ความคิดเห็นที่ 1   ผมใช้ sigma อยู่ 2 ตัว 70-300 กับ 18-55 เคยใช้ลุยฝนถ่ายมาแล้วทั้งคู่ ก็ไม่ปรากฎฝ้าให้เห็นนะคับ ฝ้ามันเกิดจากอะไรผมก็ไม่รู้อ่ะนะ แต่ถ้าเกิดแล้วคงรมณ์เสียเหมือนกัน ส่วนฝุ่น ส่องจากหน้าเลนส์เข้าไปเลยครับ ลองบิดซูมดูก็ได้ จะเห็นชัดหน่อย หรือถ้าส่องจากท้ายเข้าไปก็จะเห็นเม็ดฝุ่นแถวหน้าเลนส์ มันมีโอกาสเข้าได้ทุกตัวแหละคับ แต่ถ้าส่องไปแล้วหาไม่เจอ ก็ไปเอาฝุ่นโรยๆลงไปในกระบอกเลนส์ มันจะช่วยให้เราหาเจอง่ายขึ้น เอิ๊กๆๆๆ อ๊ะ ล้อเล่ง หาไม่เจอ = ไม่มีฝุ่น ก็ดีอยู่แล้วคับ อย่าไปเห็นมันเลย หงุดหงิดเปล่าๆ จากคุณ : Alcedinidae เขียนเมื่อ : 30 ต.ค. 52 07:52:11

ความคิดเห็นที่ 2   พยายามจะจับคำถามนะครับ - คำถามแรกทำไมถึงเรียก ซิกม่าว่าซิกฝ้า เพราะ เมื่อก่อน การเคลือบผิวเลนส์ของซิกม่าไม่ค่อยดี เลยมักเป็นฝ้าบ่อยๆ แต่ปัจจุบันไม่ค่อยเป็นแล้ว - เมื่อเป็นฝ้าแล้ว ทำไงถึงหาย พาไปเลนส์ไปล้างครับ แต่พอล้างเลนส์ไปแล้วคุณภาพของเลนส์ชิ้นที่โดนล้างไปจะลดลง ขึ้นอยู่กับฝ้ากินไปแค่ไหน แล้วต้ิองล้างฝ้าถึงขนาดไหน ครับ - ถ้ามีฝ้าเกิดขึ้น จะเป็นอะำไรมั๊ยครับ ถ้าเล็กๆน้อยๆไม่ค่อยเห็นในภาพหรอกครับ แต่ถ้าหนาๆ อาจจะทำให้คุณภาพดรอปลงไป - ถ้าเกิดฝ้าจะลามมั๊ย ไม่ลามครับ - ถ้าล้างไม่ออกทำไง ? ถ้าเกิดไม่เยอะทำใจ แบบถ่ายไปแล้วคุณภาพยังรับได้ ก็ทำใจ แต่ถ้ามากๆ หรือทำใจไม่ได้ เปลี่ยนชิ้นเลนส์นั้นๆครับ -ส่วนฝุ่น ไม่ค่อยมีผลต่อภาพเท่าไหร่หรอกครับ แต่มีผลตรงจิืตใจเราเมือเห็น ฮา ส่วน และวิธีการหาฝุ่น ฝ้า รา ง่ายๆ ก็เอาไฟฉาย ส่ิิอง ในชิ้นเลนส์ และเรามองหาจะมองง่ายกว่าครับ ปล. นอนอยู่ในกระเป๋าบ่อยๆ ไม่ดีนะครับ ความชื้นมันเยอะ เว้นแต่ที่ห้องความชื้นจะต่ำ เพราะเปิดแอร์ตลอด แต่ก็ยังมีความเสี่ยงในการเกิดฝ้า ราอยู่ดีนะครับ จากคุณ : BlackTeaCat เขียนเมื่อ : 30 ต.ค. 52 08:00:22

ความคิดเห็นที่ 3   ฝ้า มีหลายชนิดครับ ชนิดแรก    ฝ้า compound   เพราะเขาเอาแก้วเลนส์ 2 ชิ้น   มาประกบกันเป็นชิ้นเดียว   เอากาวใส่ตรงกลาง จากคุณ : tamrong เขียนเมื่อ : 30 ต.ค. 52 08:23:15

ความคิดเห็นที่ 4   แล้วเจ้ากาว compound  ที่ทาตรงกลางเนี่ย  มันดันเสื่อมขึ้นมา   จากเดิมที่ใสๆ   ดันกลายเป็นขุ่นๆไปซะได้   ชนิดนี้ หมดทางเยียวยาครับ   ต้องเปลี่ยนชิ้นแก้วสถานเดียว   ได้ยินว่ามีช่างระดับปรมาจารย์บางคน  สามารถเอาชิ้นแก้วไปต้ม ให้กาวมันหลุดออกครับ     แล้วใส่กาวเข้าไปใหม่    แต่ไม่รับรองผลครับ จากคุณ : tamrong เขียนเมื่อ : 30 ต.ค. 52 08:25:16

ความคิดเห็นที่ 5   ชนิดที่ 2 เกิดบนเลนส์ชิ้นเดี่ยวๆครับ เกิดบนพื้นผิวเลนส์ด้านนอก  กลายเป็นผิวสากๆ ด้านๆ   เช็ดไม่ออก  ขูดไม่ออกครับ   เนื้อเลนส์ตายไปเลยครับ   ไม่รู้ว่าไปโดนอะไรมา  แต่ตอนผมได้มามันก็เป็นแบบนี้แล้ว คาดว่าไปโดนสารเคมี หรือว่าชิ้นแก้วมันเสื่อมสภาพไปเอง   หมดทางเยียวยาเช่นกัน   ต้องเปลี่ยนชิ้นแก้วสถานเดียว จากคุณ : tamrong เขียนเมื่อ : 30 ต.ค. 52 08:28:54

ความคิดเห็นที่ 6   ชนิดที่ 3 ชนิดนี้ ไม่ยากครับ   เกิดจาก  ไอน้ำมัน หล่อลื่น  ในกระบอกเลนส์ระเหยไปจับเข้ากับชิ้นเลนส์ ถอดออกมา เช็ดออกได้ ชนิดที่ 4   เกิดจากความชื้น เช่นเอาเลนส์ไปลุยแถวน้ำตก ไปตากฝน แล้วน้ำเข้าเลนส์   เกิดเป็นฝ้าหนะครับ   ถอดออกมาเป่าๆเช็ดๆ เหมือนชนิดที่ 3  ครับ ถ้าทิ้งให้ชื้นไว้นานๆ อาจเป็นราครับ ไม่มีภาพประกอบ เพราะผมเช็ดออกหมดแล้ว จากคุณ : tamrong เขียนเมื่อ : 30 ต.ค. 52 08:34:46

ความคิดเห็นที่ 7   ดูฝ้าแล้ว ดูรากันมั่ง   รา  เกิดบนแก้ว  แต่ไม่ได้กินแก้วนะครับ แต่มันกิน สาร multicoat  บนเนื้อแก้ว   สีม่วงๆ เขียวๆ ที่สะท้อนแสงหลอดไฟนั่นหละครับ อันนี้ ราเด็กๆ   เช็ดทีเดียวก็หาย  สบายๆ จากคุณ : tamrong เขียนเมื่อ : 30 ต.ค. 52 08:42:33

ความคิดเห็นที่ 8   แต่ถ้าปล่อยไว้นานๆ   รักซึมลึก บรรยากาศดี  ความรักก็งอกงาม มันก็เจริญงอกงาม จนเต็มไปหมดหละครับ และแล้ว  มันก็จะกลายเป็นแบบนี้ ฝังรากลึก บางทีก็เข้าไปในเนื้อแก้ว   เหมือนต้นไทร ไชคอนกรีต  ยังไงยังงั้น   ถ้าเป็นถึงขั้นนี้ เช็ดออก แต่ก็จะทิ้งรอยเอาไว้เป็นทางครับ จากคุณ : tamrong เขียนเมื่อ : 30 ต.ค. 52 08:44:28

ความคิดเห็นที่ 9   เอาไปดูกันชัดๆ   ผมสยองคนเดียวไม่พอ แบ่งๆกันไปสยองทุกคนครับ  555 จากคุณ : tamrong เขียนเมื่อ : 30 ต.ค. 52 08:46:40

ความคิดเห็นที่ 10   ขอบคุณน้า tamrong ครับ จากคุณ : jaboo@cmu เขียนเมื่อ : 30 ต.ค. 52 08:48:13

ความคิดเห็นที่ 11   ชนิดสุดท้ายที่เจอ เลนส์มันเป็นตามด เป็นจุดๆๆๆ อ่ะครับ เลนส์ตัวนี้  60 ปีแล้ว ถ้าเป็นคนก็อายุ 100 ปีแล้ว  อยู่ๆจะตายก็ไม่แปลก   เกิดจากอะไรก็ไม่รู้เหมือนกัน  อาจเป็นสารกัมมันตรังสี หรือไอน้ำตกค้างแล้วเป็นตะกรันก็ได้ครับ   แต่ยังไม่กล้าแกะมาเช็ดเพราะมันแพง จากคุณ : tamrong เขียนเมื่อ : 30 ต.ค. 52 08:51:38

ความคิดเห็นที่ 12   Save ด่วน เพราะดันมี Sigma อยู่ 2 ตัว เห็นภาพที่ 8-9 แล้วสยองมากครับน้า tamrong.... ขอบคุณครับ แก้ไขเมื่อ 30 ต.ค. 52 08:55:36 จากคุณ : oBlem เขียนเมื่อ : 30 ต.ค. 52 08:51:51

ความคิดเห็นที่ 13   การเก็บรักษาเลนส์ที่ดี 1.  ห้าม!  เอาใส่กระเป๋ากล้อง แล้วใส่ไว้ท้ายรถ  จอดตากแดด  เด็ดขาด   มีสิทธิฝ้ารับประทานสูง   2.  ไม่ใช่แค่ Sigma   Sigfa เท่านั้น ที่มีสิทธิเป็นฝ้า    ไม่ว่า  Nikon   Canon   Leica  tamron tolkina  oly   carl zeiss     ถ้าเอาไปทำแบบ ข้อ 1   ก็มีสิทธิ์โดนฝ้ารับประทานทั้งนั้น   3.   ฝ้าเกิดมีสิทธิเกิดได้เสมอ  ตราบใด ที่เลนส์ตัวนั้น   มีการใช้ชิ้นเลนส์แบบ compound   (มันก็ใช้กันหมดแทบทุกรุ่น ทุกยี่ห้อหละครับ) 4.   ความชื้นทำให้เกิดรา  ความร้อน ความอับ การเปลี่ยนอุณหภูมิ  ทำให้เกิดฝ้า 5.  เก็บเลนส์ในที่แห้ง เย็น อากาศถ่ายเทได้ดี   เอามาใ้ช้บ่อยๆ   จอดไว้นานๆมีสิทธิขึ้นราทั้งนั้น   6.  สปอร์ของเชื้อรามีลอยอยู่ในอากาศทุกหนแห่ง  หลีกเลี่ยงสปอร์ของมันไม่ได้  แต่หลีกเลี่ยงไม่ให้มันงอกได้ จากคุณ : tamrong เขียนเมื่อ : 30 ต.ค. 52 09:04:13

ความคิดเห็นที่ 14   Sigma  สมัยเมื่อ  10 กว่าปีก่อน   เป็นฝ้ากันเยอะนะครับ    เป็นเพราะว่า เขาใช้กาว compound  ที่ไม่ค่อยทนอากาศร้อนหรือว่าไรไม่รู้   เจอบางตัว ส่องไม่ทะลุเลย  มัวยังกะนมข้นหวานผสมน้ำ แต่  Sigma  สมัยนี้  เขาพัฒนาแล้วครับ  เพราะว่าสมัยก่อนโดนเคลมเยอะ    ถ้าไม่เอาไปวางตากแดด เก็บไว้กระโปรงหลังรถ   ก็ไม่น่าเป็นฝ้าแล้วนะครับ จากคุณ : tamrong เขียนเมื่อ : 30 ต.ค. 52 09:13:02

ความคิดเห็นที่ 15   เก็บไว้ในกระโปรงรถ อากาศร้อนๆ หรือ แห้งมากๆ ... มีสิทธิลุ้นฝ้าขึ้นครับ อากาศร้อนจัด ทำให้น้ำ หรือ น้ำมันในกาว/จารบี/สารหล่อลื่น จะระเหยเป็นไอขึ้นมาได้มากกว่าเดิม พออากาศเย็นลง น้ำหรือ น้ำมันนั่นจะกลั่นตัว จับผิวที่เรียบๆ .. ก็ผิวแก้วของเลนส์นั่นแหละ ----------------- ฝ้่า จะเกิดขึ้นมาได้ ต้องมีควาามเข้มข้นของละอองน้ำมันที่บริเวณผิวแก้ว สูงมากพอควร ----------------- ถ้าเก็บเลนส์ไว้นิ่งๆ .. ไม่มีความเคลื่อนไหวของกระแสอากาศในเลนส์ ... ละอองไอที่ว่ามา ก็จะสะสมที่ผิวแก้วเพิ่มมากขึ้น และมีสิทธิไปเกาะผิวแก้วมากขึ้นเช่นกัน ยิ่งเก็บไว้ในที่แห้งมาก ... แรงดันย่อยของไอน้ำมันในอากาศมันต่ำ ... จารบี/น้ำมันหล่อลื่น จะระเหยได้เร็วขึ้น (อีกไม่กี่วัน .. ผิวหน้าเราก็จะเป็นแบบนั้น .. มันเข้าหน้าหนา่วแล้ว ) ----------------- ถ้าเป็นชิ้นแก้วประกบ (compound lens) ... ช่องว่างอากาศที่อยู่ระหว่างผิวเลนส์ แม้นิดเดียว .. ก็ก่อปัญหาได้ เลนส์ดีๆ .. เน้น .. เลนส์ดีๆ ก่อนผนึกเลนส์ เขาจะผนึกเลนส์ใน บรรยากาศที่มีไนโตรเจนแห้งบริสุทธิ์ และแห้่ง (เลนส์กล้องดูดาว และเลนส์กล้องส่องทางไกลดีๆ .. แพงๆ ก็ทำเช่นนั้น) เพื่อป้องกันปัญหาฝ้านี่ ----------------- พูดมา่เยอะ .. แต่เมื่อเข้าใจสาเหตุทุกอย่าง เราก็มีวิธีสั้นๆง่ายๆ ป้องกันปัญหา 1. ไม่เก็บเลนส์ในที่แห้่งเกิน เป็นเวลานานๆ ... ... กันไอละอองระเหยเร็ว (เน้น .. โดยเฉพาะคนมีเลนส์เยอะมากๆๆๆๆ ) 2. ไม่เก็บเลนส์ในที่ร้อน เป็นเวลานานๆ  ... กันไอละออง ระเหยเร็ว 3. นำเลนส์ออกมาใช้บ่อยๆ .. เพื่อให้อากาศใหม่ ที่ไม่มีละอองฝ้า เข้าไปแลกเปลี่ยนกับอากาศภายในกระบอกเลนส์ ที่อยู่นิ่งๆ  และลดโอกาสที่จะทำให้ ละอองฝ้าตกลงไปเกาะผิวเลนส์ ------------------------------------------ sigma ที่ว่าเกิดฝ้าง่ายๆๆๆๆๆๆๆๆ ... จะเกิดกับคนที่มี่เลนส์เยอะๆ อย่างที่ว่า รุ่นที่ผลิตส่งไปขายยุโรปเหนือ .. จะใช้จารบีค่อนข้างเหลว เพราะอากาศค่อนข้างเย็นทั้งปี มีบางล็อต (หลายล็อตเลยหละ) ที่ส่งมาขายแถบเอเซียใต้ .. มันโดนความร้อนสูงเป็นประจำ บวกกับการ"เก็บ"อย่างดี เลยเจอฝ้าเป็นแถบ ทางเราบ่นกันตรึม แต่ทางยุโรปเหนือ .. แทบไม่มีเสียงบ่นเรื่องฝ้าของเลนส์ sigma เลยก็ว่าได้ (ลอง google ดู .. จะพบแต่ปัญหาอื่นๆ) จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 30 ต.ค. 52 09:58:26

ความคิดเห็นที่ 16   กว่าจะรู้เรืองนี้ ... ต้องสังเวยด้วยเลนส์ 4 ตัว จาก 4 ยี่ห้อ .. ฝ้ารับประทานเรียบ! ... เพราะเก็บไว้ในห้องเย็น (20.0 องศาซี), อากาศแห้งสนิท (RH 30% +/- 2.5%) และไม่มีความสั่นสะเทือนใดๆทั้งสิ้น ... เก็บปีกว่าๆ เท่านั้นเอง แต่ไม่มีราขึ้นเลย จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 30 ต.ค. 52 10:01:31

ความคิดเห็นที่ 17   โอ้โห กลับมาได้ ความรู้เพียบเลย กระทู้แบบนี้ขอ เซฟเก็บไว้ อ่านใช้ไปนาน ๆ เลย - น้าTamrong ค่ะ เลนส์ที่เป็นเชื้อราแบบนั้น ยังใช้ถ่ายรูปได้มั้ยค่ะ เลนส์ที่ขึ้นเป็นตามด ด้วยหน่ะค่ะ ภาพมันจะแปลกออกไปจากเดิมมั้ยค่ะ จากคุณ : ฟ้าสีหม่น คืนไร้ดาว เขียนเมื่อ : 30 ต.ค. 52 10:13:00

ความคิดเห็นที่ 18   น้าแมวเหมียวค่ะ ถ้าเก็บกระเป๋ากล้องไว้กระโปรงท้ายรถแจ๊ส โดยเก็บไว้ในกล่องอีกทีนึง และจอดรถไว้ ใต้อาคารตลอด ในรถจะไม่ร้อนมากเสมือนที่จอดตากแดด อาทิตย์นึง อาจจะเป็นแบบนี้ ทั้งอาทิตย์ รึไม่ก็ อาทิตย์นึง ทำแบบนี้ ซัก 2 - 3 วัน นี่ ความเสี่ยงจะสูงขึ้นมั้ยค่ะ แล้วถ้า เราไปน้ำตก ทะเล หรือที่ไหน ๆ บังเอิญไปเจอ ละอองฝน ละอองน้ำ หรือว่า น้ำค้าง ช่วงหนาวนี้ ... เรามีวิธีการรักษาเลนส์ให้ปลอดภัยจาก เชื้อรา และ ฝ้า ยังไงค่ะ ขอบคุณอีกครั้งค่ะ จากคุณ : ฟ้าสีหม่น คืนไร้ดาว เขียนเมื่อ : 30 ต.ค. 52 10:16:00

ความคิดเห็นที่ 19   ^ ^ ^ เก็บกล้องไว้ในรถ  จอดรถใต้อาคาร ความเสี่ยงสูงมากครับ   ยิ่งกว่าเป็นฝ้า เป็นราอีกครับ   ลองดูกระทู้เหล่านี้ครับ http://www.pantip.com/cafe/camera/topic/O8389197/O8389197.html http://www.thaidphoto.com/forums/showthread.php?t=144283 http://www.thaidphoto.com/forums/showthread.php?t=144954 http://www.thaidphoto.com/forums/showthread.php?t=144291 http://www.thaidphoto.com/forums/showthread.php?t=143831 รูปจากเลนส์ฝ้า เลนส์รา  เดี๋ยวหามาลงให้ดูครับ จากคุณ : tamrong เขียนเมื่อ : 30 ต.ค. 52 10:23:16

ความคิดเห็นที่ 20   พวกฝ้า รา นี่  เวลาเป็นแล้ว มันจะลดควาัมสว่างใส ของเลนส์ลงไปครับ ยิ่งเ้ป็นเยอะ ภาพยิ่งมัว ถ้าเป็นเยอะมากๆ  ก็เละไปเลย ถ้าถ่ายตามแสง ก็พอถูไถ   แต่ถ้าถ่ายในที่แสงไม่มีทิศทาง  หรือแสงฟุ้งนี่  ก็ออกมาขาวจ๊วกเลยครับ   อย่างตัวนี้ เป็นฝ้าบางๆ  ถ่ายมาแล้วทำให้ไม่ชัดเท่าที่ควรครับ จากคุณ : tamrong เขียนเมื่อ : 30 ต.ค. 52 10:31:53

ความคิดเห็นที่ 21   อ๋อ พอจะเข้าใจ ล่ะค่ะ เอิ๊ก อ่านเคสต่าง ๆ ที่เกิดจากวางไว้ในกระโปรงท้ายรถ แล้ว ก็ เสียวค่ะ จากคุณ : ฟ้าสีหม่น คืนไร้ดาว เขียนเมื่อ : 30 ต.ค. 52 10:50:45

ความคิดเห็นที่ 22   ขอบคุณน้าๆมากครับ ได้ความรู้ดีจริงๆ จากคุณ : kengDD เขียนเมื่อ : 30 ต.ค. 52 15:03:13

ความคิดเห็นที่ 23   ขอบคุณครับ จากคุณ : food fighter เขียนเมื่อ : 30 ต.ค. 52 21:54:06