รายได้ของหนังในช่วงสุดสัปดาห์มีดังนี้ วันศุกร์ $13.5M, วันเสาร์ $19.3M, วันอาทิตย์ $18.5M และวันจันทร์ซึ่งเป็นวันหยุด $15.5M รวม $66.9M เมื่อเทียบตัวเลขแล้ว Star Wars: Episode I - The Phantom Menace ก็เป็นหนังทำเงินในวันจันทร์สูงสุดอันดับสอง รองจากวันจันทร์สัปดาห์แรกของ The Lost World (นี่ขนาดสัปดาห์ที่สอง ยังเอาชนะหนังสัปดาห์แรกเลย) และเป็นอันดับสามของหนังทำเงินในวันอาทิตย์ รองจากวันอาทิตย์ในสัปดาห์แรกของ The Lost World เช่นกัน (อันดับสองก็คือ Star Wars: Episode I - The Phantom Menace เองเมื่อวันอาทิตย์ที่แล้วนั่นแหละ)

เมื่อเทียบรายได้เพียงสามวันจากศุกร์ถึงอาทิตย์ตามมาตรฐาน Box Office จะพบว่า Star Wars: Episode I - The Phantom Menace ทำเงินลดลงจากสัปดาห์ที่แล้วประมาณ 21% คือทำได้ $51.4M ทำให้ลูคัสพอจะใจชื้นขึ้นมาได้บ้าง ต่างกับที่ Godzilla และ The Lost World เคยเจอมา คือเปิดตัวแบบถล่มทลาย แล้ววูบลงในสัปดาห์ที่สองอย่างชัดเจน แต่อย่างไรก็ตาม สัปดาห์ที่สามนี้จะเป็นการชี้ชะตาว่า Star Wars: Episode I - The Phantom Menace จะไปได้ไกลแค่ไหน เพราะเลยช่วงฮือฮาในสัปดาห์แรกและเทศกาลวันหยุดไปแล้ว ต้องคอยดูกันต่อไปว่า The Force จะยืนหยัดปะทะกับกองทัพหนังซัมเมอร์ที่กำลังดาหน้าเข้ามาได้แค่ไหน รายได้ $400M เฉพาะในอเมริกาคงจะไม่ยากเย็นนัก ถึงแม้ว่าจำนวนหนังใหญ่ในเดือนมิถุนายนปีนี้จะน้อยกว่าปีที่แล้ว แต่ก็มีตัวเก็งที่น่ากลัวหลายเรื่องเลยทีเดียว

หนังใหม่สัปดาห์นี้ที่พยายามฝ่าวงล้อมสาวกเจได เป็นหนัง romantic comedy จาก Universal นำแสดงโดย Julia Roberts และ Hugh Grant,Notting Hill, ที่กลายเป็นหนังแนวโรแมนติกที่ทำเงินสัปดาห์เปิดตัวสูงสุดในประวัติศาสตร์ไปแล้ว โดยเปิดตัวด้วยตัวเลข $27.7M จากช่วงสี่วันเช่นกัน โดยรายได้สามวันมาตรฐานอยู่ที่ $21.8M จากวันศุกร์ถึงอาทิตย์ เป็นเรื่องของดาราสาวในฮอลลีวู๊ดที่พบรักกับหนุ่มเจ้าของร้านหนังสือ เขียนบทโดย Richard Curtis และทีมงานจาก Four Weddings and a Funeral หนังทำรายได้เฉลี่ยไปถึง $10,080 ใน 2,747 โรง (ในสุดสัปดาห์นี้เช่นกันที่ Notting Hill เริ่มเข้าฉายในอังกฤษ และทำเงินไป $5.4M รายได้เฉลี่ยต่อโรงราว $12,000 จากสุดสัปดาห์ 3 วัน แรงจัดเหมือนกัน) หนังทำสถิติเปิดตัวสูงสุดแทนที่หนังโรแมนติกเรื่องที่แล้วMy Best Friend's Wedding (นำแสดงโดย Julia Roberts อีกนั่นแหละ) ที่ทำรายได้สัปดาห์แรกไว้ $21.7M เมื่อเดือนมิถุนายน 1997 จากจำนวน 2,134 โรง นอกจากนี้ Notting Hill ก็ยังเป็นหนังที่เปิดตัวด้วยรายได้ได้สูงที่สุดในชีวิตการแสดงของทั้ง Julia Roberts และ Hugh Grant อีกด้วย

ทั้งนี้คงเป็นเพราะพลังดาราที่สามารถดึงดูดความสนใจจากผู้ชมกลุ่มที่เป็นผู้หญิงวัยทำงานและคู่รักได้อย่างสะดวกโยธิน ประจวบกับการที่นักวิจารณ์พูดถึงหนังในแง่บวก รวมทั้งการโปรโมทที่ยอดเยี่ยม และที่สำคัญ ก็เนื่องมาจากการที่ Universal เปิดฉายหนังเรื่องนี้ในจังหวะที่เหมาะเหม็ง คือสามารถดึงคนดูกลุ่มที่ไม่ได้ชื่นชอบคลั่งไคล้ Star Wars หรือหนังแอ็คชั่น sci-fi เรื่องอื่นๆที่เฮโลเข้าฉายกันหลายเรื่องในเทศกาลนี้มาได้เป็นผลสำเร็จ และประการสุดท้าย เนื่องจากการที่สตูดิโอต่างๆไม่มีหนังแนวที่เอาใจตลาดกลุ่มนี้มาฉายหลายเดือนแล้ว (หนังที่จับตลาดผู้ชมกลุ่มดังกล่าวเรื่องก่อนหน้าคือ Forces of Nature เมื่อเดือนมีนาคม และ Message in a Bottle เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งต่างก็ทำเงินไปกว่า $50M ทั้งคู่ ส่วน The Love Letter และA Midsummer Night's Dream ก็เป็นได้เพียงออเดิร์ฟคั่นรายการเท่านั้นเอง) ทำให้คนดูกลุ่มนี้แห่กันไปดูNotting Hill กันอย่างคับคั่งเลยทีเดียว

รายได้หนังเรื่องก่อนหน้าของ Julia Roberts คือStepmom เปิดตัวสัปดาห์แรก $19.1M เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว และทำเงินทั่วโลกไปราวๆ $160M, Conspiracy Theory เปิดตัวสัปดาห์แรก $19.3M เมื่อปี 1997 และMy Best Friend's Wedding เปิดตัวสัปดาห์แรก $21.7M โดยสองเรื่องหลังทำเงินทั่วโลกรวมกันได้ไปถึง $440M นอกจากนั้น เดือนกรกฎาคมนี้ยังมีหนังอีกเรื่องจากเธอRunaway Bride จะตามมากวาดเงินเป็นหมัดสองอีกด้วย

The Mummy จาก Universal ครองอันดับ 3 ในสัปดาห์นี้ โดยทำเงินไปอีก $12.9M จากสี่วัน รายได้รวมอยู่ที่ตัวเลข $117.2M จาก 3,395 โรง (ซึ่งก็เป็นหนังที่ได้โรงฉายมากที่สุดเรื่องหนึ่งในประวัติศาสตร์เหมือนกัน) แซงหน้า George of the Jungle หนังฮิตเรื่องที่แล้วของพระเอกหนุ่ม Brendan Fraser ที่ทำเงินไปทั้งสิ้น $105.3M ตั้งแต่ต้นสัปดาห์ที่แล้ว กลายเป็นหนังที่ทำเงินสูงสุดของเขาไปแล้ว และเมื่อคิดรายได้จากฐานสามวันจากศุกร์ถึงอาทิตย์ซึ่งทำเงินได้ $9.9M จะเห็นว่ารายได้ลดลงจากสัปดาห์ก่อน 28% (หลังจากที่รูดลง 42.7% และ 44.5% ในสัปดาห์ที่สองและสามตามลำดับ) ดูจากรายได้รวมแล้ว The Mummy ก็ลอยลำฉลุยผ่านจุดชี้ชะตาไปแล้วอย่างสบายๆ คาดว่ารายได้สุดท้ายโปรแกรมคงจะอยู่ที่ประมาณ $135-145M นับว่า Universal วางแผนถูกต้องที่เอามาฉายตัดหน้าปฐมบทมหากาพย์ตำนานสงครามดาวซะก่อน

Entrapment อยู่อันดับ 4 ด้วยรายได้ $7.2M คิดจากสี่วัน ลดลงจากสัปดาห์ที่แล้วเล็กน้อย (ตั้งแต่สัปดาห์ที่สอง รายได้ลดลง 38.8%, 26.4%, และ 30.5% ตามลำดับ) รายได้รวมมาอยู่ที่ $69.6M คาดว่าคงจะสรุปยอดรายได้ที่ตัวเลขราวๆ $85-90M

อันดับ 5 เป็นหนังใหม่แนว Sci-fi thriller จาก Sony,The Thirtheenth Floor เปิดตัวอย่างน่าผิดหวังด้วยรายได้เพียง $4.3M จากสี่วันเช่นกัน จากจำนวน 1,815 โรง ทำรายได้เฉลี่ยต่อโรงเพียง $2,369 เท่านั้น หนังเรื่องนี้นำแสดงโดย Craig Bierko, Gretchen Mol, และ Vincent D'Onofrio ซึ่งไม่ได้เป็นแรงดึงดูดความน่าสนใจจากคนดูเลย แถมยังโดน The Force อัดซะจนติดดินอีกด้วย หนังเลยประสบกับความล้มเหลวอย่างน่าสงสาร ทั้งที่ลงทุนสร้างไปถึง $18M งานนี้ Sony เจ็บตัวตามระเบียบ

อันดับ 6 เป็นแชมป์เก่าหนังทำเงินปี 1999 ที่เพิ่งตกอันดับลงมาThe Matrix ทำเงินไปอีก $3.8M จากการฉายเป็นสัปดาห์ที่ 9 รวมรายได้ขณะนี้อยู่ที่ $154.8M คาดว่าจะไปจบโปรแกรมที่รายได้ประมาณ $165-170M

หนังที่สร้างจากผลงานของ Shakespeare, A Midsummer Night's Dream ที่นำแสดงโดย Michelle Pfeiffer และ Calista Flockhart อยู่อันดับ 7 ทำเงินไปอีก $2.07M ร่วงลงหนักพอสมควร ส่วนหนังตลกNever Been Kissed ของ Drew Barrymore ทำเงินไป $2.02M เปอร์เซนต์รายได้เพิ่มจากสัปดาห์ที่แล้วมากที่สุดใน top-10

อันดับ 9 คือหนังที่จัดจำหน่ายโดย Artisan,Black Mask โดยหลี่เหลียนเจี๋ย ทำเงินไปแล้ว $9.5M ส่วนหนังโรแมนซ์จาก DreamWorks,The Love Letter, นำแสดงโดย Kate Capshaw, Tom Selleck, และ Ellen Degeneres ตกจากอันดับ 5 มาอยู่อันดับ 10 ทำรายได้รวมสิบวันไปเพียง $5.1M

หนังที่หลุดจากสิบอันดับได้แก่ Election ตกมาอยู่อันดับ 11 ด้วยรายรับ $1.36M รวมรายได้ $11.1M จากจำนวนแค่ 827 โรงเท่านั้น  ส่วนอันดับ 12 Life ทำเงินอีก $1.35M รวมยอดรายได้สะสมอยู่ที่ $59.4M 

หนังใหม่สัปดาห์หน้า Instinct นำโดยสองดาราออสการ์ Anthony Hopkins และ Cuba Gooding Jr. จาก Buena Vista นอกจากนี้ก็ยังมีหนังเปิดตัวแบบชิมลางอีกหลายเรื่อง อาทิ Limbo จาก Sony, Buena Vista Social Club, Endurance จาก Buena Vista