Box Office สุดสัปดาห์ที่ 11 - 13 ธันวาคม 2541
Star Trek: Insurrection หนังภาคต่อจากทุนสร้าง $60M ของค่าย Paramount ขึ้นสู่อันดับหนึ่ง Box Office ในการเปิดฉายสัปดาห์แรกอย่างงดงามตามความคาดหมาย ด้วยรายได้ $22.1M จากจำนวน 2,620 โรง รายได้เฉลี่ยสูงถึง $8,417 เลยทีเดียว ภาคที่ 9 บนจอใหญ่ของหนังชุดนี้ ยังไม่แรงเทียบเท่ากับ 2 ตอนที่ผ่านมา คือFirst Contact (เปิดตัว $30.7M ในปี 1996 สิ้นสุดโปรแกรมที่ $92M) และ Generations (เปิดตัว $23.1M ในปี 1994) แต่ก็ยังนับว่าไม่เสียชื่อนัก และเนื่องจากเป็นธรรมชาติของหนังแนว sci-fi ที่รายได้จะร่วงลงค่อนข้างมากในสัปดาห์ที่สอง แถมยังเจอกับกระดูกชิ้นโตอย่างThe Prince of Egypt และ You've Got Mail ที่จะเปิดฉายสุดสัปดาห์หน้าด้วยแล้ว เชื่อว่าค่ายดาวภูเขาคงจะหนักใจอยู่ไม่ใช่น้อย มาคราวนี้ Patrick Stewart ผู้รับบท Captain Picard นำทีมลูกเรือชุดเดิมของยาน U.S.S. Enterprise จาก Generations กลับมาโลดแล่นในอวกาศอย่างครบชุด อันประกอบด้วย Jonathan Frakes (ควบตำแหน่งผู้กำกับหนังด้วย), Brent Spiner, LeVar Burton, Michael Dorn, Gates McFadden, และ Marina Sirtis นอกจากนั้นก็ยังมีดารารางวัลออสการ์จาก Amadeus เมื่อปี 1984, F. Murray Abraham และเจ้าของรางวัล Tony, Donna Murphy ร่วมแสดงด้วย อันดับ 2 แชมป์เก่าสองสัปดาห์ A Bug's Life หนังอนิเมชั่นจากงานสร้างของ Disney/Pixar โดนเขี่ยตกลงมาจากบัลลังก์ ทำรายได้ไปอีก $11.2M ลดลงแค่ 35% จากสัปดาห์ที่แล้ว ฉายมา 19 วันทำเงินไปแล้ว $83.5M นับว่าสูสีกับ Toy Story หนังเรื่องที่แล้วของทีมสร้างคู่นี้ที่ได้ไป $83.1M ในช่วงเดียวกันเมื่อปี 1995 และรายได้รวมขณะนี้ยังแซง 101 Dalmatians หนังของดีสนีย์ในเทศกาลนี้เมื่อปี 1996 ไปแล้ว 11% (101 Dalmatians ทำเงินไปทั้งสิ้น $75.6M ไปจบโปรแกรมที่ $136.2M) คาดว่าประมาณวันเสาร์ที่จะถึงนี้จะทำเงินแซงหน้าคู่แข่ง Antz ของค่าย DreamWorks ที่ตอนนี้ยอดรายได้รวมอยู่ที่ $86.4M หนังใหม่ของ Michael Keaton , Jack Frost ทำเงินมาเป็นอันดับ 3 เปิดตัวสัปดาห์แรกด้วยรายรับ $7.1M จากจำนวน 2,152 โรง ทำรายได้เฉลี่ยต่อโรง $3,301 หนังเรื่องนี้เป็นเรื่องของพ่อผู้เสียชีวิต แล้วกลับมาหาลูกในรูปของตุ๊กตาหิมะ (snowman) รายได้ของหนังที่ Michael Keaton แสดงนับแต่ทิ้งบทมนุษย์ค้างคาวมาก็คือ Desperate Measures (รายได้รวม $13.3M), Jackie Brown (รายได้รวม $39.7M),Multiplicity(รายได้รวม $20.1M), และ Speechless (รายได้รวม $20.6M) โดยทั่วไปแล้ว หนังแนวครอบครัวที่เข้าฉายในเดือนธันวาคม มักจะทำเงินไปได้เรื่อยๆ คาดว่า Jack Frost ก็อยู่ในข่ายนี้เช่นกัน Enemy of the State จากค่าย Buena Vista ตกจากอันดับสาม ลงมาอยู่อันดับ 4 ทำเงินไปอีก $6.7M ลดลงแค่ 31% ตอนนี้ฉายไป 24 วัน ทำรายได้ไปแล้วทั้งสิ้น $72.2M และยังไม่มีท่าทีหมดแรง ทั้งที่เจอ Star Trek: Insurrection เข้ามาแย่งคนดู ส่วนอันดับ 5 The Rugrats Movie ตกลงมาจากอันดับ 4 ได้ไปอีก $4.5M ลดลง 41% จากสัปดาห์ก่อน ฉายไป 24 วันเช่นกัน ทำเงินไปแล้ว $73.2M หนังตลก The Waterboy ของพระเอก Adam Sandler ตกลงมา 1 อันดับเช่นกัน ตอนนี้อยู่อันดับ 6 ทำรายได้ไปอีก $4.4M รายได้รวมตอนนี้อยู่ที่ $136.6M ขึ้นแป้นหนังทำเงินสูงสุดประจำปี 1998 เป็นอันดับ 6 กำลังใกล้จะแซง Deep Impact ($140.5M) และ Doctor Dolittle ($144.1M) เข้าไปทุกที และจากการประสบความสำเร็จของ A Bug's Life, Enemy of the State และ The Waterboy รวมกัน ทำให้รายรับของค่าย Buena Vista ผ่านหลักหนึ่งพันล้านเหรียญไปแล้วเรียบร้อย ตามหลังค่าย Paramount Pictures ที่ล่วงหน้าไปก่อน หนังสามเรื่องของค่าย Universal Studios เกือบรั้งท้าย top-ten ในตาราง Box Office รายได้เฉลี่ยต่อโรงยังออกอาการน่าเป็นห่วง เริ่มจากPsycho ที่ตกลงมาอย่างรุนแรงจากอันดับ 2 เมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้วซึ่งเป็นการเปิดตัว สัปดาห์นี้ตกวูบลงมาอยู่อันดับ 7 รายได้ลดลงถึง 62% สัปดาห์นี้ทำเงินได้แค่ $3.8M รวมแล้ว 10 วันทำเงินไปเพียง $15.6M คาดว่าคงไปได้ไกลที่สุดก็แค่หลัก $20-25M จากทุนสร้าง $25M คงต้องหวังพึ่งรายรับจากตลาดนอกอเมริกา หรือเคเบิ้ลทีวี หรือไม่ก็วิดีโอเสียแล้ว อันดับ 8 Meet Joe Black หนังโรม๊านซ์ของ Brad Pitt ตกจากอันดับ 6 ลงมาอยู่อันดับ 8 ทำรายได้ไปอีก $1.7M ลดลง 31% จากสุดสัปดาห์ก่อน ตอนนี้ทำเงินได้เพียง $41.5M เท่านั้น ส่วนอันดับ 9 เป็นหนังจากค่าย Universal เช่นเดียวกัน Babe: Pig in the City ที่ลงทุนสร้างมหาศาลถึง $80M ทำรายได้จากการฉายเป็นสัปดาห์ที่ 3 ได้ไป $1.7M ลดลงแค่ 30% ตอนนี้เพิ่งจะเก็บเงินได้แค่ $13.6M เท่านั้นเอง หนังพีเรียดตัวเก็งออสการ์ดารานำฝ่ายหญิง ของสังกัด GramercyElizabeth ฉายเป็นสัปดาห์ที่ 6 ตกลงมาอยู่อันดับ 10 หนังที่เปิดฉายแบบชิมลางสัปดาห์นี้ ได้แก่ A Simple Plan ของ Sam Raimi ในสังกัดค่าย Paramount เปิดฉายแค่ 31 โรง ทำเงินไป $390,563 เฉลี่ยสูงถึง $12,599 หนังเรื่องนี้นำโดย Bill Paxton, Billy Bob Thornton, และ Bridget Fonda ได้รับคำวิจารณ์ว่าเป็น 1 ใน 10 หนังยอดเยี่ยมประจำปีนี้ของ National Board of Review แถม Billy Bob Thornton ยังไปชนะรางวัลดาราสมทบชายจากสมาคมนักวิจารณ์หนังฝั่ง L.A. (Los Angeles Film Critics Association) ครองรางวัลร่วมกับกับ Bill Murray จาก Rushmore ของค่าย Buena Vista ที่ฉายแค่ 2 โรง แต่ทำรายได้เฉลี่ยไปถึง $21,833 (ในขณะที่ในงานนี้ ตัวเก็งออสการ์Saving Private Ryan คว้าไปถึงสามรางวัลใหญ่ คือหนังยอดเยี่ยม, ผู้กำกับยอดเยี่ยม และ cinematography) แล้วยังไปเสมอกับ William H. Macy ในรางวัลจาก Boston Society of Film Critics อีกหนึ่งรางวัล งานนี้ Paramount คงจะใช้กลยุทธเพิ่มโรงฉายมากขึ้นเรื่อยๆ ในสัปดาห์ถัดๆไปเพื่อหวังแรงส่งจากปากต่อปาก อีกเรื่องที่ฉายแบบหวังกล่อง คือ Shakespeare in Love ของค่าย Miramax เปิดฉายแค่ 8 โรง แต่ทำเงินไป $224,012 เฉลี่ยต่อโรงอย่างน่าชื่นใจถึง $28,002 เลยทีเดียว ส่วน Waking Ned Devine ของค่าย Fox Searchlight หนังตลกจากอังกฤษตัวเก็งออสการ์ตามรอยของThe Full Monty ยังคงฉายแบบอินดี้ในสัปดาห์ที่ 4 ใน 49 โรง ได้ไป $554,922 เฉลี่ยแล้วได้ $11,325 ต่อโรง สุดสัปดาห์หน้าพบกับการมาถึงของหนังอนิเมชั่นระดับมหากาพย์ของค่าย DreamWorks, The Prince of Egypt และหนังโรแมนติกที่หลายคนรอคอย You've Got Mail ตารางรายได้ 20 อันดับหนังทำเงินสุดสัปดาห์ที่ 11-13 ธันวาคม 2541
|
ที่มา : Weekend Box Office โดย Box Office Guru
ข้อมูลเพิ่มเติม :