Official website
แนว : ดราม่า
ความยาว : 105 นาที
กำหนดฉาย : 26 ธันวาคม 2546
ทุกชีวิตในโลกล้วนต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลง คนหลายคนกลัว และไม่กล้าที่เผชิญ หรือยอมรับกับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น แต่ในขณะที่ใครบางคนเคยบอกไว้ว่า ความน่ากลัวไม่ได้อยู่ที่การที่คนเราต้องเปลี่ยนแปลง แต่วิธีการเตรียมพร้อม และการควบคุมสติ ที่จะรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นต่างหาก ที่เราควรจะกลัว... สำหรับพระที่ผ่านการบวชเรียน และใช้เวลาเกือบทั้งชีวิตอยู่ในโลกแห่งธรรมะอย่าง พระธรรม (ว่าน - ภูวฤทธิ์ พุ่มพวง) ตลอดชีวิตที่ผ่านมา ได้เรียนรู้การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ที่เกิดขึ้นในชีวิตเพียงครั้งเดียวคือ การสูญเสียพ่อแม่ เมื่อมีอายุได้เพียง 5 ขวบ เมื่อพ่อแม่เสียชีวิต ทำให้จันทร์พี่สาวเพียงคนเดียวของพระธรรม ตัดสินใจนำมาฝากไว้กับหลวงพ่อในวัดป่าแห่งหนึ่ง ใช้ชีวิตเติบโตมาเพียงลำพังในโลกที่ไม่เพียงแตกต่าง แต่ยังหากไกลจากการดำเนินชีวิตของผู้คนส่วนใหญ่ ส่วนพี่สาวตัดสินใจออกเดินทางสู่โลกกว้าง สู้ชีวิตเพื่อหาเลี้ยงสามเณรธรรม แทบกล่าวได้ว่า ความเปลี่ยนแปลง เป็นสิ่งที่สร้างความคุ้นเคย ให้กับพระธรรมน้อยที่สุด แต่โดยไม่มีใครคาดคิดว่าจะมีเหตุการณ์ ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต กำลังจะเกิดขึ้นกับพระธรรมในวัยเฉียด 30 พรรษา เมื่อได้รับแจ้งข่าวว่า พี่จันทร์ซึ่งเป็นพี่สาวเพียงคนเดียว เสียชีวิตในระหว่างการเดินทางมาทอดผ้าป่า ยังวัดที่พระธรรมปฏิบัติธรรมอยู่พร้อมกับ มารีอา (แซร่าห์ - สรัญญ่า เครื่องสาย) ลูกสาววัย 7 ขวบ และน้องๆ นักร้องคาแฟ่ที่นับถือกัน แต่เคราะห์ร้ายที่รถไฟขบวนดังกล่าว ถูกผู้ก่อการร้ายลอบวางระเบิดที่ปัตตานีเสียก่อน พระธรรมรีบเดินทางมาให้ทันร่วมงานศพของพี่จันทร์ ที่อำเภอเบตง จ.ยะลาโดยด่วน โดยพระทางธรรมที่ผ่านการบวชเรียนมาตลอดชีวิต ต้องออกเดินทางนับพันกิโลเมตร จากวัดป่าในภาคอีสาน โดยรถบัส ต่อรถไฟ ขึ้นรถยนต์ สู่ดินแดนที่อยู่ใต้สุดของประเทศอย่างเบตงเป็นครั้งแรก สิ่งที่พระธรรมรู้สึกได้ จากการย่างก้าวออกมาจากโลกแห่งธรรมะ สู่โลกแห่งโลกียะ เผชิญหน้ากับโลกแห่งความเป็นจริงเป็นครั้งแรกนั้น คือความแตกต่างที่เห็นได้ชัด จากโลกตรงหน้ากับโลกที่ตนจากมา ทั้งๆ ที่เป็นโลกใบเดียวกัน ดูเหมือนว่าทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัว ช่างหมุนและเดินหน้าเร็วกว่าโลกเก่าที่คุ้นเคยนัก ดูทีท่าว่านอกจากจะไม่เคยหยุดนิ่งแล้ว ยังมีสีสันแปลกตา และเต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวายอย่างเหลือเกิน การเดินทางมาราธอนแบบนันสต็อป โดยไม่หยุดพักนับสิบๆ ชั่วโมง ทำให้พระธรรมเรียนรู้ความพ่ายแพ้เป็นครั้งแรก เมื่อร่างกายไม่สามารถปรับตัว และเอาชนะกับอุปสรรคในการเดินทางครั้งนี้ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม พระธรรมก็สามารถเดินทางมาถึงพิธีศพพี่จันทร์ ที่วัดได้อย่างทันท่วงที ถึงแม้จะเต็มไปด้วยความทุลักทุเล ที่เบตง พระธรรมได้พบกับผู้คน ที่เกี่ยวพันในชีวิตของพี่จันทร์มากมาย ล้วนแตกต่างทั้งในวัยวุฒิ และคุณวุฒิอันหลากหลายของกันและกัน ซึ่งสะท้อนถึงอุปนิสัยใจคอที่ดี มีมนุษยสัมพันธ์ที่ใครๆ ต่างก็รักและนับถือในตัวพี่จันทร์ ในชีวิตช่วงสุดท้ายของพี่สาวเพียงคนเดียวของพระธรรม คือการทุ่มเทเวลาทั้งหมดไปกับการเลี้ยงดูมารีอา และกิจการร้านเสริมสวยทำผมแต่งหน้า ซึ่งมีลูกค้าประจำ คือกลุ่มบรรดานักร้องคาเฟ่รุ่นน้องของพี่จันทร์ ที่มาใช้บริการ ก่อนที่จะออกไปประกอบอาชีพ มอบความสุขให้กับผู้คนในแต่ละค่ำคืน จนดูเหมือนว่าร้านเสริมสวยมารีอา ที่พี่จันทร์ตั้งตามชื่อลูกสาว แทบจะกลายเป็นบ้านหลังที่ 2 ของเหล่านักร้องเหล่านี้เต็มที่ ทำให้พระธรรมตัดสินใจลาสึกจากสมณเพศที่คุ้นเคยมาทั้งชีวิต เพื่อออกมาดูแลมารีอา หลานสาวที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขเดียวที่ยังเหลืออยู่ เพราะคงไม่ดีนัก ถ้ามารีอาต้องเติบโตขึ้นมา ท่ามกลางสภาพสังคมของกลุ่มผู้หญิงกลางคืน และที่สำคัญที่สุด ธรรมคงไม่สามารถดูแลมารีอาได้เต็มที่ ตราบใดที่ยังคงอยู่ในสถานะของพระ ที่ต้องนุ่งเหลืองห่มเหลืองเป็นแน่แท้ ธรรมยังจำได้ถึงวินาทีแรก ที่พระธรรมเห็นแววตาของหลานสาวตัวน้อย ที่นอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาล ดูช่างน่าสงสารเป็นยิ่งนัก ที่ต้องสูญเสียคนที่รักไปตั้งแต่อายุยังน้อย หนำซ้ำขาข้างหนึ่ง ยังต้องใส่เฝือกนอนซมอย่างน่าสงสาร ทำให้อดที่จะห่วงไม่ได้ ถึงแม้ว่ามารีอาจะได้รับการดูแล และเป็นที่รักใคร่ของทุกคน ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มนักร้องคาเฟ่หรือแม้แต่ หลิน (ยุ้ย - จีรนันท์ มะโนแจ่ม) หญิงสาวอีกคนที่คอยช่วยเหลือเลี้ยงดูมารีอามาตลอด หลังจากพี่จันทร์เสียชีวิต หลินเป็นหญิงสาวลูกครึ่งจีน ที่งามทั้งหน้าตาและจิตใจดี หลินเปิดกิจการบริษัททัวร์ตั้งอยู่เยื้องๆ กับร้านเสริมสวยมารีอา ไม่ว่าจะมีงานเยอะแค่ไหน หลินก็จะแบ่งเวลา และปลีกตัวทำหน้าที่คอยขี่มอเตอร์ไซด์ รับส่งมารีอาไปเรียนหนังสืออยู่ทุกวัน หรือแม้แต่ พี่วงศ์ (พิภูษณ วิจิตรวงศ์เจริญ) ชายหนุ่มวัยกลางคนเจ้าของคาเฟ่ จิตใจดีมีนิสัยคอยให้ความช่วยเหลือ ในทุกๆ เรื่องแก่พี่จันทร์ มารีอา รวมทั้งยังคอยช่วยเป็นธุระให้กับธรรม ตั้งแต่ติดต่อเรื่องการสึก การย้ายสถานะทางโลกจากพระ มาเป็นนาย (บุคลลธรรมดา) ทำบัตรประชาชน รวมทั้งติดต่อทนาย ทำเรื่องการขอเลี้ยงดูมารีอาอย่างเป็นทางการจาก กาเซ็ม พ่อของมารีอา ชาวมุสลิมที่เดินเรืออยู่ที่มาเลเซีย และไม่เคยดูแลมารีอาเลย หลังจากเลิกกันกับจันทร์ นอกจากนี้ยังมี เฟิร์น (สรวงสุดา ศรีธัญรัตน์) นักร้องสาวดาวเด่นประจำคาเฟ่ ที่รู้สึกผูกผันกับธรรมเป็นพิเศษ และเป็นคนที่ทำให้ธรรมรู้ว่า ต้องแต่งตัวอย่างไรถึงจะจ๊าบ ความเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ที่ประดังเข้ามา ทำให้ทิดธรรมต้องเรียนรู้ และปรับตัวในโลกใหม่ใบเดิมที่บูดๆ เบี้ยวๆ การเผชิญหน้าภาวะแวดล้อมที่ล้วนเต็มไปด้วยเพศหญิง ความผูกพัน ความรัก ความสูญเสีย โดยเฉพาะอารมณ์และความรู้สึก ที่อยู่นอกเหนือการควบคุมด้วยเหตุและผล ล้วนเป็นความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายได้ทั้สิ้น ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายและจิตใจ จากความใกล้ชิดและผูกพันที่เกิดขึ้น ทำให้ธรรมอดไม่ได้ ที่จะเกิดความรู้สึกบางอย่างกับหลินขึ้นโดยไม่รู้ตัว ในขณะเดียวกันกับที่พระธรรมกำลังจะสูญเสียมารีอา หลานสาวเพียงคนเดียว เมื่อกาเซ็มพ่อแท้ๆ ของมารีอา เรียกร้องที่จะขอเป็นผู้ดูแลเลี้ยงดูมารีอาด้วยตัวเอง โดยจะนำไปอยู่ที่มาเลเซียกับตน แต่ดูเหมือนว่า บททดสอบในการใช้ชีวิตทางโลกของธรรม จะยังยุ่งเหยิงไม่พอ เมื่อเขาต้องเผชิญกับความเป็นจริงที่ว่า หลินเองพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิต ให้กับคนที่หลินรักยอมแลก และเสียสละทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต เพื่อสิ่งที่รักว่า ความรัก ขณะเดียวกันได้เกิดการปรากฎตัวของ ฟารุก (หนุ่ม - อรรถพร ธีมากร) หัวหน้าขบวนการใต้ดิน ที่ทางการเชื่อว่าเป็นตัวการ ได้เกี่ยวพันกับการลอบวางระเบิดบนรถไฟที่ จ.ปัตตานี ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้พี่จันทร์เสียชีวิต ขณะเดียวกันกับที่เฟิร์น สาวคาเฟ่ที่หลงใหลในตัวธรรม กำลังจะทำให้ธรรมได้เรียนรู้สิ่งที่เรียกว่า "ความต้องการทางเพศ" เป็นอย่างไร โดยมีสิ่งเดียวที่จะอยู่ติดตัวกับธรรมมาทั้งชีวิต จะช่วยให้ผ่านวิกฤตการณ์สำคัญในชีวิตได้ คือการยึดครองสติให้มั่น เพียงทว่าในความเป็นจริง ไม่มีใครตอบได้ว่า ณ บัดนี้โลกใหม่ใบเดิม ที่เต็มไปด้วยความสับสนพุ่งพล่าน ได้แทรกซึมเข้าไปเป็นส่วนหนึ่ง ในชีวิตของทิดธรรมมากน้อยเพียงไร แล้วโลกเก่าที่จากมา จะยังคงหลงเหลืออยู่ในจิตใจของธรรมมากน้อยเพียงไร และสติที่เหลืออยู่นั้น เพียงพอที่จะสามารถรับมือ กับความเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ ที่กำลังจะเกิดขึ้นในชีวิตของเขาหรือไม่... สหงมงคลฟิล์มอินเตอร์เนชั่นแนล ร่วมกับ ภาพยนตร์หรรษา และ ซีเนมาเซีย ภูมิใจเสนอ โอเคเบตง ภาพยนตร์ชีวิตอารมณ์ดี ที่พูดถึงชีวิตของคนๆ หนึ่งที่ต้องเรียนรู้ชีวิต หลังจากเดินมาถึงจุดเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในชีวิต จากโลกด้านหนึ่งไปยังโลกอีกด้านหนึ่ง เพียงทว่าถูกทักทอร้อยเรียง ด้วยสถานการณ์และเหตุการณ์ ที่ดูเหมือนจะทำให้เขารู้สึกแปลกแยก และแตกต่างจากสิ่งแวดล้อม ผู้คน ทั้งวิธีคิดและการกระทำ ซึ่งไม่ได้เลวร้ายถึงขั้นคอขาดบาดตาย หรือสาหัสสากรรจ์แต่อย่างใด กลับกันกลับเป็นเหตุการณ์ที่เห็นแล้ว ชวนให้เกิดความรู้สึกน่ารัก และชวนอมยิ้ม ภาพยนตร์เรื่องนี้ เป็นผลงานลำดับที่ 5 ของผู้กำกับร้อยล้าน นนทรีย์ นิมิบุตร (2499 อันธพาลครองเมือง, นางนาก, จันดารา, อารมณ์ อาถรรพณ์ อาฆาต) บทภาพยนตร์โดย ศิรภัค เผ่าบุญเกิด จากเค้าโครงเรื่องของ นนทรีย์ นิมิบุตร และ เอก เอี่ยมชื่น โอเคเบตง นำแสดงโดย ว่าน - ภูวฤทธิ์ พุ่มพวง นายแบบนักแสดงหนุ่มวัย 26 ที่เคยมีผลงานทางด้านการแสดงชิ้นแรกในชีวิต เป็นงานโฆษณา ในสมัยที่นนทรีย์เป็นผู้กำกับอยู่ในวงการโฆษณา ก่อนจะมาแสดงละคร รักในรอยแค้น มารับบทเป็น พระธรรม ตัวละครซึ่งเป็นศูนย์กลางในการดำเนินเรื่อง, ยุ้ย - จีรนันท์ มะโนแจ่ม นักแสดงหญิงระดับยอดนิยมคนหนึ่งของเมืองไทย จากผลงานละคร คมพยาบาท, จิตสังหาร, เจ้าชายหัวใจเกินร้อย, รุ่งทิพย์, กระต่ายหลงจันทร์ ฯลฯ มารับบท หลิน หญิงสาวจิตใจงดงาม ที่เป็นห่วงเป็นใยและคอยดูแลมารีอา หลานสาวของพระธรรมมาโดยตลอด หลังจากที่สูญเสียพี่สาว และผู้ที่ทำให้พระธรรมได้เรียนรู้ และเข้าใจในสิ่งที่เรียกว่าความรัก, ด.ญ.สรัญญ่า เครื่องสาย เด็กหญิงวัย 8 ขวบลูกครึ่งไทย-อังกฤษ ที่เคยฝากผลงานละครเรื่อง 'นางฟ้าไร้ปีก' แต่ก่อนหน้านั้น ผ่านผลงานทางด้านโฆษณามามากมาย ตั้งแต่อายุเพียงขวบเศษๆ มารับบทเป็น มารีอา หลานสาวของพระธรรม นอกจากนี้ ยังมีตัวละครสมทบหลักอีกหลายคน ที่มาช่วยเติมความสมบูรณ์ และสร้างสีสันให้กับภาพยนตร์เรื่อง โอเคเบตง ได้อย่างมีเสน่ห์ น่ารัก ไม่ว่าจะเป็น พิภูษณ วิจิตรวงศ์เจริญ (นักแสดงหนุ่มใหญ่จอมขโมยซีน ที่เคยฝากผลงานการแสดงได้อย่างลื่นไหล และเป็นธรรมชาติมาแล้ว ในบทของเฮียกังฟูจากภาพยนตร์เรื่อง 'สยิว') มารับบทพี่วงศ์ เจ้าของคาเฟ่ชายหนุ่มวัยกลางคน ผู้มีจิตใจดีที่มีความผูกกันกับทุกคน, สรวงสุดา ศรีธัญรัตน์ (1 ในสาวดัชชี่ ที่เคยมีงานละครเรื่อง 'นะหน้าทอง') เฟิร์น นักร้องสาวประจำคาเฟ่ของพี่วงศ์ เป็นอีกหนึ่งตัวละครที่ทำให้ธรรมได้เรียนรู้ถึงชีวิตทางโลก โดยเฉพาะสิ่งที่เรียกว่า 'กิเลส' ได้อย่างชัดเจน และ อรรถพร ธีมากร (2499 อันธพาลครองเมือง, กำแพง, เพื่อเพื่อน เพื่อฝัน เพื่อวันเกียรติยศ, ละครเรื่อง เก็บแผ่นดิน, เมืองดาหลา) รับบท ฟารุก ชายหนุ่มชาวมุสลิม ชายคนรักของหลิน หนึ่งในอดีตผู้นำกองกำลังก่อการร้าย ที่ทางการเชื่อว่า เกี่ยวพันกับการลอบวางระเบิดรถไฟที่ปัตตานี ภาพยนตร์เรื่อง โอเคเบตง (หรือในชื่อระหว่างการสร้างว่า ทิด และ หมายเหตุประเทศไทย) ควบคุมการสร้างโดย นนทรีย์ นิมิบุตร, ดวงกมล ลิ่มเจริญ อำนวยการสร้างโดย สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ กำกับภาพโดย ชาญกิจ ชำนิวิกัยพงศ์ (ฝันบ้าคาราโอเกะ, เรื่องตลก 69, มนต์รักทรานซิสเตอร์), ลำดับภาพโดย เป็นเอก รัตนเรือง, ออกแบบงานสร้างโดย เอก เอี่ยมชื่น (2499 อันธพาลครองเมือง, นางนาก, จันดารา, อารมณ์ อาถรรพณ์ อาฆาต, 15 ค่ำเดือน 11, องค์บาก), ดนตรีประกอบโดย ชาติชาย พงศ์ประภาพันธุ์, ออกแบบจัดหาเครื่องแต่งกายโดย น้ำผึ้ง โมจนกุล (2499 อันธพาลครองเมือง, นางนาก, ฟ้าทะลายโจร, อารมณ์ อาถรรพณ์ อาฆาต), ออกแบบทรงผมโดย ธนกร ยิ้มงาม, แต่งหน้าโดย จิรวัฒน์ ทาสาย |