ภาพยนตร์บันเทิง

Guest Talk

 
นักแสดงสู่คนข่าวมืออาชีพ 'อริสรา กำธรเจริญ'


จากสาวแพรวปี 2539 ก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงโดยเริ่มจากงานแสดงละคร อาทิ "ฟ้าสางที่กลางดง", "สลักจิต", "เจ้ากรรมนายเวร", "ชาติมังกร" ฯลฯ จากนั้น "หมวย" อริศรา กำธรเจริญ ก็ขยับมาทำงานข่าว เป็นผู้ประกาศข่าวให้กับช่อง 11 และพอช่อง 3 จะทำการบุกเบิกข่าวภาคดึก หมวยก็ถูกดึงมาร่วมงานด้วย ในรายการ "ข่าววันใหม่" ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 00.30-02.00 น.

นอกจากนี้ยังมีรายการข่าวช่องทรูวิชั่นคือ "ข่าวเย็นประเด็นร้อน" ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 18.00-19.00 น. และ "ข่าวค่ำย้ำข่าว" เวลา 21.00-22.00 น. ซึ่งพอหมวยหันมาทำงานข่าวแล้วก็ไม่ได้กลับไปทำงานแสดงอีกเลย ทั้งที่มีติดต่อมาตลอด

"ก็ต้องขอบคุณทุกคนที่ติดต่อมา งานแสดงหมวยก็ชอบนะแต่ที่ไม่มีโอกาสกลับไปเล่นละครเพราะเวลาไม่ได้ด้วย ตั้งแต่ตอนที่หมวยมาเรียนต่อปริญญาโท คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน เอกบริหารการสื่อสาร ก็ทำให้เล่นละครน้อยลง ก็เลยมาอ่านข่าวที่ช่อง 11 แต่พอเรียนต่อปริญญาเอก คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน เอกสื่อสารการเมือง ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ยิ่งไม่มีเวลาเลยต้องหยุดงานอ่านข่าวไป กระทั่งเรียนปริญญาเอกจบถึงได้มาทำงานข่าวที่ช่อง 3"

ขอย้อนกลับไปตอนที่มาอ่านข่าวช่วงแรกๆเป็นยังไงบ้าง
"ถึงเราจะเป็นคนชอบดูข่าวอยู่แล้ว แต่พอได้มาอ่านข่าวที่ช่อง 11 ก็ยาก เพราะเราไม่ค่อยรู้จักแหล่งข่าวมาก และยังไม่ชิน เราเคยทำงานสัมภาษณ์มาแต่จะให้สัมภาษณ์เรื่องข่าวเราไม่เคยมีประสบการณ์ แล้วมันต้องสัมภาษณ์ในช่วงเวลาสั้นๆ อย่างมีการโฟนอินเข้าสาย เรามีเวลาแค่ 5 นาที 7 นาทีเอง แล้วเป็นรายการสดด้วย แต่ก็เป็นบทเรียนที่ดีเป็นการฝึกที่ดี

ถามว่าตอนแรกที่มาทำเครียดไหม เครียดนะ เพราะเราก็ยังไม่ค่อยรู้จักอะไรมากมาย แล้วตัวอักษรย่อในวงการข่าวก็เยอะมากเลย เช่น กกต. กปช. สปง. ฯลฯ เราก็ต้องเอามาดูตั้งแต่โครงสร้างของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผบ.ตร., ผู้ช่วย ผบ.ตร. มีอะไรบ้าง ถือเป็นการเรียนรู้ที่ดี และทำให้เราจากวันแรกที่เริ่มทำงานมาจนถึงวันนี้ อาชีพการอ่านข่าวก็เป็นอาชีพที่มีรายได้เลี้ยงเราได้"

เป็นผู้ประกาศข่าวที่ค่อนข้างสุภาพและมีสไตล์เป็นของตัวเอง
"ก็เป็นตัวเรา จริงๆแล้วหมวยไม่ใช่คนที่ก้าวร้าวหรือคนที่จะแบบขึงขัง เพราะฉะนั้นหมวยก็จะนำเสนอไปด้วยวิธีการของหมวย ซึ่งบางคนอาจจะชอบหรือไม่ชอบก็แล้วแต่  แต่อย่างน้อยหมวยก็จริงใจ เพราะหมวยเป็นแบบนี้หมวยก็ทำงานของหมวยออกมาแบบนี้ ก็ไม่ได้ฝืน เราไม่ได้คาดคั้นมากหรือต้องให้ดูจริงจังซึ่งมันอาจจะผิดไปจากบุคลิกของนักข่าวหรือเปล่า หมวยก็ไม่แน่ใจ แต่หมวยก็โอเค.พอใจในแนวทางของเรา เพราะหน้าที่ของเราคือการนำเสนอข้อเท็จจริง นอกเหนือจากนั้นขึ้นอยู่กับการตัดสินใจและวิจารณญาณของผู้ชม"

ส่วนใหญ่จะได้อ่านข่าวทั่วไปคือ เศรษฐกิจ การเมือง สังคม แต่ถ้าถามความชอบส่วนตัวชอบอ่านข่าวแบบไหนมากที่สุด
"จริงๆ หมวยได้หมดนะ มันก็สนุกดี การเมืองบ้านเราก็สนุกดี แล้วหมวยเรียนการเมืองด้านสื่อสารด้วย ก็สนุกโดยเฉพาะช่วงหาเสียง แต่ก็มีบางเรื่องที่เข้าใจยากหรือถ้าไม่เข้าใจหมวยก็จะไปถามเลยกับทางผู้สื่อข่าว เพราะหมวยไม่ได้มีประสบการณ์เป็นผู้สื่อข่าวภาคสนามมาก่อน ถ้าเกิดสงสัยหรือไม่รู้หมวยก็ไปคุยกับ บ.ก. ให้พี่เขาช่วยอธิบาย

หมวยว่างานที่หมวยทำทุกวันนี้โอเค.แล้ว สนุกและมีความหลากหลายทั้งการเมือง เศรษฐกิจและสังคม เพราะหมวยคิดว่าทุกอย่างมันเกี่ยวเนื่องกันอยู่แล้ว อย่างตอนนี้การเมืองกับเศรษฐกิจก็มาเกี่ยวข้องกัน และการที่เราต้องติดตามข่าวทำให้เราต้องเป็นคนสมัยใหม่ตลอดเวลา เพราะอยู่กับข่าวสาร เวลาไปเที่ยวต่างจังหวัดหรือวันหยุดเราก็อดไม่ได้ที่จะเปิดทีวีแล้วก็ดูรายการข่าวมันมีอะไรเปลี่ยนแปลงหรือคืบหน้าไปบ้าง"

อ่านข่าวช่วงดึกมาตลอด คิดจะเปลี่ยนไปอ่านข่าวช่วงเช้าหรือเย็นบ้างไหม
"เพราะว่างานที่ช่อง 3 ที่หมวยทำอยู่ก่อนเป็นงานช่วงดึก เที่ยงคืนครึ่งถึงตี 2 พอมาทำงานที่ทรูเราเลยขอช่วงเย็นจะได้ต่อเนื่อง หมวยก็โอเค.นะ ชีวิตหมวยก็เริ่มต้นงานที่เป็นงานประจำ แล้วตอนกลางคืนเวลาที่เราไปทำงานก็ไม่ต้องเผชิญกับรถติดมาก กีมีข้อดีเหมือนกัน ส่วนตอนกลางวันมีบันทึกรายการด้วย ที่ทำอยู่ตอนนี้มีรายการ "คนไทยหัวกระทิ" ช่อง 5 "ลีฟวิ่ง มันตรา" ช่อง 5 และ "ครอบครัวเดียวกัน" ทางทีวีไทย และ "ทำเสน่ห์" ช่อง 9"

อยากมีรายการของตัวเอง
"อยากมีรายการของตัวเองเหมือนกัน เพราะเป็นสิ่งที่เราถนัดและเราก็ทำงานตรงนี้มาพอสมควร อยากทำรายการเล็กๆ ที่ดูแล้วยิ้ม เป็นรายการเด็กหรือรายการที่นำเสนอเรื่องดีๆ สร้างบรรยากาศที่ดีๆในสังคมไทย เป็นรายการเบาๆ สบายๆ ดูง่ายๆ แต่ตอนนี้คงยังไม่ทำ ไม่พร้อมจะเป็นเจ้าของรายการ แต่ถามว่าเคยคิดมั้ยโอเค.เคย ถ้ามีรายการของเราเองเราอยากนำเสนอเนื้อหาที่อยากให้เป็น แต่ตอนนี้หมวยมีความสุขกับการเป็นมือปืนรับจ้างมากกว่า เราสนุกกับงานที่ทำอยู่"

ความฝันตอนเด็กอยากเป็นอาจารย์
"ตอนเด็กหมวยอยากเป็นครู คิดว่าถ้าวันหนึ่งคืองานสื่อสารมวลชนมันเปลี่ยนแปลงเร็ว และต้องยอมรับว่ามันเป็นงานที่ไม่แน่นอนใช่มั้ยคะ แต่วันนี้เรายังสนุกกับงานบันเทิงอยู่และอยากเก็บเกี่ยวประสบการณ์ ตราบใดที่เรามีความสุขก็จะทำต่อไป แต่วันหนึ่งถ้าเกิดงานตรงนี้มันไม่ท้าทายแล้วเราจะไปทำอะไรต่อไป ก็วางแผนเอาไว้คร่าวๆ ว่าเราน่าจะใช้ประสบการณ์จากงานสื่อสารมวลชนไปสอนหนังสือไปสร้างนักนิเทศศาสตร์ นักวารสารศาสตร์รุ่นใหม่ๆ ขึ้นมาได้  พอเราคิดได้อย่างนี้ก็เลยไปเรียนปริญญาเอกเพราะถ้าเราจะเป็นอาจารย์แค่ปริญญาโทคงไม่พอ"

มีคนติดต่อให้เป็นอาจารย์สอนประจำ
"ตอนนี้เราก็มีสอนบ้างแต่ไม่ได้เป็นอาจารย์ประจำ เป็นอาจารย์พิเศษ สอนที่เกษมบัณฑิตปริญญาโท บริหารงานสื่อสารมวลชน ก็โอเค.สอนหนังสือก็สนุกและทำให้เราต้องเป็นคนรุ่นใหม่ตลอดเวลาเพราะเราต้องเจอเด็กๆ แต่ก็มีเหมือนกันที่ติดต่อให้เป็นอาจารย์ประจำ มีมหาวิทยาลัยที่ดังๆติดต่อมาแต่เราไม่มีเวลาที่จะไปสอน เพราะด้วยเวลาที่จำกัด บางทีก็เสียดายเหมือนกัน"

ชีวิตครอบครัวหลังจากแต่งงานมาก็หลายปีแต่ก็ยังไม่มีลูก
"ก็เข้าปีที่ 8 แล้วค่ะ แต่ยังไม่มีลูกเลย คือช่วงที่หมวยเรียนก็ไม่อยากมีเพราะเรียนหนักมาก  พอเรียนจบก็ทำงานและมีความสุขกับงานที่ทำ คือหมวยก็ไม่ได้คุมอะไร ถ้ามีก็มี ในขณะที่สามีก็อยากมีแต่เขาก็เห็นเราก็มีความสุขกับสิ่งที่ทำ สำหรับหมวยมีก็ได้ไม่มีก็ได้"

แล้วชีวิตครอบครัวจะสมบูรณ์หรือ
"ก็คนละบรรยากาศก็แล้วแต่ แต่เห็นคนที่มีลูกบอกว่าถ้ามีลูกจะทำให้ครอบครัวสมบูรณ์ขึ้น แต่หมวยว่าสองคนก็อยู่กันอย่างมีความสุขได้ ก็ดูแลกันไปใส่ใจรายละเอียดของกันและกัน แต่โอเค.มีลูกก็มีความสุขอีกแบบหนึ่ง แต่หมวยก็ไม่รู้เพราะยังไม่มีลูก"

ตั้งเป้าจะปลดระวางจากงานพิธีกรและผู้ประกาศข่าวเมื่อไหร่
"บอกไม่ได้เหมือนกันเพราะไม่ได้ตั้งเป้าเอาไว้เลย จนถึงวันนี้หมวยทำงานมาก็ 15-16 ปีแล้ว ก็สนุกดี มีความสุขกับงานที่เราทำ งานในวงการโทรทัศน์เป็นงานที่ชอบเพราะหมวยเลือกเรียนด้านสื่อสารมวลชน ทั้งปริญญาตรี โท และเอก  รู้สึกว่างานในวงการทีวีสนุก และพอได้มาอยู่ก็ชอบนะ ชอบธุรกิจสื่อสารมวลชนโดยเฉพาะทีวีหมวยก็อยากจะเป็นฟันเฟืองตัวหนึ่งที่ทำให้อุตสาหกรรมนี้พัฒนาต่อไป  ทุกวันนี้หมวยมีความสุขกับงานที่ทำ หมวยทำงานอย่างมีความสุขและทำด้วยความตั้งใจและจริงใจ หมวยก็อยากจะมอบสิ่งนี้ให้กับคนดู"

ข้อแนะนำสำหรับน้องๆ
"สำหรับน้องๆ ที่อยากก้าวเข้ามาทำงานตรงนี้ ถ้าอยากจะอยู่ในทีวีอยู่ในธุรกิจนี้เราก็ต้องหาช่องเข้ามาให้ได้ บางคนอยากเป็นนักข่าวอยากเป็นผู้ประกาศข่าว แต่ไปเลือกทำงานในองค์กรที่ไม่ได้เกี่ยวกับสื่อสารมวลชน โอกาสที่มันจะมาก็ยาก เพราะฉะนั้นถ้าอยากจะอยู่ในธุรกิจนี้ โอเค.อาจจะต้องเลือกฝึกงาน อยากเป็นนักข่าวก็ไปสายนักหนังสือพิมพ์ ไปสายทีวีวิทยุก็เข้าไปฝึก อยากเป็นพิธีกรคุณก็ต้องฝึกพูดให้ชัดถ้อยชัดคำ  ต้องให้โอกาสกับตัวเองและต้องสร้างศักยภาพให้กับตัวเองด้วย"


:: อ่านต่อในฉบับ ::

:: กลับไปหน้าหลัก ::