หนังเขย่าขวัญอินดี้ The Blair Witch Project ยังแรงจัดตามความคาดหมาย หลังจากที่ฉายชิมลางล่วงหน้าไปแล้ว 2 สัปดาห์ สัปดาห์นี้เปิดฉายเต็มที่เป็นสัปดาห์แรกด้วยจำนวน 1,101 โรง เลยทำเงินเป็นอันดับ 2 ของ box office หนังทำรายได้ไปอีก $29.2M รายได้เฉลี่ยต่อโรงสูงถึง $26,528 (สูงกว่า The Lost World แชมป์เก่าเจ้าของตัวเลข $21,985 และ Star Wars: Episode I ที่ทำไว้ $21,822 เสียอีก) โดยสองสัปดาห์ที่ผ่านมาทำรายได้เฉลี่ยไปสูงถึง $56,002 จาก 27 โรงและ $63,812 จาก 31 โรง

ความสำเร็จอย่างเป็นประวัติการณ์ของ The Blair Witch Project ส่วนหนึ่งก็คงจะมาจากการออกแบบเวปไซต์ที่น่าทึ่ง ผสานกับแผนการตลาดที่เฉียบขาดของ Artisan โดยการเปิดฉายยั่วน้ำลายคอหนังในวงจำกัดแค่ไม่กี่โรง ทำให้เกิดกระแสปากต่อปากถึงความน่าดูของหนังราวกับไฟลามทุ่ง สัปดาห์หน้าจะได้โรงเพิ่มอีกราว 1,000 โรง เพื่อตอบสนองคนดูที่กระหายจะชมหนังแนวแปลกแหวกตลาดหนังซัมเมอร์บ้าง คาดว่าหนังจะทำเงินได้กว่าร้อยล้าน เป็นหนังที่กำไรแบบเละเทะด้วยทุนสร้างที่ลงไปแค่ราว $1.1M เท่านั้น รายได้รวมขณะนี้โกยไปแล้ว $36.1M

หนังเรื่องใหม่ของผู้กำกับ Renny Harlin คราวนี้มาในแนว action-horror จากทุนสร้าง $60M, Deep Blue Sea เปิดฉายเป็นสัปดาห์แรกทำรายได้ $19.1M หนังเปิดฉายใน 2,854 โรง ทำรายได้เฉลี่ยต่อโรงไป $6,695 จัดจำหน่ายโดย Warner Bros. เป็นเรื่องของฉลามเลี้ยงที่ถูกดัดแปลงให้ฉลาดเป็นกรดก่อนจะหลุดออกมาอาละวาด นำแสดงโดย Samuel L. Jackson เปิดตัวได้สวยกว่าหนังสองเรื่องก่อนหน้าของผู้กำกับคนนี้ คือ The Long Kiss Goodnight เมื่อปี 1996 ที่นำแสดงโดย Samuel L. Jackson เหมือนกัน ทำรายได้สัปดาห์แรกไปแค่ $9.1M และหนังเมื่อปี 1995 ที่เจ๊งยับเยิน, Cutthroat Island ทำรายได้สัปดาห์แรกไปแค่ $2.4M เมื่อรวมรายได้จากการเปิดฉายตั้งแต่ 28 กรกฎาคม Deep Blue Sea ทำรายได้รวมไปแล้ว $25.2M ได้รับคำวิจารณ์ในแง่บวก ทำเอาหนังจรเข้ยักษ์Lake Placid ที่มีคนดูกลุ่มเดียวกัน โดนเบียดตกไปอยู่อันดับ 11 แต่ก็งาบไปจนอิ่มแปล้แล้ว

แชมป์เก่าสัปดาห์ที่แล้ว หนังสยองขวัญบ้านผีสิงThe Haunting ทุนสร้าง $80M จากค่าย DreamWorks หลังจากที่โดนนักวิจารณ์ยำเสียเละ แถมยังโดนหนังใหม่ๆฟอร์มสดเข้ามาแย่งคนดู เลยตกมาอยู่อันดับ 4 ทำรายได้ไป $15.3M ร่วงลงถึง 54% จากการฉายเป็นสัปดาห์ที่ 2 รวมรายได้ 10 วันได้ไปแล้ว $64M คาดว่าจะออกจากโปรแกรมโดยทำรายได้ไปใกล้เคียงกับหลัก $100M แต่คงจะไปทำเงินจากตลาดโลกแทน ด้วยเหตุที่ดารานำทั้งสองได้แก่ Liam Neeson และ Catherine Zeta-Jones กำลังเนื้อหอม ผนวกกับชื่อเสียงของผู้กำกับ Jan De Bont ที่คอหนังรู้จักกันดี

อันดับ 5 เป็นหนังไซไฟ-แฟนตาซีหลุดโลกสำหรับทุกคนในครอบครัวจาก Disney ที่กำลังจะเข้าฉายในบ้านเรา Inspector Gadget รายได้ร่วงลง 35% ทำเงินไป $14.1M จากการฉายเป็นสัปดาห์ที่สอง หนังนำแสดงโดย Matthew Broderick รายได้รวมของหนังจาก 10 วันทำไปแล้ว $47.9M คาดว่าจะทำรายได้รวมได้ประมาณ $90-100M ก่อนจะออกจากโปรแกรม รวมรายได้ของหนังซัมเมอร์ 2 เรื่องปีนี้จาก Inspector Gadget และ Tarzan ค่าย Disney กวาดเงินไปแล้วราว $250-275M ในขณะที่ซัมเมอร์ที่แล้วสามารถทำเงินได้ $187M จากหนังสองเรื่องคือ Mulan และ The Parent Trap

Universal ยังคงโกยเงินจากหนัง sex comedy วัยรุ่น,American Pie รายได้ร่วงลงแค่ 33% สัปดาห์นี้ฉายเป็นสัปดาห์ที่ 4 ตกจากอันดับ 3 ลงมาอยู่อันดับ 6 ทำรายได้ไปอีก $6.8M รวมรายได้ขณะนี้ $77.2M จากทุนสร้างแค่ $11M เท่านั้น คาดว่าจะผ่านหลักร้อยล้านได้ในราวสิ้นเดือนสิงหาคมนี้

อันดับ 7 Tom Cruise และ Nicole Kidman กับหนัง erotic drama ที่เริ่มเสื่อมมนต์ขลัง, Eyes Wide Shut ที่กำกับโดย Stanley Kubrick ทุนสร้าง $65M รายได้รูดลงอย่างต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อนๆลงมาถึง 57% จากการฉายเป็นสัปดาห์ที่ 3 เท่านั้น ทำรายได้ไปอีกเพียง $4.3M รวมรายได้ 17 วันได้ไปแค่ $48.7M คงจะไปได้ไกลสุดแค่ตัวเลขราวๆ $55-60M

หนัง comedy ยอดฮิตจาก Sony ที่กำลังฉายในบ้านเรา,Big Daddy นำโดยดาราทอง Adam Sandler ตกจากอันดับ 5 ลงมาอันดับ 8 ทำรายได้ไปอีก $3.6M รวมรายได้ 6 สัปดาห์กวาดไปแล้ว $152.7M ส่วนหนังมหากาพย์ของ George Lucas ยังไม่หลุดจาก top-10 ตามที่คาด, Star Wars: Episode I ฉายเป็นสัปดาห์ที่ 11 ไต่กลับจากอันดับ 10 มาอยู่อันดับ 9 หลังจากที่ผ่านหลักสี่ร้อยล้านไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทำรายได้ไปอีก $3.4M รวมรายได้ทั้งสิ้น $408.6M ส่วนในตลาดโลกก็ทำเงินไปแล้ว $175M โดยที่กำลังโกยเงินอย่างเพลิดเพลินในญี่ปุ่นและอังกฤษ ปลายเดือนสิงหาคมจะเริ่มถล่มเยอรมัน, สเปน, สวิตเซอร์แลนด์ และประเทศในกลุ่มสแกนดิเนเวีย ส่วนเจ้าป่า Tarzan ตกจากอันดับ 8 เมื่อสัปดาห์ที่แล้วลงมาอยู่อันดับ 10 ทำรายได้ไป $3M รวมรายได้ขณะนี้ $158.4M ฉายมาแล้ว 7 สัปดาห์

หนังที่หลุดจาก top-10 ได้แก่ หนังจรเข้ยักษ์จาก Fox, Lake Placid โดนฉลามร้ายทะเลลึก Deep Blue Sea ไล่กัด เลยตกจากอันดับ 6 มาอยู่อันดับ 11 รายได้รวมอยู่ที่ $26.6M จาก 3 สัปดาห์ คาดว่าจะทำรายได้รวมประมาณ $30-35M ก่อนจะออกไปงาบต่อในตลาดวิดิโอตามธรรมเนียมหนังแนวนี้ , The Wood จาก Paramount Pictures ฉายเป็นสัปดาห์ที่ 3 ตกจากอันดับ 9 มาอยู่ที่อันดับ 12 ทำเงินไปแล้ว $20.6M คาดว่าจะทำรายได้รวมประมาณ $25-30M จากการลงทุนไปแค่ $6M

Wild Wild West ร่วงหนักจากอันดับ 7 มาอยู่อันดับ 13 รายได้สัปดาห์นี้ร่วงลงไปถึง 53% จากการฉายเป็นสัปดาห์ที่ 5 รายได้รวมอยู่ที่ $108.9M คาดว่าจะไปได้แค่ประมาณ $115-120M เท่านั้น ไม่ถึงครึ่งของหนังฮิตของ Will Smith เองเมื่อซัมเมอร์ปี 1997, Men in Black งานนี้ Warner Bros. คงต้องไปหวังจากตลาดนอกอเมริกาเหนือแทนซะแล้ว ขณะนี้กำลังฉายในบราซิล, เยอรมัน, และสิงคโปร์ ก่อนจะเริ่มเปิดฉากในฝรั่งเศส, ฮ่องกง และอังกฤษในสัปดาห์ถัดๆไป

สัปดาห์หน้า หนังใหม่พาเหรดเข้าฉายกันอย่างคับคั่งเกือบยี่สิบเรื่อง โดยมีหนังใหญ่เข้าชนกันถึง 5 เรื่อง ได้แก่ The Sixth Sense นำโดยคนอึด Bruce Willis จัดจำหน่ายโดย Buena Vista, The Thomas Crown Affair นำโดยเจมส์ บอนด์คนล่าสุด Pierce Brosnan ประกบกับ Rene Russo แนวหนังคล้ายๆ 007 ยังไม่พอ ยังจัดจำหน่ายโดย MGM เหมือนกับ 007 อีกด้วย,Mystery Men จาก Universal, หนังอนิเมชั่นจาก Warner Bros. The Iron Giant และ Dick จาก Sony Pictures โดย 3 เรื่องแรกเปิดฉาย 6 สิงหาคม ส่วน 2 เรื่องหลังจะเปิดฉายตั้งแต่ 4 สิงหาคม นอกนั้นก็เป็นหนังเล็กๆที่เปิดฉายแบบชิมลางอีกหลายเรื่อง