Box Office สุดสัปดาห์ที่ 21 - 23 พฤษภาคม 2542
Box Office สัปดาห์นี้ดุเดือดเลือดพล่าน เมื่อปฐมบทของอภิมหาอมตะสงครามแห่งดวงดาว ต้นกำเนิดของ Anakin Skywalker โดย George Lucas ทุนสร้าง $115M ในสังกัด Fox, Star Wars: Episode I - The Phantom Menace เริ่มเปิดฉายตั้งแต่วันพุธที่ 19 พฤษภาคม ด้วยจำนวน 2,970 โรง หรือจำนวนกว่า 5,500 จอ (มี 121 โรงที่เปิดฉายตลอด 24 ชั่วโมง) ทำรายได้ 5 วันแรกจากวันพุธถึงวันอาทิตย์ไปถึง $105.7M แต่ถ้าคิดเฉพาะจากวันศุกร์ถึงวันอาทิตย์ (อันเป็นมาตรฐานการคิดรายได้ Weekend ของ Box Office) ก็ทำเงินไปถึง $64.8M กินส่วนแบ่งถึง 65% จากรายได้ของหนัง top-10 นับเป็นหนังที่ผ่านร้อยล้านเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ (ห้าวันแบบเต็มวัน) และสร้างสถิติรายได้ต่อวันสูงที่สุดคือได้ไปถึง $28.5M จากวันพุธซึ่งเป็นวันแรกที่เริ่มเปิดฉาย แต่ตัวเลขรายได้ 3 วัน $64.8M จากศุกร์ถึงอาทิตย์ก็ยังไม่สามารถเอาชนะแชมป์เก่าThe Lost World ที่ทำไว้ $72.1M จากช่วงสามวันเมื่อปี 1997 ซึ่งเป็นสัปดาห์เปิดตัวเช่นกัน และอยู่ระหว่างเทศกาล Memorial Day ซึ่งหนังระดับบล็อกบัสเตอร์ต่างๆนิยมถือเป็นฤกษ์เปิดฉาย ส่วนหนึ่งก็คงเป็นเพราะเมื่อปี 1997 ที่ The Lost World เปิดฉายนั้น วันจันทร์ก็ยังเป็นวันหยุด Memorial Day ทำให้ผู้ชมมีเวลาดูหนังรอบดึกวันอาทิตย์กันได้อย่างเต็มที่ และหนังไดโนเสาร์ภาคต่อยังมีโรงฉายมากกว่าถึงราวๆ 300 โรงหรือกว่า 600 จออีกด้วย แต่อย่างไรก็ตาม รายได้เฉลี่ยต่อโรงของ Star Wars: Episode I - The Phantom Menace ก็ยังเป็นตัวเลขที่สูงมาก คือเฉลี่ยถึง $21,822 ต่อโรง โดยรายได้เฉลี่ยต่อโรงของหนังฟอร์มยักษ์เรื่องก่อนๆเป็นดังนี้Star Wars - Special Edition $17,066 เมื่อปี 1997,Batman $19,465 เมื่อปี 1989, Jurassic Park เฉลี่ย $20,865 เมื่อปี 1993, และ The Lost World $21,985 เมื่อปี 1997 จากสามวันสุดสัปดาห์เปิดตัว ส่วนหนังตระกูล Star Wars เรื่องที่แล้ว, Return of the Jedi, เปิดฉายช่วง Memorial Day เมื่อปี 1983 รวมสี่วันฟันไป $30.5M จากจำนวน 1,002 โรง หรือเฉลี่ยแล้ว $30,430 แต่ถ้าคิดสามวันจากวันศุกร์ถึงอาทิตย์เหมือนกันก็เฉลี่ยประมาณ $24,000 ต่อโรง ซึ่งนับว่าเป็นสถิติใหม่ในยุคนั้นเช่นกัน ทีนี้มาดูตัวเลขรายได้วันต่อวันของ Star Wars: Episode I - The Phantom Menace เมื่อเทียบกับหนังเรื่องอื่นๆกันบ้าง รายได้ $28.5M ก็เป็นแชมป์รายได้วันพุธไปแล้ว โดยมี The Lost World เป็นรองแชมป์ด้วยตัวเลข $26.1M เมื่อปี 1997, ส่วนวันพฤหัสมาเป็นอันดับสามด้วยตัวเลข $12.3M เป็นรอง Independence Day เจ้าของตัวเลข $17.3M และอันดับสองMen in Black $14.2M, วันศุกร์ได้ไป $18.5M มาเป็นอันดับ 3 เหมือนกัน เป็นรองแค่ The Lost World ที่ทำไว้ $21.6M และรองแชมป์Batman Forever เจ้าของตัวเลข $20M, ส่วนวันเสาร์และอาทิตย์ซึ่งได้ไป $24.4M และ $21.9M เป็นอันดับสองรองจากThe Lost World เจ้าของสถิติ $24.4M และ $26.1M ตามลำดับ รายได้ของหนังทั้ง 5 วันมีดังนี้ :- วันพุธ - $28,542,349; พฤหัส - $12,307,918; ศุกร์ - $18,467,513; เสาร์ - $24,414,123; วันอาทิตย์ - $21,929,334 จากวันศุกร์ถึงวันอาทิตย์ได้ $64,810,970 รวม 5 วันฟันไป $105,661,237 นักวิจารณ์ซึ่งได้คาดการณ์ว่าหนังเรื่องนี้จะทำรายได้สัปดาห์เปิดตัวอย่างมหาศาลถึง $140M หรือสูงกว่า พากันวิเคราะห์สาเหตุของความไม่ถึงเป้าครั้งนี้ ได้คำตอบบางประการที่น่าจะเป็นสาเหตุสำคัญว่า ผู้ชมตำหนิการแสดงของดารา, หนังขาดการพัฒนาการที่น่าสนใจของตัวละคร, การใช้ special effects ที่ฟุ่มเฟือยเกินไป และตัว Jar Jar Binks ที่ออกไปทางน่ารำคาญเกินกว่าจะน่าสนใจ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าสุดสัปดาห์หน้าซึ่งเป็น Memorial Day แฟนนานุแฟนของStar Wars ก็จะยังคงหลั่งไหลไปชมปฐมบทหนังเรื่องนี้กันอย่างมืดฟ้ามัวดินอย่างแน่นอน ถึงแม้จะได้รับการวิพากย์วิจารณ์ออกไปในแง่ลบก็ตาม และแน่นอน หนังเรื่องอื่นๆที่อยู่ในโปรแกรมก็เผชิญกับอาการ"วูบ"อย่างทั่วหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งหนังที่มี"หน้าหนัง"ใกล้เคียงกัน แม้กระทั่งหนังที่กะจะจับตลาดกลุ่มส่วนที่เหลืออย่างThe Love Letter,A Midsummer Night's Dream, และแม้กระทั่งหนังออสการ์Shakespeare in Love (ซึ่งเริ่มใช้แคมเปญใหม่ล่าสุด "Make Love, Not War" เพื่ออัดกับสงครามแห่งดวงดาวโดยเฉพาะ) ก็ยังต้องเผชิญกับความเงียบเหงาไปตามๆกัน อันดับสองคือ The Mummy ของ Universal ซึ่งครองแชมป์มา 2 สัปดาห์ โดนผลกระทบหนักกว่าเพื่อน วูบลงไปถึง 45% แต่ก็ยังฝ่าคลื่นลมผ่านหลักร้อยล้านจนได้ สัปดาห์นี้ได้ไปอีก $13.8M รายได้รวมตอนนี้ $100.2M จาก 17 วัน และคงจะจบโปรแกรมที่ตัวเลขรายรับประมาณ $130M The Mummy กลายเป็นหนังร้อยล้านเรื่องที่ 4 ของปีนี้ ตามหลัง The Matrix,Analyze This, และ Star Wars Episode I ที่เพิ่งจะแซงไปต่อหน้าต่อตา อันดับ 3 หนังของ Fox เช่นกัน, Entrapment ร่วงลงมาจากอันดับ 2 ทำรายได้สัปดาห์นี้ไปอีก $6.3M, ลดลงไป 31% จากสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งนับว่าเกือบจะน้อยที่สุดใน top-10 รายได้รวมแล้วอยู่ที่ $59.9M The Matrix หนังแชมป์รายได้สูงสุดของปีนี้ (ซึ่งกำลังจะโดนโค่น) มาเป็นอันดับ 4 ด้วยรายได้ $2.9M ลดลง 37% ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดตั้งแต่เริ่มฉายมา รายได้รวมอยู่ที่ $149.5M คาดว่าสัปดาห์หน้าจะร่วงลงมาเป็นรองแชมป์แน่นอน หนังของค่าย DreamWorks ที่ออกฉายเพื่อเก็บตลาดส่วนที่ไม่ชอบดูStar Wars คือหนังโรม๊านซ์, The Love Letter นำแสดงโดย Kate Capshaw, Tom Selleck, และ Ellen Degeneres พบความสำเร็จในระดับไม่มากนักจากคนดู คือทำรายได้สัปดาห์แรกนี้ไปเพียง $2.7M จากจำนวนแค่ 769 โรง ทำรายได้เฉลี่ยต่อโรงไป $3,502 เท่านั้น อยู่อันดับที่ 5 ของตาราง box office โดย Jim Tharp ผู้บริหารของสังกัด DreamWorks แจ้งว่าผู้ชมราว 70% เป็นผู้หญิง ซึ่งเป็นกลุ่มคนดูที่ตั้งเป้าหมายไว้ หนัง romantic comedy ทุนสร้าง $14M ที่สร้างจากบทประพันธ์ของ Shakespeare คือ A Midsummer Night's Dream จากสังกัด Fox Searchlight รายได้วูบลง 39% ตกจากอันดับ 5 ลงมาอยู่อันดับ 6 ทำรายได้ไปอีก $2.6M จากการฉายเป็นสัปดาห์ที่ 2, รายได้รวม 10 วันได้ไปเพียง $8.2M เป้าหมายที่พุ่งไปที่กลุ่มคนดูผู้หญิงวัยทำงานกลับไม่สัมฤทธิ์ผลนัก คาดว่าคงจบโปรแกรมที่ตัวเลขประมาณ $13-15M อันดับ 7 Never Been Kissed จากค่าย Fox ที่นำแสดงโดย Drew Barrymore ถึงแม้ว่ารายได้จะวูบน้อยกว่าหนังเรื่องอื่นใน top-10 แต่รายได้เฉลี่ยต่อโรงก็น้อยที่สุดเช่นกัน หนังทำเงินไปอีก $1.7M ลดลง 30%, เป็นหนังเรื่องเดียวในช่วงนี้ที่จับตลาดวัยรุ่นวัยเรียนผู้หญิง ส่วนรายนี้วูบลงหนักกว่าใคร Black Mask หนังฮ่องกงเมื่อปี 1996 ที่จัดจำหน่ายโดย Artisan โดยมี Jet Li หรือหลี่เหลียนเจี๋ย แสดงศิลปการต่อสู้อย่างเต็มที่ ร่วงจากอันดับ 4 ลงมาอยู่อันดับ 8 ด้วยรายรับ $1.7M ลดลงถึง 63% รวม 10 วันทำรายได้ไปแล้ว $7.3M คงไปไกลที่สุดราวๆ $9-10M ก่อนออกมาในรูปแบบวิดีโอ, อันดับ 9 Life ของ Eddie Murphy ทำรายได้ $1.6M รายได้รวมอยู่ที่ $57.5M ส่วนอันดับ 10 เป็นหนังของค่าย Paramount,Election ทำรายได้ $1.5M รายได้รวม $9.2M ที่หลุดจาก top-10 ไปก็คือ Trippin' จาก October Films และ Tea With Mussolini จาก MGM ตกไปอยู่อันดับ 11 และ 12 ตามลำดับ หนังที่เปิดฉายในวงแคบ Trekkies หนังแนวสารคดีเกี่ยวกับแฟนหนัง Star Trek จากค่าย Paramount Classics ทำรายได้เพียง $125,636 จากจำนวน 339 โรง ทำรายได้เฉลี่ยเพียง $371 เท่านั้น ส่วน Beseiged ของค่าย Fine Line ที่กำกับโดย Bernardo Bertolucci, ทำเงิน $159,289 ตัวเลขรายได้เฉลี่ย $4,425 จากจำนวน 36 โรง หนังใหม่สัปดาห์หน้าซึ่งเป็นสุดสัปดาห์ Memorial Day พบกับ Julia Roberts ใน Notting Hill จากค่าย Universal แล้วยังมี The 13th Floor จากค่าย Sony เริ่มฉาย ตารางรายได้ 20 อันดับหนังทำเงินสุดสัปดาห์ที่ 21 - 23 พฤษภาคม 2542
|
ที่มา : Weekend Box Office โดย Box Office Guru
ข้อมูลเพิ่มเติม :