ภาพยนตร์บันเทิง |
สำรวย รักชาติ |
|
สำรวย รักชาติ ผู้กำกับฯ มือดีอีกคนหนึ่งของวงการละครโทรทัศน์ สังกัดของ บริษัท ดาราวิดีโอ จำกัด ที่สะสมประสบการณ์การทำงานมายาวนานกว่า 20 ปี เริ่มจากเป็นนักการกองถ่าย ช่างไฟ ผู้ช่วยกล้อง ตากล้อง จนก้าวมาเป็นผู้กำกับฯ กับผลงาน อาทิ "มนต์รักลูกทุ่ง", "แรงอธิษฐาน" "นายฮ้อยทมิฬ", "อีสา", "เมขลา", "แก้วตาหวานใจ", "หมอลำซัมเมอร์", "ไฟในพายุ", "รักแท้แซ่บหลาย", "ปิ่นมุก" ฯลฯ และล่าสุดที่กำลังออกอากาศคือ "ภูตแม่น้ำโขง" งานละครจำนวนไม่น้อย ถือได้ว่าประสบความสำเร็จ โดยที่คนทำงานอย่างผู้ชายคนนี้ไม่เคยคาดหวัง แต่กลับยกเครดิตให้กับคนเขียนบทละคร และนักแสดง ส่วนตัวเองทำตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมาอย่างเต็มที่และทำให้ดีที่สุด แม้บางครั้งต้องเจอกับปัญหา หรือถูกมองว่าเป็นผู้กำกับฯ ที่ทำงานแบบปิดทองหลังพระ แต่เขาก็เข้าใจในสิ่งที่ทำ และพอใจที่จะก้าวขึ้นมายืนในจุดนี้ได้ด้วยความสามารถของตัวเอง ในบุคลิกเงียบๆ ง่ายๆ... "เวลาทำงานผมไม่ได้คิดมาก ไม่คิดว่ามันจะดีไหม และไม่ได้คาดหวัง เดี๋ยวผลลัพธ์ออกมาก็รู้เอง ถ้ามีคนดูละครหรือเรตติ้งใช้ได้ก็โอเค. ที่ไม่คาดหวังเพราะเหมือนเราอยู่ตรงนี้มานานจนรู้ว่าต้องทำอะไรแล้วไง ไม่ได้เพิ่งมาทำ และถ้าเราไปตั้งความหวังหรือคาดหวังจะทำให้เราเครียด การทำงานก็จะเกร็ง เพราะเราเคยเห็นคนที่ตั้งใจทำงานมากๆ แต่พอเจอคนทักนิดหน่อยเสียเซลฟ์ไปเลย หรือจะมีอคติกับคนที่พูดเปล่าๆ การทำงานเรารู้ว่าละครเรื่องหนึ่งถ้าทำแล้วองค์ประกอบมันดีหมด บทละครดี ตัวละครดี มันได้อยู่แล้ว ส่วนเรามีหน้าที่กำกับฯ ก็ทำให้ดีที่สุด ไม่อยากให้เสียชื่อ เพราะชื่อของเราก็พอมีคนรู้จัก ที่ผ่านมาผมทำละครเรียกได้ว่าหลากหลายแนว ทั้งตลก ชีวิต ดราม่า และบู๊ ก็ชอบหมดทุกแนวที่ทำมา เพราะการได้ทำละครหลายแนวผมว่าทำให้เราไม่ตัน อย่างบางคนถ้าทำแต่แนวบู๊หรือแนวดราม่าตลอด ถามหน่อยจะตันไหม เหมือนผมถ้าให้ทำดราม่าตลอดก็คงตันเหมือนกันนะ แล้วการที่เราอยู่ตรงนี้มานานมันสามารถที่จะทำได้หมด อยู่ที่ว่าตรงนั้นเราได้ทำอะไร พอได้ทำก็ต้องทำให้ดีที่สุด อย่างพอมีบทละครมา เราก็ต้องดูและประชุมปรึกษากับทีมงานก่อน ถ้าไม่ดีเราเปลี่ยนได้ แต่เราก็ให้เกียรติคนเขียนบทนะ แต่อาจจะต้องมีตัดออกไปบ้าง โดยดูที่ความเหมาะสมมากกว่า ดูแล้วบทเหมาะสมไหม ถ้าไม่เหมาะสมก็เปลี่ยนให้เข้ากับเรื่อง หรือบางทีที่ต้องเปลี่ยนหรือต้องตัดทิ้งเพราะล่อแหลมมากไป เพราะละครไม่ใช่หนัง หนังคนต้องซื้อตั๋วเข้าไปดูในโรง แต่ละครมีคนดูไปทั่ว ยิ่งตอนนี้มีการจัดเรตติ้ง ซึ่งบางทีคนทำงานอย่างเราก็รู้สึกอึดอัดเหมือนกันนะ ถ้าเทียบกับของคนอื่น บางทีเคยเจอมาละครช่องอื่นตบกันโอ้โฮแบบว่า...แต่ของเรามีตบสองทีสามที เขาบอกให้ตบทีเดียวมันเป็นไปได้ไหม ก็ทำให้คนทำอึดอัด ของคนอื่นไม่ตัดแต่มาตัดของเรา ช่องอื่นใส่ไม่ยั้งเลยแถมใช้คำพูดมึงกูด้วย แต่อันนี้มึงกูไม่ได้ เขาจะเซ็นเซอร์ดูดเสียงเลย ทั้งที่ของเราก็ไม่ได้มีพร่ำเพรื่อ แต่มีบ้างไงตามเรื่องราว แต่โดนตัด เราก็ไม่รู้ทำไง ก็ทำไปแล้วคุณอยากตัดอยากดูดก็ดูดไป คือบางทีในละครคนดูกำลังสนุกก็ต้องให้เขาดูถึงใจหน่อย แต่ต้องมาทำแบบครึ่งๆ กลางๆ หรือโดนตัด คนดูก็กดรีโมตไปดูช่องอื่นแล้ว คือมีการจัดเรตติ้งมันก็ดีนะ แต่บางอย่างต้องดูด้วย แล้วเราไม่ได้ทำสารคดี ถ้าทำสารคดีก็ว่าไปอย่าง แต่นี่เป็นละคร ซึ่งเขาก็ต้องมีขึ้นหน้าจอทีวีอยู่แล้วในปัจจุบันว่าให้คนดูอายุเท่านี้ แล้วฉากตบตีถ้าจะบอกว่าเป็นความรุนแรงมันก็ไม่ใช่ เพราะในละครก็ต้องมีที่มาที่ไปมีเหตุมีผล ทำไมถึงต้องตบตีกัน แต่ถ้าทำแล้วโดนตัดออกไปเหมือนทำละครแล้วไม่สนุกคนก็ไม่อยากดู แต่ถ้ามีฉากเลิฟซีนเราจะระวังไม่ให้มันมีมากเกินไป เอาแค่พอดีๆ จะไม่ให้ออกมาล่อแหลมมากกว่า และจะไม่ให้นักแสดงจูบจริง เราจะไม่ค่อยทำ จะใช้มุมกล้องบังเอา ไม่ให้หวือหวามาก เพราะเราเป็นคนไทยเป็นเมืองพุทธ แล้วบางทีเด็กก็ดูละครด้วย ก็อย่าให้มีเยอะเกิน จะกลายเป็นยั่วยุอารมณ์ทางเพศเกินไป ถึงใครจะมองว่าละครสมัยนี้เขามีจูบจริงกันแล้ว แต่เราก็ไม่ ก็ยังใช้มุมกล้องเหมือนเดิม ถึงใครจะว่าเราเชยก็ไม่เป็นไร ดีกว่าทำออกไปแล้วถูกคนด่า แล้วด่าใครก็ด่าผู้กำกับฯ ไง ทำละครแบบนี้ออกมาได้ยังไง ทำละครไม่ดี ผู้กำกับฯ ห่วยแตก แต่พอละครออกมาดีคนกลับไปชมนักแสดงว่าเล่นดี หรือบางทีมาสัมภาษณ์ดาราก็จะชมกันเองว่าได้พระเอกคนนี้คอยแนะนำให้ ทำไมไม่เป็นผู้กำกับฯ แนะนำล่ะ แต่พอไม่ดีผู้กำกับฯ ถูกด่า ที่พูดอย่างนี้ไม่ได้รู้สึกน้อยใจนะ เพราะเราเห็นมาตลอดจนชินและไม่คิดอะไร ไม่เป็นไรถือว่าเรามีผลงาน คิดว่าเราทำงานเบื้องหลังไม่ใช่เบื้องหน้า มันเหมือนปิดทองหลังพระ ก็ไม่ได้อะไรก็ยอมรับ อย่างวงการละครในมุมมองของเรา ตอนนี้มองว่ามีการตลาดเข้ามาด้วย และบางทีก็ต้องทำตามกระแสด้วยว่าทำแบบนี้กระแสคนดูหรือไม่ดู หรือพระเอกคนไหนที่กำลังดังมีแฟนคลับเป็นกระแส สังเกตดูจะมีละครออกมาติดๆ กัน เพราะเขาก็ต้องขาย แล้วเราทำละครให้คนดูฟรีๆ เราต้องทำยังไงให้คนมาดูละครของเราให้ได้ เพราะถ้าเขาไม่ดูไปดูช่องอื่นเราก็เสียหาย เมื่อก่อนทำละครเราไม่เคยคิดเรื่องนี้เลย แต่ตอนนี้ต้องคิดด้วย เราต้องทำละครออกมาให้เขามาซื้อโฆษณาให้ได้ ถ้าโฆษณาเต็มถือว่าเราประสบความสำเร็จด้วยนะ แต่ถ้าเราทำไม่ดีเขาอาจจะให้คนอื่นทำก็ได้ เพราะตอนนี้ผู้จัดละครมีเยอะ การแข่งมันก็เลยเยอะ ละครก็มีมากขึ้น อย่าว่าต่างช่องต้องแข่งกันเลย แม้แต่ในช่องเดียวกันยังต้องแข่งกันเองเลย แต่เราไม่ได้คิดจะไปแข่งกับใคร แต่แข่งกับตัวเองมากกว่า ซึ่งบางทีก็รู้สึกเหนื่อยเหมือนกัน แต่ถ้าเราทำแล้วสนุกกับงานมันก็เพลินนะ อย่างวันไหนถ่ายละครได้ดั่งใจมีความสุข แต่พอมีปัญหาหรือมีอะไรมาขัด มันจะรู้สึกเหนื่อยไปเลย อย่างปัญหาในการทำงานที่เจอมันก็มีเยอะ แต่เราก็ต้องแก้กันไป ไม่อยากเอามาเป็นปัญหา เพราะทำงานมานานเจอมาตลอด ก็ต้องหาวิธีแก้ไขให้ไปได้ด้วยดี ปัญหาเรื่องสภาพดินฟ้าอากาศแปรปรวนถือว่าธรรมดาเป็นเรื่องสุดวิสัยจริงๆ แต่ที่ไม่ชอบเลยคือเรื่องของเวลา สมมตินักแสดงคนนี้บอกว่าสี่โมงเย็นเขาต้องไปแล้วนะ แล้วคุณมากันกี่โมงล่ะ แล้วกว่าคุณจะพร้อมทำงานคุณให้เวลาเรากี่ชั่วโมง แต่เราต้องทำงานตรงนั้นให้ออกมาให้ดีในเวลาที่จำกัด อันนี้ไม่ชอบเลยเหมือนมาบีบบังคับ แต่ถ้าไม่รีบจริงๆ ก็ไม่เป็นไรปล่อยเขาไปก่อนแล้วค่อยมาถ่ายวันอื่นก็ได้ แต่ถ้าต้องรีบละครจะต้องออกอากาศก็ต้องถ่ายให้เสร็จ ไม่เหมือนนักแสดงบางคนที่เป็นนักแสดงจริงๆ ที่รู้เขามาทำอะไร มาเล่นละครมาทำงาน ให้ทำอะไรก็ทำจนเรานึกชมอยู่ในใจ แต่บางคนมาเล่นละครเพื่อต้องการเอาหน้าตาไปโชว์ ซึ่งพอมาเล่นแล้วก็ไม่สมบทบาทไม่เต็มที่ หรือบางคนมาเพราะอยากดังอยากได้เงินแต่ไม่เต็มที่กับการทำงาน ให้เล่นอะไรนิดหน่อยก็บ่นว่า โอ๊ย...ไม่ไหวเหนื่อยแล้ว แบบนี้เราไม่ค่อยอยากจะร่วมงานด้วยเลยกับนักแสดงที่ไม่เต็มที่กับการทำงาน อย่างบางทีมีฉากให้ลงน้ำก็ไม่ยอมลง คือถ้ามันไม่จำเป็นต้องลงน้ำจริงๆ ก็ไม่เป็นไรไม่ถ่ายก็ได้ก็ตัดไป แต่ถ้ามันจำเป็นต้องลงเราก็ต้องไปคุยกับเขาว่าต้องลงนะ หรือถ้าคุณไม่อยากลงก็ต้องบอกเราก่อนล่วงหน้า ไม่ใช่มาบอกเอาวันที่จะถ่ายก็ไม่ได้ แต่ปัญหาแบบนี้เราเจอน้อยมาก แต่ถ้าเจอทำไง เราก็เป็นคนใจร้อนนะ แต่รู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่ ก็บอกเขาตรงๆ จะไม่ไปโวยวายหรืออารมณ์เสียใส่เขา ถามว่าเบื่อไหมก็ไม่เบื่อหรอก เพราะตอนนี้เราเป็นผู้กำกับฯ ก็ต้องทำหน้าที่ของเราไป แต่ต่อไปถ้าเรารู้สึกเบื่อ ไม่ได้หมายถึงเบื่อปัญหาหรอกนะ แต่เบื่อหรือคิดว่าอิ่มตัวกับการทำงานแล้ว ก็คงจะไปเป็นผู้จัดฯ ขอดาราวิดีโอเปิดบริษัทลูกทำละคร เพราะเป็นผู้กำกับฯ จนเบื่อแล้วจะเป็นอะไรได้อีกล่ะนอกจากเป็นผู้จัดฯ เพราะมาทางด้านนี้ ทำตรงนี้มานานแล้ว แต่เราจะเป็นลูกจ้างเขาไปตลอดชีวิตเลยหรือ ถ้ามีโอกาสเข้ามาก็ต้องไขว่คว้าไว้ แต่ตอนนี้เรายังไม่รู้สึกเบื่อหรืออิ่มกับงานกำกับละคร ก็คงต้องทำต่อไปเรื่อยๆ และคงปักหลักอยู่กับดาราวิดีโอนี่แหละ เพราะเราก็ทำงานกับเขามานาน โดยที่เขาก็ดูแลเราดีและให้อิสระ เหมือนเป็นครอบครัวที่อยู่กันมานานจนเป็นพี่เป็นน้องกันไปแล้ว และที่ดาราวิดีโอก็เป็นเหมือนโรงเรียนที่สอนและให้โอกาสเราทำงานจนมาถึงวันนี้ ก็รู้สึกภูมิใจนะที่เราทำมาได้ถึงขนาดนี้ มีคนรู้จักเราแม้จะไม่ค่อยรู้จักหน้าตาของเรา เพราะเราไม่ค่อยได้ออกสื่อ แต่ก็ยังมีคนคอยติดตามผลงานของเราก็ดีใจนะ ถึงเราจะไม่ได้เรียนมาทางด้านนี้โดยตรง และการจะขึ้นมาเป็นผู้กำกับฯ สมัยนี้ก็ไม่ได้เป็นกันง่ายๆ แต่ถ้าเราคิดว่าจะมาทำก็ต้องมีใจรัก ต้องตั้งใจต้องศึกษาและต้องเข้าใจในสิ่งที่เราจะทำ เพราะถ้าทำอะไรแล้วเราเข้าใจทุกอย่างสามารถทำได้หมด ถ้าเราเข้าใจว่ากำลังทำอะไรอยู่มันก็จะทำให้เราประสบความสำเร็จได้ในวันหนึ่ง" |