A Knight's Tale

อัศวินพันธุ์ร็อค
Official Website
more info. from IMDB

แนว : ตลก / แอคชั่น / ผจญภัย
ความยาว : 132 นาที
กำหนดฉาย : 9 พฤศจิกายน 2544

"ถ้ามีความศรัทธา มนุษย์สามารถทำได้ทุกอย่าง" จอห์น แธ็ตเชอร์ (เจมส์ เพียร์ฟอย) ผู้ยากจน กล่าวกับบุตรชายเอาไว้เช่นนั้น "มนุษย์สามารถเปลี่ยนแปลงชะตากรรมได้" แต่ในยุโรป ยุคศตวรรษที่ 14 ชะตากรรมมิอาจกำหนด เพราะชะตากรรมมนุษย์ได้ถูกกำหนดไว้แล้ว...

สำหรับ วิลเลี่ยม แธ็ตเชอร์ (ฮีธ เล็ดเจอร์) บุตรชายของ จอห์น แธ็ตเชอร์ ผู้ยากไร้ และมีชาติกำเนิดแสนต่ำต้อย มันดูเป็นเรื่องที่ยากจะเข้าใจ ที่เขาจะทำใจรับได้ว่า ความฝันที่จะได้เป็นอิศวินนั้น เป็นเพียงความฝันล้มๆ แล้งๆ ในวัยเด็ก ในยุคสมัยที่การเลื่อนสถานะ ยังไม่ใช่แนวคิดที่ผู้คนยอมรับได้ ชะตากรรมจึงมิอาจเปลี่ยนแปลงในชั่วข้ามคืน ผู้คนต้องตายไปในสถานะเดิมกับเมื่อถือกำเนิดมา นั่นคือข้อกำหนดแห่งธรรมชาติ

แต่แล้ววันหนึ่ง ในการแข่งขันต่อสู้ด้วยทวน ที่เหล่าอัศวินต้องควบม้าโรมรันเข้าหากัน เพื่อทดสอบทักษะ ประสาทรับรู้ และเสียงเพลง "We Will Rock You" ของวง Queen ได้กระตุ้นความเร้าใจของการแข่งขันด้วยเนื้อร้องดลใจที่ว่า "สักวัน จะต้องยิ่งใหญ่" โชคชะตาได้เปิดโอกาสให้วิลเลี่ยมได้ลงสนาม เขาได้แปลงสภาพตัวเอง ให้กลายเป็นซูเปอร์สตาร์ตระกูลสูง อัลริช วอน ลิชเทนสตีน แห่งเจลเดอร์แลนด์ ผู้ใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางเสียงควบของฝีเท้าม้า ที่ดังราวอัสนี เสียงร้องกึกก้องของเหล่าประชา และความร้อนแรงของดนตรีร่วมสมัย

ศัตรูของวิลเลี่ยม ก็คือแชมเปี้ยนที่มีฝีมืออำมหิตที่ชื่อ เคานต์แอ็ดฮีมาร์ (รูฟัส ซีเวลล์) ผู้มุ่งมั่นจะทำลายความฝันของวิลเลี่ยมให้จงได้ และแน่นอน ยังมี โจเซลีน (แชนนิน ซอสซามอน) หญิงสาวสูงศักดิ์ ที่บรรดาอัศวินหนุ่มจากทั่วยุโรปต่างหมายตาเอาไว้ สำหรับบุตรชายที่ยากจนของตระกูลแธ็ตเชอร์แล้ว โจเซลีนคือสิ่งที่อยู่เกินเอื้อม ไม่ต่างจากการที่เขามีโอกาส ได้เข้าแข่งขันประลองทวนครั้งนี้

วิลเลี่ยมได้เพื่อนใหม่ เข้ามาร่วมแก๊งค์เพื่อนสนิทด้วยอีกสองคน คือ นักเขียนอายุ 29 ปีที่ชื่อ เจฟฟ์ เชาเซอร์ (พอล เบ็ตตานีย์) นักเขียนตกงาน ผู้มีฝีปากเป็นเอก กับ เคต (ลอร่า เฟรเซอร์) ช่างตีเหล็กหญิงที่รักอิสระ และมีฝีมือด้านการตีเหล็ก รวมกับผองเพื่อนเก่าผู้มีนิสัยประหลาด อันได้แก่ โรแลนด์ (มาร์ก แอ็ดดี้) ผู้ดูจริงจังแต่กลับมีหัวใจอ่อนโยน, วัต (อลัน ทูดิ๊ก) หนุ่มเลือดร้อน

ในไม่ช้า วิลเลียม ในนามของ เซอร์อัลริช ก็สร้างชื่อจนได้กลายเป็นเสมือน ไมเคิล จอร์แดน กลางสนามประลองทวนยุคกลาง ..เป็นเอ็มวีพีของเวทีซูเปอร์โบลว์แห่งศตวรรษที่ 14 ..เป็นผู้คว้าเหรียญทองแห่งกีฬาโอลิมปิค เขาคืออัศวินที่เข้าร่วมประลองฝีมือ ในการต่อสู้ที่ไร้สิ่งป้องกัน ก็เพื่อความภาคภูมิ อำนาจ และชื่อเสียงเกียรติยศ เขาได้เปลี่ยนแปลงโชคชะตาของตัวเองแล้ว

นี่คือเรื่องราวไร้กาลเวลาของวิลเลี่ยม ชายหนุ่มผู้ตัดสินใจที่จะเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของตัวเอง เอาชนะหัวใจของหญิงสาวแสนสวย และจัดการเขย่าโลกยุคกลางของเหล่าอัศวิน


โคลัมเบีย พิคเจอร์ส ขอเชิญพบกับ A Knight's Tale ภาพยนตร์ตลกแนวผจญภัยยุคอัศวิน ที่มีสีสันจัดจ้านไม่เหมือนใคร ถือกำเนิดจากจินตนาการ ของมือเขียนบท / ผู้กำกับระดับรางวัลออสการ์ ไบรอัน เฮลเจแลนด์ (L.A. Confidential, Payback) ผลงานจาก ดิเอสเคป อาร์ติสต์ส/ ไฟเนสต์คายน์ โปรดักชั่น อำนวยการสร้างโดย ทิม แวน เรลลิม (The Invisible Circus, K-2) และ ท็อดด์ แบล็ก (Fire In The Sky, Wrestling Ernest Hemingway)

ทีมนักแสดงประกอบไปด้วย ฮีธ เล็ดเจอร์ (The Patriot, 10 Things I Hate About You) รับบท วิลเลี่ยม แธ็ตเชอร์, รูฟัส ซีเวลล์ (Bless the Child, Dark City) รับบท เคานต์แอ็ดฮีมาร์, ลอร่า เฟรเซอร์ (Virtual Sexuality, The Man in the Iron Mask) รับบท เคต ช่างตีเหล็กสาว, แชนนิน ซอสซามอน รับบท โจเซลีน, เบเรไนซ์ บีโจ รับบท คริสเตียนา, คริสโตเฟอร์ คาเซโนฟ (ซีรีส์ Dynasty) รับบท จอห์น แธ็ตเชอร์, พอล เบ็ตตานีย์ (A Beautiful Mind) รับบท เจฟฟ์ เชาเซอร์ นักเขียนฝีปากกล้า, มาร์ก แอ็ดดี้ (The Full Monty, The Flintstones in Viva Rock Vegas) รับบท โรแลนด์ และ เจมส์ เพียร์ฟอย (Mansfield Park) รับบท เซอร์โธมัส คอลวิลล์

ทีมงานสร้างสรรค์หลังกล้องได้แก่ ริชาร์ด เกรตเทร็กซ์, บีเอสซี ผู้กำกับภาพที่เคยได้รับการเสนอชื่อ เข้าชิงรางวัลออสการ์มาแล้วจาก Shakespeare in Love, โปรดักชั่น ดีไซเนอร์ โทนี่ เบอร์โรห์ ซึ่งเคยได้รับการเสนอชื่อ เข้าชิงรางวัลออสการ์มาแล้วจาก Richard III และผู้ออกแบบเครื่องแต่งกายและเสื้อเกราะ แคโรลิน แฮร์ริส (An Ideal Husband, Othello) ทั้งหมดนี้เป็นทีมงานที่มาจากประเทศอังกฤษ มือตัดต่อ เควิน สติทท์ (X-Men, Payback, Lethal Weapon 4) มาจากสหรัฐอเมริกา เช่นเดียวกับผู้ประพันธ์ดนตรี คาร์เตอร์ เบอร์เวลล์ (Book of Shadows: Blair Witch 2, Three Kings) ทีมงานที่ประกอบไปด้วยคนหลากหลายเชื้อชาติ ยังรวมถึงพวกช่างเทคนิค, ทีมศิลปิน และทีมงานจากอังกฤษ สาธารณรัฐเชช, สหรัฐอเมริกา, อิตาลี่, เยอรมัน, ไอร์แลนด์ และฮังการี่

ที่ดูมีเสน่ห์ที่สุด ในบรรดาองค์ประกอบของภาพยนตร์เรื่องนี้ ก็คือ การผสมผสานอย่างสร้างสรรค์และลงตัว ของการนำดนตรีร็อคคลาสสิก ซึ่งส่วนมากแล้ว จะเป็นเพลงร็อคจากยุค 80 ที่ช่วยเสริมสร้างความรู้สึกของตัวละคร และในที่สุด ก็คือช่วยเสริมสร้างอารมณ์ของตัวภาพยนตร์ด้วย มันคือดนตรีแห่งปวงชน ที่เปี่ยมไปด้วยความหวังและไม่หยุดนิ่ง เป็นดนตรีเพื่อคนดูที่ร่วมดีใจ ไปกับการไต่เต้าขึ้นสู่ความรุ่งโรจน์ของวิลเลี่ยม หรือเซอร์อัลริช วอน ลิชเทนสตีน

โทนที่โดดเด่นของภาพยนตร์เรื่องนี้ คือการนำเพลงที่เป็นที่รู้จักดีอยู่แล้วของวง Queen คือเพลง "We Will Rock You" มาใช้ เมื่อวิลเลี่ยมกับผองเพื่อนต้องผ่านการฝึกซ้อมอย่างหนัก เพื่อให้สามารถแสดงตนเป็นอัศวินได้อย่างสมจริง จะเป็นฉากที่ได้เสียงเพลง "Low Rider" ของ War มาช่วย และเพลง "Takin' Care of Business" ของ Bachman-Turner Overdrive จะกระหน่ำดังขึ้น ก็เมื่อวิลเลี่ยมฉายแววของความเป็นผู้นำ และความเป็นมิตรแท้ ในฉากเต้นรำนั้น เพลง "Golden Years" ของ เดวิด โบวี่ จะเตือนให้คนดูระลึกถึงความรู้สึกที่ว่า รักแรกนั้นคือความมหัศจรรย์ ไม่ว่าจะเป็นในยุคสมัยใดก็ตาม เพลง "Get Ready" ของ Rare Earth ช่วยให้วิลเลี่ยมกล้ายอมเสี่ยงสละทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อโจเซลีน วิลเลี่ยมและกลุ่มเพื่อนเดินก้าวเข้าสู่ลอนดอน เพื่อการแข่งขันสุดยิ่งใหญ่ด้วยเสียงดนตรีเพลง "The Boys Are Back In Town" ของ Thin Lizzy