gas for cars magazine

ถอดรหัสลับ OBD

 

 

เปิดไต๋ “ รถใช้ก๊าซ ” ฉบับนี้จะมาทำความเข้าใจกับ คำว่า OBD ( O N B OARD D IAGNOSIS) ผมพยายามตัดรายละเอียดที่ไม่จำเป็นและพยายามเขียนให้อ่านเข้าใจง่ายที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทั้งนี้ท่านผู้อ่านต้องทำความเข้าใจ จึงจะได้ความรู้นี้ เพราะผมเชื่อว่าท่านจะหาอ่านจากที่ไหนไม่ได้ และเชื่อว่าข้อมูลต่างๆ จะเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านอย่างมากพอสมควร

ปัจจุบันรถเกือบทั่วโลกเป็นรถที่มี OBD ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่ปี 1997 แล้ว และถูกปรับปรุงให้ดีขึ้นมาเรื่อย ๆ จาก OBD I เป็น OBD II ส่วนใหญ่รถในบ้านเราที่ใช้อยู่ในปัจจุบันนี้เป็น OBD II และถือว่าเป็นกฎหมายที่บังคับใช้เกือบทั่วโลก ยกเว้นในบางประเทศที่ยังไม่มีกฎหมายควบคุม ยกตัวอย่างเช่น ประเทศ Africa หรือ Afghanistan เป็นต้น

OBD ก็คือแผงวงจรคอมพิวเตอร์ที่จะแสดงอาการผิดปกติของเครื่องยนต์ทุก ๆ อย่างไว้อย่างละเอียดแม่นยำ และจะทำหน้าที่เป็นตัวรวบรวมเซ็นเซอร์ทุกจุดไม่ว่าจะเป็นความสมบูรณ์ของการเผาไหม้ของเครื่องยนต์ซึ่งอาจจะหนาไปหรือบางไป (ส่วนผสมของอากาศกับเชื้อเพลิง) กำลังไฟไม่เพียงพอ น้ำในหม้อน้ำแห้ง หรืออื่น ๆ อีกมาก

แผงวงจรคอมพิวเตอร์นี้จะแสดงความผิดปกติตั้งแต่เริ่มเป็นเล็ก ๆ น้อย ๆ โดยมีเครื่องหมายรูปเครื่องยนต์แสดงขึ้นบนหน้าปัดตรงหน้าคนขับ เพื่อให้ผู้ขับขี่ทราบว่ามีอาการผิดปกติเกิดขึ้น และต้องนำรถเข้าศูนย์เพื่อตรวจเช็คต่อไป ความผิดปกติของเครื่องยนต์ทุกอย่าง จะแสดงเป็นรูปเครื่องยนต์สีส้มเดียวกันทั้งหมด ซึ่งต้องอาศัยทางศูนย์เช็กรายละเอียดด้วยเครื่องอ่าน จึงจะทราบได้ว่าเครื่องยนต์ที่ผิดปกตินั้นเป็นอะไร

ทั้งนี้ เดิม OBD เคยเป็นอุปกรณ์สำหรับรถหรูราคาแพง แต่ปัจจุบัน OBD กลายเป็นอุปกรณ์มาตรฐานที่รถทุกคันต้องมีไปแล้ว

จะรู้ได้อย่างไรว่ารถคันนั้น ๆ เป็นรถ OBD II ?

เราสามารถสังเกตด้วยวีธีง่าย ๆ 2 วิธี คือ

•  รถที่เป็น OBD II นั้น จะต้องมี MAF (MASS AIR FLOW SENSOR) หรือ MAP (MANIFOLD ABSOLUTE PRESSURE SENSOR) อย่างใดอย่างหนึ่ง MAF นั้น จะติดตั้งอยู่ตรงกรองอากาศผ่านไส้กรองมาแล้ว ส่วน MAP นั้นจะอยู่แถว ๆ ก่อน THROTTLE (ลิ้นปิด-เปิดอากาศ) หรือ แถว ๆ นั้น จะมองเห็น SOCKET ที่มีสายไฟตั้งแต่ 2 เส้น - 5 เส้นเสียบอยู่ ทั้ง 2 ชนิดนี้ เป็นระบบ FUEL INJECTION ทั้งสิ้น MAF ส่วนใหญ่มี COIL OVER PLUG หรือตัวจุดระเบิดอยู่เหนือหัวเทียนแต่ละตัว จะมองไม่เห็นจานจ่าย ส่วน MAP นั้น คล้าย ๆ กัน แต่อาจจะเห็นตัว COIL เป็นก้อนสี่เหลี่ยมสีดำ ๆ ติดอยู่กับข้างตัวเครื่องยนต์มีทั้ง SINGLE และ DOUBLE END COIL ที่มองไม่เห็นจานจ่ายเช่นกัน สำหรับรุ่นแรก ๆ ของ OBD นั้นอาจมีจานจ่ายแต่ไม่สามารถปรับแต่งองศา (TIMING ADVANCE) จุดระเบิดได้ ที่แน่ ๆ รถ OBD II นั้นต้องเป็น DISTRIBUTORLESS คือไม่มีจานจ่ายให้เห็น

•  ดูที่กล่อง COMPUTOR หรือที่เราเรียกกันติดปากว่า ECU นั้นว่ามี สายพ่วงติด SOCKET ที่เอาไว้ตรวจเช็คความผิดปกติของเครื่องยนต์หรือไม่ SOCKET ตัวนี้ให้นับดูว่ามี 16 จุดต่อไหม หากเป็น 16 จุดต่อให้แน่ใจได้เลยว่าเป็นรถ OBD II อย่างแน่นอน ส่วนใหญ่จะวางตำแหน่งอยู่ใต้ลิ้นชักด้านคนนั่ง แตกต่างกันออกไปแล้วแต่ยี่ห้อของรถ หรือที่เรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า SIXTEEN PIN CONNECTOR

เมื่อเรารู้ว่ารถเป็น OBD II แล้วให้เข้าใจว่ารถของเรานั้นเป็นรถที่มีเครื่องยนต์คุณภาพชั้นเยี่ยม ซึ่งมี COMPUTOR ควบคุมเครื่องยนต์ให้เผาไหม้มีประสิทธิภาพสูงสุดโดยมี SENSOR รับข้อมูลและส่งข้อมูลไปยัง COMPUTOR SENSORS ที่สำคัญที่สุดคือ เราไม่มีทางที่จะ TUNE เครื่องหรือปรับแต่งด้วยมือแม้แต่น้อย ต้องใช้ COMPUTOR และ SOFTWARE เฉพาะรถยี่ห้อและรุ่นนั้น ๆ TUNE อย่างเดียว หากมีอะไรเสียไม่มีซ่อม เปลี่ยนใหม่อย่างเดียว กล่อง COMPUTOR หรือ ECU และตัว SENSOR เหล่านี้ถึงได้แพงนักหนา

 

 

:: กลับไปหน้าหลัก ::