ความคิดเห็นที่ 1   ข.167 มาถึงบางซื่อตรงเวลาครับ แต่กว่าจะออกจากบางซื่อได้ก็นานเอาการ เพราะต้องเปลี่ยนหัวรถจักรที่บางซื่อและต้องรอทางให้ ข.40 ทำขบวนเข้ามาก่อนจึงจะสวนออกไปได้ กว่า ข.167 จะได้ออกจากบางซื่อก็ปาเข้าไปเกือบ 19.30 น. ครับ จากนั้นก็วิ่งไปเรื่อยๆ ช้าเพิ่มเติมบ้างที่มาบอมฤติ (ไม่ทราบว่าจอดทำไมตั้งนาน) และไปถึงชุมพรตอนราวๆตีสี่เศษๆครับ ออกจากชุมพรผมก็หลับต่อยาวจนมาตื่นเอาแถวๆก่อนเข้าสถานีท่าชนะนี้แล สำหรับสถานีรถไฟท่าชนะก็เป็นสถานีประจำอำเภอท่าชนะครับ ตัวสถานีตั้งอยู่ในตลาดเลย หากลงที่สถานีนี้ก็สามารถนั่งสองแถวไปเที่ยวหาดสำเร็จหรือวัดถ้ำใหญ่ได้ครับ แก้ไขเมื่อ 09 ส.ค. 53 20:32:10 จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 20:31:14

ความคิดเห็นที่ 2   ออกจากท่าชนะก็วิ่งควบไปเรื่อยๆ สองข้างทางฟ้าเริ่มสว่างแล้วเพราะนี่ก็เป็นเวลาเกือบ 7.00 น. แล้วครับ วันนั้น ข.167 ช้ากว่ากำหนดเวลาไปเกือบ 120 นาทีครับผม ตอนอยู่ชุมพรผมก็หวั่นเหมือนกันว่าจะไปถึงพุนพินก่อน 9.00 น. ซึ่งเป็นเวลาที่รถนำเที่ยวจะออกเดินทางหรือไม่ แต่ 7.00 น. ข.167 ก็เกือบจะถึงไชยาแล้ว ทำให้ผมเบาใจได้ว่าไปทันแน่ๆ แก้ไขเมื่อ 09 ส.ค. 53 20:33:56 จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 20:33:31

ความคิดเห็นที่ 3   ประมาณ 7.59 น. ข.167 ก็ออกจากชุมทางทุ่งโพธิ์ ข้ามสะพานจุลจอมเกล้าและแม่น้ำตาปีเพื่อเข้าสู่สถานีรถไฟสุราษฎร์ธานีครับ จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 20:34:39

ความคิดเห็นที่ 4   พอลงจากสะพานก็เข้าโค้งสุดท้ายเพื่อเข้าย่านสถานี หุหุ เป็นการบังเอิญจริงๆที่ตรงนี้มีเพื่อนๆน้องๆที่รักรถไฟจากเว็ป Thaitransport ลงทุนนั่งรถไฟมาจากกรุงเทพเพื่อมาโดยสารขบวนนำเที่ยวพิเศษด้วย แถมมากับ ข.167 เหมือนกันอีกครับ จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 20:36:16

ความคิดเห็นที่ 5   8.05 น. ข.167 ก็พาผมมาถึงสถานีรถไฟสุราษฎร์ธานีแล้วครับผม สถานีรถไฟสุราษฎร์ธานีนี้ตั้งอยู่ ณ ตำบลท่าข้าม อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ครับ เป็นสถานีรถไฟระดับ 1 ประจำจังหวัด (แต่อยู่คนละอำเภอกับอำเภอเมือง) จากสถานีรถไฟสุราษฎร์ธานีนี้สามารถโดยสารรถประจำทางเข้าอำเภอเมืองหรือบ้านดอนก็ได้ หรือจะนั่งรถไปยังอำเภอต่างๆเช่น พระแสง, เคียนซา, นาสาร, เขาพนม, คีรีรัฐนิคม, ดอนสัก, กาญจนดิษฐ์ และไปจังหวัดข้างๆอย่างภูเก็ต ระนอง ชุมพร ฯลฯ ได้หมด นับว่าสะดวกสบายมากๆครับ จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 20:38:26

ความคิดเห็นที่ 6   จากสถานีรถไฟสุราษฎร์ธานี ก็เลี้ยวซ้ายเดินเลาะรางรถไฟขึ้นไปนิดหน่อย ก็จะถึงศูนย์อำนวยการท่องเที่ยวจังหวัดสุราษฎร์ธานีครับ ซึ่งเป็นจุดที่จะมาขอรับตั๋วของขบวนรถไฟท่องเที่ยวกัน ค่ารถไฟ+ค่ารถท่องเที่ยวก็คนละ 60 บาท จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 20:39:28

ความคิดเห็นที่ 7   ยังพอมีเวลาเหลืออีกนิดหน่อยครับ ผมเลยเดินข้ามรางรถไฟไปฟากตลาดเก่าท่าข้ามครับ จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 20:40:13

ความคิดเห็นที่ 8   นั่งรถไฟไปเที่ยวด้วยคนครับ จากคุณ : ม่วงมหากาฬ เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 20:43:23

ความคิดเห็นที่ 9   สถานีรถไฟสุราษฎร์ธานีนั้นจะแบ่งตำบลท่าข้ามออกเป็น 2 ฟากครับ กล่าวคือฟากตลาดใหม่ (ที่มีหอนาฬิกา) หรือฟากหน้าสถานีรถไฟ กับฟากตลาดเก่าริมแม่น้ำตาปีที่อยู่อีกด้านของรางรถไฟครับ ตำบลท่าข้ามนี้ได้นามนี้มาก็เพราะว่า สมัยที่สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรียกทัพมาปราบชุมนุมเจ้าพระยานครศรีธรรมราช (ปลัดหนู) นั้น กองทัพธนบุรีได้ยกมาถึงที่นี่ครับ แต่ทว่าเนื่องจากมีแม่น้ำหลวง (หรือแม่น้ำตาปี) ขวางอยู่ ลำน้ำไหลเชี่ยวและลึกมาก ทำให้กองทัพธนบุรีต้องรอจนถึงยามน้ำลดจึงจะยกทัพข้ามไปได้ ในชั้นหลังเลยขนานนามตำบลนี้ว่า ท่าข้าม เพื่อเป็นอนุสรณ์ ในภายหลังเมื่อการค้าแร่โดยอาศัยแม่น้ำหลวงเป็นเส้นทางลำเลียงเจริญขึ้นและก็ตามด้วยการมาถึงของรถไฟ ตำบลท่าข้ามจึงมีผู้คนอพยพมาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากและเจริญเติบโตขึ้นเป็นลำดับครับ จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 20:45:26

ความคิดเห็นที่ 10   จังหวัดสุราษฎร์ธานีเดิมนั้นก็ทราบกันดีว่า ชื่อว่าเมืองไชยา ครับ แต่จริงๆแล้วเป็นจังหวัดที่เกิดจากเมืองเก่าแก่หลายเมืองมารวมกัน ทั้งเมืองไชยาเก่า, เมืองท่าข้าม, เมืองท่าทอง ฯลฯ ซึ่งเป็นแหล่งชุมชนมาตั้งแต่สมัยโบราณ ในสมัยรัชกาลที่ 6 นั้นได้มีการจัดระเบียบเมืองเสียใหม่ โดยย้ายที่ว่าการเมืองไปอยู่ที่ตำบลบ้านดอนครับ พอย้ายที่ว่าการไปที่บ้านดอนแทน ชาวบ้านเลยเรียกบ้านดอนว่าไชยาไปด้วย ส่วนเมืองไชยาเดิมก็เปลี่ยนชื่อเป็นอำเภอพุมเรียงแทน และให้นามเมืองท่าทองใหม่ว่าเมืองกาญจนดิษฐ์ และเมื่อพระองค์เสด็จประพาสหัวเมืองใต้ไปในปี พ.ศ.2458 ก็ทรงเห็นว่าเชื่อเมืองไชยาใหม่นั้น บางทีจะไปสับสนกับเมืองไชยาเก่าได้ จึงทรงพระราชทานเมืองใหม่ว่า สุราษฎร์ธานี ที่แปลว่าเมืองคนดี แทนครับ และเปลี่ยนชื่อแม่น้ำหลวงเป็นแม่น้ำตาปีแทน ปีนี้จึงเป็นปีที่ 95 ของนามเมืองสุราษฎร์ธานีพอดีครับ ทางเทศบาลตำบลท่าข้ามก็จัดงานฉลองติดต่อกันมาหลายปี จนปีนี้ได้คิดใหม่ทำใหม่ให้ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 20:52:38

ความคิดเห็นที่ 11   โดยได้ร่วมมือกับเทศบาลเมืองท่าขนอม (ตำบลท่าขนอม อำเภอคีรีรัฐนิคม) และการรถไฟแห่งประเทศไทย ทำการจัดนิทรรศการและขบวนรถไฟนำเที่ยวเมือง 2 ท่า ขึ้นมาครับ เพื่อเป็นการเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างเมือง 2 ท่า ที่มีการติดต่อค้าขายกันมาแต่โบราณกาล จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 20:54:23

ความคิดเห็นที่ 12   แต่ก่อนจะไปขึ้นรถไฟ ก็ไปเดินเล่นรอบๆกันก่อนครับ ตัวตลาดเก่าท่าข้ามนั้นจะอยู่ริมแม่น้ำตาปีพอดี ส่วนฟากตรงข้ามคือตลาดเก่าฝ่ายท่า ซึ่งเป็นตัวเมืองดั้งเดิมของตำบลท่าข้ามครับ จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 20:55:56

ความคิดเห็นที่ 13   และก็แวะไปชมปู่เฮนเซล นี่วันนี้ไม่ได้ทำงาน แต่มาทำหน้าที่ลากขบวนรถที่จัดแสดงนิทรรศการภาพถ่ายเก่าแก่เมืองสุราษฎร์ธานีแทน สำหรับปู่ Henschel  3015 นี้ก็ประจำการมาตั้งแต่ราวๆ ปี พ.ศ. 2507 ครับ น่าเสียดายที่ตอนนี้การรถไฟเหลือครอบครองอยู่แค่ 1 คัน เท่านั้น จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 20:58:45

ความคิดเห็นที่ 14   ปู่เฮนเซลเขาไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ครับ ไม่สามารถจะลากรถทำขบวนได้ (ปกตินานๆทีก็มายืดเส้นยืดสายลากตู้สับเปลี่ยนในย่านสถานีบ้างเท่านั้น) วันนี้พระเอกที่จะพาคณะผู้โดยสารไปเที่ยวจึงตกเป็นหน้าที่ของ GE 4037 แทน ซึ่งก็แต่งหล่อมาเต็มที่เลย หุหุ จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 21:00:29

ความคิดเห็นที่ 15   ขบวนรถไฟพิเศษนำเที่ยวนี้ก็ได้รับความสนใจจากพี่น้องประชาชนชาวสุราษฎร์ธานีและจังหวัดใกล้เคียงไม่น้อยครับ มีเด็กนักเรียน หรือครอบครัวพากันมานั่งรถไฟนำเที่ยวกันแน่นขนัดเลยทีเดียว จากเดิมที่เขากำหนดไว้แค่วันละ 200 คน (หรือราวๆ 3 โบกี้) จึงไม่พอ ต้องต่อกันยาว 5 โบกี้เลยทีเดียว เพื่อให้ได้บรรยากาศ ผมเลยไปนั่งตู้ บสพ ดีกว่า จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 21:03:52

ความคิดเห็นที่ 16   เนื่องจากวันนั้น ข.85 มาช้ามากๆครับ ทำให้ปู่ GE 4037 ต้องรอจัดการเก็บตู้ที่ ข.85 ตัดทิ้งไว้ที่พุนพินนี่เข้าไปในรางหลีกเสียก่อน จึงจะว่างไปทำขบวนรถนำเที่ยวได้ ทำให้ขบวนรถนำเที่ยวออกจากพุนพินล่าช้าไปราวๆ 25 นาทีครับ เวลา 9.25 น. ขบวนรถนำเที่ยวก็ออกเดินทางไปสู่สถานีรถไฟคีรีรัฐนิคมได้เลย จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 21:05:35

ความคิดเห็นที่ 17   วิ่งออกไปราวๆ 1 กิโลเมตร ก็มาหยุดที่เชิงสะพานจุลจอมเกล้าครับ สะพานจุลจอมเกล้านี้เป็นสะพานข้ามแม่น้ำตาปี เชื่อมทางรถไฟสายใต้เข้าหากัน ตัวสะพานสร้างในปี พ.ศ.2459 ครับ โดยใช้งบประมาณที่กู้จากอังกฤษมาทำการสร้างสะพาน เดิมทีนั้นเอาไว้ให้คนเดินข้ามและรถไฟข้ามเท่านั้น (เพราะหากจะสร้างให้รถหรือเกวียนข้ามได้ ต้องเสียเงินอีกเกือบเท่าตัว ทางราชการเลยตัดส่วนนี้ทิ้งไป) แต่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ทางสัมพันธมิตรมาทิ้งระเบิดที่พุนพินครับ เพื่อตัดเส้นทางรถไฟของไทย ตอนแรกๆเครื่องบินของสัมพันธมิตรก็ทำลายสะพานไม่ได้ ตอนหลังเขาเลยต้องเอาลูกระเบิดหลายๆลูกมาร้อยโซ่เข้าหากัน และดำดิ่งมาโยนใส่ตัวสะพาน ทำให้สะพานถูกทำลายในที่สุด ภายหลังสงครามสงบลง ทางราชการจึงสร้างสะพานใหม่ขึ้นทดแทนครับ แต่ยังขนานนามสะพานว่า สะพานจุลจอมเกล้าเช่นเดิม จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 21:09:24

ความคิดเห็นที่ 18   รถไฟกำลังออกพอดี ขอกระโดดขึ้นรถไปเที่ยวด้วยคน... จากคุณ : narasri เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 21:10:10

ความคิดเห็นที่ 19   สะพานจุลจอมเกล้าใหม่นี้สร้างสำเร็จในปี พ.ศ. 2496  ครับ และได้สร้างสะพานสำหรับรถข้ามเอาไว้คู่กันด้วย ท่านใดขับรถผ่านน่าจะได้ข้ามสะพานนี้กันเป็นแน่แท้ วันทางรถไฟนำเที่ยวเขาก็จอดเพื่อให้ผู้โดยสารได้เดินข้ามสะพานจุลจอมเกล้านี้กันครับ ผมก็พึ่งเคยจะเดินข้ามครั้งนี้เป็นครั้งแรกนี่แล เป็นบุญแก่ชีวิจริงๆ หน้าตาสะพานจุลจอมเกล้านี้จะคล้ายกับสะพานพระรามที่ 6 มากครับ เพราะใช้แบบเดียวกันมาสร้างเลยทีเดียว แก้ไขเมื่อ 09 ส.ค. 53 21:11:43 จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 21:11:02

ความคิดเห็นที่ 20   พอข้ามสะพานเสร็จ ก็กลับขึ้นรถไฟเพื่อไปยังสถานีต่อไปครับ จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 21:12:21

ความคิดเห็นที่ 21   สถานีต่อไปคือ ชุมทางบ้านทุ่งโพธิ์ครับ สถานีนี้อยู่ห่างจากสถานีรถไฟสุราษฎร์ธานีราวๆ 4 กิโลเมตรเศษๆ ที่นี่เป็นจุดเริ่มต้นของทางรถไฟสายคีรีรัฐนิคมครับ ทางรถไฟสายคีรีรัฐนิคมนี้ก็เป็นมรดกของโครงการสร้างทางรถไฟไปยังจังหวัดฟากทะเลอันดามันอย่างพังงาและภูเก็ตครับ โดยได้ทำการเวรคืนที่ดินเอาไว้จนเกือบจะถึง บ้านท่านุ่น ตำบลโคกลอย อำเภอตะกั่วทุ่ง จังหวัดพังงาแล้ว และอนาคตอาจจะวางแผนสร้างข้ามไปถึงเกาะภูเก็ตด้วย ได้เริ่มทำการเวรคืนมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2481 และสร้างทางรถไฟจนเปิดการเดินรถได้ในปี พ.ศ. 2499 ครับ (ตอนนั้นสร้างมาได้ 31 กิโลเมตรจนถึงคีรีรัฐนิคมนี้แล) แต่ทว่ารัฐบาลถังแตก งบหมด เลยไม่ได้สร้างต่อครับ ที่ดินที่เวรคืนเอาไว้บางส่วนปัจจุบันก็หมดอายุไปแล้วและโดนบุกรุก บางส่วนก็จมอยู่ใต้เขื่อนรัชประภาไปเรียบร้อย ทำให้ปัจจุบันทางรถไฟสายนี้มาจบลงแค่คีรีรัฐนิคมนี้แลครับ ในยุคอดีตกาลเมื่อไม่นานมานี้ สมัยที่ยังมีขบวนรถรวมอยู่มากมาย เคยมีขบวนรถรวมวิ่งระหว่าง สุราษฎร์ธานี-คีรีรัฐนิคม มากถึงวันละ 6 ขบวน แต่พอการรถไฟยกเลิกขบวนรถรวมครั้งใหญ่เมื่อหลายปีก่อน รถรวมจำนวนมากทั่วประเทศเลยค่อยๆหายไป รถไฟสาย  สุราษฎร์ธานี-คีรีรัฐนิคม จึงเหลือแค่วันละ 2 ขบวนดังปัจจุบัน จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 21:21:34

ความคิดเห็นที่ 22   ออกจากบ้านทุ่งโพธิ์ก็วิ่งไปเรื่อยๆ เป้าหมายคือคีรีรัฐนิคมครับ ระหว่างทางก็มีป้ายหยุดรถหลายแห่งทีเดียว จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 21:22:42

ความคิดเห็นที่ 23   ที่สำคัญๆก็เช่น ป้ายหยุดรถคลองยันครับ อยู่ในท้องที่ของ อ.คีรีรัฐนิคม จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 21:24:07

ความคิดเห็นที่ 24   เลยป้ายหยุดรถคลองยันไปไม่ไกล ก็คือสะพานข้ามคลองยัน หรือสะพานคลองยัน ครับ สะพานนี้สร้างขึ้นจากเศษเหล็กที่เป็นซากเดิมของสะพานจุลจอมเกล้าครับ ว่ากันว่าสะพานนี้มีหน้าตาคล้ายกับสะพานจุลจอมเกล้าเดิมก่อนจะถูกระเบิดทำลายมาก คลองยันก็เป็นคลองเล็กๆ สาขาหนึ่งของคลองพุมดวง จัดเป็นสายน้ำที่สะอาดมากที่สุดของจังหวัดสุราษฎร์ธานีเลยทีเดียว จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 21:25:42

ความคิดเห็นที่ 25   รถไฟเขาจอดไม่นาน ให้ลงไปถ่ายรูปกับสะพานครับ ผมเลยไม่มีโอกาสได้เดินข้ามาสะพานเล่น หุหุ จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 21:26:24

ความคิดเห็นที่ 26   สะพานนี้จัดว่าเป็นสะพานเหล็กที่สวยมากทีเดียวครับ พื้นน้ำด้านล่างก็ใสสะอาดจริงๆ จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 21:26:54

ความคิดเห็นที่ 27   ไปท่าขนอม-ท่าข้ามด้วยคนค่ะคุณอุ้ย จากคุณ : Yai Klong_Tour Rai เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 21:27:21

ความคิดเห็นที่ 28   ลงมาถ่ายรูปกับสะพานข้ามคลองยันไม่นาน ทาง อพปร.ท่าข้ามก็เรียกให้ขึ้นรถเพื่อไปยังสถานีต่อไป จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 21:27:31

ความคิดเห็นที่ 29   ต่อด้วยป้ายหยุดรถเขาหลุงครับ ไม่แน่ใจว่าใช่ลูกที่เห็นอยู่ข้างหน้าหรือไม่ เส้นทางสายนี้ยิ่งเข้าใกล้คีรีรัฐนิคมก็จะยิ่งเห็นภูเขาหนาตาขึ้นครับ สองข้างทางเป็นสวนยางและสวนปาล์มเสียมาก หากสามารถสร้างได้สำเร็จไปจนถึงท่านุ่น วิวสองฟากคงจะสวยไม่น้อย โดยเฉพาะช่วงที่เลียบเข้าไปใกล้ๆเขาสก จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 21:28:54

ความคิดเห็นที่ 30   หลังจากออกเดินทางมาประมาณ 50 นาที รถไฟก็มาหยุดที่ป้ายหยุดรถบ้านยาง ครับ ที่นี่เขาจอดราวๆ 20 นาทีให้ผู้โดยสารแวะอุดหนุนสินค้าของชาวบ้านยางกัน จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 21:29:43

ความคิดเห็นที่ 31   ประมาณ 10.50 น. รถไฟนำเที่ยวก็มาถึงสถานีรถไฟคีรีรัฐนิคมแล้วครับ มาถึงก็ถ่ายกับป้ายประเพณีก่อนเลย จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 21:30:28

ความคิดเห็นที่ 32   สถานีคีรีรัฐนิคมนั้นแม้จะเป็นสถานีประจำอำเภอ แต่ก็เป็นสถานีระดับ 3 ครับ เป็นปลายทางของทางรถไฟสายนี้ในปัจจุบัน อำเภอคีรีรัฐนิคมนั้นแม้จะเป็นอำเภอเล็กๆ แต่ก็มีสถานที่ท่องเที่ยวอยู่หลากแห่งทีเดียว ซึ่งวันนี้ทาง อบต.ท่าขนอม ก็ได้กรุณาพาผู้โดยสารไปเยือนสถานีสำคัญของอำเภอหลายแห่งทีเดียว จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 21:32:25

ความคิดเห็นที่ 33   มีจัดทีมงานมาคอยรับและป้ายต้อนรับอย่างอบอุ่น มีน้ำและขนมแจกอีก ต้องขอขอบพระคุณจริงๆครับ จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 21:33:11

ความคิดเห็นที่ 34   ที่หน้าสถานีรถไฟคีรีรัฐนิคม ทางทีมงานได้เตรียมรถเอาไว้คอยรับ-ส่ง ผู้โดยสารไปยังสถานที่ต่างๆด้วยครับ ค่ารถก็รวมอยู่ในค่ารถไฟ 60 บาทนั้นแล (จริงๆแค่ได้มานั่งรถไฟสายนี้ 60 บาทผมก็ว่าคุ้มแสนจะคุ้มแล้ว) จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 21:34:22

ความคิดเห็นที่ 35   ที่แรกซึ่งเขาพาไปชมก็คือ หน้าที่ว่าการอำเภอคีรีรัฐนิคมครับ เป็นที่ตั้งของพระพุทธาราวดีคีรีรัฐ พระพุทธรูปประจำอำเภอ จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 21:36:31

ความคิดเห็นที่ 36   นั่งรถไฟไปด้วยคน ท้องฟ้าแจ่มใสมาก บรรยากาศดีจริงๆ แต่งตัวคุณลุง GE เราซะหล่อเลย ที่ขอนแก่นก็เจอคุณลุง GE บ่อยๆเพราะเอามาลาก 415 418 แล้ว เลยช้าซะ 1 ช.ม.เลย จากคุณ : Sugarbean เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 21:37:46

ความคิดเห็นที่ 37   และก็พาไปชมพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นเมืองคีรีรัฐครับ ข้างในก็จัดแสดงโบราณวัตถุที่ชาวคีรีรัฐนิคมร่วมกันบริจาคมาจัดแสดงมากมาย อย่างพระพุทธรูปศิลปะศรีวิชัยอายุหลายร้อยปีนี้ จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 21:38:15

ความคิดเห็นที่ 38   ต่อด้วยพาไปวัดปราการครับ วัดเก่าแก่ของคีรีรัฐนิคม ที่เคยมีหลวงพ่อเชื่อม เกจิดังแห่งลุ่มน้ำตาปีจำวัดอยู่ (แต่ท่านมรณะภาพไปนานแล้ว) ภายในวัดยังมีพระพุทธรูปเก่าอายุเกือบ 200 ปีอยู่ด้วยครับ จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 21:40:16

ความคิดเห็นที่ 39   ต่อด้วยพาไปวัดเขาราหู และหลวงพ่อท่านเอ็น เจ้าอาวาสวัดเขาราหู พระเกจิดังอีกรูปของสุราษฎร์ธานีก็ได้มาพบญาติโยม ให้ศีลให้พร และแจกพระเครื่องแก่ญาติโยมกันคนละองค์เอาไปบูชาอีกด้วย จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 21:42:25

ความคิดเห็นที่ 40   ต่อด้วยพาไปเที่ยวบ่อน้ำร้อน ที่ตำบลถ้ำสิงขร ครับ เป็นแหล่งท่องเที่ยวมีชื่ออีกที่ของอำเภอนี้ จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 21:43:38

ความคิดเห็นที่ 41   ว่ากันว่ารักษาโรคได้สารพัด และมีอุณหภูมิพอเหมาะแก่การอาบ เลยมีผู้คนมาอาบน้ำร้อนกันเยอะแต่โบราณครับ จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 21:44:38

ความคิดเห็นที่ 42   เสียดายเวลาน้อย เขาเลยไม่ได้พาไปคลองน้ำใสครับ (แต่คลองน้ำใสหากไม่มีรถก็ไปค่อนข้างสะดวก วันหลังผมค่อยมาเองใหม่ก็พอไหว) ปิดท้ายด้วยสถานที่สุดท้ายคือ วัดถ้ำสิงขร แหล่งท่องเที่ยวที่ดังที่สุดของคีรีรัฐนิคมนี้แลครับ จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 21:46:17

ความคิดเห็นที่ 43   วัดถ้ำสิงขรนี้สร้างมาตั้งแต่สมัยอยุธยาครับ ว่ากันว่าพระภิกษุที่สร้างวัดนี้เป็นพระญาติกับพระเจ้าแผ่นดินอยุธยาทีเดียว (แต่สมัยไหนไม่ได้ระบุ) ถ้ำสิงขรเป็นถ้ำขนาดใหญ่ครับ ภายในมีพระพุทธรูปและหินงอกสวยงามอยู่มากมาย หน้าปากถ้ำยังมีพระเจดีย์เก่าแก่อีก 1 องค์ สร้างด้วยศิลปะเลียนแบบพระบรมธาตุไชยา จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 21:48:30

ความคิดเห็นที่ 44   เข้าไปลุยในถ้ำกันเลยครับ จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 21:49:16

ความคิดเห็นที่ 45   ที่ปากถ้ำชั้นแรกประดิษฐานพระพุทธรูปประทับนั่งห้อยพระบาทขนาดใหญ่ จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 21:49:52

ความคิดเห็นที่ 46   ด้านในก็มีหินงอกสวยๆ จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 21:50:19

ความคิดเห็นที่ 47   และก็มีพระพุทธรูปอีกหลายองค์ภายในถ้ำครับ จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 21:50:45

ความคิดเห็นที่ 48   ตัวถ้ำภายในจะตันครับ ความลึกก็ราวๆ 200 เมตรเห็นจะได้ มีไฟส่องสว่างตลอด เดินได้สบายๆ จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 21:51:20

ความคิดเห็นที่ 49   สุดทางด้านในจะเป็นห้องโถงที่เพดานเปิดโล่ง มีแสงส่องเข้ามาได้ครับ จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 21:51:52

ความคิดเห็นที่ 50   ผนังถ้ำตามจุดต่างๆก็มีการแกะสลักเป็นลวดลายเอาไว้อีกด้วย จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 21:52:20

ความคิดเห็นที่ 51   ในถ้ำก็สวยดีครับ แต่ผมชอบเจดีย์ใหญ่ที่ปากถ้ำที่สุดเลย ใต้ฐานพระเจดีย์มีรอยพระพุทธบาทจำลองด้วยครับ ท่านใดผ่านไปก็แวะกราบได้ จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 21:53:15

ความคิดเห็นที่ 52   หลังจากนั้นรถก็พาผู้โดยสารมาส่งที่ป้ายหยุดรถคลองยัน เพื่อโดยสารรถไฟกลับไปพุนพินครับผม เป็นอันจบโปรแกรมท่องเที่ยวที่แสนสนุกครั้งนี้ ระหว่างทาง อพปร.ท่าขนอน เขาประกาศว่า ปีหน้าเราจะจัดกันอีก คราวนี้ขามานั่งรถไฟ ขากลับจะให้นั่งเรือ หุหุ จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 21:54:38

ความคิดเห็นที่ 53   ประมาณ 15.25 น. รถไฟนำเที่ยวก็ข้ามสะพานจุลจอมเกล้ากลับสู่พุนพินครับ จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 21:55:24

ความคิดเห็นที่ 54   กลับมาถึงพุนพินแล้ว ผมก็ลองไปเดินชมงานนิทรรศการครับ ซึ่งจัดนิทรรศการภาพถ่ายบนขบวนรถดังที่กล่าวไว้ข้างต้น จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 21:57:14

ความคิดเห็นที่ 55   ทางเทศบาลเขาก็เช่า บชส.ไม้รุ่นเก่า มาจัดแสดงภาพถ่ายโบราณของเมืองสุราษฎร์ธานีครับ เข้ากับบรรยากาศดี หุหุ จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 21:58:03

ความคิดเห็นที่ 56   ขอตามไปเที่ยวด้วยคนนะคะ จากคุณ : คนช่างฝัน สาวข้างบ้าน เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 21:59:01

ความคิดเห็นที่ 57   เจ้าหน้าที่บนขบวนรถเขาแนะนำให้ลองข้ามไปเที่ยว บ้านฝ่ายท่า ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับตลาดท่าข้ามครับ โดยวิธีข้ามไปก็เดินไปยังท่าเรือใกล้ๆตลาดเทศบาล ก็จะมีเรือหางยาวรับจ้างพาข้ามฟากครับ ค่าเรือก็คนละ 4 บาท จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 21:59:34

ความคิดเห็นที่ 58   โบกเรือให้มาเทียบท่า แล้วก็ข้ามฟากไปโลดครับ อยากจะไปขึ้นท่าตรงไหนก็บอกคุณป้าเจ้าของเรือได้เลย หุหุ จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 22:00:45

ความคิดเห็นที่ 59   ...ตามคุณอุ้ยมานั่งถไฟเที่ยวด้วยนะคะ ฟ้าใสมากเลยค่ะ มาเที่ยวถ้ำสวยๆ ด้วยคนนะคะ ^-^ จากคุณ : จูลายกะปลายฟ้า^-^ (ปลายฟ้าที่ภูตะวัน) เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 22:02:19

ความคิดเห็นที่ 60   ข้ามมาฟากตรงกันข้ามนี้ เรียกว่าบ้านฝ่ายท่า ครับ เดิมทีตรงนี้แลที่เป็นชุมชนดั้งเดิมของตำบลท่าข้าม เนื่องจากฟากนี้ตั้งอยู่บริเวณใกล้กับจุดที่คลองพุมดวงไหลมาบรรจบกับแม่น้ำตาปีครับ เป็นหัวโค้งที่ชาวบ้านจากภายในแผ่นดินจะล่องเรือมาค้าขายแลกเปลี่ยนสินค้าพวก ดีบุก ตะกั่ว ของป่า กับชาวบ้านจากบ้านดินหรือท่าทอง ทำให้บ้านเรือนของตลาดท่าข้ามในยุคแรกอยู่ที่ฟากฝ่ายท่านี้แลครับ ในกาลต่อมาเมื่อรถไฟมาถึงตำบลท่าข้าม รถไฟได้นำผู้คนกลุ่มใหม่ๆเข้ามาด้วย ทำให้ชาวบ้านจำนวนมากหันมาตั้งบ้านเรือนอยู่ฟากตรงข้ามซึ่งมีทางรถไฟพาดผ่านแทนครับ ชุมชนฝ่ายท่าเลยเงียบเหงาลงแต่บัดนั้นมา จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 22:05:19

ความคิดเห็นที่ 61   ปัจจุบันบ้านฝ่ายท่ายังมีบ้านเรือนไม้อายุเกือบร้อยปีหลงเหลืออยู่เป็นจำนวนมากครับ ทางเทศบาลท่าข้ามได้ขอความร่วมมือจากเจ้าของบ้านให้ช่วยกันอนุรักษ์เอาไว้ให้คนรุ่นหลังได้ชม จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 22:06:57

ความคิดเห็นที่ 62   ผมก็เดินเล่นอยู่ฟากฝ่ายท่าพักใหญ่ๆ เห็นพี่ชายท่านนี้นั่งตกปลาอยู่ เลยลองถามเล่นๆว่าได้ปลาอะไรมั่งพี่ เขาก็ตอบว่า ไม่ได้ตกปลา แต่ตกกุ้งหน่ะน้อง......... จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 22:08:10

ความคิดเห็นที่ 63   งานนี้ผมเลยถึงบางอ้อครับ มิน่าที่เขาลอยเรือกันอยู่นี่ ตกกุ้งนี่เองไม่ได้ตกปลา หุหุ ส่วนพวกกุ้งโชคร้ายที่โดนตก ก็กลายเป็นกุ้งปิ้งเอาไปขายฟากขะโน้นนี่แล จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 22:09:35

ความคิดเห็นที่ 64   จากนั้นก็ข้ามเรือกลับมาฝั่งตลาดท่าข้ามครับ พอดีคุณป้าเจ้าของเรือเขาก็ถามว่ามาจากไหน ผมเลยตอบไปว่า มาจากกรุงเทพ มานั่งรถไฟเที่ยวไปท่าขนอม คุณป้าเขาก็ถามต่อว่า..ได้ไปปั๊มตราในหนังสือที่เขาแจกมาครบหรือยัง........ (คือว่า ทางเทศบาลท่าข้าม-ท่าขนอน เขาแจกหนังสือสำหรับเก็บตราประทับมาให้ด้วยครับ ซึ่งหากเราไปตามเก็บตราประทับจากจุดต่างๆในเขตเทศบาลท่าข้ามจนครบ 6 จุด ก็จะสามารถเอาไปแลกหนังสือที่ระลึกได้) ผมก็ตอบไปว่า พึ่งจะปั๊มมาได้ 3 ดวงเอง (จากบนรถไฟ 2 ดวง และที่ตลาดฝ่ายท่า 1 ดวง) คุณป้าเขาก็เลยพามาส่งที่ท่าน้ำฝั่งท่าข้ามตรงนี้แลครับ และบอกว่าให้ไปปั๊มตราที่ร้านนายเล็กด้วยจะได้ แถมไม่ยอมรับเงินค่าเรืออีก แกบอกว่าไม่เป็นไรหรอก เลยต้องขอขอบพระคุณ คุณป้าด้วยนะครับ จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 22:14:32

ความคิดเห็นที่ 65   ขึ้นจากท่าน้ำมา ก็เจอร้านนายเล็กเลยครับ เป็นร้านซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า+เป็นร้านที่จัดแสดงเครื่องใช้ยุคเก่าๆให้ชมอีกด้วย ภายในร้านก็มีพวกโทรทัศน์รุ่นเก่าๆ, วิทยุ, เครื่องเล่นแผ่นเสียง ตะเกียงไฟ ฯลฯ มากมาย จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 22:16:15

ความคิดเห็นที่ 66   จะนอนแล้วพึ่งเห็นรีวิว แปะไว้ก่อนนะหลานอุ้ย พรุ่งนี้มาดูต่อเน้ออิจฉาจริง ๆ // เที่ยวไปทุกที่ที่มีราง จากคุณ : กบจูเนียร์ เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 22:17:27

ความคิดเห็นที่ 67   จากนั้นผมก็ไปเดินไล่เก็บตราประทับครับ อีกจุดที่ไปเก็บตราประทับได้ก็คือ ที่โรงพยาบาลสวนสราญรมย์ครับ เป็นโรงพยาบาลด้านจิตเวชแห่งแรกของสุราษฎร์ธานีเลย ตั้งอยู่บนเนินเขาเล็กๆห่างจากตลาดท่าข้ามไปทางบ้านดอนราวๆ 1 กิโลเมตร สมัยก่อนที่นี่เคยเป็นตำหนักสวนสราญรมย์เมื่อครั้นรัชกาลที่ 6 เสด็จประพาสแดนใต้ครับ จึงมีอนุสาวรีย์ของรัชกาลที่ 6 อยู่ภายในเขตโรงพยาบาลสวนสราญรมย์ด้วย จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 22:19:38

ความคิดเห็นที่ 68   ภายในเขตโรงพยาบาลสวนสราญรมย์ ยังคงหลงเหลือซากฐานของพลับพลาที่ประดับของรัชกาลที่ 6 อยู่ครับ ที่นี่ก็เก็บตราประทับได้ 2 อัน เหลืออีก 1 อันคือที่วัดดอนแก้ว ซึ่งอยู่เชิงสะพานจุลจอมเกล้า แต่จนแล้วจนรอด ผมก็ไม่ได้เดินไปรับตราประทับ จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 22:21:39

ความคิดเห็นที่ 69   ราวๆ 18.00 น. ผมก็นั่งรถโดยสารสาย พุนพิน-บ้านดอน ไปหาที่พักในตัวอำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี หรือบ้านดอนครับ ไปได้โรงแรมเสรีนี้แล อยู่ใกล้ตลาดศาลเจ้าดี ค่าห้องก็คืนละ 250 บาท สะอาดสะอ้านดีใช้ได้ ด้านล่างของโรงแรมเสรีนี้ ตอนเช้าๆจะเป็นร้านเสรีแต้เตี้ยมครับ ร้านอาหารเช้าชื่อดังประจำบ้านดอนเลยทีเดียว จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 22:23:37

ความคิดเห็นที่ 70   ใกล้ๆกันนั้น ชาวบ้านดอนเรียกว่า ตลาดศาลเจ้าครับ เป็นตลาดของกินกลางคืนที่ใหญ่ที่สุดของสุราษฎร์ธานีเลยทีเดียว จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 22:25:15

ความคิดเห็นที่ 71   ตลาดนี้ของกินเพียบเลยครับ อยู่ 3 วัน 3 คืน ก็ยังกินร้านในนี้ได้ไม่ครบ หุหุ จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 22:26:27

ความคิดเห็นที่ 72   เช้าๆที่ผมตื่นสายมากๆ กว่าจะงัวเงียขึ้นมาก็เกือบ 7 โมงเช้าแล้ว (ปกติจะตืนราวๆ ตีสี่กว่าๆ แต่สงสัยเมื่อวานนอนบนรถไฟไม่ค่อยหลับครับ เพราะอากาศบนรถไฟสายใต้หน้าฝนนี่ มันหนาวมากๆเลย นอนไปก็สั่นสะท้านไป) ก็ออกไปเดินเล่นหาของกินตอนเช้านิดหน่อย และรีบกลับมาอาบน้ำเพื่อไปเที่ยวต่อครับ จากโรงแรมเสรี เดินไปไม่ไกลก็จะถึงตลาดเกษตร 1 ครับ เป็นจุดต่อรถต่อราไปอำเภอต่างๆของสุราษฎร์ธานีได้ทั่วเลย เป้าหมายก็คือการไปเที่ยวถ้ำขมิ้น ที่ อ.นาสาร ครับ ค่ารถก็ 40 บาท ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 22:29:38

ความคิดเห็นที่ 73   ถ้ำนี้เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติใต้ร่มเย็นครับ ตั้งอยู่บนถนนสาย สุราษฎร์ธานี-นาสาร ห่างจากตัวอำเภอนาสารราวๆ 5 กิโลเมตร หากนั่งรถไฟมาก็ลงที่สถานีรถไฟห้วยมุดก็ได้ และเดินออกมาไม่ไกลก็จะถึงทางเข้าถ้ำเหมือนกัน จากริมถนนใหญ่ก็เดินเข้าไปอีกราวๆ 700 เมตรก็จะถึงที่ทำการของถ้ำขมิ้นครับผม จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 22:31:43

ความคิดเห็นที่ 74   ถ้ำนี้เดิมทีเรียกว่า ถ้ำเหม็น ครับ เพราะข้างในมีค้างคาวอยู่เป็นจำนวนมาก เลยมีกลิ่้นมูลค้างคาวแรงและเหม็นมากๆ เดิมทีเป็นแหล่งสัมปทานเก็บมูลค้างคาวไปทำปุ๋ยครับ แต่ตอนหลังบริษัทที่ทำสัมปทานเขาล้มเลิกไป ถ้ำนี้เลยถูกปิดเอาไว้ จนเมื่อมีการมาสำรวจและเห็นว่ามีศักยภาพจะจัดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวได้ จึงได้เข้ามาพัฒนาครับ ปัจจุบันก็กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสุดนิยมของอำเภอนาสารไป เพราะภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อยสวยงามมากๆ ตัวถ้ำมีขนาดมหึมา มีทางเดินยาวกว่า 1.2 กิโลเมตร ภายในประดับไฟสวยงามครับ แต่ก็ไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวเข้าไปตามลำพัง ต้องมีเจ้าหน้าที่นำทางเท่านั้น ค่าบริการเข้าถ้ำก็คนละ 40 บาท (เด็ก 20 บาท) ค่าผู้นำทางก็ตามแต่ศรัทธาครับ แต่ทว่าผมมาคนเดียว เจ้าหน้าที่เขาเลยให้นั่งรถหน้าถ้ำก่อน จนกว่าจะมีนักท่องเที่ยวมากันหลายๆคน จึงจะเข้าไปได้ จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 22:35:09

ความคิดเห็นที่ 75   ก็นั่งรถจนถึงราวๆ 11 โมง จึงมีผู้ร่วมอุดมการณ์มาท่องเที่ยวครับ และได้น้องๆนักเรียนจากโรงเรียนนาสารเป็นคนนำทางเข้าไปภายในถ้ำ จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 22:35:58

ความคิดเห็นที่ 76   ลุยโลดเลย จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 22:36:19

ความคิดเห็นที่ 77   ภายในถ้ำนั้นใหญ่และอลังการมากครับ สมเป็นถ้ำที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของภาคใต้ มีหินงอกหินย้อยมากมาย เสียแต่ว่าผมไม่มีขาตั้งกล้องมา ลำพังยิงแฟลชกับมือจับกล้อง ไม่สามารถทำให้ภาพออกมาชัดๆได้ จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 22:37:17

ความคิดเห็นที่ 78   ข้างในมีรถจิ๊ปที่คนทำเหมืองมูลค้างคาวเคยใช้จอดอยู่ครับ น้องคนนำทางเขาบอกว่า คนทำเหมืองแกะรถเป็นชิ้นๆและค่อยๆลำเลียงมาประกอบเป็นรถใหม่ในถ้ำกัน จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 22:38:09

ความคิดเห็นที่ 79   ข้างในถ้ำของจริง สวยมากๆครับ หากได้ไปที่นาสารก็แวะไปชมกันได้ คุ้มค่าเข้า 40 บาทมากๆ จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 22:38:43

ความคิดเห็นที่ 80   การเดินชมถ้ำนั้นจะเปิดให้เข้าชมตั้งแต่ 9.00-15.00 น. ครับผม และต้องใช้เวลาเดินชมภายในราวๆ 1.30 ชั่วโมง กับระยะทาง 1.2 กิโลเมตร จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 22:40:05

ความคิดเห็นที่ 81   .......... จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 22:41:00

ความคิดเห็นที่ 82   ถ้ามีขาตั้งกล้องมาคงจะดีครับ ตอนแรกๆก็ว่าจะเอามา แต่ทำไปทำมาขี้เกียจแบก..... จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 22:42:11

ความคิดเห็นที่ 83   ข้างในอากาศเย็นสบายครับ แต่หายใจแล้วขัดๆนิดหน่อยตามประสาถ้ำลึกๆ จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 22:43:14

ความคิดเห็นที่ 84   ออกจากถ้ำมาก็เกือบ 13.00 น. ครับ และพบว่าฝนตกราวกับฟ้ารั่ว.......ก็ยืนรอฝนหยุดตรงที่ทำการอุทยานราวๆ 25 นาที เห็นฝนพอจะซาลงหน่อยก็รีบโกยออกมาริมถนนใหญ่ครับ พอดีกับที่เจ้ารถสาย สุราษฎร์ธานี-กระบี่ ผ่านมาพอดี เลยโบกขึ้นไปเสียเลย แรกๆผมว่าจะไปลงที่พระแสง เพื่อไปเที่ยวคลองบางสวรรค์ต่อ แต่มองไปทางตะวันตกนี่ฟ้ามืดครึ้ม สงสัยทางโน้นฝนคงถล่มหนัก เลยเปลี่ยนใจขอลงที่นาสารแทนครับ มาลงที่อำเภอนาสาร อำเภอใหญ่อีกแห่งของสุราษฎร์ธานีครับ นาสารเป็นเมืองต้นกำเนิดเงาะโรงเรียนแห่งแดนใต้ เมื่อไม่นานมานี้เขาก็พึ่งจัดงานวันเงาะโรงเรียนไปหมาดๆ หุหุ เสียดายที่ฝนตก เลยไม่ได้เดินสำรวจเมืองครับ ลงจากรถแล้วก็รีบโกยไปสถานีรถไฟเพื่อหลบฝน และจากการสอบถามเจ้าหน้าที่ในสถานีก็ได้ความว่า เจ้า ข.446 หาดใหญ่-ชุมพร กำลังจะเข้ามาพอดี (ช้าไป 80 นาทีได้) จึงโดยสาร ข.446 ไปตามยถากรรมเสียเลย (กะว่าฝนหยุดตรงไหนก็จะลงตรงนั้นแล) จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 22:47:29

ความคิดเห็นที่ 85   14.00 น. ข.446 ก็มาถึงสถานีรถไฟนาสารครับ ผมตีตั๋วไปลงชุมพร (แน่นอนว่ารถไฟฟรี เลยตีไปสุดสายเสียเลย) ครับ แต่ก็กะว่าฝนหยุดแถวไหน แล้วเป็นสถานีใหญ่ก็จะลงตรงนั้นแล จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 22:48:28

ความคิดเห็นที่ 86   ขึ้นรถไฟไปไม่นาน สติเริ่มเลือนลาง หลับอีกแล้วครับ (จำได้ว่าเลยบ้านนา ผมก็ชักจะไร้สติแล้ว) มาตื่นอีกทีก็คันธุลีเท่านั้นเอง.......... ดีไม่ตื่นชุมพร จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 22:49:46

ความคิดเห็นที่ 87   ตามเที่ยวด้วยคนค่ะ ขอบคุณสำหรับรีวิวค่ะ จากคุณ : LoveError เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 22:52:35