ความคิดเห็นที่ 1 C-PL ออกแบบมาสำหรับกล้อง Digital ครับ มันจะไม่ไปขัดขวางการทำงานของระบบวัดแสงของกล้อง Digital ครับ ซึ่งมันใช้กับกล้องฟิล์มได้ เดี๋ยวนี้เค้าเลยหัวไปเล่น C-PL กันครับ มันใช้ได้ทั้ง Film ทั้ง Digital เลย จากคุณ : Bird_sm_all เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 14:06:42

ความคิดเห็นที่ 2 อ่อ แบบนี้เอง ขอบคุณครับน้า ^_^ จากคุณ : semicolon เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 14:28:51

ความคิดเห็นที่ 3 ถ้าเป็น dSLR/dSLT ต้องใช้ CPL สถานเดียว ถ้าเป็น mirrorless .. PL ธรรมดาให้ผล "ดีกว่า" จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 14:57:32

ความคิดเห็นที่ 4 ทำไม Mirrorless ถึงใช้ PL แล้วดีกว่าครับน้าแมว จากคุณ : semicolon เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 15:03:21

ความคิดเห็นที่ 5 CPL มีแก้ว 1 ชิ้น (linear polarizer, LPL) + แผ่นบิดหมุนเวคเตอร์แสง (quater-wave retardation, QWR) อีก 1 แผ่น PL มีแค่ 1 แผ่น เท่านั้น ระหว่าง LPL กับ QWR .. มีช่องอากาศแน่ๆ ช่องอากาศนี้ .. มีสิทธิรับความชื้นและไอสารต่างๆเข้าไปอยู่ KZM CPL ของ B&W มันถึงแพงเชร็ดด .. เพราะสามารถซีลกันไอความชื้นเข้าไปกลายเป็น fox ระหว่าง LPL-QWR แก้ไขเมื่อ 04 ธ.ค. 55 16:31:47 จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 16:20:32

ความคิดเห็นที่ 6 ในคำว่า QWR .. QW = quater-wave .. คือ 1/4 ความยาวคลื่นแสง มันมีหน้าที่ "บิด" แสงที่ผ่าน L-PL มาแล้ว ให้เกิดการหมุนวน (circularized E-M vector) การ "บิด" นี้ .. ได้ผลดีสุด ก็ต่อเมื่อแสงนั้น มีความยาวคลื่น 4 เท่า หมายความว่า ถ้าเจ้า QWR มันบิดแสงสีเขียวเหลือง (ความยาวคลื่น = 550) ได้ดีสุด สีอื่นๆ จะบิดได้ "น้อยลง" แผ่น QWR นี้ ส่วนใหญ่ ทำจากแผ่นปลาสติก เราก็รู้กันอยู่ว่า .. ปลาสติกมันมีหลายเกรด เกรดดีๆ ก็ดีไป เกรดแย่ๆ .. CPL ราคาถูกๆ ถึงให้สีเพี้ยนระเบิด และ KZM CPL ของ B&W มันถึงแพงเชร็ดดดดดดดดดดดดดด ---------- ใครที่ใช้ nikon รุ่นหลังๆ ที่มี color-matrix light metering .. วัดความเข้มแสง โดยเอาปัจจัยสีมาคำนวนดด้วย แล้วใช้ CPL ราคาถูกๆ จะรู้ซึ้งและแสบสันกับภาพที่ได้ .. สีเพี้ยน แสงเพี้ยน ฯลฯ ระเบิดเถิดเทิง! เพราะแสงแต่ละสี จะโดน "จัดขั้ว" polarized มาไม่เท่ากัน CPL ไม่ว่าของ Nik KZM CPL ของ B&W มันถึงแพงเชร็ดด ....... จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 16:32:10

ความคิดเห็นที่ 7 สุดท้าย ต้องพูดถึงผิวสะท้อนแสงระหว่างอากาศ-ของแข็ง CPL มีผิวหน้าสะท้อนแสง 4 ผิว L-PL มีแค่ 2 เท่านั้น จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 16:32:25

ความคิดเห็นที่ 8 LPL ราคาถูกกว่า ให้ภาพที่คุณภาพพอๆ หรือ ดีกว่า CPL แต่ กลไกการวัดแสง และ PD-AF ของกล้อง dSLR .. แพ้แสง Linear Polarized อย่างรุนแรง mirrorless มันใช้ CD-AF และ on-sensor metering ไม่มีปัญหาเรื่องนี้ จะไปใช้ CPL ที่แพงๆๆๆๆ และให้ผลพอๆกับ L-PL ธรรมดาๆทำไม? จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 16:32:46

ความคิดเห็นที่ 9 ว้าว ขอบคุณมาก ๆ สำหรับความรู้ครับน้าแมว ผมใช้ Mirrorless ก็สบายแล้วสิ หุหุ จากคุณ : semicolon เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 17:04:21

ความคิดเห็นที่ 10 น้าลองดูได้ครับ หา L-PL เก่าๆ อายุ 10 ปี มาซักแผ่น (มีขายที่รัชดาชั้น 4, 100 บาทเอง) เอามาถ่ายเทียบกับ 1. CPL ราคาถูกๆ ใหม่ๆ, จีนแดง (ยืมเพื่อน หรือ ซื้อ .. 2-300) 2. CPL แพงๆดีๆ ของใหม่ (ยืมแน่นอน!) 3. L-PL ของใหม่ ราคาถูกๆ แล้วดูผลที่ออกมาได้ครับ จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 55 17:09:04