Tick a seaT

House of Flying Daggers  ตาบอดด้วยความงาม

 

สำหรับใครที่ไม่รู้จัก จาง อี้ โหมว ผู้กำกับเชื้อสายมังกรแท้ ก่อนหน้าที่ Hero จะออกฉายในปี 2002 ที่ผ่านมา คงไม่อาจจินตนาการได้ว่า ผลงานในอดีตของเขามีลักษณะเรียบง่าย หาใช่ตระการตาด้วยสีสันเสื้อผ้า และภารกิจการลอบสังหารประมุขแห่งประเทศอันยิ่งใหญ่เช่นใน Hero ไม่ ด้วยเงินทุน 30 ล้านดอลลาร์ ผลที่ได้คือ งานระดับที่ทำให้หลายคนตกตะลึง! ความงามซึ่งหนังกำลังภายในที่ประสบความสำเร็จในระดับโลกอย่าง Crouching Tiger, Hidden Dragon ของ อัง ลี ไม่อาจมี, ความงามซึ่งเนื้อหาอันคมกริบตามสไตล์ จาง อี้ โหมวไม่ผิดเพี้ยน นั่นทำให้ House of Flying Daggers (หรือในอีกชื่อภาษาอังกฤษว่า Lovers) น่าดู...และน่ากลัวในเวลาเดียวกัน

ตามหามีดบิน
คนโบราณมักจะเชื่อกันว่า… เมื่อพุ่งขึ้นสู่จุดสูงสุด ก็จะหักมุมดิ่งลงสู่พื้นพสุธา ด้วยแรงโน้มถ่วงขนาดมหาศาลจากพื้นผิวธรณี เฉกเช่นเดียวกับความเจริญรุ่งเรืองของราชวงศ์ถังที่มั่งคั่งที่สุด จนถูกจารึกว่าเป็นยุคทองของแผ่นดินมังกรก็ไม่อาจรอดพ้นจากสัจจะนิรันดร์ ข้อนี้ไปได้ คริสตศักราชที่ 859 ซึ่งตรงกับช่วงปลายราชวงศ์ถังของจีน เป็นกลียุคเนื่องมาจากจักรพรรดิในขาดความสามารถในการปกครองแผ่นดิน เปิดโอกาสให้เหล่าขุนนางกังฉิน ฉ้อโกง ราษฎรตาดำๆ ถูกผู้มีอิทธิพลแล่เนื้อเถือหนังตามอำเภอใจ ในที่สุดจึงเกิดกลุ่มคนที่ทนการถูกกดขี่ข่มเหงจากราชสำนักไม่ไหวชูธงเป็นปรปักษ์กับทางการ

ในบรรดากบฏใจกล้าผู้ท้าทายกฎหมายของวังหลวงนั้น ‘สำนักมีดบิน’ ถือเป็นกองโจรกลุ่มใหญ่ และรุ่งโรจน์มากที่สุด มักจะรวมกำลังออกปล้นทรัพย์จากเหล่าผู้มีฐานะมั่งคั่งอย่างทุจริต แล้วแจกจ่ายสิ่งของที่ได้ให้แก้ประชาชน แม้เจ้าสำนักมีดบินคนก่อนจะถูกสังหารด้วยน้ำมือของทางการ ก็หาได้ดับรัศมีของกองโจรกลุ่มนี้ลงได้

และด้วยกลัวว่าสักวันกบฏมีดบินจะเบนเข็มมาหาตน กลุ่มกังฉินชนจึงเร่งรัดให้มีการออกหมายจับเจ้าสำนักคนใหม่ ตกเป็นหน้าที่ของสองสหายรักจากมณฑลเฟิงเทียน ซึ่งถูกกล่าวขวัญว่ามีวิทยายุทธไร้เทียมทานที่สุดในกองปราบ ให้ออกตามจับตัวหัวหน้ากบฏที่เบื้องบนเป่าหูว่าเป็เหตุทำให้เดือดร้อนไปทั่ว

จากหลักฐานที่ได้ระบุว่าธิดาตาบอดของผู้นำกบฏมีดบินรุ่นที่แล้วซ่อนภายในสำนักโคมเขียว หอนางโลมเลื่องชื่อ ด้วยว่าดาวหอนางโลมแห่งนี้ เป็นสถานที่สถิตของบุปผายอดศิลปะที่ร่ำลือว่าแสดงได้งดงามอ่อนช้อยที่สุด และเป็นที่น่าตกใจเมื่อพบว่ายอดสตรีผู้นี้ คือนางมารน้อยแห่งสำนักมีดบิน

หนึ่งในสองหัวหน้ามือปราบเข้าจับกุมนางโลมสะคราญโฉมผู้นี้มาคุมขังเพื่อสอบปากคำ และพบกับความผิดหวัง เมื่อสาวเจ้าใจเด็ดไม่ปล่อยความจริงให้เล็ดรอดจากริมฝีปากรูปกระจับของนางแม้สักประโยคเดียว พวกเขาจึงวางแผนลวงหญิงงามโดยปลอมตัวเป็นนักรบไร้สังกัด แหกคุกพานางหลบหนีเพื่อพิชิตใจหวังให้นางแพร่งพรายสถานที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ ไปจนถึงการสืบหาเบาะแสของเจ้าสำนักคนใหม่ที่ยังคงเป็นปริศนา

หากทว่าการเดินทางผจญภัยของสองหนุ่มหนึ่งสาวกลับก่อเกิดความรักสามเส้าคละเคล้า ความหวาดผวาจากกองกำลังนักล่าค่าหัวที่ทางการว่าจ้างมา

ส่วนเม่ย รับบทโดย จางซียี่
‘ความรักหาใช่สิ่งที่มองเห็นได้ด้วยดวงตาไม่ หากแต่ท่านสามารถรับรู้ถึงการคงอยู่ของมัน และสัมผัสได้ด้วยหัวใจเท่านั้น’

เปลือกนอกของนางคือยอดหญิงงามมากความสามารถ ผู้ยินยอมขายศิลปะมิขายเรือนร่างหากินแห่งสำนักโคมเขียว เปล่งประกายความอ่อนช้อยงดงามของท่าร่ายรำ หลอมรวมกับความสวยสะคราญปาน แต่งแต้มสีสันในหัวใจของบรรดาแขกเหรื่อผู้มาเที่ยวลุ่มหลง

เม่ยคือบุตรของอดีตเจ้าสำนักมีดบิน กลุ่มกองโจรที่ก่อตั้งขึ้นมาเพื่อต่อต้านอำนาจของฮ่องเต้ผู้โฉดเขลาและเหล่าขุนนางกังฉิน พวกเขาประกาศตนเป็นกบฏของแผ่นดิน และออกปล้นสะดมทรัพย์สินของบรรดาคหบดีมหาเศรษฐี แล้วนำสมบัติที่แจกจ่ายปวงประชาที่อดอยากยากไร้ หลังจากที่บิดาของเม่ยถูกสังหาร นางก็จองจำตนเองไว้ภายในจิตใจอย่างโดดเดี่ยวอ้างว้าง จิน รับบทโดย ทาเคชิ คาเนชิโระ (จินเฉิงอู่) : ‘แม้ว่านางจะเป็นเพียงหนึ่งสตรีสามัญบนโลกอันกว้างใหญ่ หากทว่านางกลับเป็นเช่นหนึ่งผืนพิภพที่กว้างไกลในใจของข้าพเจ้า’

หนึ่งในสองหัวหน้ามือปราบ ผู้ได้รับบัญชาจากเบื้องบน ให้ไล่ล่ามหาโจรที่กำลังก่อการร้ายอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมายของบ้านเมือง จินจึงจับมือกับสหายสนิทออกปฏิบัติหน้าที่ แต่พวกเขาหารู้ไม่ว่านี่จะเป็นการท่องยุทธจักรอย่างแท้จริง ...ครั้งแรกและครั้งสุดท้ายของพวกเขา 

เมื่อพวกเขาพบหลักฐานสำคัญ ที่ใช้มัดตัวนางโลมเม่ยแห่งหอโคมเขียวว่ามีส่วนเกี่ยวพันกับสำนักมีดบิน ที่กำลังเรืองอำนาจในขณะนั้น สหายของเขาก็ตรงดิ่งเข้าจับกุมและทำการบีบเค้นหาข้อเท็จจริงหากทว่าไร้ผล เขาจึงออกอุบายแสดงตนเป็นจอมยุทธ์ดาบเดียวดาย บุกค่ายเข้าช่วยเหลือหญิงงามเพื่อสร้างความไว้วางใจ และหลอกให้นางนำทางไปยังที่ตั้งสำนักมีดบิน ดูเหมือนแผนการจะดำเนินไปอย่างราบรื่น หากความรักล้ำลึกในจิตใจของทั้งสองไม่ก่อตัวขึ้นในระหว่างการเดินทาง...

เหลียว รับบทโดย หลิวเต๋อหัว ‘ความรักคือความความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะให้บุคคลที่ตนรักพบความสุข แม้ตนจักต้องทนทุกข์ทรมานอย่างไรก็ตาม’

เขาคือหนึ่งในสองหัวหน้ามือปราบผู้มีวิทยายุทธ์ล้ำเลิศที่สุดในมณฑลเฟิงเทียน ซึ่งกำลังถูกรุกเร้าจากกลุ่มกบฏภายใต้การนำของสำนักมีดบิน ทางราชสำนักจึงมีคำสั่งให้เหลียว ออกตามล่าผู้นำคนใหม่ของเหล่ากองโจร โดยกำหนดระยะเวลาในการปฏิบัติภารกิจครั้งนี้เพียง 10 วัน

อย่างไรก็ดี มือปราบเหลียวกลับพบหลักฐานบางประการที่บ่งชี้ว่า นางรำอันดับหนึ่งของหอโคมเขียวคือบุตรีเพียงคนเดียวของเจ้าสำนักมีดบินรุ่นก่อน เขาไม่รอช้าที่จะจับกุมนางมาคุมขังเพื่อทำการสอบสวน หากทว่าเหลียวกลับต้องพบกับความผิดหวัง เมื่อเขาตระหนักแล้วในภายหลังว่ามิอาจคาดคั้นเอาความจริงใดๆ จากสตรีที่ปิดปากเงียบนางนี้ได้ ซ้ำร้ายไปกว่านั้น เขายังพบว่าตนเกิดหวั่นไหวใจทุกครั้งที่ได้มีโอกาสชิดใกล้นาง โดยที่เขามิอาจล่วงรู้เลยว่า นี่คือชนวนแห่งโศกนาฏกรรมรักที่เผาไหม้ตัวเขาและคนรอบข้างในอนาคต

ปลายพู่กันเปี่ยมความหมายในมือจางอี้โหมว กับการรำลึกถึงคืนวันใน House of Flying Daggers

House of Flying Daggers หรือ ฉือเมี่ยนไหมฝู ( Shi Man Mai Fu ) ซึ่งแปลเป็นภาษาไทยว่า 'ซุ่มจู่โจมจากสิบทิศ' คือภาพยนตร์จีนกำลังภายในที่หลอมรวมเรื่องราวของความรัก และศิลปะการต่อสู้ของตะวันออกเข้าด้วยกันอย่างลงตัว หากสังเกตให้ดีจะพบว่าทั้งเม่ย เหลียว และจิน ต่างก็มีความรัก หากแต่เป็นความรักที่มิได้หวานซึ้งตามแบบฉบับนิยายน้ำเน่า พวกเขาได้เห็นและสัมผัสกับภาพสะท้อนจากเงามืดที่อยู่อีกด้านหนึ่งของความรัก และแม้ว้าจะต้องทุกข์ทรมานกับพิษอันขื่นขมของมันปานใด พวกเขาก็หาได้ละทิ้งจากมันไปไม่ แม้กระทั่งความพลัดพรากที่ฉีกกระชากหัวใจพวกเขาจนแหลกสลาย ก็ไม่อาจชะล้างรสรักที่ฝังลึกอยู่ภายในให้เจือจางลงได้

เป็นที่คาดเดาได้แต่แรกแล้วว่า...ถ้าหากมีเรื่องรักสามเส้า หนึ่งในพวกเขาจำต้องแบกรับความทุกข์จากการรับประทานแห้วเป็นแน่แท้ แต่ทว่า House of Flying Daggers กลับจำแนกภาระทางใจให้แก่หนึ่งหญิงสองชายอย่างยุติธรรม แม้ความสัมพันธ์ในอดีตของทั้งสามจะแตกต่างกัน แต่ทว่าพวกเขากลับตกหลุมรักซึ่งกันและกันจนมิอาจไถ่ถอนตัวเองออกมาจากปลักนี้ได้ หนึ่งเดียวที่พวกเขายืนอยู่ในจุดเดียวกันก็คือการสวมหน้ากากปิดบังตัวตนที่แท้จริง และทนกล้ำกลืนอยู่ร่วมกัน ด้วยการโกหกหลอกลวงที่กำลังกัดกร่อนหัวใจของพวกเขาทีละน้อย

'สังเวียน' ที่ใช้เป็นสถานที่ในการประลองฝีมือต่อสู้ ซึ่งต่างเดิมพันกันด้วยชีวิตของตนในภาพยนตร์เรื่องนี้ก็หนีไม่พ้นป่าไผ่เขียวขจี “แหม...ก็ 50 ปีมานี้ภาพยนตร์จีนกำลังภายในทุกเรื่องต่างก็มีฉากต่อสู้ในป่าไผ่ แล้วผมจะทำตัวสวนกระแสได้ยังไงล่ะครับ” ผู้กำกับตี๋ใหญ่วัย 53 ปีเปิดใจต่อไปว่า “ถึงจะดึงโลเคชันเดิมๆ กลับมาใช้ในฉากต่อสู้ แต่ผมก็นำเสนอออกมาตามแบบฉบับของเอกบุรุษ ผมทำการดัดแปลงให้แต่ละฉากมีความแตกต่างกันเล็กน้อย ไม่ว่าจะสู้รบกันบนบก หรือบนต้นไผ่ซึ่งใช้เป็นฉากที่คู่รักนอกรีตจูงมือกันหลบหนีขณะถูกโจมตีจากด้านบนของกลุ่มนักฆ่า”

:: กลับไปหน้าหลัก ::