหม่เสียแล้ว Toto Riina มาจาก Corleone เมืองเล็กๆที่อยู่ไม่ไกลจากปาแลรโม่ ชื่อเมืองคงเป็นที่คุ้นหูเพื่อนๆหลายคนดี ก็มันเป็นที่มาของชื่อ Don Vito Corleone มาเฟียตัวพ่อในนิยาย The Godfather ของมาริโอ พูโซน่ะสิฮะ!! จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 53 10:20:04

ความคิดเห็นที่ 19   แต่ตัวจริงของ Toto Riina เนี่ย ไม่ได้เหมือนมาเฟียผู้งามสง่าและจรรยาบรรณสูงส่งอย่าง Vito Corleone เลยสักนิด ด้วยความเหี้ยมมอหาย ใครขวางกรู เมิงต้องตาย แกเลยได้ฉายาว่า Il Capo dei Capi (เจ้าพ่อของเจ้าพ่อ) Toto Riina ค่อยๆไล่เก็บมาเฟียสายปาแลร์โม่เก่าๆซะเรียบวุธ ก่อนจะเถลิงขึ้นครองอำนาจแต่เพียงผู้เดียว เพราะในยุค 1970s ที่ Toto Riina เริ่มสร้างอิทธิพลนั้น Cosa Nostra หันมาค้ายาแทนการเก็บค่าคุ้มครอง ทำให้ Mafia Wars หนนี้ ช่างมีเดิมพันที่ใหญ่หลวงยิ่งนัก! อันนี้เป็นรูป Toto Riina สมัยหนุ่มๆที่โดนจับเข้าคุกด้วยข้อหาฆ่าคนตาย แต่สุดท้ายก็โดนปล่อยตัว เพราะทั้งผู้พิพากษาและพยานต่างรักตัวกลัวตาย ไม่มีใครกล้าตัดสินเอาผิดกับเฮียโตโต้ซักคน -_- หลังจากรอดคุกหนนั้น Toto Riina ก็หายตัวไปกบดาน แล้วคอยบงการชักใยอยู่เบื้องหลังอย่างเดียว (ภาพ : Corbis.com) จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 53 10:20:52

ความคิดเห็นที่ 20   แต่ซิซิลีก็ยังไม่สิ้นคนดี ท่ามกลางความสยองขวัญสั่นประสาทหวาดผวาของชาวซิซิลี สองผู้พิพากษาจากปาแลร์โม่อย่าง Giovanni Falcone และ Paolo Borsellino กลับกล้าที่จะยืนหยัดต่อสู้กับเหล่า Cosa Nostra ชนิดหมัดต่อหมัด! Falcone และ Borsellino นั้นเป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยทั้งคู่ยังตัวกระเปี๊ยก นอกจากจะโตมาด้วยกันแล้ว ทั้งคู่ยังได้รับเลือกให้เข้าร่วมองค์กรต่อต้านมาเฟียที่ก่อตั้งโดย Rocco Chinnici แต่ภายหลัง Chinnici โดนลอบสังหาร Falcone เลยได้ขึ้นดำรงตำแหน่งหัวหน้าองค์กรต่อต้านมาเฟียแทน คนซ้ายคือ Falcone ส่วนคนขวาก็ Borsellino เจ้าค่ะ (ภาพ : wikipedia) จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 53 10:21:39

ความคิดเห็นที่ 21   แท็คติกของทั้งคู่นั้นเริ่มจากไล่จับมาเฟียลูกกระจ๊อก ก่อนที่จะค่อยๆสืบสาวหาตัวบงการใหญ่อีกที อีกทั้งยังตามสืบเรื่องการฟอกเงิน ไล่ยึดบัญชีผิดกฎหมายของมาเฟีย ในช่วงปี 1986-1987 ทั้งสองไล่จับสมาชิก Cosa Nostra มาขึ้นศาลถึง 360 คน โดนลูบคมเข้าไปแบบนี้ Toto Riina ถึงกับประกาศว่าจะเด็ดหัวสองผู้พิพากษาตงฉินนี่เสีย! และแล้ว ในวันนี่ 23 พ.ค.1992 Falcone ก็ถึงคราชะตาขาด เมื่อเขาและภรรยานั่งรถจากสนามบิน เพื่อเข้ามายังเมืองปาแลร์โม่ โดยหารู้ไม่ว่า Cosa Nostra ได้ฝังระเบิดรอฟัลโคเน่ไว้ในท่อระบายน้ำข้างไฮเวย์แล้ว ผลจากระเบิดหนนี้ ทำให้ฟัลโคเน่, ภรรยา และผู้ติดตามอีกสามคน เสียชีวิตคาที่ทันที (ภาพ : wikipedia) จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 53 10:22:12

ความคิดเห็นที่ 22   เมื่อเพื่อนรักโดนเก็บ แทนที่จะ Borsellino จะหยุดไล่ล่ามาเฟีย เขากลับยิ่งโหมงานหนักขึ้น เพราะ Borsellino รู้ตัวดีว่า เวลาของเขานั้น เหลืออีกไม่มากแล้ว... สามเดือนหลังจาก Falcone เสียชีวิต Borsellino ก็ได้ขึ้นสวรรค์ตามเกลอเก่าไป หลังจากโดน car bomb เข้าเต็มๆหน้าบ้านคุณแม่ของแกนี่เอง (ภาพ : Corbis.com) จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 53 10:22:48

ความคิดเห็นที่ 23   งานนี้ Toto Riina คงคิดจะเชือดไก่ให้ลิงดู แต่กลายเป็นว่าการลอบสังหารผู้พิพากษาทั้งสองนี้ ได้ปลุกกระแสให้คนลุกฮือขึ้นมากดดันเรียกร้องให้รัฐบาลรีบจับคนบงการมาสำเร็จโทษโดยไว 11 เดือนหลังจากที่ Falcone และ Borsellino จบชีวิตลงด้วยน้ำมือมาเฟีย ตำรวจก็บุกเข้าจับกุม Toto Riina ปรากฎว่า Toto Riina ที่"หลบหนีการจับกุม"มาเป็นเวลา 24 ปีเต็มนั้น ไม่ได้กบดานอยู่ตามป่าตามเขาแต่อย่างใด หากแต่นั่งกระดิกเท้าอยู่ที่บ้านพักในเมืองปาแลร์โม่มาตลอด! แม่เจ้า นี่มันบัดซบแลนด์แดนสารขัณฑ์หรือไรครับโว้ย! >_< จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 53 10:24:22

ความคิดเห็นที่ 24   ถ้านี่เป็นนิยาย มันคงจะจบด้วยธรรมมะชนะอธรรม Toto Riina โดนตำรวจลากเข้าคุก Falcone และ Borsellino กลายเป็นฮีโร่ของคนทั้งชาติ แม้แต่สนามบินของปาแลร์โม่ ก็ยังขานรับด้วยการเปลี่ยนชื่อมาเป็น Falcone-Borsellino Airport แต่อนิจจา ความจริงมันซับซ้อนซ่อนเงื่อนเพื่อนทรยศเสียยิ่งกว่านิยายน้ำเน่า เพราะ Peter Robb บอกเราว่า ผู้ชักใยเบื้องหลังตัวจริงยังคงลอยนวลอยู่ เขาคือ... Giulio Andreotti อดีตนายกรัฐมนตรีของอิตาลีนั่นเอง! จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 53 10:24:55

ความคิดเห็นที่ 25   ในช่วงปี 1979-1982 นั้น บรรดาตำรวจ อัยการ ผู้พิพากษา โดนลอบสังหารกันระนาว เชื่อกันว่ามาเฟียเป็นคนจัดการเหยื่อเหล่านั้น ซึ่งก็น่าแปลกเพราะหลายคนที่โดนเก็บเนี่ย ไม่เคยไปยุ่งกับพวกมาเฟียเลยด้วยซ้ำ อย่างในกรณีของ Carlo Alberto Dalla Chiesa นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ หัวหน้าหน่วยปราบปรามการก่อการร้าย ลือกันว่า Dalla Chiesa มีหลักฐานว่า Andreotti มีเอี่ยวรู้เห็นเป็นใจในเหตุการณ์ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิวต์ ลักพาตัว Aldo Moro อดีตนายกอิตาลีไปกักขังเกือบ 2 เดือน ก่อนจะเอาศพท่านอดีตนายกไปทิ้งที่กรุงโรม ทำให้ Dalla Chiesa โดนเด้งให้ไปปราบมาเฟียที่ปาแลร์โม่ ก่อนที่จะโดยมาเฟียท้องถิ่นลอบยิงในปี 1982 จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 53 10:25:26

ความคิดเห็นที่ 26   สวยกว่าที่คิดแฮะเมืองนี้ ขอบคุณครับ สำหรับ review เปิดโลกของผมอีกบาน จากคุณ : chefmay เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 53 10:25:27

ความคิดเห็นที่ 27   เหตุที่ Andreotti มีสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับ Cosa Nostra นั้น ก็เพราะว่าซิซิลีเป็นฐานเสียงสำคัญของ พรรค Christian Democrat ของแกนั่นเอง ทั่นนายกเลยเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ปล่อยให้มาเฟียครองเกาะ ในขณะที่มาเฟียก็การันตีว่า ถึงคราเลือกตั้งเมื่อไหร่ ชาวซิซิลีจะพร้อมเทคะแนนให้พรรค Christian Democrat แน่นอน ที่น่าอนาถจิตก็คือ Andreotti โดนจับในข้อหามีเอี่ยวกับมาเฟีย และข้อหาบงการสังหาร Mino Pecorelli นักข่าวอิสระที่เชื่อกันว่ากำความลับบัญชีใต้โต๊ะของ Andreotti ไว้ แม้ว่าพรรค Christian Democrat จะโดนศาลสั่งยุบพรรคด้วยข้อหาคอรัปชั่น แต่ Andreotti กลับหลุดทุกข้อกล่าวหา แถมแกยังไม่โดนถอดจาก ตำแหน่งวุฒิสมาชิกตลอดชีพอีกด้วย และทุกวันนี้แกก็ยังไม่ตาย ยังลอยหน้าลอยตาอยู่ในสภาอิตาลีเหมือนเดิม >_< เนี่ยแหล่ะค่ะ คนดีๆมักมาเร็วไปเร็ว ทีพวกชั่วๆล่ะหนังเหนียวชิบเป๋งเลย จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 53 10:26:34

ความคิดเห็นที่ 28   อ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนอาจจะกลัวและแอบด่า จขกท.ในใจที่พาป๊ะป๋ามาเสี่ยงตายที่ปาแลร์โม่ อันนั้นไม่ต้องห่วงฮะ เพราะถึงแม้ Cosa Nostra จะยังอยู่ แต่เหมือนแก็งค์นี้เขาเพลาๆความซ่าลงไปเยอะแล้ว เดี๋ยวนี้อ่านข่าวเจอแต่วีรกรรมของแก็งค์ 'Ndrangheta จากคาลาเบรีย แล้วก็ Gomorrah ของนาโปลี -_- อีกอย่าง มาเฟียเค้าไม่มายุ่งกับนักท่องเที่ยวหรอก แต่ถ้าใครเสี้ยนอยากเจอมาเฟียตัวเป็นๆแล้วล่ะก็ ลองไปตั้งแผงขายส้มตำที่ปาแลร์โม่สิฮะ รับรองได้เจอพี่มาเฟียมาเก็บค่าคุ้มครองถึงที่เลย ทั้งนี้ทั้งนั้น จขกท.เคยอ่านมาว่า เวลาเราไปเที่ยวที่โน่น อย่าไปตอกย้ำเรื่องมาเฟียมาก คนเค้าไม่ชอบ คงเหมือนเวลาเจอฝรั่งมาเมืองไทย แล้วเอาแต่พูดเรื่องคุณโส เป็นเราเราก็ฉุนเหมือนกัน ว่าอะไรฟะ บ้านเมืองไอ ของสวยๆงามๆเยอะแยะทำไมไม่พูดถึง ฉะนั้นใจเขาใจเรานะครับเพื่อนๆ พักสายตาด้วยอาคารสุดอาร์ต(มาก)ตรง Piazza Bologni ดีกว่า จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 53 10:26:51

ความคิดเห็นที่ 29   #คุณ chefmay >>> กร๊ากกกกก จริงอ่ะ ตรง Piazza Bologni มีร้าน Trattoria Primavera ที่ไกด์บุคของเราแนะนำไว้ด้วย จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 53 10:27:47

ความคิดเห็นที่ 30   ว้าว...ป้าจะได้เป็นคนแรกของใครเขาบ้างล่ะนิ รบกวนช่วยทำลิ้งค์ทู้ที่ผ่านมาด้วยได้ไหมคะ ไม่รู้ป้าพลาดไปได้อย่างไร ยังไงขอเซฟไว้ก่อน ทู้ดีๆ ข้อมูลแน่นๆ อย่างนี้ เผื่อป้าถูกหวยรวยเบอร์ จะได้ตามรอยมั่ง จากคุณ : เตี้ยอ้วนชวนไถล เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 53 10:27:53

ความคิดเห็นที่ 31   ^ ^ ได้เลยฮะ เด๋วจะแปะไว้ตอนจบทู้นะครับผม เราสองพ่อลูกติดใจเจ้า Caponata (มะเขือม่วง,มะเขือเทศ,หัวหอม ฯลฯ อบในซอสมะเขือเทศ) ที่ได้กินวันก่อนโน้น มื้อนี้เลยลองสั่งอีกรอบ ของร้านนี้ก็อร่อยไม่แพ้ร้านที่ Taormina เลยนะฮะ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 53 10:28:48

ความคิดเห็นที่ 32   จขกท.สั่ง Swordfish pasta ค่ะทั่นผู้ชม แต่จานพาสต้าร้านนี้ กินแล้วเฉยๆมากอ่ะ -_- จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 53 10:29:03

ความคิดเห็นที่ 33   กินข้าวเที่ยงกันตายแล้ว พวกเราก็ได้ฤกษ์ออกชมเมืองกันต่อ เริ่มกันที่ Piazza Pretoria ซึ่งอยู่ใกล้ๆ Quattro Canti จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 53 10:29:54

ความคิดเห็นที่ 34   ตรงกลางพลาซ่ามีน้ำพุอันใหญ่เบ้งตั้งอยู่ ซึ่งทางเมืองปาแลร์โม่ไปซื้อน้ำพุนี้มาจากฟลอเรนส์ แต่มหกรรมรูปนู้ดสไตล์ High Renaissance ของมันนั้น สร้างความเคืองลูกกะตา ให้แก่ชาวเมืองปาแลร์โม่ที่เคร่งศาสนาอย่างแรง ชาวเมืองเลยพร้อมใจตั้งชื่อน้ำพุนี้ให้ใหม่ว่า Fontana della Vergogna (The Fountain of Shame) ฮ่ะ ส่วนโดมที่อยู่ด้านหลังนั่นก็คือโบสถ์ Santa Caterina ที่เด๋วเราจะพาเพื่อนๆไปเยี่ยมชมนะขอรับ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 53 10:30:43

ความคิดเห็นที่ 35   เดินไปด้านหลังน้ำพุก็เจอสองมาเฟียนั่งเก็บค่าผ่านทางอยู่ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 53 10:31:03

ความคิดเห็นที่ 36   ถัดจาก Piazza Pretoria ก็จะเป็น Piazza Bellini ซึ่งมีโบสถ์งามๆ 3 โบสถ์ 3 สไตล์ให้ดูกันฉ่ำอุราไปเลย เริ่มด้วยโบสถ์แรก La Martorana จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 53 10:31:27

ความคิดเห็นที่ 37   โบสถ์นี้เข้าฟรีค่ะ แต่ตอนไปมีแม่ชีมารอรับตังค์บริจาคอยู่หน้าประตู ทางเข้าก็บาโร้กซะไม่มี จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 53 10:31:40

ความคิดเห็นที่ 38   สีสันคัลเลอร์ฟูลมั่กๆ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 53 10:31:56

ความคิดเห็นที่ 39   แต่พอเดินไปถึงตรงกลางโบสถ์เท่านั้นแหล่ะ La Martorana ก็แปลงร่างจากบาโร้กมาเป็นไบเซนไทน์ในบัดดล! ที่เห็นทองอร่ามอยู่นี่ โมเสกทองล้วนๆนะฮะพี่น้อง >_< จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 53 10:32:20

ความคิดเห็นที่ 40   การประดับโบสถ์ด้วยโมเสกเนี่ย แทบจะเป็นเอกลักษณ์ของสถาปัตยกรรมแบบไบเซนไทน์เลยเชียว นั่นก็เพราะคนสร้างต้องการถ่ายทอดความยิ่งใหญ่ของสรวงสวรรค์ ผ่านทางโมเสกสีทองอร่ามนี่เอง โอว์ แหงนคอมองสวรรค์จนตาจะลายแย๊ววววว *_* จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 53 10:32:45

ความคิดเห็นที่ 41   ทองอย่างเดียวไม่พอ สีสันของโมเสกยังสดใสมากๆด้วย ตามประวัติ La Martorana ถูกสร้างในปี 1143 โดยแม่ทัพชาวกรีกของ King Roger II ด้วยเหตุนี้กระมัง เลยมีอักขระภาษากรีกแปะอยู่กลางโดมเลย จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 53 10:33:10

ความคิดเห็นที่ 42   จขกท.ชอบรูปเทวดานี้มาก ไล่สีปีกได้อย่างเท่ซะ ทำกันไปได้จริงๆคนสมัยก่อนเนี่ย จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 53 10:33:32

ความคิดเห็นที่ 43   ช่างสมกับเป็นลูกครึ่งบาโร้ก-ไบเซนไทน์จริงๆโบสถ์นี้ ด้านหน้าเป็นบาโร้ก ตรงกลางเป็นไบเซนไทน์ แท่นพิธีกลับมาเป็นบาโร้กอีกแระ! ปล. La Martorana นี่แค่น้ำจิ้มนะฮะ เดี๋ยวตอนหน้าโมเสกตัวแม่จะออกโรง โปรดติดตามชม ฮี่ๆ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 53 10:33:59

ความคิดเห็นที่ 44   จาก La Martorana เราก็ไปต่อกันที่ San Cataldo ซึ่งอยู่ข้างๆนี่เอง จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 53 10:34:46

ความคิดเห็นที่ 45   โบสถ์เล็กมากกกกกก แถมข้างในยังโล่งโจ้งอีก จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 53 10:34:59

ความคิดเห็นที่ 46   ขอบคุณครับ จากคุณ : ลิงหน้าหมู (ลิงหน้าหมู) เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 53 10:35:17

ความคิดเห็นที่ 47   San Cataldo นี่สร้างขึ้นในปี 1160 แต่เจ้าของทุนดันมาซี้ม่องเท่งซะก่อน การก่อสร้างเลยหยุดชะงัก กลายเป็นโบสถ์เปล่าเล่าเปลือยตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 53 10:35:24

ความคิดเห็นที่ 48   #คุณลิงหน้าหมู >>> จขกท.ยินดีรับใช้ครับผม จะว่าไป โบสถ์เปล่าๆนี่มันก็สวยเท่อาร์ตแตกไปอีกแบบเหมือนกันนะเนี่ย จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 53 10:36:27

ความคิดเห็นที่ 49   เพดานบ่มิไก๊ก็จริง แต่ลายโมเสกบนพื้นเนี่ยอย่างแจ่มอ่ะ น่าร๊ากกกกกก เห็นแล้วเสียดาย นี่ถ้าสร้างเสร็จสมบูรณ์โบสถ์คงจะสวยน่าดู จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 53 10:36:52

ความคิดเห็นที่ 50   ดูโบสถ์เก๋ากึกส์อย่าง La Martorana กับ San Cataldo กันไปแล้ว ย้ายวิกมาเที่ยว Santa Caterina ที่อยู่ตรงข้ามกันบ้าง จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 53 10:37:13

ความคิดเห็นที่ 51   เหวอ ทั่นเจ้าพ่อทั้งสองตามมาเก็บค่าคุ้มครองถึงนี่เลยเหรอ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 53 10:37:33

ความคิดเห็นที่ 53   ผู้ร้ายมาดู จากคุณ : พระเอกเล่นเป็นผู้ร้าย เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 53 10:37:37

ความคิดเห็นที่ 54   ^ ^ ตกลงเป็นงานชุมนุมเจ้าพ่อเหรอฮะทู้นี้ เห็นด้านนอกโบสถ์โทรมๆ แต่พอผลักประตูเข้าไป ท่านก็จะได้พบกับมหกรรม Baroque n' Roll ทันที! จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 53 10:38:17

ความคิดเห็นที่ 55   บาโร้กเป็นสถาปัตยกรรมที่กำเนิดในยุคโปรแตสเตนท์เริ่มขยายอิทธิพล ทำให้ฝั่งคาธอลิคสร้างโบสถ์วิหารให้เว่อร์สาดๆเข้าไว้ คงกะให้คนเข้าโบสถ์ได้ตื่นตะลึงซาบซึ้งในความงาม เวลาพระสวดจะได้อินมั๊งฮะ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 53 10:38:44

ความคิดเห็นที่ 56   แต่ จขกท.ไม่แน่ใจว่า คนที่มาโบสถ์ Santa Caterina นี่ เค้าจะรู้สึกซาบซึ้งหรือเวียนเฮดกับความเว่อร์โลกแตกของโบสถ์กันแน่ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 53 10:39:10

ความคิดเห็นที่ 57   เทคนิคคัลเลอร์สุดยอดเจงๆ โรมชิดซ้ายไปเลย จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 53 10:39:26

ความคิดเห็นที่ 58   แถมยังกระหน่ำลวดลายกันแทบทุกตารางนิ้ว ไม่ว่าจะเป็นเพดาน จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 53 10:40:10

ความคิดเห็นที่ 59   Caponata ดู authentic มากๆ เห็นแล้วหิวเลย เก็บตังๆๆๆๆ ไปเที่ยวมั่ง จากคุณ : chefmay เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 53 10:40:10

ความคิดเห็นที่ 60   ^ ^ ลุยเลยฮ่ะ เดี๊ยนหนึบหนุน หรือผนังก็ดี กินพาราเซตตามอลกันเหนียวก่อนเข้าโบสถ์ด้วยก็ดีนะเคอะ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 53 10:41:07

ความคิดเห็นที่ 61   มาดูลวดลายกันชัดๆค่ะ สีหว๊านหวาน ดอกไม้บานสะพรั่ง ยังกะแบ็คกราวด์การ์ตูนไซโต จิโฮะเลย (ประจานอายุตัวเองอีกมั๊ยล่ะตู -_-) จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 53 10:41:25

ความคิดเห็นที่ 62   แล้วขอโทษ นี่ไม่ใช่ผนังปูนนะฮะพี่น้อง หินอ่อนทั้งน้านนนนน >_< จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 53 10:41:40

ความคิดเห็นที่ 63   ส่วนนี่ก็....อะจ๊ากกกก อนาคอนด้าเรอะเพ่! >_< แต่ไกด์บุคบอกเป็นภาพนักทำนาย Jonah ในพระคัมภีร์เก่า ตอนกำลังจะโดนปลาวาฬกินฮ่ะ (เหรอ -_-) จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 53 10:42:11

ความคิดเห็นที่ 64   เที่ยวโบสถ์จนมึนแล้ว ออกมาเดินสูดอากาศภายนอกเสียหน่อย จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 53 10:42:30

ความคิดเห็นที่ 65   โบสถ์เยอะมั่กๆเมืองนี้ พอดีเราเดินผ่านร้านอินเตอร์เน็ต ป๊ะป๋าเลยขอเข้าไปนั่งเช็คเมล์ บวกอัพเดตสถานการณ์เมืองไทยซะหน่อย ที่อิตาลีเนี่ย ถ้าจะใช้บริการอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ เขาจะขอดูพาสปอร์ตด้วยอ่ะ (ร้านที่ไปรับฉบับสำเนา ไม่ต้องโชว์ตัวจริง) สงสัยเก็บไว้เป็นหลักฐาน เผื่อคนใช้บริการทำธุรกรรมอโคจรด้วยคอมร้านเค้าล่ะมั๊ง -_- จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 53 10:42:50

ความคิดเห็นที่ 66   อ้าว...ป้าพิมพ์ไปตั้งเยอะ พอกดส่ง ไหงหายไปไหนก็ไม่รู้ ต้องขอโทษคุณ chefmay ด้วยที่ป้าไปขี้ตู่ตำแหน่งมา ด้วยหูตาฝ้าฟางซะไม่มี ขอบคุณหนูเหมียวนะคะสำหรับลิ้งค์ที่จะแปะให้ ป้าชอบเที่ยวชมโบสถ์ต่างๆมาก จากคุณ : เตี้ยอ้วนชวนไถล เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 53 10:42:56

ความคิดเห็นที่ 67   ^ ^ เอร๊ยยยย คอเดียวกันเลยค่า หนูก็ชอบเที่ยวโบสถ์สวยเหมือนกันเล๊ย มิเป็นไรฮะ หวังว่าป้าคงจะไม่มึนกับการโม้กระฉูดของ จขกท.นะฮะ กร๊ากกกกก ป๊ะป๋านั่งเช็คเน็ต จขกท.ก็เลยขอแว่บทัวร์โบสถ์ San Giuseppe dei Teatini เสียหน่อย ปรากฎอิฉันได้เป็นแขกไม่ได้รับเชิญในงานแต่งงานอีกแล้วค่ะทั่น (แต่ทรงผมบาทหลวงนี่ ไม่ทราบเป็นนักร้อง heavy metal เก่าเหรอเคอะหลวงพ่อ!! >_<) จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 53 10:44:39

ความคิดเห็นที่ 68   พิธีแต่งงานเค้าดูเรียบง่ายจังค่ะ มีบาทหลวงร็อคเกอร์คน แขกเหรื่ออีก 20 กว่าคน มีนักเปียโน นักไวโอลิน และนักร้องมาขับขานเพลงสรรเสริญพระเจ้า (มั๊ง หนูเดาเอา) เพราะๆ แค่นี้ก็พอแล้ว จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 53 10:46:28

ความคิดเห็นที่ 69   ครอบครัวสุขสันต์ ทองแผ่นเดียวกันแล้วจ้า จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 53 10:47:01

ความคิดเห็นที่ 70   อันนี้เป็นหนึ่งใน chapel รอบๆโบสถ์ค่ะ ยังคงความถึกไม่เสียยี่ห้อซิซิเลี่ยนบาโร้กเจงๆ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 53 10:47:46

ความคิดเห็นที่ 71   แต่เรื่องความเวอร์โลกแตกเนี่ย โบสถ์นี้แพ้ Santa Caterina กระจุย จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 53 10:48:06

ความคิดเห็นที่ 72   ยกเว้นเพดานที่ลิเกได้สะใจพระเดชพระคุณเหลือเกิน จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 53 10:48:29

ความคิดเห็นที่ 73   แต่ที่โดนใจอิฉันสุดเนี่ย อยู่ตรงประตูทางเข้าเจ้าค่ะ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 53 10:49:05

ความคิดเห็นที่ 74   มันคือที่ใส่ Holy water (น้ำที่ใช้ในพิธีศีลจุ่ม) ค่ะพี่น้อง! จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 53 10:49:28

ความคิดเห็นที่ 75   นี่ขนาดเป็น stucco (พลาสเตอร์) นะฮะ ยังแกะออกมาได้สวยหยาดเยิ้ม ราวกับมีนางฟ้าเหินลงมาจากสวรรค์จริงๆ หินอ่อนทั้งหลายตายไปเลยค่ะ เมื่อมาเจอนางฟ้าเทวดาคู่นี้เข้าให้ จ๋วยยยยยยยย จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 53 10:50:32

ความคิดเห็นที่ 76   กว่าออกมาจากโบสถ์ ก็แดดร่มลมตกซะแล้ว อันนี้ถนน Via Roma ฮะ มีภูเขาเป็นแบ็คกราวด์ด้วยอ่า จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 53 10:50:54

ความคิดเห็นที่ 77   ร้านรวงเพียบ แต่เป็นร้านบ้านๆหน่อยค่ะ ถ้าอยากช็อป LV หรือ Hermes ต้องไปแถว Teatro Massimo โน่น จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 53 10:52:47

ความคิดเห็นที่ 78   ร้านเริ้นอิฉันไม่สน เป้าหมายเราอยู่ที่ Piazza San Domenico นี่ตะหาก แต่ไม่ได้จะพาไปเที่ยววัดหรอกนะฮะ อย่าเพิ่งอ้วกซะก่อน จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 53 10:53:46

ความคิดเห็นที่ 79   แต่เราถ่อไปกินมื้อเย็นที่ Santandrea ร้านดังของเมืองตะหาก เนื่องจากไม่ได้จอง เราเลยบุกไปถึงร้านตั้งกะร้านเปิด โชคดีได้โต๊ะด้วย ในรูปอาจดูโหรงเหรง แต่สักพักคนเริ่มทะยอยเข้ามาจนเต็มร้านเลยค่ะ แถมแต่ละกรุ๊ปยังหนีบไกด์บุคมาไม่ซ้ำยี่ห้อเลยด้วย ตั้งกะ DK Eyewitness, Lonely Planet, Michelin ยัน Rough Guides ของ จขกท. จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 53 10:54:20

ความคิดเห็นที่ 80   เช่นเคยค่ะ เมนูร้านนี้จะหนักไปทางซีฟู้ด Appetizer เราเลยสั่ง Tuna cooked in Marsala ซึ่งเป็นไวน์ขึ้นชื่อของซิซิลี ท่าทางร้านจะเอา Marsala รุ่นหวานมาทำนะฮะ เพราะทูน่าออกรสหวานนิดๆแบบกำลังดีเลยค่ะ แถมทูน่ายังอย่างสด หั่นมาชิ้นใหญ่โฮก สุโค่ยมากๆ T^T จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 53 10:54:48

ความคิดเห็นที่ 81   จานต่อมาเป็นเมนูขึ้นชื่อของซิซิลีค่ะ นั่นคือ Pasta con le Sarde หรือพาสต้าคลุกปลาซาร์ดีนและแป้งขนมปังป่น จานนี้ยกให้เป็นไฮไลต์ของมื้อเลยค่ะ เริ่มกันที่เส้นพาสต้าสดๆที่หนานุ่มมาก ยังกะเส้นยากิโซบะเลย! >_< ซอสสีเขียวๆนั่นก็ทำจาก fennel รสชาติมันจะออก nutty หน่อยๆ ตอนแรกอิฉันแอบทุย นึกว่าซอสทำจาก green pea ซะอีก -_- ส่วนปลาซาร์ดีนก็หั่นมาชิ้นเล็กๆ สดอร่อยไม่เค็มปี๋ แถมพกด้วย breadcrumbs กรุบนิดๆที่ร้านยกใส่ถ้วยมาให้กระหน่ำกันเองตามใจชอบ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 53 10:55:27

ความคิดเห็นที่ 82   จานหลักของป๊ะป๋าเป็น swordfish ยัดไส้ breadcrumbs กับอะไรก็ไม่ทราบ ซาร์ดีนมั๊ง -_- ข้างบนโรย fleur de sel (ดอกเกลือ)มาด้วยฮ่ะ ก็อร่อยดี ป๊ะป๋าชอบมาก ฟาดซะเรียบ จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 53 10:55:51

ความคิดเห็นที่ 83   ส่วน จขกท.สั่งทูน่าอีกแล้ว งวดนี้เสิร์ฟแบบ medium rare เนื้อปลาสีชมพูเต่งตึงเชีย ข้างใต้น้องทูน่าเป็น caramelized onion กับแครอทและโอลีฟ ส่วนซอสก็เป็น mint pesto แก้เลี่ยนขอรับ และด้านบนก็โปะ fleur de sel เช่นเคย เหมือนวัตถุดิบร้านนี้จะออกแนวรีไซเคิลยังไงชอบกลนะเนี่ย จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 53 10:56:32

ความคิดเห็นที่ 84   ปิดท้ายมื้อค่ำด้วย Orange Semifreddo เจ้าค่า Semifreddo คืออะไร จขกท.ก็อธิบายไม่ค่อยถูกเหมือนกัน ไอติมก็ไม่ใช่  เค้กก็ไม่เชิง texture มันไม่อ่อนยวบเหลวเป๋วเหมือนไอติมทั่วไป แต่จะเป็นอะไรก็ช่างเถอะค่ะ เพราะลูกครึ่งติมจานนี้ อร่อยโฮกกกก ไอติมรสส้มจางๆ หวานกำลังดี แต่ซอสนี้เปรี้ยวรสส้มสะใจมาก จิ้มกินกับไอติมแล้วอิฉันอยากจะลงไปนอนกลิ้งๆคาร้านซะให้ได้เรย T^T จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 53 10:57:30

ความคิดเห็นที่ 85   เยีี่ยมยอดได้ทั้งความรู้และความบันเทิง ขอบคุณคร้าบบบ จากคุณ : apotheker เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 53 10:57:38

ความคิดเห็นที่ 86   ^ ^ ขอบคุณสำหรับกำลังใจเจ้าค่า กินข้าวเย็นเสร็จ เราสองพ่อลูกก็เดินย่อยน้องปลากลับโรงแรม บระเจ๊า!! สุดยอดเทคนิคการจอดรถ!! กทม.ยังอายอ่ะ >_< จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 53 10:58:38

ความคิดเห็นที่ 87   กลับมาแล้วจ้า คฤหาสน์ผีหลอกวิญญาณหลอน เอร๊ยยย โรงแรมที่รักของเฮา นี่ถ้าเด็กกลัวผีอย่างน้องปอสองมาเจอแบบนี้เข้า น้องเค้าคงได้คว้ากระเป๋าวิ่งร้องไห้ออกจากโรงแรมเป็นแน่ -_- จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 53 10:59:20

ความคิดเห็นที่ 88   พอกลับมานอนแผ่ที่ห้องพัก จขกท.ก็รื้อๆสมบัติในกระเป๋าดู เลยเพิ่งเห็นว่า แผนที่ที่เจ๊เจ้าของโรงแรมให้มาตอนเช็คอิน เป็นแผนที่ AddioPizzo ด้วยนี่หว่า กรี๊ดดดดด AddioPizzo แปลเป็นภาษาไทยได้ว่า "บ๊ายบายค่าต๋ง" เป็นการรวมตัวของบรรดาร้านค้าที่ประกาศว่า เราจะไม่ยอมก้มหัว จ่ายเงินค่าคุ้มครองให้มาเฟียอีกต่อไป! สมาคมนี้มีเว็บไซต์ด้วยนะคะ สามารถไปโหลดแผนที่นี้ได้ด้วยที่ http://www.addiopizzo.org/english.asp จากคุณ : ha-meow เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 53 11:00:52