CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGang
เลือกดูกระทู้ใน Cafe         

Box Office สุดสัปดาห์ที่ 11 - 13 พฤศจิกายน 2548


แม้จะโดนหนังใหม่ๆ รุมกันหลายเรื่อง แต่หนังแอนิเมชั่นกุ๊กไก่จาก Disney เรื่อง Chicken Little ยังหนังเหนียวจนสามารถครองแชมป์รายได้ประจำสุดสัปดาห์ ต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่สองอย่างสบายๆ โดยที่หนังใหม่สามเรื่อง มุ่งจับกลุ่มผู้ชมแตกต่างกันไป ได้แก่ หนัง Sci-Fi ผจญภัย Zathura, หนังระทึกขวัญของ Jennifer Aniston เรื่อง Derailed และหนังดราม่าของ 50 Cent เรื่อง Get Rich or Die Tryin' ส่วนหนังพีเรียด Pride & Prejudice เปิดตัวแบบชิมลาง ก็ประสบความสำเร็จอย่างงดงามใน top ten

สุดสัปดาห์ที่สองของเจ้ากุ๊กไก่กลัวฟ้าถล่ม Chicken Little รายได้แผ่วลงไปเพียง 21% จากสุดสัปดาห์แรกที่เข้าฉาย ซึ่งนับว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับหนังแอนิเมชั่นสายพันธุ์ที่สร้างจากคอมพิวเตอร์ล้วนๆ ด้วยกัน และทำให้ยังคงครอบอันดับหนึ่งได้ต่อ ด้วยรายรับอีก $31.7M หลังจากฉายมาสิบวัน Disney รับเละไปแล้วถึง $80.4M แม้โดยรวมรายได้รวมในช่วงเวลาเดียวกัน จะยังไม่สูงเหมือนหนังแอนิเมชั่นจาก Pixar อย่าง The Incredibles (สิบวันแรก $143.3M), Finding Nemo (สิบวันแรก $144M) และ Monsters, Inc. (สิบวันแรก $122.2M) แต่ก็ยังเป็นผลงานที่ดีกว่าหนังแอนิเมชั่นเรื่องก่อนๆ จาก Disney เอง (ที่ไม่มี Pixar ร่วมด้วย) อย่าง Brother Bear (สิบวันแรก $44M), Lilo & Stitch (สิบวันแรก $77.1M) และ Dinosaur (สิบวันแรก $73.5M) เมื่อลองประมาณการจากการทำรายได้ในช่วงแรก คาดว่าก่อนออกจากโปรแกรม Chicken Little น่าจะทำเงินในอเมริกาเหนือได้ในระดับประมาณ $170M เลยทีเดียว

หนังผจญภัย Sci-Fi จาก Sony เรื่อง Zathura ที่หมดทุนรอนไปกับค่าเทคนิกพิเศษ เปิดตัวได้อันดับสอง ด้วยรายรับ $13.4M จาก 3,223 โรง เฉลี่ยต่อโรงออกมา $4,166 หนังเรื่องนี้กำกับโดย Jon Favreau (Elf, Made) เป็นภาคต่อของ Jumanji แต่บุกกันไปลุยถึงอวกาศ หนังเปิดตัวในระดับใกล้เคียงกับหนังแอ็คชั่นผจญภัยภาคต่อจาก Sony เหมือนกันอย่าง The Legend of Zorro ที่ออกสตาร์ทไปเมื่อสองสัปดาห์ก่อนด้วยรายรับ $16.3M หรือเฉลี่ยต่อโรงทำได้ $4,639 จากการสำรวจพบว่า ผู้ชมส่วนใหญ่คือถึง 71% เป็นกลุ่มครอบครัว ซึ่งเจาะตลาดมาจากแชมป์ Chicken Little ที่มาแรงกว่าจนทำให้ Zathura แผลงฤทธิ์ไม่ได้มากเท่าที่ควร ในขณะที่สุดสัปดาห์หน้า ยังต้องเจอกระดูกชิ้นโตอย่างพ่อมดน้อย Harry Potter and the Goblet of Fire ที่จับกลุ่มเป้าหมายเดียวกันเป๊ะ แถมยังครอบคลุมไปถึงคนทุกวัยอีกต่างหาก

หนังรัก-อาชญากรรมระทึกขวัญที่แสดงนำโดย Clive Owen, Jennifer Aniston, Melissa George เรื่อง Derailed ทุนสร้าง $22M จากค่าย Miramax เปิดตัวที่อันดับสามด้วยรายได้ $12.2M จากจำนวน 2,443 โรง เฉลี่ยต่อโรงออกมา $4,999

อันดับ 4 เป็นของหนังดราม่า Get Rich or Die Tryin' จากค่าย Paramount ที่ดัดแปลงจากชีวิตจริงของ 50 Cent ศิลปิน hip-hop ผิวสีที่กำลังมาแรง โดยฝีมือกำกับของ Jim Sheridan (In America, The Boxer, My Left Foot) Get Rich or Die Tryin' เปิดตัวด้วยรายได้สูงถึง $12M ในช่วงสามวันสุดสัปดาห์ ทั้งที่ใช้โรงไปเพียง 1,652 น้อยกว่าหนังเข้าใหม่เรื่องอื่นๆ ด้วยกัน เฉลี่ยต่อโรงจึงออกมาสูงถึง $7,277 เมื่อรวมรายรับห้าวัน เมื่อคิดว่าที่เปิดฉายวันแรกคือวันพุธ หนังทำรายได้รวมไปแล้ว $17.7M จากการสำรวจพบว่า ผู้ชมส่วนใหญ่เป็นคนผิวสีคือมากถึง 75% ของทั้งหมด ในขณะที่ 53% มีอายุต่ำกว่า 25 ปี

ที่ร่วงหนักกว่าใครใน top ten ก็คือหนังสงคราม-ดราม่าจาก Universal เรื่อง Jarhead รองแชมป์เมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้ว ร่วงลงมาอยู่อันดับ 5 ด้วยอัตราถึง 58% เก็บไปได้อีก $11.7M รวมสิบวันรับไปแล้ว $46.5M จากทุนสร้าง $72M คาดว่าคงไปหยุดที่ประมาณ $70-75M กำหนดฉายในไทยวางไว้ 9 กุมภาพันธ์ปีหน้า ส่วน Lions Gate รับไปอีก $9.1M จากหนังสยองขวัญภาคต่อ Saw II ที่ตกจากอันดับ 3 มาอยู่ 6 ด้วยอัตรา 46% ทำยอดรายได้รวมไปแล้ว $73.9M

หนังแอ็คชั่นผจญภัยภาคต่อจาก Sony เรื่อง The Legend of Zorro ตามมาที่อันดับ 7 ด้วยรายรับอีก $6.4M หรือลดลงจากสุดสัปดาห์ที่แล้ว 36% ทำรายได้รวมไปแล้ว $39.3M ในขณะที่ตลาดโลกกลับยังไปได้สวย เพราะแฟนๆ ของ Antonio anderas กับ Catherine Zeta-Jones ยังเหนียวแน่นกันอยู่ จนทำให้รายได้รวมในตลาดนอกอเมริกาเก็บไปแล้วถึง $73M รวมรายได้จากทั่วโลกตอนนี้คือ $112M ส่วนหนังตลกรักต่างวัยจากค่าย Universal เรื่อง Prime ที่แสดงนำโดย Uma Thurman กับ Meryl Streep ยังแรงดีอยู่ รายได้ลดลงไปเพียง 25% เก็บไปอีก $3.9M รวมรายได้ขณะนี้ $18.9M จากที่ฉายมาสามสัปดาห์ ในขณะที่หนังดราม่าจาก DreamWorks เรื่อง Dreamer: Inspired by a True Story ที่แสดงนำโดย Dakota Fanning ตามมาติดๆ ที่อันดับ 9 ด้วยรายได้ $3.7M แผ่วลงจากสุดสัปดาห์ก่อนหน้าแค่ 22% เท่านั้น รายได้รวมของหนังขยับขึ้นไปเป็น $28.9M กำหนดฉายในไทยตอนนี้วางไว้ 2 มีนาคมปีหน้า

ปิดท้าย top ten ด้วยหนังดราม่าพีเรียดจากอังกฤษเรื่อง Pride and Prejudice จากค่าย Focus ที่ชิมลางด้วยจำนวนโรงแค่ 215 โรง แต่กวาดไปถึง $2.9M เฉลี่ยต่อโรงออกมาสูงถึง $13,326 หนังทำรายได้ในตลาดโลกล่วงหน้าไปแล้วถึง $40M โดยในจำนวนนี้ $25.3M ได้มาจากในอังกฤษเอง ที่ครองแชมป์มาแล้วถึงสี่สัปดาห์รวด หนังจะเปิดฉายอย่างเต็มตัวในอเมริกาเหนือ ตั้งแต่สุดสัปดาห์ที่ 23 พฤศจิกายน อันเป็นสไตล์ยุทธการค่อยๆ บุกทีละคืบ แบบเดียวกับที่ Universal เคยใช้ได้ผลมาแล้วกับหนังอังกฤษเรื่องก่อนๆ อย่าง Love Actually และ Bridget Jones: The Edge of Reason คือหนังจะเปิดตัวในจำนวนจำกัดโรง คือแค่ 500-600 โรงในเดือนพฤศจิกายนเหมือนกัน และทำรายได้เฉลี่ยต่อโรงออกมาสูงถึง $11,955 และ $16,385 ตามลำดับ แล้วค่อยเพิ่มโรงไปตลอดเทศกาลปลายปี และประสบความสำเร็จอย่างงดงามไปตามๆ กัน

หนังตลกจาก Roadside Attractions เรื่อง Sarah Silverman - Jesus is Magic เปิดตัวในวงจำกัดเพียง 7 โรง ทำรายได้ไป $124,475 หรือเฉลี่ยออกมาได้ต่อโรงเท่ากับ $17,782 ส่วน Fox Searchlight เปิดฉายหนังดราม่าของ Richard Gere เรื่อง Bee Season ในจำนวน 21 โรง รับไปทั้งสิ้น $120,544 เฉลี่ยต่อโรงทำได้ $5,740

หนังสี่เรื่องถูกดันหลุดจาก top ten ไปเป็นหนังแนวผู้ใหญ่ทั้งนั้น โดยงานกำกับของ George Clooney เรื่อง Good Night, and Good Luck รายได้แผ่วลงไปแค่ 18% รับไปอีก $2.5M เฉลี่ยรายได้ต่อโรงคือ $3,745 รายได้รวมขณะนี้อยู่ที่ $14.5M ผู้จัดจำหน่ายคือ Warner Independent เตรียมจะเพิ่มโรงให้จาก 668 เป็นประมาณ 850 โรงในสุดสัปดาห์หน้านี้ ส่วนหนังตลกจาก Buena Vista ที่แสดงนำโดย Steve Martin ในเรื่อง Shopgirl รายได้ลดลงไปแค่ 29% ได้ไปอีก $1.8M เฉลี่ยต่อโรงทำได้ $3,655 ทำรายได้รวมไปแล้ว $6.1M

หนังตลกของ Nicolas Cage เรื่อง The Weather Man รายได้ร่วงลง 39% เก็บไปอีก $1.8M ทำเงินให้ Paramount อย่างน่าผิดหวังไปแล้ว $11.4M จากที่ฉายมา 17 วัน คาดว่าจะออกจากโปรแกรมที่ตัวเลขประมาณ $15M เท่านั้นเอง ส่วนหนังแอ็คชั่นระทึกขวัญที่แสดงนำโดย Jodie Foster เรื่อง Flightplan รับไปอีก $1.6M ส่งรายได้รวมขึ้นไปเป็น $86.7M คาดว่าจะไปปิดยอดรายได้ที่ประมาณ $91M เกือบเท่ากับหนังแนวเดียวกันเรื่องก่อนของเธออย่าง Panic Room ที่ทำเงินไปทั้งสิ้น $95.3M เมื่อปี 2002

สุดสัปดาห์หน้าพบกับปีที่สี่ของพ่อมดน้อย Harry Potter and the Goblet of Fire และหนังดราม่า Walk the Line


ตารางรายได้ 20 อันดับหนังทำเงินสุดสัปดาห์ที่ 11 - 13 พฤศจิกายน 2548

# Title Nov 11 - 13 Nov 4 - 6 % Chg. Theaters Weeks AVG Cumulative Distributor










1 Chicken Little $ 31,653,590 $ 40,049,778 -21.0 3,658 2 $ 8,653 $ 80,401,485 Buena Vista
2 Zathura 13,427,872

3,223 1 4,166 13,427,872 Sony
3 Derailed 12,211,986

2,443 1 4,999 12,211,986 Weinstein Co.
4 Get Rich or Die Tryin' 12,020,807

1,652 1 7,277 17,723,544 Paramount
5 Jarhead 11,738,160 27,726,210 -57.7 2,448 2 4,795 46,539,505 Universal
6 Saw II 9,125,604 16,853,399 -45.9 2,949 3 3,094 73,876,511 Lions Gate
7 The Legend of Zorro 6,381,648 10,023,822 -36.3 3,053 3 2,090 39,270,385 Sony
8 Prime 3,874,375 5,143,630 -24.7 1,781 3 2,175 18,918,950 Universal
9 Dreamer 3,728,510 4,794,741 -22.2 2,735 4 1,363 28,853,998 DreamWorks
10 Pride & Prejudice 2,865,017

215 1 13,326 2,865,017 Focus










11 Good Night, and Good Luck 2,501,496 3,066,046 -18.4 668 6 3,745 14,489,880 Warner Independent
12 Shopgirl 1,802,032 2,520,844 -28.5 493 4 3,655 6,118,672 Buena Vista
13 The Weather Man 1,754,301 2,870,706 -38.9 1,250 3 1,403 11,377,751 Paramount
14 Flightplan 1,585,755 2,290,690 -30.8 1,041 8 1,523 86,650,911 Buena Vista
15 Capote 1,190,112 1,014,007 17.4 264 7 4,508 6,517,371 Sony Classics
16 Wallace & Gromit 959,813 2,099,102 -54.3 1,012 6 948 54,298,093 DreamWorks
17 North Country 933,009 2,152,420 -56.7 1,044 4 894 17,350,237 Warner Bros.
18 The Fog 823,143 1,970,735 -58.2 787 5 1,046 29,212,109 Sony
19 Kiss Kiss, Bang Bang 785,842 400,213 96.4 169 4 4,650 2,107,243 Warner Bros.
20 Elizabethtown 702,592 1,633,235 -57.0 730 5 962 26,360,263 Paramount

เรียบเรียงจาก : Weekend Box Office โดย Box Office Guru

ข้อมูลเพิ่มเติม :