ยุทธศาสตร์การตลาดของ The Mummy นับว่ามาในแนวเดียวกับหนังทำเงินช่วงสัปดาห์นี้ 2 เรื่องเมื่อปีก่อนๆ คือ Deep Impact เมื่อปีที่แล้วและTwister เมื่อปี 1996 ซึ่งทำเงินสัปดาห์แรกในระดับสี่สิบล้านเหมือนๆกัน กล่าวคือเป็นหนังที่เข้าฉายในสุดสัปดาห์แรกของเดือนพฤษภาคม, การใช้ดาราระดับปานกลางที่คนดูพอจะคุ้นหน้าอยู่บ้าง, ใช้สเปเชียลเอฟเฟคเป็นประโยชน์อย่างเต็มที่ ผนวกกับภาพของความตายและการทำลายล้าง และการเปิดตัวในช่วงที่หนังระดับยักษ์ในช่วงเทศการซัมเมอร์กำลังเตรียมตัวลงสนาม นั่นคือสูตรสำเร็จที่ The Mummy ใช้อย่างได้ผล และเฉพาะรายได้วันแรกคือวันศุกร์แค่วันเดียวก็มากกว่ารายได้รวมทั้งโปรแกรมของDeep Rising ซึ่งเป็นหนังเรื่องที่แล้วที่เป็นผลงานการกำกับของ Stephen Sommers (ทำรายได้รวมแค่ $11.2M เมื่อต้นปี 1998) คาดว่ากว่า Star Wars : Episode I - The Phantom Menace จะเข้าฉาย (19 พฤษภาคม) The Mummy ก็คงจะกวาดเงินไปแล้วราวๆ $90M

อันดับ 2 เป็นของแชมป์เมื่อสัปดาห์ที่แล้วที่คนไทยได้ดูพร้อมอเมริกัน,Entrapment ทำเงินสัปดาห์นี้ไป $12.3M ลดลง 39% นำโดย Sean Connery ประกบกับดาราสาวสวย Catherine Zeta-Jones รายได้รวมสิบวันอยู่ที่ $37.5M คาดว่าจะทำเงินให้ Fox ได้ถึงระดับ $65-70M ก่อนที่แม่เหล็กตัวจริงของค่ายนี้คือ Star Wars : Episode I - The Phantom Menace จะเข้าฉายในอีกไม่กี่วันข้างหน้า, และเมื่อถึงวันนั้น Entrapment ก็จะเป็นหนังฮิตอันดับ 3 ของปู่ฌอนในรอบทศวรรษนี้ รองจาก The Rock (รายได้รวม $134M) และ The Hunt For Red October (รายได้รวม $121M) แถมยังช่วยหนุนส่งให้ Catherine Zeta-Jones ขึ้นทำเนียบเป็นดาราหญิงระดับแนวหน้ารุ่นต่อไปอีกคนของฮอลลีวู๊ดไปเรียบร้อย

The Matrix ของค่าย Warner Bros. ซึ่งฉายมาแล้วเป็นสัปดาห์ที่ 6 ก็ยังคงเดินหน้าทำเงินต่อไป สัปดาห์นี้ตกลงมาอยู่อันดับ 3 ทำรายได้สัปดาห์นี้ $5.9M ลดลง 33% รายได้รวมขณะนี้ได้ไปแล้ว $138.5M ส่วนในตลาดโลก ตอนนี้ The Matrix ครองอันดับหนึ่งที่ออสเตรเลียแล้วหนึ่งเดือนเต็ม และกำลังเป็นหนึ่งในหนังทำเงินสูงสุดตลอดกาลที่นั่น ส่วนที่สิงคโปร์ก็กำลังสร้างสถิติเปิดตัวแรงที่สุดของปีนี้ ภายในเดือนพฤษภาคมนี้ก็จะเข้าฉายในมาเลเซีย, เดนมาร์ก, เกาหลีใต้, บราซิง และไทย (เข้าฉาย 21 พ.ค.) และมีโปรแกรมเข้าฉายในหลายประเทศที่ยุโรปในเดือนมิถุนายน

Life หนังตลกเรื่องของชาวคุกนำโดย Eddie Murphy และ Martin Lawrence จากสังกัด Universal ตกมาอยู่อันดับ 4 รายได้สัปดาห์นี้ $3.6M ลดลง 44% รายได้รวมแล้ว $51.5M คงจะจบโปรแกรมที่ระดับ $65M ใกล้เคียงกับ Boomerang หนังของสองดารานี้เมื่อปี 1992 ที่ทำเงินไป $70M

หลังจากที่เปิดฉายแบบชิมลางมาสองสัปดาห์ หนังการเมืองจำลองในโรงเรียนElection ของค่าย Paramount ได้โรงเพิ่มเป็น 827 โรง เลยทำเงินโดดมาอยู่อันดับ 5 ได้ไปอีก $3.2M, เฉลี่ยต่อโรง $3,824 นำแสดงโดย Matthew Broderick และ Reese Witherspoon

Never Been Kissed หนังเรื่องล่าสุดของ Drew Barrymore จาก Fox ยังเหนียวแน่นอยู่ใน Box Office สัปดาห์นี้อยู่อันดับ 6 ทำรายได้ $3M ลดลง 26% รายได้รวมขณะนี้ $40.5M

Analyze This ผ่านหลัก $100M ไปแล้วเรียบร้อยเมื่อวันเสาร์ หรือวันที่ 65 ของการฉาย สัปดาห์นี้อยู่อันดับ 7 ทำรายได้ไปอีก $1.7M รายได้รวมอยู่ที่ $100.8M นับเป็นหนังที่เหนียวแน่นมาก คือรายได้ลดลงแต่ละสัปดาห์อยู่ในเกณฑ์แค่ 20-25% เท่านั้น สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์ที่สิบของการฉาย ยังมีโรงฉายราว 2,000 โรง

Ten Things I Hate About You ทำเงินมาเป็นอันดับ 8 ได้ไปอีก $1.1M, Cookie's Fortune ของ Robert Altman จากสังกัด October Films อยู่อันดับ 9 ทำเงิน $850,072 ลดลงนิดหน่อย ส่วนหนังออสการ์ Shakespeare in Love ดีดกลับขึ้นมาอยู่ใน top-10 อีกครั้ง รายได้ลดลงจากสัปดาห์ก่อนเพียงเล็กน้อย ทำรายได้สัปดาห์นี้ $785,199 รายได้รวมไปอยู่ที่ $94M ใกล้หลักร้อยล้านเข้าไปทุกที

หนังสี่เรื่องที่หลุดจาก top-10 คืออันดับ 13 Idle Hands หนัง horror-comedy จากค่าย Sony ตกมาจากอันดับ 7 รายได้รวมสิบวัน $3M จาก 1,611 โรง คงจบโปรแกรมไม่เกิน $5M, อันดับ 18 Lost and Found ของดาราทีวี David Spade ทุนสร้าง $13M จากสังกัด Warner Bros. ตกจากอันดับ 8 รูดลง 66% ในสัปดาห์ที่สาม ตอนนี้ทำเงินไปแล้วแค่ $5.8M คงออกจากโปรแกรมแบบเงียบๆที่รายได้สุทธิราวๆ $7M, อันดับ 14 Pushing Tin ของค่าย Fox ตกมาจากอันดับ 9 รายได้วูบลงไป 46% จากสัปดาห์ที่สามเช่นกัน จากทุนสร้างราว $33M คาดว่าจบโปรแกรมที่รายรับแค่ประมาณ $9M เท่านั้น และเรื่องสุดท้ายGo จาก Sony ตกจากอันดับ 10 ลงมาอยู่อันดับ 17 ทำรายได้รวมไปแล้ว $15.4M คาดว่าจะไปได้ราวๆ $18M

หนังที่เปิดฉายแบบชิมลางใน New York และ Los Angeles ได้แก่ Xiu Xiu : The Sent-Down Girl จากจีน รายได้เฉลี่ยต่อโรงสูงถึง $7,960 จากแค่ 3โรง, This Is My Father หนังไอริชจัดจำหน่ายโดย Sony Pictures Classics รายได้เฉลี่ย $6,097 จาก 9 โรง, The Castle หนังตลกยอดฮิตจากออสเตรเลียที่จัดจำหน่ายโดย Miramax ฉาย 7 โรง รายได้เฉลี่ย $4,207, และหนังรางวัล Sundance สัญชาติเวียดนาม Three Seasons ฉาย 22 โรง รายได้เฉลี่ยต่อโรงสูงถึง $7,913

หนังใหม่สัปดาห์หน้า William Shakespeare's A Midsummer Night's Dream , หนังแอ็คชั่นของหลี่เหลียนเจี๋ย หรือที่รู้จักกันในนาม Jet Li Black Mask และหนังที่เข้าฉายแบบวงจำกัดจาก MGM, Tea With Mussolini เข้าฉาย พร้อมด้วยการกลับมาแบบ re-issued เพียงสัปดาห์เดียวที่ Los Angeles ของ TRON จาก Buena Vista หรือ Walt Disney ในขณะนั้น