|
ความคิดเห็นที่ 50 |
|
Energetic Success Era :
หลังจากที่กลายเป็นปรากฎการณ์แห่งความสำเร็จในช่วงคาบต่อของปี 2007 - 2008 Perfumeไม่ได้หยุดตัวเองอยู่แค่แวดวงดนตรีอีกต่อไป พวกเธอทำให้กลิ่นหอมของน้ำหอม techno ลอยฟุ้งไปยังแวดวงอื่นๆด้วย ไม่ว่าจะเป็นรายการโทรทัศน์ต่างๆ ซีรียส์ที่นำเพลงของเธอไปเป็นเพลงประกอบ แคมเปญโฆษณาสารพัดสินค้า หรือแม้แต่แวดวงการ์ตูน ที่เอาคาแรคเตอร์ของพวกเธอไปล้อเลียนหลายเรื่อง... ยิ่งเป็นการเพิ่มทวีความรุนแรงของกลิ่นน้ำหอมมากขึ้นเท่าตัว....
Perfume หายหน้าไปประมาณ 4 - 5 เดือน พวกเธอก็กลับมาอีกครั้งในกลางปี 2008 พร้อมกับซิลเกิลใหม่ หลังจากที่ผ่านช่วงอัลบั้ม GAME ไปแล้ว นั่นก็คือซิงเกิลที่ชื่อว่า love the world ... ซึ่งก็ได้สร้างประวัติศาตร์หน้าใหม่ให้กับวงการเพลงญี่ปุ่นอีกครั้ง โดยการเป็นซิงเกิลเพลง techno เพลงแรกในประวิตศาสตร์ของญี่ปุ่น ที่สามารถทยานขึ้นไปสู่อันดับที่ 1 ของ oricon chart ได้ ... ทำลายสถิติเพลง Kimi ni, Mune Kyun ซึ่งเป็นเพลงของ Yellow Magic Orchestra ที่อยู่ในอันดับ 2 เมื่อปี 1983 หรือเมื่อ 25 ปีที่แล้วลงไปได้...
เป็นที่น่าสังเกตว่า love the world นั้น ค่อนข้างที่จะแตกต่างไปจากเพลงในอัลบั้ม GAME ในมิติของเนื้อร้อง... โดยมีแฟนเพลงต่างชาติคนหนึ่งได้กล่าวเอาไว้ว่า... หาก GAME คือ น้ำหอมที่มีไว้สำหรับฉีดตอนเต้น... love the world ก็เป็นสิ่งที่บ่งบอกว่า Perfume ในยุคใหม่ กำลังจะทำน้ำหอมที่เอาไว้ฉีดในตอนร้องเพลงจริงๆออกมาแล้ว... เนื่องจากเนื้อร้องของเพลงในอัลบั้ม GAME นั้น มีเท่าหอยขม... มันเหมาะสำหรับเปิดตาม club มากกว่า...ไม่เหมาะสำหรับจะเอาไว้ร้องเพลงสังสรรค์เลย... แต่ love the world นั้น เป็นมิตรกับเครื่องคาราโอเกะมากขึ้น เพราะเนื้อร้องของเพลงนั้น เป็นเหมือนกับเพลงทั่วไปตามท้องตลาด เป็นเรื่องเป็นราว ไม่ใช่วลี กลอนไฮกุ ให้ต้องมานั่งตีความเพิ่ม เพราะมันหาสาระไม่ได้ แบบที่เป็นในอัลบั้ม GAME นั่นเอง.... นับว่าเป็นการพัฒนา skill ของนากาตะในฐานะของนักแต่งเพลงด้านเนื้อร้องอีกขั้นไปด้วย...
และแล้วเมื่อฤดูหนาวมาเยือน ก็เป็นธรรมเนียมสำหรับ Perfume ที่จะต้องมี single รับฤดูหนาวเหมือนศิลปินอื่นๆ... แต่ที่ต่างจากชาวบ้านทั่วไป นั่นก็เพราะ เพลงคนอื่นน่ะเป็นเพลงบัลลาด แต่เพลงของ Perfume น่ะ...มันต้องเต้นกันแก้หนาว... หลังจากที่ประสบความสำเร็จมาแล้วกับเพลง Twinkle Snow Powdery Snow และ Baby cruising Love ... ซิงเกิลรับฤดูหนาวเพลงที่ 3 จึงกลายเป็นเพลงที่แฟนๆตั้งตารอคอยมากที่สุด.... และก็ไม่เป็นที่ผิดหวังเมื่อ Dream Fighter ปราก ฎโฉมออกมา พร้อมกับแนวดนตรีที่มีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ลดความโนเนะลงไป และใส่ความเป็นผู้หญิงเจริญวัยอย่างเต็มเปี่ยม ...แน่นอนว่าเนื้อเพลงเป็นมิตรกับคาราโอเกะเช่นเคย...แต่ที่แปลกตาไปก็คือ ท่าเต้นของเพลงนี้ ที่อาจารย์ MIKIKO ปล่อยของออกมาแบบไม่ยั้ง... จนกลายเป็นท่าเต้นที่เต้นยากมากที่สุดเพลงหนึ่งสำหรับวง cover ทั้งหลายเลยทีเดียว... และด้วยความยาก และความสวยงามของท่าเต้นนี้เอง... Dream Fighter จึงได้รับรางวัล Best Choreography of the Year ประจำปี 2008 ไปในที่สุด....
นอกจากรางวัลท่าเต้นยอดเยี่ยมดังกล่าวแล้ว... ด้วยผลงานอันโดดเด่นตลอดปี 2008 ที่ผ่านมา... ทำให้ Perfume ได้รับรางวัล Best New Artist of the Year ไปด้วย...ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าตลกมากๆ...เพราะกว่า Perfume จะได้รางวัลนี้ ก็ต้องรอเวลาให้ผ่านไปกว่า 7 ปี นับตั้งแต่ได้ก่อกำเนิดที่ฮิโรชิมาเมื่อปี 2001... แต่ใครจะสน... เพราะรางวัลนี้ทำให้พวกเธอทั้ง 3 คนร้องไห้พร้อมกันอีกครั้ง...เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว.... นอกจากนี้ Marty Friedman อดีตมือกีตาร์ของวง Megadeth ที่เป็นวงเฮฟวี่ร๊อกในช่วงปี 90 ซึ่งได้ย้ายมาหากินอยู่ที่ญี่ปุ่นเพราะมีเมียเป็นคนโตเกียว... ได้กล่าวสรรเสริญ Perfume ว่า... "The group which had the biggest influence on the Japanese music industry in 2008" อีกทั้งได้เยินยอต่ออีกว่า พวกเธอเป็นตำนานในระดับเดียวกันกับที่ Yellow Magic Orchestra เคยเป็นมาเลยทีเดียว...และเขาก็เชื่อว่าพวกเธอสามารถไปได้ไกลกว่า Yellow Magic Orchestra อีกด้วย...
ในช่วงนี้เอง ที่ Perfume ได้เข็น live การแสดงสดของตัวเองออกมาขาย...ซึ่งเป็นครั้งแรกเช่นกันที่พวกเธอได้แสดงในเวทีระดับชาติอย่าง Nippon Budokan และ Yoyogi National Gymnasium เป็นเครื่องหมายที่ตอกย้ำให้เห็นว่า...พวกเธอกลายเป็นหนึ่งในระดับบิ๊ก ของวงการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว... และ DVD การแสดงสดของพวกเธอ ก็แรงจนถึงขนาดตบหน้าตัวแม่ของวงการอย่าง Koda Kumi และ Amuro Namie ด้วยยอดขายที่สูงกว่าอีกด้วย...
พวกเธอเปิดศักราชใหม่ในปี 2009 ด้วยสองโปรเจคสำคัญ นั่นก็คือ ซิงเกิล One Room Disco ที่เป็นซิงเกิลที่ 2 ของพวกเธอที่ขึ้นอันดับ 1 oricon chart อีกครั้ง... และโปรเจค รายการทีวีที่มีพวกเธอเป็นพิธีกรในชื่อว่า Perfume's Chandelier House ยิ่งเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นแม่เหล็ก และเป็นสินค้าชิ้นสำคัญของวงการดนตรี อันส่งอิทธิพลต่อภาคส่วนอื่นๆของสังคมญี่ปุ่นอีกด้วย... โปรเจค Perfume's Chandelier House นั้นประสบความสำเร็จอย่างสูงจนรายการ Music Japan (รึเปล่าวะ) นำ Perfume ไปเป็นพิธีกรพิเศษ ประจำได้มาสที่ 2 และ 3 ของปี 2009 นี้ด้วย...
และเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม ที่ผ่านมา อัลบั้มที่ 3 ของ Perfume ก็ออกวางขายตามท้องตลาด... ซึ่งได้สร้างความสนใจมาตั้งแต่ชื่ออัลบั้มที่มีการใช้ สัญลักษณ์ เป็นชื่ออัลบั้ม นั่นก็คือ Triangle ... อีกทั้งยังเป็นอัลบั้มที่ 2 ของพวกเธอที่สามารถขึ้นถึงอันดับ 1 ของ oricon chart ... ทำให้ Perfume กลายเป็นเจ้าของสถิติวง techno ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวิตศาสตร์วงการเพลงญี่ปุ่นไปโดยปริยาย....
และเมื่อได้รับฟังอัลบั้มนี้แล้ว ก็เกิดกระแสปั่นป่วนอีกครั้งในหมู่แฟนเพลง โดยเฉพาะแฟนเพลงในอินเตอร์เน็ต เพราะ Triangle เป็นอัลบั้มที่แสดงให้เห็นว่า Perfume เปลี่ยนไปแล้วอย่างสิ้นเชิง... หมดยุคสมัยของเด็กสาวแอ๊บแบ้ว สดใส วัยประจำเดือนอีกต่อไป... กลายเป็นหญิงสาวที่โตเต็มวัย ผู้หญิงเต็มตัว... สอดคล้องกับภาพลักษณ์ของพวกเธอที่เปลี่ยนไป เมื่อออกรายการทีวี ซึ่งในอดีตนั้น เด็กสาวทั้ง 3 คนจะดัดเสียงเล็กเสียงน้อยในระดับที่เรียกได้ว่า "ดาดจาหรีด" จนเป็นที่เคยชินของทุกๆคน... แต่ในปีหลังๆ ที่ผ่านมา... โทนเสียงการพูดของพวกเธอ รวมไปถึงจักหวะจะโคนของการพูด กลับมาเป็นคนปกติเดินดินทั่วไปแล้ว... ประกอบกับการมีข่าว gossip เกี่ยวกับ ความไม่เวอร์จิ้น ของสมาชิกทั้ง 3 คน โดยเฉพาะ Nocchi และ Kashiyuka ที่มีภาพถ่ายพาพาราซซี่ของเธอกับชายหนุ่ม กำลังสวีทหวานกันอยู่ ... กลายเป็นความหวันเกรงเป็นที่ยิ่งว่า ความนิยมของพวกเธอกำลังจะลดลงไป... แต่เมื่อพิจารณาแล้วว่า Perfume เป็นศิลปินที่มีความ mass มากกว่า การเป็นขวัญใจโอตาคุ เหมือนแต่ก่อน ก็น่าจะเบาใจได้แล้วว่า.. ผลกระทบที่ตามมาของเรื่องนี้ น่าจะเบาบาง ไม่หนักหนาสาหัส เหมือนอย่างที่สื่อต้องการอยากให้เป็น....
และเมื่อมาพิจารณาด้านดนตรีของ Triangle แล้ว...ก็พบว่า ดนตรีในอัลบั้มนี้ นอกจากจะมีความเป็นมิตรกับคาราโอเกะมากขึ้น... แต่ก็ยังมีสไตล์ที่เติบโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นด้วย... โดยปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เพลงของ Triangle มีความใกล้เคียงกับอัลบั้มในยุคกลางๆของ capsule เป็นอย่างยิ่ง ... เพราะเป็นเพลงที่อยู่สไตล์ Jazzy , Bossa , 80 อย่างชัดเจน... แต่ก็ไม่ได้ฟังยากจนเกินไป เพราะยังมีความเป็น pop อย่างสูง.. ทำให้คนฟังรู้สึกเพลิดเพลินไปกับเพลงด้วยได้อย่างไม่ยากเย็นนัก... ที่สำคัญก็คือ แนวเพลงแบบนี้ สามารถเข้าถืงคนฟังในวงกว้างมากขึ้น และก็ทำให้ Perfume ดูเป็นผู้หญิงสมวัยมากขึ้นอีกด้วย... นับว่าเป็นการก้าวไปสู่แนวเพลงและภาพลักษณ์แบบใหม่ของ Perfume อีกครั้งหนึ่ง...
จากคุณ |
:
PB ลูกพ่อ Kahn
|
เขียนเมื่อ |
:
11 พ.ย. 52 04:29:41
|
|
|
|
|