มี-ซุก (ชิม ไฮ-จิน) ศิลปินงานผ้าถักทอ เธอแต่งงานกับ โด-อิล (คิม จิน-จีอุน) สูตินรีแพทย์ ทั้งคู่อาศัยอยู่กับพ่อของโด-อิล และทั้ง 2 ก็ครองรักกันอย่างมีความสุขกันหลายปี แต่ก็ไม่สามารถมีลูกได้ ทั้งคู่จึงตัดสินใจที่จะรับเด็กมาอุปการะเป็นบุตรบุญธรรม และที่สถานสงเคราะห์เด็กนั้นเอง ที่มี-ซุกได้พบกับภาพวาดต้นไม้ ที่มีความละม้ายคล้ายกับภาพหนึ่ง ที่เธอเคยตัดสินในงานประกวดภาพวาดสำหรับเด็ก มันเป็นภาพวาดที่เหมือนกับภาพ scream ของศิลปินชื่อดัง มันช์ เธอรู้สึกได้ถึงแรงดึงดูด ระหว่างเธอและภาพวาดนั้น จนที่สุด เธอก็ตัดสินใจรับเอาเด็กชายที่วาดภาพนั้น มาเป็นบุตรบุญธรรม

ภายหลังการรับอุปการะทั้งหมด มี-ซุก, โด-อิล และเด็กชาย จิน-ซุง ดูเหมือนจะเข้ากันได้เป็นอย่างดี แต่ทว่าแม่ของมี-ซุกกลับไม่ใคร่จะชอบเด็กน้อยมากนัก และความสุขอันแสนสั้นของจิน-ซุงก็มีอันจบลง เมื่อมี-ซุกตั้งท้อง และให้กำเนิดลูกของพวกเขาเอง จนในที่สุด เด็กชายก็ถูกทอดทิ้ง โดยครอบครัวที่เอาเขามาเลี้ยง

เด็กน้อยที่รู้สึกโดดเดี่ยวไร้คนดูแล จิน-ซุงเริ่มแสดงความรักแบบแปลกๆ กับต้น acacia ในสวนหลังบ้านของพวกเขาเอง ซึ่งเขาได้ยินใครบางคนพูดว่า แม่ที่แท้จริงของเขาเอง ได้ผูกคอตายใต้ต้นไม้ชนิดนี้ เด็กน้อยจึงเชื่อว่า แม่ของตนได้กลายมาเป็นต้นไม้ ซึ่งในขณะเดียวกัน เขาก็เริ่มสนิทสนมกับ มิน-จี เด็กสาวข้างบ้านมากขึ้นเรื่อยๆ และวันหนึ่ง จิน-ซุงได้ยินเสียงทารกน้อยร้องไห้ เขาจึงพยายามปลอบ และทำให้ทารกน้อยหยุดร้อง แต่ทว่าแม่ของมีซุกกลับเข้าใจผิด และคิดว่าเขากำลังทำร้ายน้อง เธอจึงต่อว่าเขาไปอย่างรุนแรง และต่อมา เธอก็แนะนำให้มี-ซุกส่งจิน-ซุง กลับไปยังสถานสงเคราะห์ที่เขาจากมา เด็กชายได้ยินทั้งหมดที่เธอคุยกับมี-ซุก ด้วยความกลัวระคนเสียใจ เขาหนีออกไปจากบ้านและหายตัวไป

หลังจากการหายตัวไปของเด็กน้อย ต้น acacia ในสวนหลังบ้านของพวกเขาก็ออกดอกเบ่งบาน ส่งกลิ่นหอมของดอกไม้ไปทั่วทั้งบริเวณ และสิ่งประหลาดก็เริ่มก่อตัวขึ้น ณ ที่แห่งนั้น คืนหนึ่งมี-ซุกฝันเห็นเด็กน้อยชุ่มโชกไปด้วยเลือด ต่อมาแม่ของมี-ซุกได้กลิ่นของต้นไม้อย่างรุนแรง จนส่งให้เธอกระอักออกมาเป็นเลือด โด-อิล จากผู้ชายที่อบอุ่นโอบอ้อมอารีย์ กลายเป็นชายที่เย็นชาต่อทุกสิ่ง และพ่อของเขาก็ถูงฝูงมดรุมกัด และเสียชีวิตลงใต้ร่มของต้น acacia นั้นเอง

ในค่ำคืนที่เหนื่อยล้าคืนหนึ่ง โด-อิลกลับมาถึงบ้าน และพบผลงานภาพเขียนของจิน-ซุง กระจัดกระจายอยู่โดยทั่ว เขาจึงเกิดบันดาลโทสะ ทำร้ายและขืนใจมี-ซุกอย่างทารุณ ไม่กี่วันต่อมา เมื่อเขากลับมาถึงบ้าน เขาก็พบเฟอร์นิเจอร์ในบ้าน ถูกผูกมัดไว้ด้วยเส้นด้ายสีแดงเลือด ที่นำพาเขาไปยังชั้น 2 ของบ้านยังห้องทำงานของมี-ซุก

ภายในห้องทำงาน เขาพบกับปมด้ายและผ้าที่ถักทอเป็นเรื่องราวโหดร้าย ที่โด-อิลกำลังฆ่าจิน-ซุง และด้วยความตกใจ เขากรีดร้องด้วยความสยดสยองไปยังสวนหลังบ้าน และพยายามตัดต้นไม้สยองทิ้งลง แต่มี-ซุกก็เดินตามเขามา และแทงเขาข้างหลังอย่างโหดเหี้ยม และฆ่าตัวตายในที่สุด

ในค่ำคืนที่จิน-ซุงหายตัวไปนั้น เขาได้วิ่งหนีไปยังต้น acacia ด้วยอารมณ์โกรธที่พลุ่งพล่านของมี-ซุก ต่อความรักของเขาที่มีต่อต้นไม้ เธอง้างขวานขึ้นเพื่อโค่นต้นไม้ลง แต่ทว่าสิ่งไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น... สามีและภรรยาต่างพยายามกลบเกลื่อนโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้น ทว่ามี-ซุกก็เสียสติไปแล้ว และคิดแต่เพียงว่าจิน-ซุงนั้นแค่หายตัวไป มีเพียงแต่ มิน-จี สาวน้อยข้างบ้านเท่านั้น ที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด

เมื่อทีมนักสืบเริ่มเข้ามาสอบสวนเหตุการณ์ประหลาด ที่เกิดขึ้นในบ้านแห่งนี้ พวกเขาก็ต้องตะลึง เมื่อพบกับศพของจิน-ซุงที่ถูกฝังอยู่ข้างๆ ต้น acacia นั้นเอง โดยที่ศพของเด็กน้อยนั้น ยังไม่มีอาการเน่าเปื่อย และกลับขาวซีดมากขึ้นทุกขณะ ราวกับดอก acacia ที่เบ่งบาน ส่งกลิ่นอบอวลไปทั่วทั้งบริเวณ...

Acacia (อเค’เชีย) เขียนบทและกำกับโดย ป๊าก กี-ยุง เจ้าของผลงานภาพยนตร์สยองขวัญเรื่อง Whispering Corridors ในปี 1998 ซึ่งก็กลายมาเป็นภาพยนตร์ที่ทำเงินสูงสุด ในช่วงครึ่งหลังของปีนั้น และก็ได้รับคำชมเป็นจำนวนมากอีกด้วย ด้วยสไตล์ของภาพยนตร์สยองขวัญที่ไม่เหมือนใคร ป๊าก กี-ยุง นำเสนอความน่าสะพรึงกลัว ในแบบที่ไม่ใช่เลือดสาดท่วมจอ หรือมีศพโดนหั่นเป็นชิ้นๆ แต่ในเวอร์ชั่นของเขา จะเป็นภาพยนตร์ที่ละเอียดอ่อน และความน่าสะพรึงก็จะก่อตัวขึ้นเรื่อยๆ จนผู้ชมหายใจไม่ทั่วท้อง และด้วยบทที่ละเอียด และการกำกับที่สมจริง ผู้ชมจะรู้สึกได้ว่า ความสยองขวัญนั้นเหมือนเกิดขึ้นจริง

Acacia คือภาพยนตร์ที่จะทำให้เราได้ตระหนัก ถึงทุกสิ่งที่ชีวิตนี้ได้มอบให้แก่เรา ว่ามันเป็นสิ่งล้ำค่าเพียงใด ในสังคมสมัยใหม่ ที่ทุกคนล้วนค้นหาซึ่งตัวตนของตัวเอง ภาพยนตร์เรื่องนี้ มุ่งเน้นไปที่ความเกลียดชังของเด็กชายคนหนึ่ง ที่ถูกทอดทิ้งจากสังคม ที่เต็มไปด้วยความเห็นแก่ตัว ของผู้คนที่คิดถึงแต่ตัวเอง และปฏิบัติกับสิ่งสูงค่าของผู้อื่นราวกับไร้ค่า เมื่อเด็กที่ถูกทอดทิ้งเหล่านั้น เริ่มที่จะสาปส่งสังคมและโลกที่เขาอาศัยอยู่ ผลลัพธ์ที่ตามมาจึงเป็นโศกนาฏกรรม ที่เกินผู้คนจะจินตนาการ ภาพยนตร์เรื่องนี้ ไม่เพียงเป็นแค่ภาพยนตร์สยองขวัญเรื่องหนึ่งเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องมือที่ใช้นำเสนอภาวะตกต่ำของสังคม และเปิดโอกาสให้ผู้ชมได้ขบคิด ถึงปัญหาสังคมนี้อีกครั้งหนึ่ง

Acacia นำแสดงโดย ชิม ไฮ-จิน (Paradise Lost, Green Fish, Gingko Bed, Out to the World, White Badge) ร่วมด้วย คิม จิน-จีอุน

ในงานโพสท์ โปรดักชั่นของ Acacia นั้น เป็นงานที่ต้องใช้แรงงานมหาศาลเลยทีเดียว ทีมงานสร้างต่างเห็นตรงกันว่า สีนั้นมีส่วนสำคัญมากกับภาพยนตร์สยองขวัญ ดังนั้นการกำหนดช่วงเวลาของสีในภาพยนตร์เรื่องนี้ จึงกำกับโดยระบบดิจิตอล ไม่เพียงแต่เรื่องของไทม์มิ่งเท่านั้น แต่ยังมีเรื่องของคอมพิวเตอร์กราฟฟิก หรือแม้แต่ตัวอักษรชื่อเรื่อง ก็ได้รับการออกแบบด้วยระบบดิจิตอล เพื่อให้เห็นภาพของหนังชัดขึ้น ซึ่งการใช้คอมพิวเตอร์กราฟฟิกและ 2k นั้น ก็ถูกใช้มาก่อนหน้านี้แล้ว ในหลายส่วนของหนัง Volcano High แต่สำหรับ Acacia แล้ว เทคนิคใหม่อย่างการผสมผสาน HD กับ 2k เข้าด้วยกันนั้น ก็เป็นการทำให้ภาพยนตร์ของเกาหลีเรื่องนี้ สามารถขึ้นไปจนถึงขีดสุด อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

เกร็ดภาพยนตร์

ต้น acacia นั้นเป็นต้นไม้ที่พบเห็นได้ทุกวัน (ในประเทศเกาหลี) และทุกที่ แต่ว่าในขณะเดียวกัน มันก็ยังเป็นมูลเหตุของเรื่องราวที่น่าสะพรึงกลัว ที่เกิดขึ้นจากความคุ้นเคยและใกล้ชิดกับต้นไม้ มีเรื่องเล่ามากมายที่เกี่ยวกับต้น acacia ที่ว่า สิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่โดยรอบต้น acacia นั้น ล้วนต้องตายลง และร่างก็จะถูกฝังอยู่ภายใต้ต้นไม้ แต่ว่าประเด็นของเรื่องนี้ก็คือ การคงอยู่ของต้นไม้ การแสดงออกถึงความเป็นผู้รอดชีวิต ซึ่งตรงกันข้ามกับความงาม และความชอุ่มของต้น และความงามของดอกไม้ ไม่ว่ามันจะยืนโต้กับกระแสของสิ่งใด มันก็จะเป็นต้น acacia ที่จะยืนต้นผงาดต่อไป เพื่อปกป้องความงามอันไร้ซึ่งกาลเวลาของมัน

เช่นเดียวกับความคุ้นเคย และความน่าสะพรึงกลัวของต้น acacia ที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ จะบอกเล่าเรื่องราวของครอบครัวครอบครัวหนึ่ง และความพยายามที่งดงาม ในการที่จะปกป้องครอบครัวที่มันรัก ความฝันที่จะสร้างครอบครัวที่มีความสุข และความพยายามที่จะปกป้องความนั้น เป็นสิ่งที่สวยงามที่สุด เพียงแต่ว่าเราไม่อาจรู้แน่ว่า ”ความฝัน” และ ”ความปรารถนา” นั้น จะสามารถทำอะไรได้บ้าง ความปรารถนาและความพยายาม ที่จะเติมเต็มภาพของครอบครัวที่สมบูรณ์แบบนั้น กลายเป็นทางเลือกที่ผิด แล้วเรื่องราวของครอบครัวที่พลั้งพลาด ก็ค่อยๆ เผยตัวออกสู่สภาพแวดล้อมอันยุ่งเหยิง และนั่นก็คือสิ่งที่ภาพยนตร์เรื่อง Acacia พยายามจะบอกเล่า