นิตยสาร a car

แวะอ่าน

  THAILAND INTERNATIONAL MOTOR EXPO 2012
งานโชว์รถยิ่งใหญ่ส่งท้ายปลายปี

เตรียมความพร้อมเต็มที่แล้วสำหรับงานมหกรรมยายนต์ ครั้งที่ 29 หรือ Thailand International Motor Expo 2012 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2555 ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี งานนี้ถือเป็นงานโชว์และขายรถที่ยิ่งใหญ่ปิดท้ายปลายปี โดยเฉพาะครั้งนี้น่าจะได้รับความสนใจเป็นอย่างมากเนื่องจากรัฐบาลได้ออกมาตรการคืนภาษีสำหรับรถยนต์คันแรกซึ่งจะสิ้นสุดในปลายปีนี้ด้วย ยิ่งทำให้งานนี้เป็นที่หมายปองของคนที่ต้องการมาจับจองเป็นเจ้าของรถคันแรก อะ คาร์ ได้มีโอกาสสัมภาษณ์คุณขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธานการจัดงาน เพื่ออัพเดทความพร้อมของงานในปีนี้ รวมไปถึงเรื่องราวต่างๆ ในแวดวงยานยนต์

ก่อนอื่นอยากให้เล่าถึงภาพรวมของการจัดงานมหกรรมยานยนต์ ปี 2554 ที่ผ่านมา หลังจากได้รับผลกระทบจากปัญหามหาอุทกภัย
ในตอนแรกนั้นผมก็คิดอยู่ว่าเราจะจัดงานดีหรือไม่ หรือจะเลื่อน โดยมาลองทบทวนดูว่ามันมีปัจจัยอะไรบ้างที่เกี่ยวข้อง ผมจึงทำการสำรวจทั้งความพร้อมของตัวเองและผู้ร่วมงานในทุกส่วน โดยกว่า 90% เห็นว่าควรให้จัด แต่อีก 10% เห็นว่ายังไม่ควร เพราะญี่ปุ่นบอกว่าอย่างเหตุการณ์สึนามิในญี่ปุ่น ที่ประเทศเขายังงดจัดงานทุกอย่างเป็นเวลา 2 เดือนเลย แต่ในความคิดของผมกลับมองว่าคนไทยมักจะหนีจากความทุกข์หาความสุข เมื่อหมดเรื่องทุกข์แล้วก็จะไม่ยึดติดกับมัน หาสิ่งอื่นทำให้ชีวิตมีความสุขต่อไป ยกตัวอย่างในงานศพ หลังจากเสร็จพิธียังมีการตั้งวงเหล้า เล่นไพ่เป็นเพื่อนศพ ซึ่งตรงนี้ผมก็อธิบายให้ทางญี่ปุ่นฟัง ทำให้ทางบริษัทญี่ปุ่นขอเวลาตัดสินใจก่อน จนในที่สุดแล้วทุกบริษัทก็ตอบตกลง แต่เนื่องจากผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วม เราจึงคาดการตัวเลขของผู้ชมงานว่าน่าจะตกมาอยู่ที่ 1.2 ล้านคน จากเมื่อก่อนอยู่ที่ 1.6 ล้านคน ส่วนตัวเลขยอดการซื้อรถในงานก็คงได้ประมาณ 25,000 คัน จากปีก่อนที่ขายได้ถึง 33,000 คน และเมื่อจบงานตัวเลขของจำนวนผู้เข้าชมงานกลับคึกคักมาก สูงเกินที่ได้คาดการณ์ไว้ คือเกินกว่า 1.3 ล้านคน ทั้งนี้อาจเป็นเพราะเมื่อปีที่แล้ว ผมยกเลิกเก็บเงินค่าบัตรผ่านประตูเข้าชมงานด้วย ส่วนเรื่องตัวเลขการจำหน่ายก็มาอยู่ที่ 30,000 คัน ซึ่งถ้าจำกันได้ในงานเมื่อปีที่แล้วโตโยต้าไม่มีรถมาขายในงาน เพียงแต่นำเทคโนโลยี รวมถึงรถรุ่นต่างๆ มาโชว์ กับอีกค่ายฮอนด้า ที่ไม่เปิดรับจองอย่างเป็นทางการ แต่ก็มียอดจองแบบไม่เป็นทางการบ้าง ซึ่งผมก็ได้นำตัวเลขมารวมไว้อยู่ใน 30,000 คันเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งสรุปภาพโดยรวมของงานเมื่อปีที่แล้วถือว่าคึกคักเกินความคาดหมาย และถือว่าเป็นการจุดประกายของการเติบโตทางธุรกิจยานยนต์ในประเทศ”

มองอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในปีนี้อย่างไร
ในปีนี้มีปัจจัยมากมายที่ส่งผลให้ธุรกิจยานยนต์โตเพิ่มขึ้น คือตั้งแต่ต้นปีผมคาดว่าตลาดรถน่าจะโตกว่าปีที่แล้ว ประมาณ 15% แต่เมื่อผ่านไตรมาสแรก ไม่สามารถวัดผลได้เนื่องจากยังติดปัญหาการส่งมอบรถอยู่หลายยี่ห้อ พอจบไตรมาสที่ 2 ตัวเลขกลับโตขึ้นพรวดพราด 30-40% พอถึงตรงนี้เราเริ่มเห็นล่ะว่าเป้าที่เราตั้งไว้นั้นเกินแน่ เพราะตามสถิติแล้วการซื้อขายรถยนต์ครึ่งปีหลังจะขายดีกว่าครึ่งปีแรก เพราะฉะนั้นถ้ามันจบที่การโตขนาดนั้น มันต้องมาจบที่ปลายปีที่ประมาณ 1,300,000 คัน หลายคนจึงเริ่มเปลี่ยนเป้ากัน พอมาถึงไตรมาส 3 มันโตขึ้นมากว่า 70% เพราะฉะนั้นผมเชื่อว่าในปลายปีมันต้องโตเกินกว่า 1,300,000 คันอย่างแน่นอน ซึ่งตรงนี้ถือเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นในอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ดังนั้นทางสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยจึงได้เตรียมงานฉลองรถจำหน่ายในประเทศไทยเกิน 1,000,000 คัน รวมถึงรถที่ผลิตและจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศเกิน 2,000,000 คัน เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2555 โดยเป้าหมายการจำหน่ายเกิน 1,000,000 คันนั้น มันได้ตั้งไว้มาหลายปีแล้ว แต่ก็เจอเรื่องนั้นเรื่องนี้ สุดท้ายเมื่อปีที่แล้วเกือบจะได้อยู่แล้ว แต่ก็มาสะดุดที่เหตุการณ์น้ำท่วม มันก็เลยมาได้ในปีนี้นี้คือปัจจัยหนึ่ง ปัจจัยที่สองก็คือนโยบายรถคนแรกของทางรัฐบาล โดนตั้งเป้าไว้ประมาณ 500,000 คัน ปรากฏว่าในช่วงแรกที่ตั้งไว้คนสนใจน้อย มันก็เลยจะมาบูมในตอนนี้ รวมถึงรถใหม่อีโคคาร์ ก็เริ่มทยอยออกมาเรื่อยๆ ทำให้คนไทยเริ่มให้ความสนใจมากขึ้น

มองอุตสาหกรรมยานยนต์ในปีหน้าเป็นอย่างไร
สำหรับปีนี้ธุรกิจยานยนต์ในประเทศโตขึ้นมาก การเพิ่มขึ้นแบบนี้ทำให้ปีหน้าแลดูน่ากลัว ผมพยายามเข้าไปนั่งอยู่ในใจบริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายรถยนต์ ผมคิดว่าเขาคงไม่ชอบหรอกการโตแบบผิดปกตินี้ เขาชอบการเติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไป เพราะเขาจะได้วางแผนได้ว่าการสั่งอะไหล่เป็นอย่างไร เพิ่มเดือนนั้นกี่เปอร์เซ็นต์ เดือนนี้กี่เปอร์เซ็นต์ การว่าจ้างแรงงานเป็นอย่างไร เขาจะได้ค่อยๆ วางแผนและดำเนินการตามแผน แต่ไม่ใช่ไปดึงเอาความต้องการในอนาคตมา ซึ่งมันจะทำให้บริษัทรถยนต์วางแผนการประกอบธุรกิจยาก
ด้านผู้ซื้อผมมองว่าด้วยโครงการคืนภาษีรถยนต์คันแรก ทำให้เกิดความต้องการที่ถูกบีบให้ต้องตัดสินใจ มันเป็นความต้องการที่ไม่ได้เกิดขึ้นจริงตามความต้องการของคนโดยทั่วไป ทำให้ทุกคันดันมาซื้อรถในปีนี้กันหมด ยอดปีนี้ก็เลยพุ่ง ส่วนปีหน้าผมมองว่าตัวเลขมันตกลงอย่างแน่นอน แต่การตกลงนั้นจะลงมาถึงไหน สำหรับผมเชื่อว่าการเติบโต 10-15% ในปีหน้ายังพอเป็นไปได้อยู่ ถ้าไม่มีปัจจัยลบในด้วยเศรษฐกิจเข้ามา ตัวเลขการขายรถยนต์ก็น่าจะยังรักษาระดับที่ประมาณ 1,000,000 คันต่อปีได้

กลับมาที่คอนเซ็ปของงานมอเตอร์ เอ็กซ์โปในปีนี้
สำหรับงาน Thailand International Motor Expo 2012 ในปีนี้มาในคอนเซ็ปว่า “ยานยนต์วันหน้า ที่มาวันนี้” ซึ่งคอนเซ็ปในแต่ละปีนั้น เรามีการคิดไว้ล่วงหน้ากันมาเป็นเวลานานทีเดียว บางปีเราคิดล่วงหน้าไว้ถึง 2 ปีเลยก็มี แต่ในปีนี้เรามองว่ามันมีเทคโนโลยีหลายอย่างที่สำคัญสำหรับผู้ใช้รถ ไม่ว่าจะเป็นความสะดวก ความปลอดภัย รูปร่างของตัวรถ ที่มีลักษณะลู่ลม การประหยัดเชื้อเพลิง หรือแม้แต่หลายๆ อย่าง ที่เราคิดว่าของเหล่านั้นบางอย่างมันเป็นของที่อยู่ในอนาคต ไม่น่าจะเป็นไปได้ในปัจจุบัน แต่ตอนเราเริ่มมองเห็นแล้วว่าของเหล่านั้นมันกลายมาเป็นของจริงในปัจจุบัน อย่างเช่น ค่ายฟอร์ด ที่ตอนนี้อย่างตัวโฟกัสก็ได้มีเทคโนโลยีวัดระยะถอยจอดเอง ส่วนค่ายวอลโว่ก็มีระบบช่วยเบรก ซึ่งจะวัดระยะห่างจากรถคันหน้า ถ้าเราใกล้เกินไปก็มีการช่วยเบรก โดยสิ่งเหล่านี้เกี่ยวข้องกับความปลอดภัย ความสะดวกสบาย ในหลายๆ อย่าง ที่เริ่มมองเห็นได้แล้วในวันนี้ เราก็เลยคิดว่ามันน่าจะตั้งเป็นคำขวัญที่เพื่อใช้กับงานในปีนี้ นั่นก็คือ ยานยนต์วันหน้า ที่มาวันนี้ โดยจะให้ความหมายว่าสิ่งที่เราคาดหวังว่าในวันหน้า เริ่มมองเห็นได้ในวันนี้แล้ว ฉะนั้นจากนี้เป็นต้นไปของเหล่านี้เริ่มไม่ใช่แปลกใหม่ มันเป็นอะไรที่จะเกิดขึ้นมาใหม่เรื่อยๆ
และด้วยคำขวัญนี้เอง ทางเราจึงบอกไปยังบริษัทต่างๆ ที่มีเทคโนโลยีเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นรถต้นแบบ หรือแม้แต่รถแนวคิดต่างๆ ให้นำมาแสดงไว้ภายในงาน โดยเราจะมีสิ่งตอบแทนให้กับผู้เข้าร่วมแสดง ในกรณีที่แต่ละบริษัทสามารถนำสิ่งดีๆ มาแสดงในงาน เช่น รถต้นแบบ รถแนวคิด เราก็จะมีการคืนเงินชดเชยให้สำหรับการจองบูธในปีหน้า ส่วนการนำรถใหม่มาเปิดตัวนี้ เรามีการคืนเงินชดเชยให้ 4 ระดับ อันดับแรก คือ เปิดตัวเมืองไทยเป็นครั้งแรก ต่อมาคือเปิดตัวในกลุ่มอาเซียนเป็นครั้งแรก หากเปิดตัวในทวีปเอเชียก็อีกราคา และสุดท้ายคือเปิดตัวเป็นครั้งแรกในโลก ทางเราจะมีการชดเชยเงินคืนให้ถึงกว่า 1,000,000 บาทเลยทีเดียว และในปีนี้เท่าที่ได้สำรวจแล้วจะมีรถต้นแบบโชว์ประมาณ 4-5 คัน รวมถึงที่แน่ๆ ก็จะมีการเปิดตัวรถครั้งแรกในโลก ซึ่งรวมๆ แล้ว จะมีการเปิดตัวรถใหม่ในงานถึง 25 รุ่น

ความคึกคักของผู้เข้าร่วมแสดงงานในปีนี้
สำหรับการจัดงานปีนี้ การเปิดจองพื้นที่แสดงรถยนต์ถือว่าประสบความสำเร็จตามความคาดหมาย โดยมีค่ายรถจองพื้นที่รวม 38 ราย จากเดิมเมื่อปีที่แล้วมี 36 ราย สำหรับ 2 รายที่เพิ่มมานั่นคือ แลนด์ โรเวอร์ กับจากัวร์ ส่วนด้านรถรถจักรยานยนต์ ปีนี้ก็เป็นปีแรกที่เราจัดโซนให้โดยเฉพาะ โดยจะมีค่ายจักรยานยนต์เข้าร่วม 9 ราย และที่สำคัญจะเป็นบิ๊กไบค์ทั้งหมดซึ่งได้แก่ Kawasaki, Triumph (from Britbike), Honda, UDA, SYM (from Mbike), Keeway (from Mbike), GPX (from ATV Panther),Ducati และ Suzuki

ขณะที่บริษัทรถยนต์ที่จองพื้นที่ใหญ่ที่สุด 6 อันดับแรก ก็คือบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ขนาดพื้นที่ 2,000 ตารางเมตร รองลงมา ได้แก่ บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัดขนาดพื้นที่ 1,600 ตารางเมตร ตามด้วย บริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัทมิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ขนาดพื้นที่ 1,480 ตารางเมตร ส่วนบริษัท ฟอร์ด เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ขนาดพื้นที่ 1,360 ตารางเมตร ส่วนบริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ขนาดพื้นที่ 1,280 ตารางเมตร และบริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กับบริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ขนาดพื้นที่ 1,232 ตารางเมตร ตามลำดับ
และนอกจากนี้ในงานเราก็ยังมีบูทสำหรับอุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์และเครื่องยนต์ร่วมด้วย ซึ่งก็เหมือนเช่นทุกปีที่ผ่านมา

คาดการณ์ผู้เข้าร่วมชมงานในปีนี้
ในปีนี้แม้เราจะกลับมาเก็บค่าบัตรผ่านประตูเหมือนเดิม แต่ผมก็ยังเชื่อว่า จำนวนผู้เข้าชมงานของเราน่าจะกลับมาอยู่ที่ 1,600,000 คนเหมือนเดิม ซึ่งลึกๆ แล้วผมยังแอบคิดว่าน่าจะเกินกว่าตัวเลขคาดการณ์อีกเล็กน้อยด้วยซ้ำ

นโยบายรถคันแรกของรัฐบาลส่งผลอย่างไร ในฐานะผู้จัดงาน
ในเรื่องนโยบายรถคันแรกนั้น ในฐานะผู้จัดงานผมมองว่ายังไงก็ส่งผลดีอย่างแน่นอน อย่าลืมนะครับว่า ปลายปีนี้จะเป็นที่สิ้นสุดของโครงการรถคันแรกของรัฐบาลแล้ว และงานเราก็ถือเป็นงานใหญ่งานสุดท้ายของปี ที่ถ้าไม่ซื้อก็จบล่ะ ในตอนนี้ตัวเลขการซื้อขายตามนโยบายรถคันแรกยังไม่แน่นอน ซึ่งรัฐบาลได้กำหนดไว้ที่ 500,000 คัน และตอนนี้ผมคิดว่ามันอยู่ที่ 4 แสนคันนิดๆ ยังเหลืออีกประมาณ 80,000 กว่าคัน โดยนับจากนี้จนถึงงานของเรา ผมเชื่อว่ายอดตัวเลขน่าจะขายได้อีก 25,000-30,000 คัน ฉะนั้นผมคิดว่าในงานของเรายอดการซื้อขายน่าจะอยู่ที่ 50,000 กว่าคันแน่นอน ซึ่งตรงนี้เราจึงของความร่วมมือไปกับทางกรมสรรพสามิตให้มาร่วมในงานด้วย ซึ่งถือเป็นปีแรกที่ทางสรรพสามิตได้ให้ความร่วมมือกับทางเรา ทำให้ผู้ที่ไปเข้าชมงานได้รับความสะดวก สามารถตรวจสอบสิทธิ์ได้ทันที

ได้ข่าวว่าปีนี้ทางมอเตอร์ เอ็กซ์โป ได้รับการรับรองมาตรฐานการจัดงานจาก UFI
ในปีนี้งาน Motor Expo ของเราได้รับเกียรติบัตรรับรองมาตรฐานการจัดงานที่มีศักยภาพเป็นซึ่งที่ยอมรับในระดับสากล โดยเป็นสมาชิกของ UFI “Union des FoiresInternationales” (อูฟี : อูนีอง เดฟัวร์ แองแตร์นาซีโอนาลส์) สมาคมอุตสาหกรรมการจัดงานแสดงสินค้าโลก ที่มาช่วยตรวจรับรองการจัดงานอย่างเป็นทางการ ซึ่งการจะเป็นสมาชิกของ UFI ได้ ไม่ใช่เพียงจ่ายค่าธรรมเนียมรายปี แต่ต้องผ่านขั้นตอนการพิจารณามากมายจากคณะกรรมการของสมาชิก และคณะกรรมการบริหาร เพื่อเป็นเครื่องเครื่องยืนยันถึงความเป็นมืออาชีพ รวมถึงมีโอกาสเข้าถึงองค์กรระหว่างประเทศ หรือองค์กรของรัฐที่เกี่ยวข้องกับการค้า ตลอดจนได้รับการยอมรับจากทั่วโลกว่า เป็นผู้จัดงานแสดงสินค้าที่มีประสิทธิภาพ

กิจกรรมร่วมสนุกสำหรับงานในปีนี้
ปีนี้ผู้เข้าชมงานทุกท่านก็ยังคงได้ร่วมสนุกกับกิจกรรมชิงรางวัลต่างๆ มากมายภายในงานได้ ทั้งซื้อรถชิงรถ Subaru XV 2.0i มูลค่า 1,350,000 บาท 1 คัน ซื้อบัตรชิงรถ Hyundai Elantra 1.8G มูลค่า 1,198,000 บาท 1 คัน ส่ง SMS ชิงรถ Suzuki Swift รุ่น GLX มูลค่า 559,000 บาท 1 คัน และซื้อสินค้าชิงรางวัล เมื่อซื้อสินค้าครบ 1,000 บาท จะได้รังคูปองชิงโชค 1 เพื่อชิงรางวัล เครื่องนวดเท้า AMAXS รุ่น AMX-399 วันละ 1 เครื่องพร้อมร่วมชิงรางวัลใหญ่ เก้าอี้นวดไฟฟ้า AMAXS รุ่น AMX-787 จำนวน 1 รางวัล รวมไปถึงกิจกรรมร่วมโหวตพริตตี้ในงานอีกด้วย”

ได้มีการวางแผนการจัดงานในปีต่อๆ ไปอย่างไร
ในปีหน้านั้น เราได้มีการเตรียมโปรเจคพิเศษไว้ คือ การจัดมหกรรมยานยนต์ตามต่างจังหวัด ใน  3 จังหวัด คือ เชียงใหม่ ขอนแก่น และสงขลา (หาดใหญ่) เราเรียกแผนนี้ว่า “ป่าล้อมเมือง” เพราะผมคิดว่าชาวต่างจังหวัดเริ่มเข้ามาซื้อรถในงานของเรามากขึ้น แล้วทำไมเราไม่ไปจัดงานตามต่างจังหวัดบ้าง ไม่ใช่มากระจุกอยู่กรุงเทพฯ ที่เดียว โดยเราจะให้ความเสมอภาคของผู้ชมอย่างเท่าเทียมกัน ในการรับสิทธิพิเศษในการเข้าร่วมชมงานของเรา เช่น สิทธิ์การส่งชิงรางวัลซื้อรถได้รถ สิทธิ์การส่งชิงรางวัลซื้อบัตรได้รถ สิทธิ์การส่งชิงรางวัล SMS ชิงรถ และสุดท้ายสิทธิ์การซื้อสินค้าเพื่อชิงรางวัล เป็นต้น สิ่งเหล่านี้จะทำให้งานของเราได้กระจายความสุขสู่ประชาชนสู่ผู้ร่วมชมงานของเรามากขึ้นตามมาด้วย

สุดท้ายอยากฝากอะไรกับผู้อ่าน
ก็อยากจะฝากและเชิญชวนให้มาเข้าร่วมชมงานของเรากันเยอะๆ เพราะงานเราถือเป็นงานสุดท้ายของปีแล้ว โดยเฉพาะผู้ที่จะเข้าร่วมโครงการรถคันแรกของทางรัฐบาล เพราะผมเชื่อว่าทางรัฐฯ คงจะไม่ต่ออายุโครงการนี้แล้ว สำหรับงาน Thailand International Motor Expo 2012 หรือมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 29 จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2555 จันทร์-ศุกร์ เวลา 12.00-22.00 น. และเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-22.00 น. ณ ชาเลนเจอร์ฮอล 1-3 อิมแพค เมืองทองธานี



:: อ่านต่อในฉบับ ::

:: กลับไปหน้าหลัก ::