ย้อนเวลาไปปีกว่าๆ
ถ้าจะพูดถึงคู่สมรสคนดังที่สร้างความเซอร์ไพรส์ปิดท้ายปี พ.ศ. 2544 โดยวัดความฮือฮาในวงการ
กอสซิป ดูเหมือนว่างานมงคลสมรสของลูกชายหัวแก้วหัวแหวนแห่งตระกูล 'ศิลปอาชา'
และลูกสาวคนรองแห่งตระกูล 'ไรวินท์' ระหว่าง 'ท้อป-วราวุธ ศิลปอาชา-เก๋-สุวรรณา
ไรวินท์' จะได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนและถูกกล่าวถึงมาเป็นอันดับต้นๆ
ท่ามกลางภาพความรักความอบอุ่น เขาและเธอบอกกับเราว่า...คงไม่มีภาพเหล่านี้ให้เห็น
หากทั้งคู่ไม่อดทนและไม่มีรักนำทาง
อยากให้เล่าถึงเรื่องราวตอนเจอกันครั้งแรกค่ะ
วราวุธ : ตอนที่เจอเก๋นี่ผมอยู่ปี 2 ที่ University College London
เก๋เขาก็ไปเรียนภาษาอยู่ที่อังกฤษ
สุวรรณา : ตอนนั้นเก๋เพิ่งจะไป คือปี 1994 ค่ะ
วราวุธ : ช่วงที่เจอรู้สึกจะประมาณเดือนเมษาฯหรือพฤษภาฯ เจอกันก็เป็นสไตล์ว่าเขาเป็นเพื่อนของเพื่อนของเพื่อนพอเจอกันปุ๊บก็นิสัยผู้ชายละ
เห็นใครสวยปุ๊บก็จีบหมดแหละ ตอนนั้นผมเองก็โสดสนิทเลย
คิดว่าถ้าอยู่เมืองไทยจะมีโอกาสได้เจอกันไหมคะ
สุวรรณา : ไม่มีทางวราวุธ : เพราะวิถีชีวิตมันจะเป็นคนละสังคมกันเลย
ผมอยู่อีกวงหนึ่งเขาจะอยู่อีกวงหนึ่ง แล้วอีกอย่างเก๋เขาไม่ค่อยสนใจเรื่องการเมือง
งานเขาก็ไม่ค่อยออกแต่ผมจะไปงานเยอะ ผมจะอยู่ในสังคมผู้หลักผู้ใหญ่ในวงการการเมือง
จะไม่มีโอกาสได้เจอกันเลย ผมจะเจอแต่ลูกท่านหลานเธอ แล้วสมมุติถึงได้เจอกันแต่ไม่ได้อยู่เมืองนอก
โอกาสที่จะได้รู้จักกันจนมั่นใจว่าคนคนนี้แหละที่ผมจะแต่งงานด้วยคงไม่มี
คุณเก๋มารู้สึกว่าคบกันเป็นแฟนกับคุณท้อปตั้งแต่เมื่อไหร่คะ
สุวรรณา : มันค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปนะคะ จะไม่เป็นแบบว่าฉันเป็นแฟนเธอแล้วนะ
นานๆ ไปก็จะเริ่มไปไหนกันสองคน ไปดูหนัง ไปกินข้าว
วราวุธ : แปลกดีเหมือนกันเพราะเมื่อก่อนผมชอบถามเพื่อนซึ่งเขามีแฟนกันทุกคนว่าเฮ้ย...จะรู้ได้ไงว่าเป็นแฟนกัน
เพื่อนมันก็บอกเออไม่รู้ว่ะ มันก็จริง เพราะถึงเวลาที่คบเก๋รู้ตัวอีกทีก็เป็นแฟนไปแล้ว
ทราบว่ากว่าจะมาเป็นครอบครัวอย่างทุกวันนี้ ทั้ง 2 ท่านต้องผ่านอุปสรรคมาพอสมควร
เรื่องนี้คุณท้อปพอจะเล่าให้ฟังได้ไหมคะ
วราวุธ : อุปสรรคของเราไม่ใช่บุคคลนะ
สุวรรณา : บางคนอาจจะนึกว่าเป็นปัญหาบุคคลแต่จริงๆ แล้วมันยังมีปัญหาอื่น
ๆ อีกเยอะ ตั้งแต่ที่ครอบครัวเก๋ยังทำธุรกิจจนถึงเลิกกิจการเลย ซึ่งเก๋จะปรึกษาพี่ท้อปตลอด
วราวุธ : อีกปัญหาหนึ่งก็เป็นพวกอย่างเช่น ตอนหลังพอผมมาทำงานการเมือง
เวลาผมก็น้อยเต็มทีแล้ว ตอนหลังเก๋เขาเบื่ออยู่บ้าน เขาก็ไปสมัครงาน พอได้งานทำตรงนี้แหละยิ่งหนักเข้าไปใหญ่
สุวรรณา : สถานการณ์มันเลวร้ายจัง เจอก็ไม่ได้เจอ คุยก็ไม่ได้คุย
วราวุธ : มีแต่งานๆๆ ตอนหลังก่อนที่เชือกจะขาดเสียก่อนผมเลยคิดว่าแต่งงานดีกว่า
ถ้าไม่แต่งได้เลิกกันแน่เพราะแต่ละคนเริ่มอารมณ์เสียแล้ว แต่งงานแล้วก็จบ
นี่คืออุปสรรคยิ่งใหญ่ในชีวิตผมเลย เวลาคือปัญหาที่หนักหนาสากรรจ์ในส่วนของผม
หลังจากตัดสินใจแต่งงาน ทางครอบครัวของทั้ง 2 ท่านว่าอย่างไรบ้างคะ
วราวุธ : ทางบ้านเก๋เขาไม่ว่าอะไรหรอก แต่ไอ้บ้านที่มีปัญหาเป็นข่าวกันขึ้นมาก็คือฟากบ้านผม...
คุณพ่ออยากให้อายุประมาณสามสิบกว่าให้โตเป็นผู้หลักผู้ใหญ่มีความคิดความอ่านซะก่อน...
ผมก็แหมไม่แต่งนี่ตายแน่ๆ เลย คือแต่งตอนนี้มีเมียแต่ไม่มีบ้าน ถ้าให้รอไปอีก
3 ปีมีบ้านแต่ไม่มีเมีย จะเอายังไงดีวะ เลยแบบขอเมียก่อนแล้วกัน มีเมียไม่มีบ้านบ้านยังหาอยู่ได้
แต่ถ้ามีบ้านแล้วไม่มีเมียจะไปเร่หาตามถนนไม่ได้นะ คุณพ่อก็เลยงอนน้อยใจ
แล้วข่าวนี่ยิ่งปาก ต่อปากก็ยิ่งไปกันใหญ่ ส่วนทางบ้านเก๋เขาก็ไม่ว่าอะไรเพราะเขาเห็นเราคบกันมาเป็น
10 ปี อย่างตอนแต่งงานสินสอดเขาก็ไม่ได้ขออะไร เขาไม่เอาอะไรเลย ผมเอาลูกสาว
เขามาฟรีๆ เลย ปาป๊าเขาบอกไม่ต้องมาให้อะไรเขาหรอก ดูแลลูกสาวเขาให้ดีๆ
ก็พอ
คุณท้อปพูดในวันแต่งงานว่าคุณเก๋คือเจ้าสาวที่ดีที่สุดในโลก
ผมบอกได้เลยในประเทศไทยผมหาคนที่เหมาะจะมาเป็นภรรยามาเป็นแม่ของลูกผมหาได้ดีกว่านี้ไม่ได้แล้ว
ผมถึงได้พูดในคืนวันแต่งงานว่าผมหาคนที่ดีที่สุดในประเทศไทยแล้วให้กับบ้านศิลปอาชา
ดีที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ แล้วผมก็หมายความอย่างนั้นจริงๆ ไม่ใช่พูดเพื่อสีสันในงาน
แต่นี่คือคนที่ผมอยากจะอยู่ด้วย นี่คือคนที่มาเติมชีวิตผมให้เต็ม หรือเวลาผมพูดเท่
ๆ ผมจะบอกเสมอว่า 'She completes me'
หลังจากฝ่าฟันอุปสรรคกันมาแล้ว พอมาใช้ชีวิตคู่ ด้วยกันจริงๆ น่าจะมีความสุขมากนะคะ
วราวุธ : มันสุขใจ คือเมื่อก่อนไม่ได้อยู่ด้วยกันผมจะคิดแล้วตอนนี้เขาทำอะไรอยู่น้า
สุวรรณา : เขาจะเป็นห่วง เขาจะสงสารเก๋ไงคะ
วราวุธ : เมื่อก่อนผมจะอยากรู้ว่าเขาอยู่ยังไง อยู่กับใคร อยู่คนเดียวหรือเปล่า
เดี๋ยวจะไปไหน ผมจะเป็นห่วงเขา พอแต่งงานเสร็จปุ๊บ ผมจะรู้ว่าเขาอยู่ที่บ้านหลังนี้
ทุกอย่างผมหาให้เขาหมด เพื่อนบ้านดี สิ่งแวดล้อมดี ฉะนั้นผมไปทำงานผมอุ่นใจว่าเออเขาอยู่สบาย
อยู่ปลอดภัย เขาอยู่กับลูก
ตอนนี้น้องเทมส์อายุได้ขวบหนึ่งหรือยังคะ
9 มิถุนายน เขาจะ 1 ขวบแล้วค่ะ
ต่างคนต่างมาจากพื้นฐานครอบครัวคนละแบบ พอมีน้องเทมส์คุณเก๋กับคุณท้อปเลี้ยงดูเขาแบบไหนคะ
สุวรรณา : คงเป็นสไตล์ที่เรา 2 คนมารวมกัน เลี้ยงเขาด้วยความอบอุ่น
วราวุธ : ให้เขาสนุกกับชีวิตที่เขาได้มา ผมไม่อยากให้เขาถูกบังคับว่าต้องทำอะไรหรือเป็นอะไร
ผมไม่อยากให้เขาเป็นเด็กที่เอาแต่เรียน ผมอยากให้เขาสนุกกับชีวิต
--คุณเห็นด้วยมั้ยคะว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดอันเป็นที่มา ของ...ความสุข...รอยยิ้มและเสียงหัวเราะอันอบอุ่นของครอบครัว
'วราวุธ-สุวรรณา ศิลปอาชา' ในวันนี้ เกิดขึ้นได้ ด้วยมีรักนำทาง...
:: อ่านต่อในฉบับ ::
Source : รัชชา
:: กลับไปหน้าหลัก ::
|