ภาพยนตร์บันเทิง

Guest Talk

 
รุ่งโรจน์ อุปถัมภ์โพธิวัฒน์ หัวเรือใหญ่ค่าย 'อินดี้' เบอร์ 1 ของวงการเพลง 'Smallroom'


        "Smallroom" ค่ายเพลงอินดี้ ที่เกิดจากการรวมตัวของคนที่มีใจรักทางดนตรี โดยเริ่มจากการทำเพลงโฆษณา จากนั้นขยับมาทำงานเพลง จนมีศิลปินมากมายที่มีชื่อ อาทิ วงเสลอ, ริชแมนทอยส์, แทททู คัลเลอร์, ญารินดา, เลมอนซุป โดยมีแนวเพลงที่หลากหลาย  มีเอกลักษณ์โดดเด่นไม่เหมือนใคร และมีสไตล์ของตัวเอง
    จนถึงวันนี้ 10 ปี บนเส้นทางดนตรี  ค่ายเพลงเล็กๆ อย่าง สมอลล์รูม ก็ประสบความสำเร็จ กลายเป็นที่รู้จักกว้างขวางมากขึ้น ภายใต้การบริหารของหัวเรือใหญ่แห่งสมอลล์รูมอย่าง รุ่งโรจน์ อุปถัมภ์โพธิวัฒน์

"หลายคนอาจจะมองว่าทุกวันนี้สมอลล์รูมประสบความสำเร็จ ซึ่งผมไม่เถียง เวลาไปเล่นคอนเสิร์ต ผมชอบถามน้องๆ ว่ารู้จักสมอลล์รูมไหม ส่วนใหญ่เป็นที่รู้จักกันแล้ว เป็นที่รู้จักไปตั้งแต่มัธยมต้นจนถึงมหาวิทยาลัย  คือมันครอบคลุมแล้วล่ะ แต่กว่าจะถึงวันนี้เราก็มีการลองผิดลองถูกกันมาก่อน 5 ปีแรก คิดว่าเป็นอะไรที่เราคลำทางอยู่ จริงๆ แล้วถ้าจะวัดกันมันคือ 2 ปีนี้เองที่คนรู้จักสมอลล์รูมมากขึ้น
แล้วสมอลล์รูมทุกวันนี้ผมรู้สึกว่ามันเป็นโมเดลลิ่งทางดนตรี คือผมโชคดีที่ศิลปินในค่ายตอนนี้มันดูแลตัวเองได้ดีและมันดูดี แต่กว่าที่เราจะได้เด็กที่หน้าตาดีหรือเป็นดาราหนังได้แล้วรสนิยมการฟังเพลงมันดี ต้องมีประวัติศาสตร์ของสมอลล์รูมที่ดีเขาถึงเลือกจะมาหาเรา ทุกวันนี้ผมคิดว่าผมโชคดีแล้ว คือการขยันหรือการบากบั่นมันสัมฤทธิผล

อย่างวงเสลอก็เลือกที่จะมาอยู่ที่นี่ หรือ ญารินดา ผมก็รู้สึกดีแต่ก็ทำให้ผมรู้สึกกดดัน เพราะอยากทำให้ญารินดาโอเค.กับสมอลล์รูม หรือเมื่อเร็วๆ นี้ก็มีวงจากเชียงใหม่มาที่สมอลล์รูมเพราะเป็นค่ายในฝันของเขา ถามว่าหน่วยก้านดีไหม ก็ดี ผมถึงบอกว่ามันเป็นโมเดลลิ่งทางดนตรี ซึ่งผมก็ขอบคุณทุกวงที่มา"

เพราะศิลปินไปเล่นหนังเล่นละครด้วยหรือเปล่าเลยดัง อย่าง เป้ อารักษ์ หรือ วงแทททู คัลเลอร์
    "ส่วนหนึ่งเกี่ยวนะ เราพูดตรงๆ เมื่อก่อนนี้มีหนังติดต่อให้อาร์มแชร์เล่นแต่อาร์มแชร์ไม่เล่น ทุกวันนี้พอผมได้คุยกับเด็กรุ่นใหม่มันคนละเรื่องกันเลย เราต้องแยกให้เข้าใจนิดนึง ตอนแรก เป้ (อารักษ์ อมรศุภสิริ) ก็กลัวกับการเล่นละคร แต่พอได้คุยกับ พี่นิด (อรพรรณ วัชรพล) เข้าใจเรื่องบทเข้าใจเรื่องการผลิต โดยส่วนตัวผมคิดว่าช่วงแรกๆ ผมก็ตื่นเต้นที่เป้ได้เล่นละคร ผมถามเป้เคยเอาเพลงให้ที่กองละครฟังไหม แค่นี้ผมก็ดีใจแล้ว ถ้ากองละครได้ฟังเพลงของวงเสลอแล้วจะชอบหรือไม่ชอบผมก็ดีใจ"
 
มาตรฐานในการเลือกศิลปินเข้าสังกัด
    "ก็ต้องฟังเพลง ต้องพูดคุย และต้องดูจุดประสงค์ว่าเขามาทำเพื่ออะไร เขาคาดหวังอะไรแค่ไหน ถ้าได้คุยแล้วผมจะรู้ทัศนคติทางดนตรีของเขาได้ เช่น ในวงเขารักกันไหม ผมไม่ค่อยโอเค.กับวงที่ไม่รักกัน ถ้าสมาชิกในวงรักกันมันก็ง่ายขึ้น คือผมค่อนข้างดูละเอียดมาก
ผมดีใจนะที่เด็กไทยทำวงดนตรีกันมากขึ้น แต่ผมก็คิดเสมอว่าผมจะโอบอุ้มทุกวงได้หรือ เพราะผมไม่ได้มีเงินถุงเงินถัง อันนี้ผมพูดอย่างเปิดอกเลยนะ ผมไม่สามารถ บางวงยังเหนียวแน่นกันก็จะคุยกันตลอดเข้ามาเสนอได้ตลอด บางวงมีพัฒนาการชัดเจนก็อาจจะแพลนปีหน้าได้ออกแล้วนะ หรือบางวงทนพิษบาดแผลไม่ไหวก็แยกย้ายไป นี่คือความจริง"

คิดจะคุมกำเนิดศิลปินในค่ายหรือเปล่า
    "ตอนนี้ศิลปินในสมอลล์รูมมีประมาณ 48-50 วง โดยที่ไม่มีการเซ็นสัญญา เพราะกระดาษไม่มีผลครับ แต่วงที่เป็นอัลบั้มเต็มผมจะเซ็นก็มีประมาณ 12-15 วง แต่ถ้าวงที่ทำทีละเพลงสองเพลงถ้ายังไม่มีแพลนอยากทำอัลบั้มเต็มก็ไม่เซ็น ก็ถือว่าเยอะนะ
ตอนที่ผมรับ เดอะริชแมนทอยส์ เข้ามาผมบอกเลยว่าผมปิดคอกไม่รับแล้วนะไม่อยากปวดหัว แต่พอเจอวงซี้ดผมก็ไม่ได้อีกแหละ คือผมไม่ได้เจาะจงว่าวงหนึ่งจะต้องออกกี่ชุด โดยธรรมชาติของพวกเขาจะรู้ได้เองว่าทำปีหนึ่งแล้วหยุดไปปีหนึ่งเป็นอย่างนั้น โดยที่ไม่เคยคิดหรือมาบอกเขาไม่ให้ทำ ผมไม่เคยมีไอเดียนี้เลย ให้เขาทำไปเรื่อยๆ ไม่ใช่ทำชุดสองชุดไม่เวิร์กไม่ต้องทำต่อนะ เพราะวงการเพลงต้องมองกันยาวๆ ไม่ใช่หรือ"

ทำงานเพลงโดยไม่ได้มองเรื่องการขายเป็นหลัก
    "ไม่เลย เรื่องหนึ่งที่เราเคยบอกวงในสมอลล์รูมไม่ควรซ้ำแนวกันเอง มันไม่สนุก เพราะผมทำเองทุกชุดอยู่แล้วผมเกี่ยวข้องกับโปรดักชั่นทุกชุด เพราะผมชอบคิดชอบทำอะไรใหม่ๆ ผมดูหมดเลยนะ คือแต่ละวงจะมีโจทย์ของเขาอยู่ อย่าง แทททู คัลเลอร์ โครงสร้างของเนื้อร้องและทำนองเขาป๊อบอยู่แล้ว สิ่งที่เขาขาดอยู่คืออะเรนจ์ดนตรี ผมก็จะไปเน้นด้านนั้น
หรือวงเสลอพูดไม่เคยรู้เรื่อง เพลงมันพูดอะไรวะ เราเคยด่ากันแล้ว จนมาชุด 2 มันยังแรงขึ้นอีก มันบอกผมขอทำแบบที่ผมชอบ อ้าว...ชุดแรกยังไม่ชอบอีกเหรอ พอมาชุด 3 เราบอกไม่ได้แล้วชุดนี้ต้องรู้เรื่อง ก็แล้วแต่วง แต่ผมก็ไม่ได้บอกว่าผมเพอร์เฟกต์นะ อาจเป็นไปได้ที่ผมอาจจะคาดการณ์ผิด แบบที่เด็กทำมาอาจจะดีอยู่แล้วแต่พอผมไปฟิกซ์เลยทำให้ไม่สนุกอาจจะเป็นไปได้"

ไม่นิยมทำซิงเกิล
    "ผมไม่เห็นด้วยกับการทำซิงเกิ้ล เพราะผมเป็นคนซื้อแผ่นเมืองนอกที่มาเป็นอัลบั้มเต็ม ผมก็ยังบิลด์ให้เด็กทุกวงออกเป็นอัลบั้มเต็ม เรื่องที่สองผมไม่ชอบวงเดียวแล้วหายไป เพราะระบบไม่ดี แต่ทุกวันนี้รากฐานของสมอลล์รูมมันวางรากฐานให้เพื่อให้วงเหล่านี้อาจจะประสบความสำเร็จในชุดที่ 3 หรือ 5 ก็ได้ผมไม่ซีเรียส ก่อนหน้านี้เคยมีคนบอกชุดที่ 2 คืออาถรรพณ์ แต่เดอะริชแมนทอยส์กับแทททู คัลเลอร์ ไม่ใช่"

คนมองสมอลล์รูมเป็นค่ายเพลงอินดี้เบอร์หนึ่งของวงการเพลง
     "ก็ภูมิใจครับ แต่ผมว่ามันจับพลัดจับผลูจนมันเป็นค่ายหนึ่งในประเทศนี้ มันคงเป็นด้วยรูปแบบของบริษัทที่ผ่านมาทั้งหมดแหละ ทั้งผลงานหรือทุกอย่างสะท้อนหมด"

เป็นค่ายเพลงอินดี้ที่อยู่ได้นานในขณะที่ค่ายอื่นเลิกหรือเจ๊งไปหมดแล้ว
    "เพราะผมบ้าพลังมั้ง แล้วผมเป็น แกน (เจ้าของ) และเป็นโปรดักชั่นด้วยไง คือจริงๆ คนที่จะเป็นแกนและเป็นโปรดักชั่นในค่ายเพลงไทยน้อยนะ แต่การเป็นแกนของผมครอบคลุมมากกว่าแกนของที่อื่นนะ แกนของผมสามารถคุยได้ทุกเรื่องว่าเด็กมีปัญหาเรื่องอะไร ผมคุยเรื่องการวางแผน กลยุทธ์ เรื่องตลาด เรื่องวงการเพลงโลก นั่นคือผมเป็นแกน แล้วผมดันเป็นโปรดักชั่นด้วยซึ่งผมว่าเป็นเรื่องที่ดี
    ผมเชื่อว่าวงการเพลงเกิดจากนั่งคุยกันของคนกลุ่มหนึ่งแล้วเกิดไอเดียเจ๋งๆ ขึ้นมา ดีกว่าอยู่ในห้องผู้บริหารแล้วนัดเด็กมาส่งงาน แล้วผมชอบคุยกับคน ผมว่างานครีเอทีฟอยู่คนเดียวไม่สนุก แต่ถ้าอยู่กันเป็นกลุ่มสนุก แล้วผมจะมีกฎของผมคือสงสัยให้ถาม ผมว่าการที่ค่ายเพลงที่อยู่ไม่นานเป็นเพราะเด็กไม่ถามหรือไม่คุย ซึ่งผมว่าเป็นเรื่องสำคัญนะ"
   

งานเพลงในปีนี้ที่แพลนไว้
    "เราวางแพลนจะมีอัลบั้มออก 6 อัลบั้ม ปีที่แล้วออก 7 และตอนต้นปี 2009  เคยมีคนทักผมว่าเศรษฐกิจเผาจริง ผมบอกว่าดี ถ้าเกิดเผาจริงแล้วทุกคนหลบกันหมดผมจะเปิดแหลก ซึ่งผมรู้อยู่แล้วว่าทุกคนหลบหมด แต่ผมเชื่อว่าเศรษฐกิจกับวงการเพลงไม่เกี่ยวกัน แล้วตลาดผมก็กว้างขึ้นโดยผมมองจากโปรดักชั่นต่างๆ ที่เข้ามาที่สมอลล์รูมมันเยอะมากและกว้างขึ้นมาก ณ วันนี้โอเค.เราประสบความสำเร็จมาก เคยมีคนถามผมว่าประสบความสำเร็จที่สุดของผมคืออะไร คือการที่ผมสามารถจ่ายโบนัสให้พนักงาน 12 เดือนได้ เพราะผมเคยได้ยินว่าที่อื่นจ่ายไง แต่นี่ผมยังไม่สามารถจ่ายได้ แต่ถ้าไม่ได้ถึง 12 เดือน เอา 6 เดือนก็ได้"

 
มองตลาดเพลงบ้านเรายังไง
    "ไม่มองไม่สน หมายถึงมองอะไรถ้ามองการค้าขาย ผมไม่รู้สึกอะไรเพราะด้วยแนวเพลงหรือด้วยทิศทางเราไม่ซ้ำใคร ฉะนั้นการค้าขายก็ไม่เกี่ยว เพราะจุดแข็งของเราอยู่ตรงที่ด้วยความที่เราไม่เหมือนใคร ไมซ้ำใคร และตัวศิลปินของเราค่อนข้างชัดเจน แต่ถ้ามองในวงการเพลงด้วยกันว่ามีความเคลื่อนไหวอะไรมั้ย ผมยังอ่านอยู่ เพราะผมรู้มาว่า ปี 2009 ทุกคนกลัวเผาจริงเลยหยุดหมด"


เรื่องของการแข่งขัน
    "ผมไม่ได้สนใจ เพราะผมก็สนุกกับการทำงานอยู่ แล้วโจทย์ของผมมันเปลี่ยนไปเรื่อยๆ แต่ถามว่าเราศึกษามั้ย ในแง่วงการเพลงด้วยกันเราศึกษาว่าอะไรกำลังจะเกิด อะไรกำลังจะเคลื่อนไหว แต่ของเราเองเรามีวิธีคิดของเราอยู่ เพราะฉะนั้นมันเลยแตกต่าง แล้วตอนนี้บริษัทมันก็อยู่ได้ แต่ถามว่าอยู่ได้ดีไหมผมไม่รู้ แต่ผมพยายามทำทุกวันนี้ให้ดีที่สุดต่อไป ซึ่งผมก็ขอบคุณทุกคนมาก ไม่ว่าจะเป็นงานที่ผ่านมาหรือวงดนตรีที่ผ่านมาตั้งแต่ต้นจนถึงวันนี้"


:: อ่านต่อในฉบับ ::

:: กลับไปหน้าหลัก ::