CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGang
เลือกดูกระทู้ใน Cafe         

Box Office สุดสัปดาห์ที่ 15 - 17 ธันวาคม 2549


สุดสัปดาห์นี้ เป็นเวลาทองของหนังประเภทครอบครัว แชมป์ตกเป็นของหนังดราม่า The Pursuit of Happyness ที่แสดงนำโดยแม่เหล็กอย่าง Will Smith เบียดหนังสำหรับครอบครัวอีกสองเรื่องไปอย่างสบายๆ หนังแฟนตาซี Eragon ตามมาติดๆ ที่อันดับสอง ในขณะที่หนังที่สร้างจากนิยายสำหรับเด็ก Charlotte's Web ตามมาห่างๆ ที่อันดับสาม

ยังคงแสดงความเจ๋งในการดึงดูดแฟนหนังเช่นเคย สำหรับ Wll Smith ที่หนังใหม่ล่าสุดของเขา The Pursuit of Happyness เปิดตัวสุดสัปดาห์แรกทำรายได้ไป $26.5M หลังจากที่มีข่าวดีมาก่อนหน้า คือการประกาศรายชื่อผู้เข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำ ซึ่งหนังเรื่องนี้ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง 2 สาขา คือผู้แสดงนำชายยอดเยี่ยมในหนังประเภทดราม่า ซึ่งก็คือ Will Smith นั่นเอง (ส่วนอีกสาขาก็คือเพลงประกอบยอดเยี่ยม) หนังทำรายได้เฉลี่ยไป $9,306 จากจำนวน 2,852 โรง หนังดราม่าเรื่องนี้ บอกเล่าถึงชีวิตของพ่อหม้ายลูกติด ที่ต่อสู้ทุกวิถีทางเพื่อชีวิตที่ดีกว่าของลูก จนกระทั่งวันหนึ่งก็ได้พบกับหนทางสู่ความสุข จนกระทั่งกลายเป็นสุดยอดเซลแมน ที่ประสบความสำเร็จที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกา ร่วมแสดงโดย Jaden Christopher Syre Smith ลูกชายตัวจริงของเขาเอง

The Pursuit of Happyness ขายความดังของ Will Smith โดยแท้ เพราะไม่ได้ใช้บริการผู้กำกับระดับแถวหน้า และผู้แสดงสมทบที่โด่งดัง หนังกำกับโดย Gabriele Muccino (The Last Kiss และ Remember Me, My Love) เขียนบทโดย Steven Conrad (Wrestling Ernest Hemingway, The Weather Man) ก่อนหน้านี้ หนังของ Will Smith ห้าเรื่องล่าสุด ได้แก่ Hitch, Shark Tale (พากย์เสียง), I, Robot, Bad Boys II และ Men In Black 2 กอบโกยรายได้จากทั่วโลกรวมกันไปได้ถึง $1.7 พันล้านเหรียญ และจากการเปิดตัวอย่างประสบความสำเร็จอีกครั้งในคราวนี้ ทำให้เชื่อได้ว่า นี่จะเป็นผลงานหนังระดับร้อยล้านเรื่องที่ 10 ของเขาในอีกไม่นาน (เฉพาะรายได้ในบ้าน) พร้อมทั้งความสำเร็จในด้านรางวัล ที่จะต้องจับตาดูกันต่อไป

สำหรับ Sony แล้ว The Pursuit of Happyness เป็นหนังเรื่องที่ 13 ของปีนี้ที่เปิดตัวขึ้นอันดับหนึ่งหนังทำเงินประจำสุดสัปดาห์ จากที่ปล่อยฉายมา 27 เรื่อง ซึ่งทำรายได้รวมกันไปได้ทั้งสิ้นถึง $1.57 พันล้านเหรียญ เฉพาะในอเมริกาเหนือ ซึ่งตอนนี้ยังมีเวลาโกยเงินอีกสองสัปดาห์เต็มๆ จากหนังที่ยังติด top ten อยู่ถึงสามเรื่อง ความสำเร็จในครั้งล่าสุดของ Sony ก็คือปี 2002 ที่ได้เงินมหาศาลจากหนังดังอย่าง Spider-Man เป็นหลักนั่นเอง

อันดับสอง มาแรงพอๆ กัน หนังผจญภัยแฟนตาซี Eragon จากค่าย Fox เปิดตัวด้วยรายได้ $23.2M จากจำนวน 3,020 โรง เฉลี่ยต่อโรงออกมาสูงถึง $7,695 หนังแสดงนำโดยหนุ่มหน้าใสใหม่เอี่ยมบนจอ Edward Speleers ร่วมด้วยนักแสดงระดับยอดฝีมืออย่าง Jeremy Irons, John Malkovich, Djimon Hounsou และ Rachel Weisz หนังสร้างจากตอนแรกของนิยายไตรภาคขายดีจากนักเขียนวัยทีน Christopher Paolini ด้วยความที่ Eragon เพียบไปด้วยเอฟเฟคตระการตา และทุนสร้างปึ้กๆ ถึงกว่าร้อยล้านเหรียญ และไม่มีหนังฟอร์มยักษ์อย่าง Lord of the Rings, Harry Potter หรือ The Chronicles of Narnia ให้ดูในช่วงปลายปี เหมือนปีที่ผ่านๆ มา ทำให้หนังได้รับการตอบรับที่ยอดเยี่ยมในด้ายรายได้ดังที่เห็น

ในประวัติศาสตร์ หนังที่ลงโรงฉายในเดือนธันวาคม มีเพียงครั้งเดียวที่มีหนัง 2 เรื่องทำรายได้เปิดตัวออกมามากกว่า $20M ในสุดสัปดาห์เดียวกัน เมื่อปี 1997 เมื่อ Titanic เปิดตัวชิงชัยจากสายลับ James Bond ไปด้วยรายรับ $28.6M ผลักให้ Tomorrow Never Dies ทำได้แค่รองแชมป์ด้วยรายรับ $25.1M และปีนี้ก็เป็นอีกครั้ง แม้ตัวเลขปีนี้จะไม่น่าตะลึงอย่างเมื่อปีที่แล้วที่ King Kong เปิดตัวอย่างอลังการด้วยรายได้สูงถึง $50.1M เบียดเอาหนังแฟนตาซี The Chronicles of Narnia: The Lion, the Witch and the Wardrobe ที่ฉายเป็นสุดสัปดาห์ที่สองให้ตกไปอยู่อันดับ 2 ทั้งที่ทำรายได้ต่อด้วยตัวเลขสูงถึง $31.8M แต่ผลงานของทั้งสองเรื่องในสุดสัปดาห์นี้ ก็ทำให้ตัวเลขของวงการโดยรวมออกมาดีทีเดียว

อันดับสามเป็นหนังเข้าใหม่ ที่มุ่งจับกลุ่มผู้ชมเด็กๆ และครอบครัวโดยตรง Paramount เปิดฉายหนังครอบครัว Charlotte's Web ที่สร้างจากนิยายดังระดับคลาสสิก "แมงมุมเพื่อนรัก" เปิดตัวไปด้วยรายได้ $11.5M จาก 3,566 โรง เฉลี่ยต่อโรงออกมาในระดับกลางๆ คือ $3,213 หนังได้นักแสดงเด็กผู้โด่งดังอย่าง Dakota Fanning และพากย์เสียงสารพัดสัตว์โดยนักแสดงและคนดังๆ อย่าง Julia Roberts, Oprah Winfrey และ John Cleese แม้ตัวเลขจะไม่ถึงกับน่าชื่นใจนัก แต่ Paramount ก็ยังหวังว่า ช่วงเทศกาลที่มีวันหยุดยาวอย่างนี้ จะช่วยให้รายรับกระเตื้องขึ้นมาได้บ้าง ในอดีต หนังสำหรับเด็กที่เปิดตัวในช่วงกลางเดือนธันวาคมอย่างนี้ โดยทั่วไปจะทำรายได้รวมท้ายโปรแกรมไปถึงประมาณ 6 ถึง 7 เท่าของรายได้เปิดตัว ยกตัวอย่างเช่น The Wild Thornberrys หนังแอนิเมชั่นเมื่อปี 2002 ที่เปิดตัวด้วยรายได้ $6M ก่อนจะไปได้ถึง $39.9M และหนังแอนิเมชั่น Jimmy Neutron: Boy Genius เมื่อปี 2001 เปิดตัวไปได้ $13.8M แล้วไปจบตัวเลขที่ $80.9M ด้วยความที่ Charlotte's Web ลงทุนสร้างไปถึงกว่า $80M จึงต้องลุ้นกันมากหน่อยว่าจะได้ทุนคืนมากแค่ไหน

เพนกวินนักเต้น Happy Feet จากค่าย Warner Bros. ตามมาที่รายรับ $8.4M แผ่วลงจากสุดสัปดาห์ที่แล้วเพียง 35% ทำรายได้รวมไปแล้วถึง $149.2M ซึ่งอยู่อันดับ 8 หนังทำรายได้สูงสุดแห่งปีนี้ และคาดว่าจะค่อยๆ คืบคลานเข้าสู่ top five ได้ในอีกไม่ช้าไม่นาน ส่วนหนังรักเบาสมองจากค่าย Sony เรื่อง The Holiday ที่แสดงนำโดย Cameron Diaz, Kate Winslet, Jude Law และ Jack Black รายได้แผ่วลงไปใกล้เคียงกันคือเพียง 37% ในสุดสัปดาห์ที่สองของการฉาย โดยทำเงินไปอีก $8M รวมรายได้สิบวันแรกเก็บไปแล้ว $25.1M หนังมีกำหนดเข้าฉายในไทย 21 ธันวาคมนี้

อดีตแชมป์เมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้ว Apocalypto หนังผจญภัยในแดนชนเผ่ามายันของ Mel Gibson หล่นมาอยู่อันดับ 6 ด้วยรายได้ที่ทรุดลงถึง 47% (มากกว่าทุกเรื่องใน top ten) โดยเก็บไปได้อีก $8M ฉายมาสิบวันทำเงินให้ Buena Vista ไปแล้ว $28.2M ส่วนหนังแอ็คชั่นผจญภัยระทึกขวัญ Blood Diamond ที่เปิดตัวพร้อมกันเมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้ว แต่ได้แค่อันดับ 5 กลับหล่นลงด้วยอัตราที่น้อยกว่า คือแค่ 25% ตกมาอยู่อันดับ 6 ในสุดสัปดาห์นี้ ด้วยรายได้ $6.5M ส่วนหนึ่งคงเป็นผลมาจากการที่ Leonardo DiCaprio ได้รับการเสนอชื่อ เข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำจากผลงานหนังเรื่องนี้ (พร้อมกับที่ได้เข้าชิงในสาขาเดียวกันจาก The Departed ...จาก Warner Bros. ทั้งสองเรื่อง) ฉายมาสิบวัน Blood Diamond รับไปแล้ว $18.6M แม้ว่าจะออกสตาร์ทได้ไม่แรงนัก แต่ก็พอจะคาดได้ว่าหนังน่าจะยังไปได้อีกไกลในด้านรายได้

ตอนที่ 21 ของสายลับ James Bond ใน Casino Royale สุดสัปดาห์นี้ได้ไปอีก $5.6M ลดลง 37% จากสุดสัปดาห์ที่แล้ว ทำรายได้รวมให้ Sony ไปแล้ว $137.5M ส่วนหนังอิงศาสนาจากค่าย New Line เรื่อง The Nativity Story ยังไปได้สวยเช่นเคย โดยรายได้ลดลงไปน้อยกว่าทุกเรื่องใน top ten อีกแล้ว ด้วยอัตราเพียง 19% ได้ไปอีก $4.7M ทำรายได้รวมไปอยู่ที่ $23M มีกำหนดฉายในไทย 21 ธันวาคมนี้ ในขณะที่หนังตลกครอบครัว Unaccompanied Minors ที่เปิดตัวอย่างย่ำแย่เมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้ว ปิดท้าย top ten ด้วยรายรับ $3.5M ลดลงไป 39% ทำเงินกลับไปให้ Warner Bros. แล้วแค่ $10.1M เท่านั้นเอง

หนังเพลงสไตล์บรอดเวย์ลงทุนหนาปึ้กอย่าง Dreamgirls ผลงานร่วมกันของ DreamWorks และ Paramount แสดงนำโดย Jamie Foxx, Beyonce Knowles, Eddie Murphy และ Jennifer Hudson เปิดตัวแบบชิมลางในจำนวนเพียง 3 โรง (แต่ค่าตั๋วแพงหน่อยคือ $25) ทำรายได้ไปสูงถึง $378,950 เฉลี่ยออกมาเลยสูงลิ่วถึง $126,317 หนังได้เข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำถึง 5 สาขาคือ หนังยอดเยี่ยมประเภทตลก/เพลง, ผู้แสดงนำหญิงในหนังประเภทตลก/เพลง, ผู้แสดงสมทบหญิง, ผู้แสดงสมทบชาย และเพลงประกอบ หนังเข้าฉายเพื่อลุ้นผลการประกาศรายชื่อผู้เข้าชิงในจำนวนเพียง 3 โรงใน New York, Los Angeles และ San Francisco และก็ประสบผลสำเร็จดังคาด แม้ว่าจะปรับตัวเลขค่าตั๋วจาก $25 เป็น $10 ตามปกติ ตัวเลขรายได้เฉลี่ยของหนังที่ออกมาเป็นประมาณ $50,000 ก็ยังถือว่าเป็นปรากฏการณ์อยู่ดี Paramount รายงานข่าวว่า ตั๋วหนังทั้ง 21 รอบล้วนขายแบบเกลี้ยง ไม่เหลือแม้แต่ที่นั่งเดียว Dreamgirls มีกำหนดฉายจริงในวันคริสต์มาส ในจำนวนประมาณ 800 โรง

อีกเรื่องที่เปิดฉายแบบชิมลาง ก็คือหนังดราม่าระทึกขวัญเรื่อง The Good German ที่แสดงนำโดย George Clooney เปิดฉายในจำนวนแค่ 5 โรง ทำรายได้ออกมา $76,817 เแลี่ยต่อโรงทำได้ยอดเยี่ยมถึง $15,363 หนังเรื่องนี้กำกับโดย Steven Soderbergh ร่วมแสดงโดย Cate Blanchett และ Tobey Maguire

สุดสัปดาห์นี้มีหนังสามเรื่องหลุดจาก top ten ไป โดยหนังแอ็คชั่นระทึกขวัญของ Denzel Washington เรื่อง Déjà Vu รายได้ร่วงลง 51% รับไปอีก $3M ในสุดสัปดาห์ที่สี่ของการฉาย ทำรายได้รวมให้ Buena Vista ไปแล้ว $57.7M และคาดว่าจะไปได้ถึงประมาณ $65M

หนังตลกรับเทศกาล Deck the Halls จากค่าย Fox เจอคู่ปรับที่ดึงคนดูกลุ่มเป้าหมายเดียวกันไป ทำรายได้สุดสัปดาห์นี้ร่วงลง 52% ทำเงินไปอีก $1.9M รายได้รวมอยู่ที่ $32.8M คาดว่าจะค่อยๆ เก็บเงินไปหมดแรงที่ประมาณ $40M ในขณะที่หนังตลกจาก Disney อิงเทศกาลแห่งความสุขปลายปีเหมือนกัน The Santa Clause 3: The Escape Clause ของ Tim Allen รายได้ลดลงไป 42% เก็บไปอีก $1.9M ทำเงินไปแล้วทั้งสิ้น $79.9M คาดว่าคงไปได้ถึงประมาณ $85M หรือราว 40% ของรายได้รวมของภาคที่แล้ว The Santa Clause 2 เมื่อปี 2002 ที่ทำได้ $139.2M

สุดสัปดาห์หน้า พบกับหนังมหาสนุกผจญภัยในแดนพิพิธภัณฑ์ Night at the Museum แสดงนำโดย Ben Stiller, หนังระทึกขวัญ The Good Shepherd แสดงนำโดย Matt Damon กำกับโดย Robert DeNiro, หนังกีฬา We Are Marshall นำแสดงโดย Matthew McConaughey และ Rocky Balboa ภาค 6 ของหนังนักมวยที่ทิ้งช่วงจากภาคที่แล้วนานมาก โดยเจ้าเก่า Sylvester Stallone


ตารางรายได้ 20 อันดับหนังทำเงินสุดสัปดาห์ที่ 15 - 17 ธันวาคม 2549

# Title Dec 15 - 17 Dec 8 - 10 % Chg. Theaters Weeks AVG Cumulative Distributor










1 The Pursuit of Happyness $ 26,541,709

2,852 1 $ 9,306 $ 26,541,709 Sony
2 Eragon 23,239,907

3,020 1 7,695 23,239,907 Fox
3 Charlotte's Web 11,457,353

3,566 1 3,213 11,457,353 Paramount
4 Happy Feet 8,358,421 12,904,413 -35.2 3,335 5 2,506 149,244,791 Warner Bros.
5 The Holiday 8,014,713 12,778,913 -37.3 2,614 2 3,066 25,125,052 Sony
6 Apocalypto 8,008,126 15,005,604 -46.6 2,465 2 3,249 28,209,532 Buena Vista
7 Blood Diamond 6,517,471 8,648,324 -24.6 1,910 2 3,412 18,637,257 Warner Bros.
8 Casino Royale 5,627,644 8,926,207 -37.0 2,437 5 2,309 137,501,384 Sony
9 The Nativity Story 4,656,376 5,713,854 -18.5 2,574 3 1,809 23,012,695 New Line
10 Unaccompanied Minors 3,545,352 5,815,474 -39.0 2,775 2 1,278 10,093,267 Warner Bros.










11 Deja Vu 2,975,356 6,019,672 -50.6 1,985 4 1,499 57,748,399 Buena Vista
12 Deck the Halls 1,921,123 3,993,188 -51.9 1,851 4 1,038 32,786,862 Fox
13 The Santa Clause 3 1,895,591 3,254,829 -41.8 1,535 7 1,235 79,882,347 Buena Vista
14 Borat 1,543,840 2,571,596 -40.0 951 7 1,623 122,813,553 Fox
15 The Queen 666,687 875,874 -23.9 483 12 1,380 25,646,953 Miramax
16 Stranger Than Fiction 517,622 1,425,717 -63.7 532 6 973 40,137,776 Sony
17 Babel 495,750 456,581 8.6 220 8 2,253 18,320,965 Par. Vantage
18 Dreamgirls (w/ $25 tickets) 378,950

3 1 126,317 378,950 Paramount
19 The Polar Express (RE) 375,896 326,342 15.2 37 5 10,159 175,314,600 Warner Bros.
20 The Departed 341,300 438,302 -22.1 254 11 1,344 119,273,628 Warner Bros.

เรียบเรียงจาก : Weekend Box Office โดย Box Office Guru

ข้อมูลเพิ่มเติม :