ความคิดเห็นที่ 1   จะขอเข้าเรื่องการเดินทางรอนแรมในประเทศอินเดีย ที่ใช้คำนี้ก็เพราะว่า ธรรมดาผู้ที่จะไปนมัสการสังเวชนียสถานของไทย จะไปกันในช่วง 7-13 วันเท่านั้น เพราะ 1. ลางานได้แค่นั้น 2. การเดินทางในอินเดียลำบากกว่าบ้านเรา ไหนจะต้องเจอกับความลำบากในการเดินทาง และอาหารการกิน จะทำให้มีทุกขเวทนามาก ถ้าอยู่เกินกว่านั้น ปิติที่จะเกิดขึ้นก็จะหมดไป เพราะทุกขเวทนาจะเข้ามาแทนที่แล้วจะเบื่ออินเดียไปเลย 3. ไม่มีทัวร์ที่ไหนเขาจัดให้เพราะเขาก็เหนื่อยเหมือนกัลล์ 4. คนที่ไปแล้วเมื่อกลับมาจะอยากไปอีกในปีต่อไป การจัดอย่างนั้นมีช่องโหว่ก็คือไม่ค่อยมีเวลาที่จะทำการบูชา โดยเฉพาะการปฏิบัติบูชา กอบโกยบุญได้ไม่ค่อยเต็มที่ เหมือนมีอาหารอย่างดีโต๊ะใหญ่วางอยู่ตรงหน้า แต่มีเวลากินนิดเดียว ปีหน้ามากินใหม่ แต่ที่คณะของผมไปกัน เกือบเดือน ซึ่งผมก็จัดมา 2 ปีแล้ว ที่จริงก็จัดตามความต้องการของผู้ที่จะไปนั่นเอง เพราะว่าคณะที่จะไปนั้นต้องการอยู่ให้มันสะใจไปเลย มีเวลาเต็มที่ในการที่จะทำอะไรก็ตาม ทั้งการบูชาด้วย อามิสบูชา และมีเวลาที่จะปฏิบัติบูชามากเกินพอ ไม่รู้จะทำอะไรก็ยังมีเวลาที่จะนั่งดูใครต่อใคร ซึมซับเอาบรรยากาศของสถานที่เอาไว้ แต่วิธีนี้ก็มีช่องโหว่มากกว่าเพราะ คนที่จะไปจะต้องมีผู้นำที่เป็นศูนย์รวมจิตใจเดียวกันคือ มีความศรัทธาในผู้นำคณะ มีความอดทนมากต่อความลำบากที่กล่าวมาแล้ว อดทนต่อการคิดถึงบ้าน เพราะที่บ้านสบายกว่าที่นี่ มีการเตรียมตัวที่ดีจริง ๆ ทั้งอาหารที่เตรียมไปและ ข้าวของที่จะอำนวยความสะดวกส่วนตัว เพราะต้องไปเจอกับหลาย ๆ อย่างเป็นระยะเวลานาน และที่สำคัญมีความศรัทธาต่อพระรัตนไตรเกิน 100 % เพียงแค่การเตรียมตัวเตรียมของต่าง ๆ ทั้งอาหารและของบูชาก็เหนื่อยแล้ว ทุกอย่างแลกกับบุญกุศลที่จะได้รับ และการไปบูชาพระคุณของพระรัตนไตร จึงเรียกว่าเป็นการรอนแรม แก้ไขเมื่อ 30 ส.ค. 53 09:38:03 จากคุณ : venfaa เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 06:58:02

ความคิดเห็นที่ 2   เริ่มต้นตั้งแต่ขึ้นเครื่องกันเลย เดินทางด้วยการบินไทย วันที่ 17 มค. ตอนเช็คอินก็มีปัญหาเนื่องจากเทื่ยวบินนี้ใช้เครื่อง 737-400 ซึ่งเป็นเครื่องเล็ก ทางการบินไทยจึงไม่ค่อยให้น้ำหนักเกินมาก ทั้ง ๆ ที่ขอไปทางเจ้าหน้าที่คนหนึ่ง เขาก็ช่วยเพิ่มน้ำหนักให้พวกเรา แต่ก็ยังเกินอยู่มาก เดินทางกัน 6 ท่าน น้ำหนักรวม 300 กว่า พวกเราก็เอากระเป๋าบางส่วนออกมาถือขึ้นเครื่อง ก็ยังเกินอยู่มาก พอดีไปเจอญาติคนหนึ่งที่สนามบิน เขาก็ช่วยอีกแต่ก็ยังไม่พอ ทางเจ้าหน้าที่ก็เลยให้ไปจ่ายค่าปรับเพิ่ม 50 กิโล เป็นเงิน 10,000 กว่าบาท ก็ไม่เป็นไรเราก็ไปจ่าย ก็เลยจบไป เรื่องน้ำหนักนี้ก็มีปัญหามาก ทางการบินไทยคงจะเคยมีเจ้าหน้าที่ซึ่งมีอำนาจในเรื่องนี้ เอาโควต้าน้ำหนักไปขาย ก็เลยค่อนข้างเข้มงวด ประกอบกับเครื่องที่ใช้ สำหรับเที่ยวบินนี้เป็นเครื่องเล็ก ก็เลยมีปัญหามากหน่อย ทาง บริษัททัวร์ที่รู้จักกันก็บ่น ๆ อยู่เหมือนกัน ไปได้ข้อสรุปมาตอนที่เดินทางกลับ ตอนที่ไปพบคุณวิชชุดา เขาบอกว่าขอให้ทำเรื่องเข้าไปที่ผู้ใหญ่อย่างเป็นทางการ ก่อนเวลาเดินทางสักหนึ่งเดือน ก็จะได้รับการลดหย่อนตามที่ต้องการ ไม่เป็นไรคราวหน้าค่อยว่ากัน พอก่อนขึ้นเครื่อง ทางการท่าฯ ก็ตรวจกระเป๋าที่จะถือขึ้นเครื่อง ตรวจในส่วนที่เป็นของเหลว กฏนี้เป็นกฏที่เพิ่งใช้บังคับเมื่อเดือน มิย. นี้เอง ให้ผู้โดยสารนำของเหลวติดไปได้ต่อหนึ่งภาชนะไม่เกิน 200 ml และก็รวมแล้วไม่เกิน หนึ่งถุงเล็ก ๆ ต่อ หนึ่งคน พวกเราถูกยึดแกงกระป๋องที่นำไปด้วยหลายกระป๋อง น้ำยาซักผ้า ครีมกันแดด เสียดายกันใหญ่ ก็เลยขึ้นเครื่องเป็นกลุ่มสุดท้าย ขึ้นไปก็ได้ที่นั่งช่วงท้ายของเครื่อง ได้เห็นการทำงานของ พนักงานบนเครื่อง ฉุกละหุกมากเลย แต่เขาก็คงจะฝึกกันมาดี เห็นหน้าตายิ้มแย้มกันทุกคน ซึ่งในความรู้สึกพวกเขาก็คงจะเครียดกันมากเลย ประทับใจในการบริการของสจ๊วตคนนี้มากเลย ขอชื่นชมการปฏิบัติงานของพนักงานทุกท่านด้วยครับ จากคุณ : venfaa เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 07:01:31

ความคิดเห็นที่ 3   มองลงมาข้างล่าง ตอนที่เริ่มเข้าประเทศพม่า สังเกตุเห็นว่า ป่าไม้ยังสมบูรณ์อยู่มาก จากคุณ : venfaa เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 07:02:07

ความคิดเห็นที่ 4   ดูไปดูมาเห็นมีเขื่อนเก็บน้ำด้วยเนื่องจากภูมิประเทศเป็นเขาสลับซับซ้อน ง่ายต่อการสร้างเขื่อนสำหรับผลิตกระแสไฟฟ้าที่บ้านเราต้องไปซื้อไฟฟ้า จากพม่ามาใช้ จากคุณ : venfaa เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 07:02:29

ความคิดเห็นที่ 5   พอเข้าเขตประเทศอินเดีย ก็จะเป็นที่ราบ ไม่มีป่าไม้เลย ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ทำการเกษตรทั้งสิ้น จากคุณ : venfaa เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 07:02:50

ความคิดเห็นที่ 6   ตอนที่เครื่องจะลงก็จะเห็นแม่น้ำเนรัญชรากว้างมาก ตื้นเขิน มีน้ำไหลเป็นสายเล็ก ๆ เท่านั้นเนื่องจากเป็นหน้าหนาว ปีนี้ยังพอมีฝนตกในช่วงหน้าหนาวบ้าง จึงพอมีน้ำให้เห็น ซึ่งธรรมดาจะไม่มีเลย ปีนี้ทางคนอินเดีย บอกว่าอากาศแปรปรวน ผิดเพี้ยนไปหมดแล้ว ฝนมาตกในฤดูหนาวได้อย่างไร คงเกี่ยวกับโลกร้อนขึ้น มนุษย์ใช้ทรัพยากรโดยไม่บันยะบันยัง เลยแปรปรวนไปตามที่นักวิทยาศาสตร์บอก จึงมีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดในปีนี้ จากคุณ : venfaa เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 07:03:24

ความคิดเห็นที่ 7   .. แก้ไขเมื่อ 30 ส.ค. 53 07:05:08 แก้ไขเมื่อ 30 ส.ค. 53 07:04:50 จากคุณ : venfaa เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 07:03:46

ความคิดเห็นที่ 8   เครื่องลงที่ท่าอากาศยานคยา จากคุณ : venfaa เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 07:05:29

ความคิดเห็นที่ 9   ทางรัฐบาลอินเดียเพิ่งสร้างใหม่เมื่อประมาณ 3 ปีมานี้เองเพื่อรองรับนักแสวงบุญ ทุกประเทศ พวกเราก็ต้องมาผ่านการตรวจหนังสือเดินทาง ซึ่งก็เร็วขึ้นกว่าแต่ก่อน มีเจ้าหน้าที่ตรวจมากขึ้น ตรวจเสร็จก็ขอเงิน ต้องแนบเงินไปกับหนังสือเดินทาง ทุกอย่างก็รวดเร็ว หมดปัญหา คณะหนึ่ง ๆ ก็รวบรวมหนังสือเดินทางมาตรวจพร้อม ๆ กันเลย ไม่ต้องมาเข้าทีละคน ทางเจ้าหน้าที่ก็ไม่เข้มงวดมากเพราะ นักท่องเที่ยวทุกคนมาเพื่อไหว้พระกันทั้งนั้น จากคุณ : venfaa เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 07:05:50

ความคิดเห็นที่ 10   มีการใช้คอมฯเก็บข้อมูลการเข้าประเทศ ดูอินเตอร์ขึ้นอีกนิด จากคุณ : venfaa เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 07:06:16

ความคิดเห็นที่ 11   เสร็จแล้วก็ต้องฝ่าอีกด่านหนึ่งคือการตรวจกระเป๋า ประเทศอินเดียเข้มงวดมากเกี่ยวกับการตรวจกระเป๋าที่จะเข้าและออกจากประเทศ เป็นนโยบายที่ป้องการการก่อการร้ายได้ชะงัดมาก ที่สนามบินอื่น สแกนแล้วก็ต้องมาค้นกันด้วยมืออีก แต่สำหรับที่นี่ เงินอย่างเดียวเท่านั้นที่จำเป็น เมื่อปีที่แล้ว ต้องจ่ายไป 1,600 บาท ปีนี้พอดีคนไทยลงเครื่องพร้อมกันมาก ก็เลยจ่ายน้อยหน่อย แค่ 1,200 บาท จ่ายเป็นเงินไทยเลยก็ได้ ทางเจ้าหน้าที่มาคุยด้วยตรง ๆ ว่าจะเคลียปัญหาให้ โดยขอให้จ่ายเท่านี้สำหรับ คณะเรา 6 คน คณะอื่นก็ต้องจ่ายอีกตามแต่จำนวนคนมากน้อย แต่มีบางกระเป๋าที่เขาต้องขอเปิดดู จากประสบการณ์ ถ้ากระเป๋านั้นมีนาฬิกาแบบเข็ม ผ่านเครื่องสแกนแล้ว ก็ต้องเปิดให้เขาดู คงจะกลัวว่าเป็นระเบิดเวลา แก้ไขเมื่อ 30 ส.ค. 53 07:07:29 จากคุณ : venfaa เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 07:06:39

ความคิดเห็นที่ 12   ผ่านออกมาก็พบกับเด็นอินเดียนที่โทรไปสั่งให้เขาเช่ารถมารับ เด็กคนเดิมที่ใช้เขาไปด้วยกันมา 2 ปีแล้วก็คือ รามถาท นามสกุล ยาเทพ อ่านว่า ราม-มะ-ถาด เด็กคนนี้เป็นคนไปวรรณะพราหมณ์ ที่ทราบก็เพราะว่าเมื่อปีที่แล้วตอนที่ไปติดต่อกับกงศุลใหญ่ ประจำเมืองมุมไบ ท่านบอกว่าเราจะดูได้ว่าคนอินเดียคนไหนอยู่ในวรรณะไหน ก็ต้องดูที่ นามสกุล เป็นหลัก เด็กคนนี้นามสกุลมีคำว่าเทพ แสดงว่ามาจากวรรณะพราหมณ์ เขาบอกว่าเรียนจบปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยที่เดลลี เรื่องปริญญาโท นี่ผมไม่ค่อยแน่ใจ เพราะคุยกันยังไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่ ไม่ได้ซักให้แน่นอน แต่ดูแล้วก็เป็นคนที่มีการศึกษาพอสมควร ที่เห็นผู้หญิงสะพายด้ามไม้อะไรข้างหลังนั้นก็คือไม้กวาดที่นำไปด้วย เพื่อกวาดพระเจดีย์ ทุก ๆ แห่งที่เราไปบูชา สำหรับที่คยานี้พวกเราจ้างเด็กอีกคนหนึ่งมาช่วยดูแล เพราะว่าเขามีบ้านอยู่ที่นี่ และก็เป็นคนที่มีความคล่องตัวมากเฉพาะที่คยา รู้จักคนมากให้ไปหาอะไรก็รวดเร็ว แก้ไขเมื่อ 30 ส.ค. 53 07:08:32 จากคุณ : venfaa เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 07:07:58

ความคิดเห็นที่ 13   ก็คือสัญชัย ไม่ได้ถามนามสกุล คนนี้ก็เคยใช้เขาเมื่อปีที่แล้วด้วย ช่วยพวกเราได้มากจริง ๆ จากคุณ : venfaa เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 07:09:08

ความคิดเห็นที่ 14   รถที่เช่ามา เป็นรถจากบริษัททัวร์แห่งหนึ่งที่ชื่อว่า มหาโพธิทัวร์ ซึ่งเราก็ใช้รถของที่นี่ในการออกเดินทางไปสังเวฯ ทั้ง 4 กับเมืองอื่น ๆ ด้วย ในภาพจะเห็นว่ากำลังขนของขึ้นรถกัน ที่เป็นห่อนั้นคือผ้าที่พวกเรานำไปผูกตามพระเจดีย์ต่าง ๆ ปีนี้พวกเราเตรียมผ้าไปทั้งหมด 800 หลา ม้วนละ 50 หลา สิริรวมแล้ว 16 ม้วน น้ำหนัก ประมาณ 60 กิโล นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้น้ำหนักเกินมากตอนขึ้นเครื่องบิน ราคาค่าเช่ารถเพื่อมารับไปส่งยังที่พักในปีนี้คันละ 400 รูปี เมื่อปีที่แล้ว 350 รูปี และเมื่อ 2 ปีที่แล้ว 300 รูปี จะเห็นว่าค่าเช่ารถเพิ่มขึ้นทุกปี โดยเฉพาะปีนี้ทั้งค่าเช่าค่าน้ำมัน ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ขึ้นมา ประมาณ 30 % ผมก็ไม่ได้ตรวจสอบตรงนี้ งบประมาณจึงบานปลายพอสมควร จากคุณ : venfaa เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 07:09:59

ความคิดเห็นที่ 15   ถนนที่วิ่งไปพุทธคยาเป็นถนนลาดยางอย่างดี การเดินทางในเมืองนี้ ทางรัฐบาลได้ทำเอาไว้ให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ เดินทางได้อย่างสะดวกสบาย เรียกว่าหลอกให้ตายใจ เดินทางต่อไปแล้วจะรู้สึก แก้ไขเมื่อ 30 ส.ค. 53 07:24:28 จากคุณ : venfaa เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 07:10:26

ความคิดเห็นที่ 16   พอมาถึงพุทธคยาก็เข้าที่พัก พักผ่อนกันพอสมควรแล้วก็พากันไปกราบพระเจดีย์พุทธคยา ปีนี้ทางรัฐบาลเขาเข้ามาจัดระเบียบพุทธคยาเพื่อให้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก อย่างเต็มรูปแบบ ถนนที่เคยมีร้านค้าทั้งรถเข็น ร้านที่เป็นเพิง รวมทั้งแบกะดิน ถูกย้ายไปอยู่ในที่ ที่ทางรัฐบาลจัดให้ ถนนที่มุ่งตรงไปยังพระเจดีย์จึงโล่งอย่างที่เห็น ร้านค้าที่ถูกจัดระเบียบบางร้านก็ไปตั้งอยู่ในที่ ที่ไม่มีคนผ่านทำให้ขายของไม่ค่อยได้ไปตาม ๆ กัน พวกเราไปกันในปีนี้ก็ไม่ค่อยได้ซื้อของมามากนักเพราะยังไม่รู้จัก บริเวณที่ร้านค้าต่าง ๆ ที่ไปรวมตัวกัน จริง ๆ แล้วของก็ยังมีขายกันอยู่แต่ผู้ที่ต้องการซื้อก็ต้อง สืบหาเอาหน่อยว่าจะไปซื้อได้ที่ไหน ปีที่แล้วยังมีร้านค้าต่างเต็มทั้งสองฝั่ง แก้ไขเมื่อ 30 ส.ค. 53 07:11:43 จากคุณ : venfaa เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 07:10:58

ความคิดเห็นที่ 17   แม้แต่พวกขอทานก็ยังถูกจัดระเบียบ ให้ไปขอทานที่อื่น แต่พอตกกลางคืนก็มานอนรวมกันบริเวณทางเข้าพระเจดีย์ ที่เห็นนอนกันอย่างนี้ อุณหภูมิ ต่ำกว่า 15 องศา บางคืนอยู่ที่ 10 องศา ก็เห็นเขายังนอนกันได้ จากคุณ : venfaa เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 07:12:21

ความคิดเห็นที่ 18   พวกเราเข้าไปถึงพระเจดีย์ช่วงค่ำพอดี ธรรมดาคนที่มานมัสการพระเจดีย์เป็นครั้งแรก พอเข้ามาถึงพระเจดีย์ตรงหน้าประตูทางเข้า จะมองเห็นพระเจดีย์ที่ใหญ่สูงตระง่านอยู่เบื้องหน้า เป็นภาพที่สร้างความตื่นตาตื่นใจให้แก่ผู้ที่มีความศรัทธาอยู่แล้วมาก ๆ เพราะว่าพระเจดีย์ที่เราเห็นกันในภาพที่ถ่ายกันมาตามหนังสือหรือตามเวป จะดูไม่ยิ่งใหญ่เท่ากับที่ได้มาเห็นด้วยตัวเองอย่างนี้ แก้ไขเมื่อ 30 ส.ค. 53 07:26:39 จากคุณ : venfaa เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 07:15:03

ความคิดเห็นที่ 19   เดินอ้อมไปข้างหลังเพื่อไปยังบริเวณต้นโพธิ์ และแท่นวัชรอาสน์ จากคุณ : venfaa เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 07:16:04

ความคิดเห็นที่ 20   อ่านต่อได้ทีนี่ครับ แหะ กระทู้ ไปนมัสการสังเวชนียสถานมา 1 เป็นการตามรอยสารคดีตามรอยพระพุทธเจ้าอีกที รวบรวมเรื่องราวสถานที่ตามที่สารคดีพาไปชม และกิจกรรมที่ไปทำตามสถานที่ต่าง ๆ ครบถ้วนในส่วนของสังเวชนียสถานและสถานที่สำคัญรอง ๆ ลงมา กระทู้ยาวมากครับแทรกพุทธประวัติและพระสูตรที่สำคัญ ๆ ในสถานที่นั้น ๆ ไว้ด้วย ค่อย ๆ อ่านนะครับ http://larndham.org/index.php?/topic/30502-ไปนมัสการสังเวชนียสถานมา/page__p__480633__fromsearch__1&#entry480633 แก้ไขเมื่อ 30 ส.ค. 53 07:17:57 จากคุณ : venfaa เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 07:17:35

ความคิดเห็นที่ 21   กระทู้ ไปนมัสการสังเวชนียสถานมา 2 เพิ่มเติมข้อมูลที่ตกหล่นในการเดินทางครั้งต่อมา กิจกรรมต่าง ๆ เพิ่มเติม และช่วงหลังได้เขียนรายละเอียดพร้อมแผนที่ สถานที่สำคัญ ๆ ไว้ด้วย http://larndham.org/index.php?/topic/33532-ไปนมัสการสังเวชนียสถานมา-2/page__p__566610__fromsearch__1&#entry566610 จากคุณ : venfaa เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 07:20:42

ความคิดเห็นที่ 22   กระทู้ไปนมัสการสังเวชนียสถานมา 3 ตามไปเก็บข้อมูลอะไร ๆ ที่น่าสนใจในประเทศอินเดียมาอีก จนเกือบจะหมดแล้วตามเมืองที่ไปเยือนมา ประกอบกับมีคลิปนำชมสถานที่สำคัญ ๆ แทรกไว้ด้วย มีภาพสังเวชนียสถานสวย ๆ ให้ชมจุใจ ไม่น่าพลาด http://larndham.org/index.php?/topic/38228-ไปนมัสการสังเวชนียสถานมา-3/page__p__689166__fromsearch__1&#entry689166 ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้าไปเยี่ยมชมครับ จากคุณ : venfaa เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 07:21:17

ความคิดเห็นที่ 23   ตามไปด้วยคนนะค่ะ มีแพลนจะไปกับที่ทำงานช่วง ต้นปีหน้าอยู่พอดีเลยค่ะ เข้ามาเก็บข้อมูลไว้ก่อนเลย ขอบคุณสำหรับรีวิวนะค่ะ จากคุณ : Dek_Nakhon เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 08:08:35

ความคิดเห็นที่ 24   ขอบคุณกับรีวิวดีๆครับ จากคุณ : เล็กทาโร่ เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 09:46:57

ความคิดเห็นที่ 25   ทริปไปพุทธคยาน่าอ่านมาก ๆ เพราะเหมือนได้ไปด้วยตัวเอง เรื่องความเข้มงวดของเจ้าหน้าที่ ๆ สนามบินในอินเดีย เห็นด้วยว่าเขาจะตรวจเราอย่างเข้มงวดจริง ๆ เมื่อเดือนก่อนต้องไปเปลี่ยนเครื่องที่นิวเดลลี กระเป๋าสะพายรวมทั้ง carry-on ทุกใบต้องติด tag เพื่อแสดงว่าผ่านการตรวจแล้ว พอเดินจะไปขึ้นเครื่องบินจะมีเจ้าหน้าที่ตรวจแล้วตรวจอีก แต่ตอนที่เครื่องลงที่สนามบินสุวรรณภูมิ ไปเอากระเป่าเดินทางที่สายพาน ปรากฏว่าซิบกระเป๋าเดินทางทั้งสองใบถูกเปิดทิ้งไว้ มีของหายด้วย ผู้ที่จะเดินทางไปอินเดียควรจะระวังในเรื่องของหายหรือกระเป๋าทั้งใบหายด้วยค่ะ จากคุณ : churace (churace) เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 13:11:35

ความคิดเห็นที่ 26   ขอบคุณสำหรับรีวิวนะค่ะ จากคุณ : Valily เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 15:27:22

ความคิดเห็นที่ 27   อยากไปด้วยๆๆๆค่ะ ต้องอธิษฐานจิตแรงๆจะได้ไปกับคณะท่านแว่นฟ้าสักที สาธุ๊ จากคุณ : สายเดี่ยว โจงกระเบน เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 53 02:49:59