นิตยสาร ตั้งตัว : กรกฎาคม 49

ศรีศุภลักษณ์ ออคิด ผู้นำมะม่วงหิมพานต์แปรรูป อันดับหนึ่งในเอเชีย

 

“ เราเปลี่ยนวิธีการผลิตจากการคั่วด้วยไฟมาเป็นการต้ม เพราะการคั่วมันทำให้เกิดควันมาก ส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม เมื่อเรามาต้มแล้วเราก็นำไปอบแห้ง วิธีนี้จะช่วยลดมลภาวะและเม็ดมะม่วงหิมพานต์ก็ยังอร่อยเหมือนเดิม ”

มะม่วงหิมพานต์เป็นไม้ผลตระกูลเดียวกับมะม่วง มีชื่อสามัญเรียกว่า “ แคชชู นัท ” (Cashew Nut) นอกจากนี้ยังมีชื่ออื่นๆ ที่เรียกกันตามแต่ละท้องถิ่น เช่น มะม่วงลังกา มะม่วงกุลา มะม่วงกาสอ ม่วงชูหน่วย ยาร่วง กาหยี ยาโงย ฯลฯ มะม่วงหิมพานต์มีถิ่นกำเนิดอยู่ในเขตร้อนของอเมริกาและตอนเหนือของบราซิล ต่อมาได้เผยแพร่ไปยังส่วนต่างๆ ของโลกโดยนักเดินเรือชาวสเปน และเข้าสู่ประเทศไทยในราว พ.ศ. 2444 โดยพระยารัชฎานุประดิษฐ์ จากนั้นจึงได้ปลูกกันอย่างแพร่หลายทางภาคใต้ของไทย โดยเฉพาะในจังหวัดภูเก็ตที่มีการนำเม็ดมะม่วงหิมพานต์มาแปรรูปจนกลายเป็นสินค้าที่สร้างชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก

บริษัท ศรีศุภลักษณ์ ออคิด จำกัด และ บริษัท เดอะแคชชูวี่ ภูเก็ต (ประเทศไทย) จำกัด เจ้าของผลิตภัณฑ์น้ำมะม่วงหิมพานต์แปรรูปแบรนด์ “ แคชชูวี่ ” ที่มีประวัติความเป็นมายาวนานกว่า 80 ปี บริษัททั้ง 2 แห่งนี้เติบโตได้อย่างเต็มภาคภูมิภายใต้การนำของหญิงแกร่งแห่งเมืองไข่มุกอันดามัน คุณ ศุภลักษณ์ สุหิรัญญวานิช เธอคนนี้ได้ซึมซับความรู้และคลุกคลีอยู่ในวงการมะม่วงหิมพานต์แปรรูปมาตั้งแต่จำความได้ และประสบการณ์ต่างๆ เหล่านั้นเอง ที่หล่อหลอมให้เธอกลายเป็นผู้นำการผลิตมะม่วงหิมพานต์แปรรูปอันดับ 1 ของเอเชีย เธอเล่าย้อนถึงความเป็นมาว่า

“ ก่อนจะถึงจุดกำเนิดของน้ำเม็ดมะม่วงหิมพานต์แคชชูวี่ ต้องขอเท้าความไปเมื่อประมาณ 80 ปีก่อน คุณปู่ 2 คนของดิฉันอพยพมาจากเมืองจีน มากันสองคนพี่น้อง มีแค่เสื่อผืนหมอนใบจริงๆ พอมาถึงเมืองไทย คุณปู่ที่เป็นพี่ชายคนโตก็ไปตั้งรกรากที่จังหวัดกระบี่ ส่วนคุณปู่ผู้น้องก็มาอยู่ที่ภูเก็ต มาเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยการค้าขายสินค้าอุปโภค บริโภคทั่วไป ต่อมาคุณปู่แต่งงานแล้วก็มีลูก คือคุณป้าและคุณพ่อของดิฉัน คุณปู่ท่านก็เห็นว่าพวกเราพี่น้องควรมีธุรกิจอะไรที่ทำร่วมกันได้ ก็เลยเริ่มนำเม็ดมะม่วงหิมพานต์เข้ามาจำหน่าย ตอนนั้นเราทำเป็นธุรกิจเล็กๆ ส่งเม็ดมะม่วงหิมพานต์ให้กับร้านที่ทำขนมเปี๊ยะในกรุงเทพฯ แล้วก็ร้านค้าในเยาวราช โดยการนำเม็ดมาคั่วและกะเทาะเปลือก ทุกอย่างใช้แรงงานคนหมด เพราะสมัยนั้นยังไม่มีเครื่องจักร ทำให้เม็ดมะม่วงหิมพานต์มีการแตกหักเสียหายบ้าง ส่วนที่แตกหักเราก็ไม่สามารถนำมาจำหน่ายได้ ต้องเก็บไว้ทานเองหรือไม่ก็ต้องทิ้งไป พอมาถึงรุ่นที่ 2 คือรุ่นของคุณพ่อดิฉัน ท่านก็เริ่มทำธุรกิจในรูปแบบนิติบุคคล ใช้ชื่อว่า บริษัท ศรีบูรพาออคิด จำกัด ก็มีการขยายโรงงานและนำเครื่องจักรมาช่วยในการกะเทาะเปลือก ทำให้เกิดของเสียน้อยลง เราเปลี่ยนวิธีการผลิตจากการคั่วด้วยไฟมาเป็นการต้ม เพราะการคั่วมันทำให้เกิดควันมาก ส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม เมื่อเรามาต้มแล้วเราก็นำไปอบแห้ง วิธีนี้จะช่วยลดมลภาวะและเม็ดมะม่วงหิมพานต์ก็ยังอร่อยเหมือนเดิมอีกด้วยค่ะ

 

:: กลับไปหน้าหลัก ::