PLAY ON

เมื่อ 'พุทธศาสตร์' ลงจอดบนดาวอังคาร…กับนิทานชีวิตของ 'ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา'

 

…20 ส.ค. 2518 NASA ส่งยานไวกิ้ง 1 ออกจากฐาน และถึงดาวอังคารเมื่อ 19 มิ.ย. 2519 ...9 ก.ย. 2518 ยาน NASA ปล่อยยานไวกิ้ง 2 ออกจากฐาน ถึงดาวอังคารวันที่ 7 ส.ค. 2519 ยานไวกิ้งทั้งสองลำ นับเป็นผลสำเร็จในการสำรวจดาวอังคาร ที่มีผู้คิดค้นระบบลงจอดชื่อ 'ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา'… ปี 2547 โฆษณาชุดหนึ่งกล่าวถึงความสำเร็จนี้ ทำให้ชื่อของ 'ดร.อาจอง' เป็นที่รู้จักของคนรุ่นใหม่ ...ภาพนักวิทยาศาสตร์มาดนิ่ง บุคลิกมาดมั่น ลอยเข้ามาในความคิด แต่สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น … เรามีโอกาสเดินทางไปบ้านเก่า รูปทรงคลาสสิก ในซอยสุขุมวิท 53 เพื่อพบกันตัวจริงเสียงจริงของอาจารย์อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา น้ำเสียงนุ่มลึกบอกเล่าถึงเด็กชายวัยละอ่อนที่ต้องลัดฟ้าไปฝรั่งเศส 2 ปี ก่อนไปใช้ชีวิตยาวนานที่เมืองผู้ดีถึง 15 ปี ห่างไกลวัด ห่างไกลสังคมพุทธไปอีกซีกโลกหนึ่งเลยทีเดียว

"ชีวิตผมเติบโตมาในต่างประเทศ ไม่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับศาสนาเท่าไหร่ ช่วงนั้นผมค่อนข้างเป็นเด็กเกเร ชอบมีเรื่องชกต่อยกับเพื่อนเป็นประจำ อารมณ์ค่อนข้างรุนแรง แต่แล้วมันก็เกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ ในชีวิต ตอนอายุ 15 ผมอยู่โรงเรียนประจำที่ประเทศอังกฤษ คืนหนึ่งผมตกใจตื่นขึ้นมา เพราะได้ยินเสียงบางอย่าง พร้อมกันนั้นก็มีแสงสว่างจ้าทั่วไปหมด ทั้งที่ผมนอนอยู่ในห้องนอนรวมกับเพื่อนๆ ร่วม 50 คน แต่ไม่มีใครรู้สึกตัวเลย มีเสียงเรียกชื่อผมสามครั้ง ถามผมว่า...ทำไมถึงทำอย่างนี้ ผมตกใจมาก ตอนแรกนึกว่าผีหลอก แต่ผมเป็นเด็กใจแข็ง พยายามไม่สนใจ บอกตัวเองให้นอนหลับซะ เหตุการณ์แบบเดียวกันนี้เกิดขึ้นกับผมถึงสามคืนติดกัน ผมได้แต่คิดว่ามันเกิดอะไรขึ้น

ผมไตร่ตรองดูแล้วเห็นว่า อาจเป็นเพราะผมเป็นเด็กเกเร ชอบชกต่อย อาละวาด ผมเริ่มคิดได้ว่า คงถึงเวลาแล้วที่เราจะเริ่มเปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเอง แต่ผมไม่รู้จะปรึกษาใคร เลยไปหาบาทหลวงที่โรงเรียน ท่านดีใจมากที่ผมไปปรึกษา เพราะท่านพยายามโน้มน้าวให้ผมเปลี่ยนไปนับถือศาสนาคริสต์มานานแล้ว แต่ผมไม่เคยสนใจท่าน บาทหลวงบอกว่าต้องเข้าไปสวดมนต์ในโบสถ์ ผมก็ไปโบสถ์ด้วย ท่านบอกให้ผมศึกษาพระคัมภีร์ของคริสต์ ผมก็ตกลง

กระทั่งวันหนึ่ง ท่านสอนเกี่ยวกับเรื่องสวดมนต์ว่า ถ้าจะสวดมนต์ขอให้ทุกคนเข้ามาในโบสถ์พร้อมกัน เปล่งเสียงสวดมนต์พร้อมกัน ผมก็แย้งว่าในพระคัมภีร์ไม่ได้สอนอย่างนั้น พระคัมภีร์สอนว่า ให้เราสวดมนต์ด้วยใจ โดยไม่ต้องเปล่งเสียงดังก็ได้ บาทหลวงโกรธหน้าดำหน้าแดงเลยล่ะ (หัวเราะ) เพราะท่านต้องการให้ทุกคนเข้าไปสวดมนต์ในโบสถ์ด้วยกัน ท่านเลยไล่ผมออกมา

ผมเสียใจมาก เพราะผมตั้งใจจริงที่จะศึกษาพระคัมภีร์ ผมไม่รู้จะทำอย่างไร จึงไปหาอาจารย์ใหญ่ ท่านก็แนะให้ผมไปห้องสมุดและศึกษาด้วยตัวเอง ผมจึงเริ่มศึกษาด้วยตัวเอง โดยเริ่มจากพุทธศาสนานี่ล่ะ เพราะยังไงซะเราก็เป็นชาวพุทธ มันต้องมีอะไรดีๆ บ้างล่ะ แล้วผมก็ได้อ่านบทความเกี่ยวกับการฝึกสมาธิ และเริ่มฝึกสมาธิเป็นครั้งแรก ฝึกสมาธิด้วยตัวเองแบบ 'อนาปานสติ' (การตั้งสติอยู่ที่ลมหายใจ)ได้ 1 เดือนก็เริ่มรู้สึกสงบ ความรู้สึกไม่ดีต่อคนอื่นที่เคยมีค่อยๆ หายไป ไม่คิดจะทะเลาะกับใครอีก ผมตัดสินใจเรียนต่อทางวิทยาศาสตร์ โดยตั้งใจจะเป็นวิศวกร ใช้อาชีพนี้จะสร้างรายได้ให้กับชีวิต ส่วนเรื่องธรรมะ ปรัชญาชีวิต หรือจิตวิทยา จะใช้ทำประโยชน์ให้แก่ส่วนรวม ไม่ใช่สำหรับทำมาหากิน"

วัยหนุ่มของชายที่ชื่อ 'อาจอง' ในมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ไม่ได้เงียบสงัดอย่างที่ใครคิด แต่เต็มไปด้วยแสงสีของงานเลี้ยงสังสรรค์ "ผมรู้จักคนเยอะ ที่มหา'ลัยมีงานปาร์ตี้เกือบตลอดเวลา ยิ่งผมได้รับเลือกเป็นกรรมการงานบันเทิงของสามัคคีสมาคม (สมาคมนักเรียนไทยในอังกฤษ) ในพระบรมราชูปถัมภ์ ต้องดูแลจัดงานบันเทิง ยิ่งแล้วใหญ่ เพียงแต่ผมไม่ได้หลงใหลไปกับแสงสี เพราะเราฝึกสมาธิทำให้รู้จักควบคุมตัวเอง ช่วงปริญญาตรีชีวิตผมก็เหมือนนักศึกษาทั่วไป แต่พอเรียนระดับปริญญาเอก ผมเริ่มเบื่อ อยากเลิกเรียน ไม่เอาแล้วปริญญา คิดจะบวชตลอดชีวิต แต่แล้วผมก็ฝันว่าตัวเองไปอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง และใต้ต้นไม้นั้นมีนักบุญนั่งอยู่ท่านหนึ่ง บอกว่าชีวิตนี้ของผม ไม่ใช่ชีวิตของนักบวช แต่เป็นชีวิตของการทำงานให้สังคม ท่านบอกว่าผมต้องเรียนให้จบ เพราะคนเชื่อถือผู้ที่มีปริญญา ถ้าเรามีปริญญาสูงๆ เราสามารถพูดโน้มน้าวให้คนเชื่อในสิ่งที่เราต้องการจะพูดให้เขาฟัง ผมเลยไม่บวช แล้วผมก็จบปริญญาเอกตอนอายุ 25 ปีด้วยทุนโคลัมโบ เมื่อเรียนจบจึงกลับมาทำงานใช้ทุนด้วยการเป็นอาจารย์อยู่คณะวิศวกรรม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สอนอยู่ได้ 4 ปี ผมก็ลาราชการเพื่อไปเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อมาใช้สอนนักศึกษา"

ดร.ฟิสิกส์ชาวไทย เดินทางสู่อเมริกา ไปเป็นช่างเทคนิคเล็กๆ ที่ไม่จำเป็นต้องมีดีกรีเป็นดอกเตอร์ก็ทำได้ แล้ววันหนึ่งข่าวโครงการยานอวกาศไวกิ้ง Viking Mission to Mars ก็มาถึง... "ตอนนั้นผมคิดว่า ถ้าเราเข้าไปได้ จะเป็นโอกาสได้ประสบการณ์ที่น้อยคนจะได้รับ เพื่อนำกลับมาสอนนิสิตนักศึกษาในประเทศไทย ผมเขียนใบสมัครแนะนำตัวเองเข้าไปขอร่วมโครงการ เขาก็ปฏิเสธผมกลับมาแล้วว่า เขาไม่สามารถรับคนต่างชาติเข้าร่วมโครงการได้ เพราะว่าเป็นความลับของชาติ เนื่องจากเทคโนโลยีสมัยนั้นอเมริกายังแข่งขันกับรัสเซียอยู่ เขาจึงระมัดระวังมาก ไม่ต้องการให้เราเข้าไปยุ่งเกี่ยว แต่สุดท้ายเขาก็มีช่องทางเผื่อไว้ให้ชาวต่างประเทศเข้าไปร่วมด้วย ในกรณีเป็นตำแหน่งที่ชาวอเมริกันทำกันไม่ได้

นั่นก็คือการนำยานอวกาศลงสู่พื้นดินของดาวเคราะห์ ซึ่งตอนนั้นคือดาวอังคาร เขาพยายามทำหลายครั้ง ยานอวกาศก็ตกลงไปพังทุกที ผมเลยเสนอตัวจะทำตรงนี้เอง จะทำระบบลงจอดของยานอวกาศที่คนอเมริกันทำไม่ได้ ทางนาซ่าเขาถึงสนใจ เพราะหาใครทำไม่ได้ เลยชวนผมไปสัมภาษณ์ ซึ่งผมเสนอจะนำยานอวกาศไวกิ้งลงจอดโดยอัตโนมัติสู่พื้นดินของดาวอังคารอย่างเบาๆ ให้ได้ เรื่องนี้ทำให้เขาสนใจ และรับผมเข้าร่วมโครงการ

แล้วใครจะนึก...ว่าศาสนาจะชี้จำ ส่องทางให้ยานอวกาศลงจอดบนดาวอังคารได้??? "ตอนแรกผมดำเนินการทดลองตามแบบนักวิทยาศาสตร์ วิศวกรทั่วไป คือออกแบบ ทดลอง แล้วก็แก้ไขไปเรื่อยๆ อย่างที่เขาเรียกว่า R & D (RESEARCH & DEVELOPMENT) หรือ วิจัยและพัฒนา แต่มันก็ไม่สำเร็จสักที ผมจึงคิดว่ามันน่ามีวิธีที่ดีกว่านั้น ตามแบบที่พุทธศาสนาเรามี คือการอาศัย 'ปัญญา' ผมตัดสินใจไปฝึกสมาธิอยู่บนเขาในรัฐแคลิฟอร์เนีย ผมอยู่บนเขาได้ 4 คืน 5 วัน พอวันที่ 5 ผมก็รู้สึกสงบนิ่ง ไม่คิดอะไรเลย จังหวะนั้นปัญญามันก็เกิด ความคิดแวบเข้ามาในสมอง การหยั่งรู้ด้วยตัวเองบังเกิด มันเหมือนรับรู้ขึ้นมาเลยว่าต้องทำอย่างไรต่อไป ต้องสร้างอย่างไร ความคิดเหล่านี้มันเป็นปัญญาที่เกิดขึ้นเมื่อเรามีสมาธิ ซึ่งผมไม่ได้เล่าเรื่องนี้ใครฟัง เพราะเล่าไปเขาคงไม่เชื่อ ฝรั่งเขาก็ดีใจที่ในที่สุดก็ทำสำเร็จ ฉลองกันยกใหญ่ เขาขอให้ผมทำให้เขา 3 ชุดเพื่อนำไปประกอบในยานอวกาศไวกิ้ง 1, 2 และ 3 แต่เขาส่งขึ้นไปแค่ไวกิ้ง 1 และ 2

จากนั้น 4 ปี ก่อนเขาส่งยานไวกิ้ง 1 และ 2 ขึ้นไป ตอนนั้นยังไม่ค่อยมีใครรู้ด้วยซ้ำไปว่าผมได้ทำอะไรไว้ กระทั่งยานลงจอดบนดาวอังคารได้สำเร็จ องค์การข่าวสารของสหรัฐอเมริกาจึงประกาศข่าวออกไป พร้อมกับประกาศว่ามีคนไทยได้เข้าร่วมโครงการนี้ด้วย เป็นการประชาสัมพันธ์ความสำเร็จของสหรัฐอเมริกา เขาอยากให้คนไทยมีส่วนร่วมด้วย มันเลยกลายเป็นข่าวใหญ่ ตอนนั้นหนังสือพิมพ์ประโคมข่าวกันใหญ่ ว่าคนไทย...ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา มีส่วนร่วมในการนำยานอวกาศไปสู่ดาวอังคารได้สำเร็จ และเมื่อมีคนสัมภาษณ์ ผมก็เล่าไปตามตรงว่าผมใช้วิธีไหนคิดและทำ ซึ่งสำหรับคนไทย ไม่มีปัญหาอะไร เขาเข้าใจในเรื่องที่เราพูด แต่ทางฝรั่งเขาก็งงๆ ไปพักหนึ่ง (หัวเราะ) แต่เขาก็ยอมรับในที่สุด เพราะมันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว เมื่อผมว่าอย่างนั้น เขาก็เชื่อ"

:: อ่านต่อในฉบับ ::

:: กลับไปหน้าหลัก ::