ท่ามกลางการเกิด-ดับของวงอินดี้ร็อคและบริทป๊อปที่เกทับกันอย่างคึกคักในปีนี้
รวมไปถึงการแจ้งเกิดของประดาวงทำเพลงย้อนยุคหน้าใหม่หลากพันธุ์ วงไหนมาแรงและส่งเสียงได้โหวกเหวกสุดในปี
2004 ..ตามไปดู 10 วงเจ๋งที่ว่า รวมไปถึงน้องใหม่ฝีมือร้อนๆ และการกลับมาทวงพื้นที่ของวงขาใหญ่ทั้งหลาย
Maroon 5
5 หนุ่มจากอเมริกาที่สร้างปรากฎการณ์แปลกๆ ในเมืองไทย อันที่จริงต้นสังกัดเคยปล่อยมาแล้ว
1 รอบเมื่อปีก่อน แต่จู่ๆ ก็หายไปไหนไม่รู้ จนเมื่อครึ่งปีที่ผ่านมา สังกัดงัดมุขเปลี่ยนหีบห่อ
พรีเซนต์หน้าตาหล่อๆ ของนักร้องให้สาวๆ ได้เห็นกัน พร้อมมิวสิควิดีโอนัวเนียวาบหวาม
เท่านั้นล่ะ เมืองไทยก็สนั่นไปด้วยเพลง This Love สุดหล่อนักร้องนำ นาย Adam
ก็กลายเป็นหนุ่มในฝันของสาวๆ หลายนางและหลายนาย และวงเองก็คงจะรู้แล้วว่ามีความหล่ออยู่กับตัวก็ควรใช้ๆ
เข้าไป เพลงของพวกเขาก็ใช่ว่าจะไม่ดีเสีย เมื่อไหร่ ด้วยเหตุผลทางดนตรีและภาพลักษณ์
ดังนั้น She Will Be Loved ก็กลายเป็นซิงเกิ้ลฮิตได้ไม่ยาก เรากำลังคิดว่า
Maroon 5 คงตัดสินใจแล้วว่าจะเอาทาร์เก็ตสาวๆ เป็นหลักนั่นเอง
The Strokes
ว้า แย่จัง อัลบั้ม Room on Fire ไปได้ไม่ไกลอย่างที่ทุกคนคาดหวัง สาเหตุหลักเพราะมันไม่มีเพลงชวนคึกคักขนาด
Last Nite เหมือนคราวก่อน แต่นั่นเป็นเพราะความตั้งใจของทางวงที่อยากให้มันเป็นอัลบั้มที่มีชั้นเชิงกว่าแต่ก่อน
ซึ่งการทำเพลงที่มีรายละเอียดมากขึ้นก็เป็นที่ถูกใจของนักวิจารณ์ แต่มันไม่โดนใจวัยโจ๋แล้วน่ะสิ
หรือว่านี่เป็นแผนการของวงนี้ ด้วยแรงกดดันว่าพวกเขาก็แค่ลูกคนรวยที่ทำได้แค่เพลงย้อนยุค
เราเชื่อว่าอัลบั้มใหม่ที่ The Strokes กำลังซุ่มทำอยู่ตอนนี้ต้องมีทีเด็ดแน่ๆ
ดูกันว่าพวกเขายังจะทำดนตรีย้อนยุคสักแค่ไหน หรือว่าจะเปลี่ยนแนวไปเลย
The Hives
ชาย 5 ขนาดจากสวีเดนในชุดทีมสุดเนี้ยบ มีชื่อเสียงในยุโรปเรื่องการแสดงสดแบบรีบๆ
กระชากให้เสร็จๆ มันส์สะใจคนดูดีแท้ ออกมา 3 อัลบั้มแล้ว แต่เพิ่งจะมีขายในเมืองไทยก็คราวนี้
ไม่ได้หมายความว่าไอ้ที่ผ่านๆ มามันยังไม่ดีพอที่จะเข้าเมืองไทยนะ แต่มันหมายความว่ากระแสดนตรีร็อคกำลังเดินทางมาไทยแล้วแน่ๆ
ถ้าบอกว่าเทรนด์ดนตรีร็อคยุคนี้คือร็อคเน้นอารมณ์ อีมง-อีโมร็อคอะไรนั่น
The Hives นี่ล่ะชัดเจนสุด เอะอะอะไรใส่อารมณ์ตลอด ก็มันส์ดี แต่ไม่รู้จะโหวกเหวกได้ถึงตอนแก่หรือเปล่า
The Killers
ท่ามกลางวงใหม่ๆ ที่ทำกันแต่เพลงอ้อนๆ สไตล์ Coldplay จนชักจะไม่ไหวแล้วนะ
โชคดีที่มี The Killers มาให้เราตื่นเต้นกันบ้าง เพลงของพวกเขาถูกนำไปเปรียบเทียบกับวงยุค
'80s อย่าง Duran Duran จนเจ้าตัวเองก็คงชินแล้ว อันที่จริงพวกเขาก็ออกมายอมรับว่าชอบเพลงยุคนั้นอยู่แล้ว
เนื้อหาพูดเรื่องคนโน้นคนนี้ที่รู้จักเต็มไปหมด (เออ หากินง่ายดีเว้ย) แต่นี่ล่ะวงที่
MTV Trax เรารักกันเหลือเกิน เพราะดนตรีที่ไม่ได้ทำกันง่ายๆ และเสียงร้องสุดแมนและมีมาด
ชื่อวง The Killers ได้มาจากวงปลอมๆ ในมิวสิควิดีโอเพลง Crystal ของ New
Order ที่พวกเขาหลงใหล ของดีๆ อย่างนี้ อยากแนะนำให้ฟังจริงๆ
Snow Patrol
เพลงสมัยนี้มันจะสวยใสอะไรกันนักกันหนา นี่ก็อีกวงที่มาแบบป๊อปๆ เป็นวงที่ฟังปุ๊บนึกถึง
Coldplay ปั๊บ เท่านั้นไม่พอ ยิ่งได้ดูลีลาการแสดงสด ถ้าหรี่ตาเบลอๆ หน่อย
ต้องนึกว่าคริส มาร์ตินมาเองแน่ๆ ไม่ใช่จ้ะ เขาคงแค่ได้แรงบันดาลใจมาเยอะ
ดูลีลาก็รู้ หรือถ้าไม่ได้ก๊อบก็ซวยหน่อย เพราะใครๆ ก็รุมด่าเรื่องนี้ (อ้าว
หรือว่าไม่จริง) เพลงของ Snow Patrol เป็นเพลงของคนอบอุ่น อารมณ์เย็น ไม่มีพิษมีภัย
สาวๆ ถึงได้คลั่งไคล้กันนัก ถึงอย่างนั้นก็เหอะ อัลบั้ม Final Straw ของพวกเขาก็ฟังเพลินดีเหมือนกัน
Franz Ferdinand
เราสันนิษฐานว่าที่ FF ดังสุดเหวี่ยงในเมืองไทย คงเพราะท่วงทำนองฟังดูคล้ายเพลงลูกทุ่งของเรา
(มากๆ) เสียงกีตาร์ในหลายเพลงเช่น Take Me Out ฟังทีแรกนึกว่าเชิญพี่เล็กคาราบาวมาเล่นให้
เมื่อทุกอย่างมันล้วนคุ้นเคยกับหูคนไทยอย่างนี้ ก็ย่อมเข้าถึงได้ไม่ยาก ไม่ใช่แค่เพลงนะ
สไตล์การแต่งตัวก็ยังกับหนุ่มๆ ที่งานภูเขาทอง เรียกว่าเชยจนหล่อ (แต่ตอนนี้ได้
Hedi Sliman จาก Dior Homme มาดูแลเรื่องเสื้อผ้าให้แล้ว ฉะนั้นเราจะไม่กล้าว่าพวกเขาเรื่องนี้อีกต่อไปแล้ว)
และเพราะเจตนารมณ์ของวงที่ต้องการทำเพลงติดหู เต้นสนุกเข้าไว้ และพวกเขาก็ทำได้ตามที่ตั้งใจจริงๆ
จนดังกระหึ่มขนาดคว้ารางวัล Mercury Prize ปีล่าสุดมาครอง เอาล่ะ เข้าใจมั้ยว่าทำไมถึงอยู่ในลิสต์
Most Wanted
The Streets
ฮิปฮอปอังกฤษที่ดังอยู่แค่ในอังกฤษ ทั้งที่เพลงชุดนี้ก็ฟังง่ายจะตาย แต่ก็ยังคงข้ามฝั่งไม่ได้
นั่นเพราะฮิปฮอปมันอยู่ที่เนื้อหา ขณะที่อเมริกันพูดถึงสังคมห่วยๆ พุดเรื่องผู้หญิงใจง่าย
รถ โซ่ทอง หรือปืน แต่ The Streets พล่ามเรื่องฟิชแอนด์ชิป คนซ่อมเสาโทรทัศน์
สาวในร้านเสื้อ Top Shop พูดง่ายๆ เรื่องอะไรก็ตามที่มันบริติชแบบบ้านๆ
มากๆ และตามสไตล์ของสื่อชาตินิยมแบบอังกฤษที่รักการกระพือศิลปิน อารมณ์ช่วยโปรโมทชาติกันเหลือเกิน
มันก็ต้องฮิตสิ The Streets สามารถเข้าถึงคนไทยได้ไม่ยาก เพราะเป็นแร็ปที่มีเมโลดี้สวยๆ
กับจังหวะโจ๊ะๆ จะพล่ามเรื่องอังกฤษแค่ไหนก็เอาเหอะ เราฟังไม่ค่อยทันหรอก
รู้แต่ว่าเพลงมันมันส์ดี ก็เลยชอบ
The Darkness
เขียนถึงตรงนี้ก็ทำให้นึกขึ้นได้ว่าวงทุกวงที่เราพูดถึง ต่างมีสไตล์การแต่งตัวจัดจ้านชัดเจนกันทั้งนั้น
ตรงข้ามกับ The Streets ที่ใส่แต่เสื้อฮาวายกับเสื้อบอล The Darkness คือวงที่คอสตูมแรดที่สุด
ถ้าวง Queen ยังอยู่คงได้ยืมเสื้อผ้ากันใส่แน่ๆ ส่วนเรื่องดนตรีไม่ต้องห่วง
พวกเขาคือวงร็อคทักษะสูง ทั้งลีลาการดีดดิ้นและการลีดกีตาร์ระดับเซียนรวมถึงเสียงร้องที่ไต่ได้ทุกคีย์
เป็นดนตรีร็อคแบบกลางยุค '80 s ที่ใครเลียนแบบได้ก็เก่งล่ะ นอกจากภาพลักษณ์ที่ชัดเจน
นายจัสตินนักร้องนำยังมีความปากหมาเป็นสรณะ ครั้งหนึ่งเคยสาปแช่งหนังสือ
THE FACE ให้มีอันเป็นไปเพราะสัมภาษณ์ไม่ถูกใจ เป็นไงล่ะ THE FACE เจ๊งไปเลย
อูย อย่ามาแช่งฉันนะแก
Keane
มาอีกแล้ว วงสโลว์-ซอฟต์-อ้อน มาแบบไม่มีกีตาร์แต่ใช้เปียโนแทน เพราะความเคยชินกับกีตาร์
ฟังอย่างนี้แล้วอาจทำให้คุณรู้สึกขาดๆ แต่ถ้าเทียบกับ Snow Patrol เพลงของวงที่ไม่มีกีตาร์วงนี้กลับมีบุคลิกเข้มแข็งกว่า
แม้ว่าเพลงจะเบากว่าและเหมือนจะคล้ายๆ กันไปหมดทั้งอัลบั้ม การประสบความสำเร็จของ
Keane ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ที่ผ่านมาบริทนี่ย์และฮิปฮอปต่างๆ ทำให้เราคึกคักกันมามากแล้ว
ทุกคนคงต้องการความหดหู่บ้าง! และ Keane ก็โรแมนติกซะ..ท่วงทำนองงามล้ำขนาดนี้ก็ชิลล์กันเข้าไปสิ
Kings of Convenience
Kings of Convenience กลับมาแล้ว สองหนุ่มจากนอร์เวย์ หนึ่งหนุ่มทะเล้น และอีกหนึ่งหนุ่มหล่อตามสูตร
พวกเขาเกิดมาพร้อมกับยุคที่ดนตรีชิลล์เอาต์ฮิตสุดๆ ในเมืองไทยเมื่อ 3 ปีที่แล้ว
ไม่เชื่อลองกลับไปเปิดหนังสือแฟชั่นเดิร์นๆ ในช่วงปีนั้นดู ทุกเล่มจะต้องพูดว่า
โอ้ เก๋ฮ่าาา..หลายเล่มจัดอัลบั้ม Quiet Is a New Loud เวอร์ชั่นมิกซ์แล้วให้เป็นอัลบั้มเก๋ขึ้นหิ้ง
มาชุดนี้เพลงของทั้งคู่ก็ไม่ได้ต่างไปจากเดิมเท่าไหร่ แต่ที่เพลงเนิบๆ (อีกแล้ว)
ของทั้งคู่น่าจับตามองก็เพราะ Riot on an Empty Street อัดแน่นไปด้วยอะคูสติกใสสะอาดบาดหู
ที่ไม่ว่าจะหยิบมาฟังครั้งใดก็สามารถบำบัดและชำระล้างจิตใจอันแสนว้าวุ่นของเราได้ชะงัดนัก
และแน่นอนทั้งคู่ยังคงมีความเทรนดี้เป็นจุดขาย ไม่ใช่แค่คู่นี้หรอก มันก็ทุกวงที่เห็นๆ
ในตอนนี้นี่ล่ะ สงสัยเล่มหน้าต้องเขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้สักหน่อยแล้ว
:: อ่านต่อในฉบับ ::
:: กลับไปหน้าหลัก ::
|