ภาพยนตร์บันเทิง

Family Talk

 
‘เจค’ ศตวรรษ ดุลยวิจิตร จากเพลย์บอย สู่แฟมิลี่แมน

โลดแล่นอยู่บนถนนบันเทิงมานานกว่า 20 ปี เริ่มต้นจากการเป็นนายแบบ จนก้าวเข้าสู่วงการละครและกลายเป็นพระเอกฮอตฮิตในยุคหนึ่ง แม้จะได้รับฉายาว่าเป็น “พระเอกร้อยเทค” แต่ “เจค” ศตวรรษ ดุลยวิจิตร ก็มีงานแสดงต่อเนื่อง จนเมื่อเขาได้รับบทบาทเป็น เจ้าฟ้าเอกทัศน์ ในละครเรื่อง “ฟ้าใหม่” เจคก็ได้รับการกล่าวขานว่าแสดงได้ดีสมบทบาทจนลบฉายาพระเอกร้อยเทคไปได้ จากนั้นเจคก็จะได้รับบทเป็นตัวร้าย ตัวรอง หรือตัวพ่อมาจนถึงทุกวันนี้ ผลงานละครล่าสุดของเขาในตอนนี้ที่กำลังถ่ายทำ มี “ลูกไม้หลากสี”, “แผนรักแผนร้าย”, “ร้อยเล่ห์เสน่ห์ลวง” และ “เจ้าหญิงแตงอ่อน”

ในเรื่องชีวิตส่วนตัว เจคเคยใช้ชีวิตคู่กับนางแบบและดารา “แอน” กัญญารัตน์ บ่อสันเที๊ยะ จนมีลูกชายหญิงด้วยกัน 2 คน แต่ต่อมาได้เลิกรากัน เจคก็ใช้ชีวิตหนุ่มโสดมาเรื่อย ไม่คิดว่าจะลงหลักปักฐานกับสาวคนไหนเป็นเรื่องเป็นราวหรือคิดจะมีครอบครัวใหม่ กระทั่งได้มาเจอสาวนอกวงการที่ชื่อว่า “น้องทราย” โรสณานี เศรษฐสิริน ทำให้เขาคิดอยากจะเริ่มต้นใช้ชีวิตครอบครัวกับผู้หญิงคนนี้ และยอมลดพฤติกรรมความเจ้าชู้ของตัวเอง ยิ่งพอมีลูกสาวคือน้อง “ไทย่าฟอง” ด.ญ.โรสมัสสิริน อายุ 9 เดือน เจคก็ยอมถอดเขี้ยวเล็บความเป็นหนุ่มหนุ่มเพลย์บอยกลายเป็นแฟมิลี่แมนเต็มตัว วันนี้เราจะมาคุยถึงชีวิตครอบครัวที่เขาบอกว่าลงตัวและมีความสุขมาก

จุดเริ่มต้นความรักครั้งนี้จนทำให้กลายเป็นครอบครัว
เจค
: ทรายเป็นเพื่อนของเพื่อนผม ตอนแรกที่เจอก็ไม่ได้คิดอะไรแต่ก็คุยกัน พอคุยไปคุยมาก็เป็นเพื่อนกันไปก่อน เพราะช่วงนั้นผมไม่มีใครด้วยไง อยู่คนเดียวด้วยเลยเหงา จากเพื่อนก็เลยมาเป็นแฟนเพราะเขาก็อยู่คนเดียวไม่มีใครด้วยเหมือนกัน ก็ไม่รู้เหมือนกันมันเริ่มตอนไหน รู้แต่ว่ามันค่อยๆ ซึมไปเรื่อยๆ แล้วทรายเข้ากับผมเข้ากับเพื่อนผมได้ เข้ากับญาติพี่น้องของผมได้ เขาเป็นผู้หญิงที่ไม่เรื่องมากและสปอร์ตด้วย

ทราย : ตอนนั้นหนูก็รู้ว่าเขาเป็นดารานะ แต่หนูมองผ่านไม่ได้สนใจ และเหมือนเรามีกรอบด้วย เขาจะมาส่งที่บ้านเราก็ไม่ให้มาส่ง เพราะฉายาความเจ้าชู้ของเขาด้วยซึ่งก็มีคนเตือนเยอะ แต่พอเราได้คุยกับเขาเรื่อยๆ ทำให้รู้ว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนที่จิตใจข้างในดีมากและใจดี ไม่ได้เป็นเหมือนที่คนพูดกัน ถึงเขาจะเจ้าชู้ แต่ถ้าเขามีใครก็จะคบทีละคน พอคุยกันไปได้สักพักพี่เจคก็ขอเป็นแฟน หนูก็ไม่ได้ตอบปฏิเสธและไม่ได้ตอบรับ จนผ่านไปเรื่อยๆ เขาก็พิสูจน์ตัวเองให้เราเห็นว่าเขาจริงใจกับเรา และเขาดูเป็นคนรักครอบครัว รักแม่ ทุกครั้งที่เขาเจอแม่เขาจะเอาเท้าแม่มาแตะที่หัวเขานี่คือสิ่งที่หนูเห็น เลยรู้สึกว่าถ้าเราอยู่กับผู้ชายคนนี้เขาคงรักเราและรักครอบครัวเราด้วย

คบหากันมาได้ 2 ปีก็ตัดสินใจมีลูก
เจค
: จริงๆ ผมอยากมีลูกและก็ปล่อยมาตลอดไม่ได้คุมเลยนะ เพราะผมอายุก็ประมาณนี้แล้ว และที่บ้านผมก็อยากให้มีด้วย คือผมคิดว่ากับทรายเราน่าจะอยู่กันได้ เพราะมีอะไรที่ผมกับเขาคล้ายกันเกือบทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นนิสัยหรือมุมมอง แล้วเขาเป็นผู้หญิงที่ไม่โลภมาก ครอบครัวเขาก็รักผมดีกับผมมากและคอยดูแลผมทุกอย่างเลย แล้วผมว่าเป็นที่จังหวะชีวิตของคนเราด้วยแหละ ก่อนหน้านั้นผมอาจจะเหมือนเพลย์บอย ไม่ได้คิดอยากจะมีครอบครัว พอมาตอนนี้ผมอายุ 40 แล้ว ผมก็อยากมีใครสักคน ก่อนหน้านี้พอถ่ายละครเสร็จผมอยู่กองถ่าย อยู่กับทีมงานยังไม่กลับบ้านเพราะกลับมาแล้วมันไม่มีใคร
   
แต่ตอนที่เป็นแฟนกันเจคก็ยังไม่ทิ้งลายความเจ้าชู้ 
ทราย : ช่วงแรกๆ ที่ยังไม่มีน้อง เขาก็มีบ้างเรื่องความเจ้าชู้ ยังมีคนเก่าๆ ของเขาติดต่อกลับมา เราก็ให้พี่เจคเคลียร์ตัวเอง ซึ่งเขาก็ไม่ยุ่งไม่ติดต่อ
   
เจค : แต่เคยมีครั้งหนึ่งที่ผมติดผู้หญิงจนเขาจับได้และจะเลิกกับผม ผมก็เลยบอกว่าผมจะหยุดจะเลิก แล้วก็เอามือถือของผมให้เขาเป็นคนถือไว้ เพราะผมไม่อยากเสียเขาไป คือผมอยู่กับเขาแล้วสบายใจไปกันได้ เขาไม่งี่เง่า จากที่เคยเป็นคุณหนูก็ปรับตัวเป็นแม่บ้าน ทำความสะอาด
บ้าน จนทุกวันนี้พอมีลูกเขาก็เป็นแม่บ้านเต็มตัว
   
แสดงว่าทรายต้องมีอะไรดีถึงเอาเจคซะอยู่หมัด   
เจค : ผมอยู่เองไม่ใช่ว่าทรายเอาผมอยู่หรอก ใครก็ทำให้ผมอยู่ไม่ได้ เพราะผมเป็นคนตามใจตัวเองอยู่แล้วไง อยากทำอะไรก็ทำ อยากไปก็ไป แล้วเขาก็ไม่ได้มีอะไรดี แต่อยู่ที่ตัวเขาอยู่ที่เสน่ห์ ซึ่งคือการกระทำของเขามากกว่า เราก็เลยตั้งใจจะทำให้เขา เพราะอยู่แบบนี้เราก็แฮปปี้ดีเลยไม่อยากเปลี่ยนแปลง แต่เรื่องพฤติกรรมหรือความเจ้าชู้อย่างที่บอกมันเปลี่ยนไปเองโดยไม่มีใครบังคับ แต่มันเป็นไปเองโดยตามธรรมชาติเหมือนกลมกลืนไปในตัว คงเพราะเราอยากมีครอบครัวอยากมีลูกด้วยมั้ง
   
แต่ตอนแรกผมก็ยังคิดนะว่าผมคงเลิกยากเรื่องกินเรื่องเที่ยว เพราะ 20 กว่าปีที่ผ่านมาผมก็ไม่เคยเลิก ขนาดพ่อแม่บอกก็ไม่เคยหยุด ใครห้ามอะไรก็ไม่ฟัง มาตอนนี้หยุดเฉยเลยหลังจากมีลูก หยุดโดยเราไม่รู้ตัวเอง เฮ้ย...เราหยุดได้เหรอเราอยู่ได้เหรอ เราอยู่ได้ยังไง เพราะปกติถ้าอยู่บ้านตอนเย็นหรือพอทำงานเสร็จ ไปแล้วไปกินไปเที่ยว แต่นี่หยุดกึกเลยโดยอัตโนมัติ ตอนนี้เรื่องเที่ยวไม่มีอยู่ในหัวเลย ตั้งแต่มีลูกไม่เคยกินเหล้าเลยนะ เสร็จงานรีบกลับบ้านจนเพื่อนด่าเลย ผมเพิ่งจะออกงานก็ตอนไปงานแต่งงานของ แป้ง อรจิรา นี่แหละ
   
ทราย : ถามว่าทรายแปลกใจไหมที่พี่เจคเปลี่ยนไป คือทรายเห็นพฤติกรรมของเขามาตลอดแต่แรกว่าเขาดีขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งพอมีลูกเขายิ่งดีขึ้นมากกว่าเดิม เขาให้หนูกับลูกเต็มที่มาก
   
ชีวิตคู่เหมือนลิ้นกับฟันย่อมมีกระทบกระทั่งกันบ้าง 
ทราย : ส่วนมากที่ทะเลาะกันจะเป็นเรื่องเล็กๆ เช่น นั่งดูทีวีดูข่าวหรือดูละครแล้วเอามาทะเลาะ ไม่ได้มีอะไรเลยไร้สาระมาก
  
เจค : เวลามีปัญหาหรือทะเลาะเราจะตัดปัญหาคือเงียบๆ ซะ ผมกับทรายไม่ค่อยทะเลาะกันหรอก ส่วนมากจะเป็นแม่กับลูกทะเลาะกันมากกว่า คิดดูว่าลูกอายุเท่าไหร่ แค่ 9 เดือนเอง แต่เขาสอนเหมือนกับลูกเป็นเด็กโต ประมาณว่าทำไมไม่จำ แม่สอนไม่จำเหรอ พูดไม่รู้เรื่อง แม่บอกทำไมไม่ทำ ผมก็อะไรวะเด็กตัวแค่นี้พูดยังไม่ได้พูดยังไม่รู้เรื่องเลยจะจำได้ไง เพราะเขายังเด็กเกินไปจะรู้เรื่องไหม แล้วเขาเป็นคนที่กลัวผีมากบางทีตัวเองอาบน้ำหรือจะถ่ายหนัก ต้องเอาลูกเข้าไปนั่งเป็นเพื่อนด้วย ผมก็ต้องเอาพัดลมมาพัดและเปิดประตูพร้อม เท่านั้นไม่พอเขาจะมีตะโกนเสียงถามผมมาเป็นระยะๆ เพราะเขาเป็นคนที่กลัวผีมาก
   
ทราย : เผาเลยนะๆ (ภรรยาพูดสวนออกมาแบบอายๆ) แต่หนูก็กลัวผีจริงๆ กลัวผีมากหนูเป็นคนจิตอ่อนจิตไม่แข็ง ยิ่งเวลาเข้าห้องน้ำต้องเอาลูกเข้าไปด้วย แต่บางทีที่ต้องเอาเข้าไปเพราะลูกก็ติดแม่ด้วย   
   
เจค : กลัวผีหนักขนาดไหนพี่คิดดู เวลาเรานอนก็ต้องให้ลูกนอนกลางใช่ไหม แต่เขาแทนที่จะห่วงลูก กลับเอาลูกนอนริมแล้วตัวเองนอนกลาง ผมบอกทำไมไม่ห่วงลูก เขาบอกลูกไม่เป็นไรหรอกนอนเถอะ
   
ลูกสาวชื่อเล่นว่าน้องไทย่าฟอง เป็นชื่อที่แปลกแต่มีที่มา
เจค : ผมเป็นคนตั้งให้เอง คำว่า ไท เพราะเราเป็นคนไทย ส่วนคำว่า ย่าฟอง เพราะแม่ผมที่เสียชีวิตไปแล้วชื่อ ฟอง ซึ่งคนจะเรียกกันว่าย่าฟอง ผมเลยเอามาตั้งเป็นชื่อเล่นของลูกสาว
   
เห็นว่าลูกสาวติดพ่อมากส่วนพ่อก็ติดลูกมาก
ทราย : เขาติดพ่อมากเพราะเขาไม่เคยห่างจากพ่อเลย ส่วนพ่อก็ติดลูกด้วยเพราะไปไหนไปด้วยกันตลอด ไปถ่ายละครพี่เจคก็เอาลูกไปด้วย
   
เจค : ลูกไม่ได้ติดพ่ออย่างเดียว แต่ยังหวงพ่อกับแม่ด้วย เวลาทรายแกล้งจะตีผม เขาจะรีบคลานเข้ามาดึงแม่ออกและจะตีแม่ แถมยังทำเสียงดุใส่ด้วยนะ เขารู้มาก หรือบางทีผมพาเขาไปกองถ่ายถ้าผมเห็นเขาแล้วแกล้งไม่ทักเขาจะร้องตามแต่ถ้าผมทักเขาไม่ร้องตามนะ หรือบางทีเขาเห็นผมหน้าจอมอนิเตอร์ก็จะตะโกนเสียงดังจนทรายต้องวิ่งเอาลูกออกไปเพราะกลัวผู้กำกับฯ จะว่า
   
ทราย : เขาเป็นเด็กที่ไม่ค่อยร้องงอแงเลยเวลาพามากองถ่ายจะนิ่งมาก อารมณ์ดีเหมือนเขารู้งาน และเป็นเด็กที่ไม่ค่อยกลัวอะไร
   
เจค : ผมไปไหนเอาลูกไปด้วยตลอด ผมยอมเปลี่ยนรถเลยนะ ขายรถเบนซ์เพราะมันแคบมาซื้อรถฟอร์จูนเนอร์เลย ทำเบาะหลังให้เป็นที่นอนของลูกเลย เขาจะได้นอนได้กลิ้งได้เวลาที่ผมพาเขาไปถ่ายละครด้วย
   
เห็นเจคบอกไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมีชีวิตครอบครัวอีกครั้ง
เจค : ไม่เคยเลย คือทุกคนก็หวังไว้อยากมีครอบครัวที่อบอุ่น ผมก็หวังไว้ อยากมีแต่ก็ไม่มี พอมีแล้วก็จบต้องเริ่มต้นใหม่ตลอด เราอยากหยุดแต่มันเป็นจังหวะชีวิตที่เราดันมาเจอตอนอายุ 40 คิดว่าเป็นจังหวะที่เหมาะแล้ว ที่ผ่านมามีคนที่ดีหมดแต่คนที่ใช่ไม่เจอไง คนที่ลงตัวเหมือนจิ๊กซอว์ต่อไม่ลงตัวก็ต้องแยกกันไป ตอนนี้ลงตัวก็โอเค. แต่ว่าอนาคตยังยาวไกล คนเราไม่ตายไม่รู้ไง บางทีอาจจะไปเจออะไรอาจจะเกิดเอ็กซิเดนต์ปีสุดท้ายยุ่งอีกไป ของแบบนี้พูดไม่ได้อนาคตไม่แน่นอน ทุกวันนี้เราทำให้ดีที่สุด ผมถือว่าทำดีที่สุดในชีวิตแล้ว
   
ทราย : หนูก็ไม่คิดว่าเขาจะหยุดนะ แต่พอหนูคบกับเขาแล้วถึงรู้ หนูไม่ได้มั่นใจ แต่เหมือนการกระทำซึ่งไม่มีใครรู้ดีเท่าเราสองคน คนอื่นอาจจะมองภาพลักษณ์ของเขาอีกแบบ แต่เรามองที่จิตใจ แต่อนาคตเราไม่รู้ไง เพราะฉะนั้นเราก็อยู่กับความเป็นจริงมากกว่า เราปล่อยวางมากกว่า เราก็ผ่านอะไรกันมาเยอะ คิดว่าความเข้าใจ ความจริงใจ ความรัก และครอบครัวสำคัญ ถ้าเจออะไรแต่ถ้าครอบครัวเราแข็งแรงเราสู้ได้

เจค : อย่างเรื่องข่าวรอบนอกผมไม่สนใจนะจะอะไรก็ช่าง ไปกองถ่ายคนนั้นว่าอย่างนั้นอย่างนี้ผมปล่อยไปช่างมัน เราเอาครอบครัวเรามีความสุขพอแล้ว
   
ยึดหลักอะไรในการครองคู่
เจค : ผมปล่อยตามสบายไม่มีอะไรมายึด ผมเป็นตัวของตัวเอง แต่อย่าล้ำเส้นกันแค่นั้นแหละ และให้เกียรติกันพอแล้ว

ทราย : ทรายว่าความเข้าใจกันและจริงใจต่อกันสำคัญที่สุด และมองความเป็นจริงอยู่กับความเป็นจริง แค่นี้เราก็สามารถดำเนินชีวิตคู่ให้มีความสุขได้

:: อ่านต่อในฉบับ ::

:: กลับไปหน้าหลัก ::