Box Office สุดสัปดาห์ที่ 18 - 20 มิถุนายน 2542
Box Office สุดสัปดาห์ที่ 18 - 20 มิถุนายน 2542
| หนังอนิเมชั่นเรื่องล่าสุดจาก Disney, Tarzan เปิดตัวสัปดาห์แรกก็ขึ้นสู่อันดับหนึ่ง box office ด้วยความแรงขนาดเป็นหนังนอกเทศกาลวันหยุดที่ทำเงินสูงที่สุด หนังทำเงินสูงมากเหมือนกับที่The Lion King เคยสร้างปรากฏการณ์ให้ดิสนี่ย์มาแล้ว ราวกับว่าต้องเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับอาฟริกาเท่านั้นจึงจะประสบความสำเร็จได้Tarzan ทำรายได้สัปดาห์แรกไปถึง $34.22M จากจำนวนถีง 3,005 โรง, รายได้เฉลี่ยต่อโรง $11,388 นับว่าสูงมากเลยทีเดียว โดยเขี่ยเอา Austin Powers : The Spy Who Shagged Me ตกไปอยู่อันดับสองจนได้ หลังจากที่ค่าย Buena Vista ไม่มีหนังขึ้นอันดับหนึ่งมานานนับตั้งแต่ A Civil Action เมื่อเดือนมกราคมที่เปิดตัวด้วยรายได้ $15.2M ก่อนจะจบโปรแกรมที่ตัวเลข $56.7M เมื่อรวมรายได้รอบปฐมทัศน์เมื่อคืนวันพุธที่ 16 อีก $139,000 ที่ El Capitan ใน Los Angeles ก็จะเป็นรายได้รวมทั้งสิ้น $34.4M Tarzan เปิดตัวได้แรงกว่าหนังอนิเมชั่นเรื่องก่อนหน้าเมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมาคือ Mulan (สัปดาห์แรก $22.7M), Hercules (สัปดาห์แรก $21.5M), และ The Hunchback of Notre Dame (สัปดาห์แรก $21M) โดยทั้ง 3 เรื่องเปิดฉายในจำนวนราว 2,700-3,000 โรง เท่านั้น และยังแรงกว่าหนังอนิเมชั่นเรื่องอื่นๆของค่ายต่างๆอีกเช่นA Bug's Life (สัปดาห์แรก $33.3M), The Rugrats Movie (สัปดาห์แรก $27.3M), Antz (สัปดาห์แรก $17.2M), และ The Prince of Egypt (สัปดาห์แรก $14.5M) หนังให้เสียงโดย Glenn Close, Minnie Driver, Tony Goldwyn, และ Rosie O'Donnell โดยมี Phil Collins ทำดนตรีและเพลงประกอบหนัง สร้างความประทับใจให้ผู้ชมเป็นอย่างยิ่ง คาดว่าจะทำรายได้ไปในราว $175M เลยทีเดียว รายได้หนังอนิเมชั่นที่ผ่านมาของดิสนี่ย์
ตกมาอันดับ 2 เสียแล้วหลังจากเปิดตัวอย่างแรงมากในสัปดาห์ที่แล้ว รายได้สัปดาห์ที่สองของ Austin Powers : The Spy Who Shagged Me ทุนสร้าง $33M จาก New Line ก็ลดลง 43% ทำเงินไปอีก $31.4M รวมรายได้สิบวันฟันไปแล้ว $116.1M ผ่านหลักร้อยล้านเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา หรือวันที่ 9 ของการเปิดฉาย และคาดว่าในวันอังคารหน้า Austin Powers คงจะแซงหน้าตัวเลข $121.7M ของ Wayne's World เมื่อปี 1992 กลายเป็นหนังทำเงินสูงสุดของ Mike Myers ไปในที่สุด และคาดว่าจะผ่านหลัก $200M ก่อนออกจากโรงใหญ่เพื่อไปโกยเงินในตลาดวิดีโออย่างแน่นอน และหนังกำลังเข้าฉายในออสเตรเลียเป็นประเทศแรกนอกอเมริกาเหนือ ส่วนในชาร์ต Billboard อัลบั้ม soundtrack ของหนังเรื่องนี้ก็แซงหน้าStar Wars: Episode I ไปแล้วอีกเช่นกัน กลายเป็นอัลบั้มที่มียอดขายสูงสุดในอเมริกาประเภท movie soundtrack ไปแล้ว John Travolta กลับมาอย่างสง่าผ่าเผยในหนังฆาตกรรมปริศนาThe General's Daughter โดยอยู่อันดับ 3 จากการเปิดฉายเป็นสัปดาห์แรก ทำรายได้ไป $22.3M ในจำนวน 2,856 โรง ทำรายได้เฉลี่ยต่อโรงถึง $7,819 หนังกำกับโดย Simon West (Con Air) ร่วมแสดงโดย Madeline Stowe, James Cromwell, James Woods และ Timothy Hutton นับเป็นหนังที่เปิดตัวได้ดีที่สุดของ Travolta รองจาก Face/Off (สัปดาห์แรก $23.4M เมื่อปี 1997) แถมยังเป็นหนังที่ทำรายได้สัปดาห์แรกสูงสุดของค่าย Paramount ในปีนี้ หนังยักษ์ที่กำลังจะออกสตาร์ทตามมาในซัมเมอร์นี้อย่าง Big Daddy,Wild, Wild, West,South Park, และ American Pie ล้วนจับตลาดที่ต่างจากหนังเรื่องนี้ทั้งสิ้น เลยคาดกันว่า The General's Daughter คงจะทำรายได้ต่อไปอย่างไม่เดือดเนื้อร้อนใจนัก Star Wars: Episode I - The Phantom Menace ตกจากอันดับ 2 ลงมาอันดับ 4 ทำรายได้ไปอีก $18.9M ในสัปดาห์ที่ห้า ลดลงเพียง 26% ซึ่งน้อยเกือบที่สุดใน top-10 รายได้รวมอยู่ที่ $328.1M จาก 33 วัน ตอนนี้ขึ้นมายืนแป้นอยู่อันดับ 6 ของหนังทำเงินสูงสุดตลอดกาลในอเมริกา โดยเพิ่งจะแซง The Lion King ($312.9M) และกำลังจะชิงอันดับ 5 มาจาก Forrest Gump (1994 - $329.7M) แถมยังชนะรายได้ของ Star Wars: Episode IV ($322.7M ก่อนจะออกฉายใหม่เป็น Special Edition เมื่อปี 1997) โดยยังไม่ได้คิดอัตราเงินเฟ้อและค่าตั๋วที่แพงขึ้น แถมในปีนั้นหนังก็ไม่ได้ออกฉายในจำนวนโรงร่วม 3,000 โรงเหมือนยุคนี้อีกด้วย หากแนวโน้มรายได้เป็นไปเช่นนี้ คาดว่ากว่า Star Wars: Episode I จะออกจากโรงใหญ่ก็คงจะทำรายได้ในราว $425M หนังโรแมนติกของ Julia Roberts ตกจากอันดับ 3 มาอยู่อันดับ 5, Notting Hill ทำรายได้ไปอีก $6.9M จากการฉายเป็นสัปดาห์ที่สี่ ลดลง 39% รายได้รวมตอนนี้อยู่ที่ $79.7M ยังตามหลัง My Best Friend's Wedding แค่ 4.5% เท่านั้น หนังทริลเลอร์จิตวิทยาประชันบทบาทระหว่างสองดาราออสการ์ Anthony Hopkins และ Cuba Gooding Jr., Instinct ตกมาอยู่อันดับ 6 ทำรายได้ไปอีก $3.2M ลดลงอย่างน่าใจหายถึง 53% เนื่องจากโดนหนังใหม่ของ John Travolta แย่งตลาดเดียวกัน รวมรายรับขณะนี้ $27.1M หนังจะเข้าฉายในเมืองไทย 2 กรกฎาคม และจากการฉายเป็นสัปดาห์ที่ 7 ของ The Mummy ตกลงมาอยู่อันดับ 7 ทำรายได้ไป $3.2M ลดลง 42% ทั้งนี้เพราะจำนวนโรงเริ่มลดลงแล้ว รายได้รวมกวาดไปแล้ว $142M อันดับ 8 Entrapment ทำเงินไป $1.35M ลดลง 51% ตามด้วยอันดับ 9 The Matrix ทำรายได้ไปอีก $1.32M ลดลง 30% แรงเริ่มตกแล้วทั้งคู่ ส่วนอันดับ 10 เป็นหนังที่ฉายเก็บเบี้ยใต้ถุนร้านไปเรื่อยๆจาก MGM/UA, Tea With Mussolini ทำเงินไป $0.61M หนังที่หลุดจาก top ten ก็คือ The Thirtheenth Floor ทุนสร้าง $18M ของ Sony, ตกไปอยู่อันดับ 11 รายได้รวมแล้ว $10.66M คงทำเงินไปได้มากที่สุดราว $11-12M, และหนังจาก Fox นำโดย Drew Barrymore,Never Been Kissed ตกไปอยู่อันดับ 13 รายได้รวมเกือบ $52.7M แล้ว คงปิดบัญชีที่ตัวเลขประมาณ $55M หนังที่ฉายแบบชิมลาง คือหนัง romantic comedy จาก Miramax, An Ideal Husband ทำรายได้ไป $198,802 จากแค่ 10 โรงใน New York และ Los Angeles รายได้เฉลี่ยสูงถึง $19,880 ต่อโรง หนังนำแสดงโดย Rupert Everett, Cate Blanchett, Minnie Driver, และ Julianne Moore จะเพิ่มโรงฉายในวันศุกร์ที่ 2 กรกฎาคม ต้อนรับวันชาติอเมริกา สัปดาห์หน้าพบหนังใหม่ของ Adam Sandler, Big Daddy ตารางรายได้ 20 อันดับหนังทำเงินสุดสัปดาห์ที่ 18 - 20 มิถุนายน 2542
|
เรียบเรียงจาก : Weekend Box Office โดย Box Office Guru
ข้อมูลเพิ่มเติม :
