Box Office สุดสัปดาห์ที่ 4 - 6 มิถุนายน 2542
แม้พลังเจไดจะดูอ่อนแรงลงไปบ้าง แต่ก็ยังเดินหน้าสร้างสถิติใหม่ๆต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สถิติที่เกี่ยวข้องกับมหากาพย์เรือยักษ์ Titanic ซึ่งนักวิจารณ์กำลังเปรียบมวยกันอยู่อย่างใกล้ชิด สัปดาห์นี้ Star Wars: Episode I - The Phantom Menace ยังคงยืนหยัดอยู่อันดับหนึ่ง Box Office ต่อไปเป็นสัปดาห์ที่ 3 ตามความแรงจากผู้ชมที่ยังคงอุดหนุนกันอย่างคับคั่งเช่นเคย สัปดาห์นี้ทำรายได้ไปอีก $32.9M รายได้รวมอยู่ที่ $255.8M นั่นก็หมายความว่าStar Wars: Episode I สามารถผ่านหลัก $250M ไปได้สำเร็จภายในเวลาแค่ 19 วัน นับเป็นสถิติใหม่ในกรณีนี้ ในขณะที่คู่แข่งฟ้าประทาน Titanic ใช้เวลาถึง 36 วันจึงจะทำรายได้ถึงระดับนี้ รายได้ของหนังปฐมบทมหากาพย์สงคราวแห่งดวงดาวทำรายได้ลดลงจากสุดสัปดาห์ที่แล้ว 36% (คิดรายได้เฉพาะ 3 วัน จากศุกร์ถึงอาทิตย์ตามมาตรฐาน เนื่องจากสัปดาห์ที่แล้วเป็นวันหยุด Memorial Day รวม 4 วัน) ซึ่งก็นับว่ายังสมเหตุสมผล แต่อย่างไรก็ตาม Star Wars: Episode I ก็ยังไม่สามารถทำลายสถิติเก่าอีกอย่างที่Titanic ทำไว้ คือรายได้สูงสุดในสัปดาห์ที่ 3 ของการฉายซึ่งเรือยักษ์แชมป์เก่าทำไว้ $33.3M จากตัวเลขรายได้รวมดังกล่าว ทำให้ขณะนี้ Star Wars: Episode I ทำรายได้ขึ้นมาอยู่ที่อันดับ 12 ของหนังทำเงินสูงสุดตลอดกาลในอเมริกาเรียบร้อยแล้ว โดยเพิ่งเฉือน Batman (1989 - $251M) และกำลังเดินหน้าโค่นอันดับ 11 เจ้าเก่า Jaws (1975 - $260M) และอันดับ 10 Home Alone (1990 - $285M) ทั้งนี้ยังไม่ได้ปรับตัวเลขเนื่องจากความแตกต่างของค่าตั๋วและอัตราเงินเฟ้อ ขณะนี้กำลังเป็นที่ถกเถียงกันอย่างออกรสในหมู่ผู้สนใจว่าStar Wars: Episode I จะสามารถทำเงินขึ้นไปเทียบเคียงกับTitanic ได้หรือไม่ โดยเป้าหมายตัวเลขที่กำลังจับตากันอยู่ก็คือ 600 ล้าน เฉพาะในโซนอเมริกาเหนือ เมื่อดูจากเส้นทางการทำเงินของหนังทั้งสองเรื่องแล้ว พบว่า Star Wars: Episode I ทำเงินออกตัวอย่างหวือหวา แต่คงจะตกลงอย่างรวดเร็วในช่วงเวลาถัดไปจากนี้ เนื่องจากเข้าฉายในเทศกาลซัมเมอร์ อันอุดมไปด้วยหนังระดับเต็งมากมายที่พาเหรดกันเข้ามาชิงส่วนแบ่งการตลาด ต่างจากที่Titanic ซึ่งเปิดตัวในช่วงปลายปีต่อต้นปี หนังระดับยักษ์ที่จะเข้ามาชิงแชมป์ก็ไม่มากมายเหมือนเทศกาลซัมเมอร์ อีกทั้งยังเป็นหนังแนวที่สามารถดึงคนดูได้ทุกกลุ่มทุกวัย ต่างจาก Star Wars: Episode I ที่มีกลุ่มเป้าหมายที่แคบกว่ามาก อย่างไรก็ตาม Star Wars: Episode I ก็คงจะทำเงินผ่านหลัก 300 ล้านได้ในเวลาประมาณ 30 วัน ซึ่งก็จะเป็นสถิติใหม่เช่นเคย (Titanic ใช้เวลาถึง 45 วัน) และเมื่อดูแนวโน้มของรายได้แต่ละสัปดาห์ คาดว่า Star Wars: Episode I คงจะทำเงินอยู่ในระดับแค่ $390M เท่านั้น ยังห่างไกลกับแชมป์อยู่มากเลยทีเดียว สัปดาห์หน้า Star Wars: Episode I จะต้องพบกับศึกใหญ่ที่มีความหมายถึงขนาดอาจจะถูกโค่นตกบัลลังก์ได้เลยทีเดียว นั่นคือ การมาของหนังภาคต่อยอดฮิต Austin Powers : The Spy Who Shagged Me แต่อย่างไรก็ตามStar Wars: Episode I ก็เริ่มเปิดตัวไปแล้วในออสเตรเลีย, มาเลเซีย และสิงคโปร์ ซึ่งก็สร้างสถิติใหม่ตามความคาดหมาย และก็กำลังจะเข้าฉายในหลายประเทศทั่วโลก เช่น แถบอเมริกาใต้และเอเชียแปซิฟิก ช่วงปลายเดือนมิถุนายน, อังกฤษ เดือนกรกฎาคม ส่วนยุโรปต้องรอนานกว่าเพื่อนคือราวปลายซัมเมอร์ รายได้สัปดาห์แรกในออสเตรเลียคือ $9.1M (Aus.$) หรือราว $5.9M (US.$) และแล้วสัปดาห์ที่สองของหนัง romantic comedy, Notting Hill ก็ยังคงแสดงพลังอันรุนแรงของสองดาราแม่เหล็ก Julia Roberts และ Hugh Grant ที่กล้าต่อกรกับ The Force โดยรายได้ในสัปดาห์นี้ลดลง 31% โดยทำเงินไปอีก $15M (คิดเทียบกับสุดสัปดาห์ที่แล้วกับรายได้สามวัน) รายได้รวมตอนนี้ $49.4M จากการฉายเพียง 10 วัน เมื่อเทียบกับหนังทำเงินในแนวเดียวกันเมื่อปี 1997 เรื่อง My Best Friend's Wedding ที่กวาดไป $49.2M ในเวลาเท่าๆกัน ก่อนจะไปจบโปรแกรมที่ตัวเลข $126.8M ในขณะเดียวกันNotting Hill ก็แซงหน้าYou've Got Mail ที่ทำเงินไป $47.4M จากสิบวันแรกเหมือนกัน และปิดบัญชีรายได้ที่ $115.8M เมื่อคาดการณ์ตามแนวโน้มแล้วNotting Hill คงจะกวาดไปได้ราว $110-120M ทั้งนี้ส่วนหนึ่งก็มาจากการที่ไม่มีหนังแนวเดียวกันเข้าฉายในช่วงหลายสัปดาห์ข้างหน้านั่นเอง อันดับ 3 เป็นหนังเข้าใหม่แนว psychological thriller จากสังกัด Buena Vista,Instinct นำแสดงโดยสองดาราระดับออสการ์ Anthony Hopkins และ Cuba Gooding Jr., ทำเงินไป $10.4M จากจำนวน 2,059 โรง รายได้เฉลี่ยต่อโรง $5,046 จากทุนสร้าง $57M หนังกำกับโดย Jon Turteltaub (Phenomenon,While You Were Sleeping), เป็นเรื่องของการค้นหาตัวนักวิทยาศาสตร์ที่หายสาบสูญไปนานหลายปี และพบว่าเขาอยู่ท่ามกลางสรรพสัตว์ดุร้ายและ ..กอริลล่า ผลงานที่ผ่านมาของท่านเซอร์ Anthony Hopkins ก็คือ รายได้ $15M จากการเปิดตัวของ Meet Joe Black และ $7.7M จาก The Edge ส่วนของ Cuba Gooding Jr. ก็คือหนังดราม่าที่เขาประกบกับ Robin Williams,What Dreams May Come เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว ทำรายได้สัปดาห์แรก $15.8M Buena Vista ต้นสังกัดแจ้งรายละเอียดว่า ผู้ชมเป็นชายประมาณ 52% และมีถึง 54% ที่อายุต่ำกว่า 30 ซึ่งก็ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่วางไว้คือกลุ่มคนวัยทำงานและเน้นไปที่ผู้ชาย ถึงแม้ว่าจะได้รับคำวิจารณ์ในเชิงลบ แต่ก็คาดว่าคงจะลากถูลู่ถูกังไปได้พักหนึ่ง หนังที่มีกลุ่มเป้าหมายใกล้เคียงกันก็คือหนังใหม่ของ John Travolta, General's Daughter ที่เพิ่งเลื่อนโปรแกรมไปอีก 1 สัปดาห์เพื่อหลบ Austin Powers : The Spy Who Shagged Me ที่ตั้งใจเข้าฉายชนกับ Star Wars: Episode I ในสัปดาห์หน้า อย่างน้อยท่านเซอร์ Anthony Hopkins ก็พอจะหายใจคล่องคอไปอีกหน่อย ถึงแม้ว่าแนวโน้มรายได้จะไม่สดใสนักก็ตาม อันดับ 4 ที่เพิ่งถูกInstinct เขี่ยตกลงมาก็คือ The Mummy ที่ฉายเป็นสัปดาห์ที่ 5 แต่ก็ทำเงินไปอีก $7.4M ลดลงแค่ 25% ตอนนี้ยอดรวมรายได้ไปอยู่ที่ $127.5M แล้ว และกำลังจะกลายเป็นหนังทำเงินสูงสุดของ Universal ในรอบสองปีล่าสุด หลังจาก The Lost World อันดับ 5 เป็นสัปดาห์ที่หกของ Entrapment หนังของสองดาราเจ้าเสน่ห์ Sean Connery และ Catherine Zeta-Jones รายได้สัปดาห์นี้ลดลง 33% ทำเงินไปอีก $3.8M รายได้รวมขณะนี้ $75M ส่วน The Matrix ก็ทำเงินไปอีก $2.5M ลดลงเพียง 15% จากสัปดาห์ที่แล้ว ยอดรายรับไปอยู่ที่ $158.3M ตอนนี้เลยกลายเป็นหนังทำเงินสูงสุดของค่าย Warner Bros. นับตั้งแต่หนังพายุทอร์นาโดเมื่อปี 1996, Twister แต่ที่อาการหนักที่สุดใน top-10 คือ The Thirtheenth Floor จาก Sony รายได้ร่วงหนักกว่าใครเพื่อน ลดลงไปร่วม 40% ทำรายได้ไปแค่ $2.0M รวมรายรับสิบวัน เก็บเงินได้เพียง $7.4M เท่านั้น จากทุนสร้าง $18M คาดว่าคงจะราโรงไปแบบเงียบๆด้วยรายได้รวมประมาณ $12-14M เท่านั้น อันดับ 8 เป็นหนัง comedy ของ Drew Barrymore, Never Been Kissed จาก Fox ทำรายได้ $1.2M ลดลงแค่ 28% รายได้รวมอยู่ที่ $50.6M นับเป็นหนังที่เหนียวแน่นมากเรื่องหนึ่งใน top-10 คือยืนโรงฉายมาแล้ว 9 สัปดาห์ตั้งแต่ spring สูสีกับ The Matrix ที่ฉายมาแล้ว 10 สัปดาห์ อันดับ 9 A Midsummer Night's Dream ทำเงินไป $1.1M, ลดลง 32%, รายได้รวมแล้ว $13M ส่วนอันดับ 10 เป็นหนัง comedy การเมืองในโรงเรียนElection ทำเงินไปอีก $0.85M รายได้รวม $12.3M ที่ตกจากสิบอันดับไปก็คือ Black Mask ของ Artisan กวาดรายได้ไปแล้ว $10.6M คงจบโปรแกรมที่ตัวเลขประมาณ $12M และหนังโรแมนติกจาก DreamWorks The Love Letter ทำเงินไปแล้ว $6.2M คาดว่าจะราโรงที่รายได้ประมาณ 8M หนังที่เข้าฉายแบบชิมลางได้แก่ ผลงานล่าสุดจากการเขียนบทและกำกับโดย John Sayles (Lone Star) ที่เป็นเรื่องเล่าของชาวอลาสก้า, Limbo นำแสดงโดย Mary Elizabeth Mastrantonio และ Kris Kristofferson ทำรายได้ $139,634 จากแค่เพียง 15 โรง เฉลี่ย $9,309 ต่อโรง อีกเรื่องคือหนังที่จัดจำหน่ายโดย Artisan เป็นเรื่องของกลุ่มนักดนตรีชาวคิวบาผู้ได้รับรางวัลแกรมมี่, Buena Vista Social Club, ผลงานจาก Wim Wenders ฉายใน 15 โรงกวาดไป $127,370 หรือเฉลี่ยต่อโรง $8,491 สัปดาห์หน้า Star Wars: Episode I ต้องพบกับตัวเก็ง Austin Powers : The Spy Who Shagged Me ภาคต่อของหนังตลกล้อเลียนซึ่งคาดว่ามีสิทธิ์สูงมากที่จะยึดอันดับหนึ่ง Box Office ได้ โดยได้โรงมาช่วยถล่มกว่า 3,000 โรง (ถ้ารอดไปก็จะไปเจอ Tarzan หนังอนิเมชั่นเรื่องล่าสุดของค่ายดิสนี่ย์ในสัปดาห์หน้าเป็นคู่ชกรายต่อไป) ตารางรายได้ 20 อันดับหนังทำเงินสุดสัปดาห์ที่ 4 - 6 มิถุนายน 2542
|
เรียบเรียงจาก : Weekend Box Office โดย Box Office Guru
ข้อมูลเพิ่มเติม :