บอดี้..ศพ#19
Official website
แนว : สยองขวัญ / จิตวิทยา
กำหนดฉาย : 4 ตุลาคม 2550

ชล (อารักษ์ อมรศุภศิริ - เป้ วงเสลอ) ไม่ได้นอนมาแล้วเกือบอาทิตย์ เขาไม่อยาก ไม่กล้าและไม่อาจข่มตานอน เพราะยามใดก็ตามที่เผลอหลับตา ชลจะฝันเห็นภาพผู้หญิงคนหนึ่งถูกฆ่าอย่างโหดเหี้ยม เขาไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร จำได้แค่ว่า เขาเคยสบตาผู้หญิงแปลกหน้าคนนี้ โดยบังเอิญครั้งหนึ่งในร้านอาหาร ในฝันเธอกรีดร้องให้เขาทำอะไรบางอย่าง... และเขาคงไม่มีวันหยุดฝันร้าย ถ้าไม่ทำตามคำสั่งของเธอ

อาการของชลทำให้ เอ๋ (อรจิรา แหลมวิไล) พี่สาว ซึ่งเป็นนักศึกษาแพทย์ฝึกหัด บังคับให้เขาเข้ารับการบำบัด ชลเล่าให้ อุษา (กฤตธีรา อินพรวิจิตร) จิตแพทย์ของเขาฟังว่า ทุกครั้งที่ฝัน เขาจะรู้สึกเหมือนตัวเองตกเป็นเหยื่อฆาตกรรมเสียเอง สัมผัสในวินาทีที่อวัยวะโดนทิ่มแทง แรงกระตุกของลมหายใจเมื่อวิญญาณหลุดจากร่าง ความทรงจำอันเจ็บปวดค่อยๆ ชำแรกเข้าครอบงำสมองของชล... หรือเขากำลังจะเป็นบ้า

ด้วยร่องรอยเพียงน้อยนิดของผู้หญิงในฝัน มันนำชลไปสู่ตู้เก็บศพหมายเลข 19 ชลพยายามจะพิสูจน์กับเอ๋ว่า เขาไม่ได้บ้าไปเอง และความลับในตู้ใบนั้นเท่านั้นที่จะยืนยันได้ ในขณะที่ยิ่งอุษารักษาชลนานเข้า เธอก็เริ่มสงสัยว่า ชลอาจเกี่ยวข้องกับเหตุฆาตกรรมที่เกิดขึ้นรอบๆ ตัว นับแต่เขาก้าวเข้ามาเป็นคนไข้ของเธอ

ภายในตู้หมายเลข 19 ร่างไร้วิญญาณร่างหนึ่ง นอนอยู่อย่างโดดเดี่ยวในที่ที่ทั้งแคบ มืดมิด และหนาวเหน็บสุดขั้วหัวใจ เธอกำลังร่ำร้องหาใครบางคน... ด้วยความคิดถึง แต่มันเป็นความคิดถึงที่คุกรุ่นไปด้วยแรงแค้น แค้นที่ต้องมานอนอยู่ในตู้ใบนี้คนเดียว

เธอกำลังกระซิบผ่านชลไปยังใครคนนั้นว่า..

“กูคิดถึงมึง”


จากข้อมูลของบริษัทอุปกรณ์ทางการแพทย์ระบุว่า ตู้เก็บศพแบบมาตรฐานจะมีลักษณะเป็นกล่องทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ยาว 240 ซม. กว้าง 90 ซม. และสูง 80 ซม. ภายในมีหลอดไฟเล็กๆ ที่จะสว่างขึ้นเมื่อฝาตู้เปิดออก แบบเดียวกับประตูตู้เย็น

วัสดุพื้นถาดรองร่างมีให้เลือก ทั้งแบบบุนวมและแบบเหล็กสแตนเลส ส่วนประตูดึงถาดสไลด์นั้น ชนิดทางยาวเป็นที่นิยมกว่าทางขวาง เนื่องจากประหยัดเนื้อที่ ขนาดของตู้มีหลากหลาย ตั้งแต่ขนาดบรรจุ 2 ศพถึง 20 ศพ แต่ห้ามเด็ดขาดสำหรับแบบฮันนีมูนซีท อุณหภูมิตู้ควบคุมทั่วไปอยู่ที่ 38 องศาฟาเรนไฮห์ หรือ 3 องศาเซลเซียส...

เพราะเกิดมาเป็นคนมีจินตนาการดุเดือดตั้งแต่เป็นตัวอ่อน แถมยังหอบความห่ามทางด้านไอเดียออกมาจากท้องแม่ ตั้งแต่หมอจรดกรรไกรตัดสายสะดือ เติบโตมาพร้อมกับการทดลองเทคนิคต่างๆ ในผลงานของตัวเองตั้งแต่สมัยเป็นนักศึกษา จนกระทั่งเริ่มทำงานชิ้นแรก จึงไม่น่าแปลกใจ ที่วันนี้วงการหนังไทยจะได้ชมผลงานภาพยนตร์ สยองขวัญ ไซโค-เฮอร์เรอร์ ที่มี Visual Shot โค..ตรตื่นตะลึง เรื่อง บอดี้...ศพ#19 ของ กอล์ฟ - ปวีณ ภูริจิตปัญญา ผู้กำกับหน้าใหม่ แต่เก๋า..โค..ตร ในวงการมิวสิควีดีโอ การันตีด้วยรางวัลจากเวที MTV Asia Awards และอีกหลายๆ รางวัล ที่มีจำนวนมากพอๆ กับโมเดลสัตว์ประหลาดที่เขาชื่นชอบ

ด้วยความที่เป็นคนชอบคิด ชอบทดลอง และเปิดรับเทคโนโลยีใหม่ๆ เสมอ ทำให้ บอดี้...ศพ#19 ถูกบรรจุความแปลกล้ำนำสมัยไว้เพียบ ไม่ว่าจะเป็นการทำ CG (Computer Graphic) ที่ได้บริษัทชั้นนำอย่าง DM (Digital Magic) มาช่วยเพิ่มดีกรีความเนียน บวกกับมุมมองการถ่ายทำที่ทันสมัย แปลกใหม่ของผู้กำกับ ทำให้หลาย Shots สมจริง และน่าสะพรึงกลัวเหนือจินตนาการ

บอดี้...ศพ#19 เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับผู้ชายคนหนึ่งที่ชื่อ ชลสิทธ์ เขาฝันถึงเหตุการณ์อะไรบางอย่างซ้ำๆ ทุกครั้งที่หลับตาลง ได้ยินประโยคซ้ำๆ จากคนที่เขาไม่เคยรู้จักหน้าค่าตามาก่อน และพูดถึงอะไรบางอย่าง ที่ทำให้เขารู้สึกว่าต้องหาคำตอบให้กับเรื่องนี้ แต่ไม่สามารถประติดประต่อเรื่องราวเหล่านั้นได้ เขาจึงพยายามที่จะประติดประต่อมันจากภาพในหัว โดยที่เขาจะมีวีธีต่างๆ ที่จะเข้าไปค้นหาปริศนาเหล่านั้น แต่ระหว่างทางที่จะนำไปสู่คำตอบ เขาก็จะเจอเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันมากมาย เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา เพราะว่าภาพที่เกิดขึ้น มันเป็นภาพที่ไม่สามารถอธิบายได้ มันเป็นภาพของการฆาตกรรม มีเลือด มีผี มีศพ เข้ามาเกี่ยวข้อง ตัวละครตัวนี้เป็นเหมือนคนที่ถูกกระทำอยู่ฝ่ายเดียว อยู่ๆ ก็เหมือนถูกมัดมือชกให้ดิ้นไปไหนไม่ได้ จนกระทั่งวันหนึ่ง เขาเริ่มรู้สึกไม่ไหว เพราะว่าเรื่องนี้เข้ามาคุกคามชีวิตเขามากเกินไป จนทำให้เขาเริ่มทำร้ายคนรอบข้าง ในที่สุด เขาต้องลุกขึ้นมาหาความจริงที่เกิดขึ้นในชีวิตของเขาให้ได้ เขาก็เลยเลือกที่จะไปพบจิตแพทย์ เพื่อรักษาอาการ

พระเอกสำหรับเรื่องนี้ คือ เป้ (อารักษ์ อมรศุภศิริ) เป็นมือกีตาร์วงเสลอ รับบท ชลสิทธ์ คาแร็กเตอร์จะเป็นคนที่สันโดษหน่อย ไม่ค่อยมีเพื่อนมากนัก เรียนวิศวะ ที่มีวิถีชีวิตเรียบง่าย อยู่บ้านเดียวกันกับพี่สาว เขาเป็นชลสิทธ์ที่ดูน่าสงสาร ถูกกระทำจนวันหนึ่งเขาทนไม่ไหว เขาจึงลุกขึ้นมาหาความจริง แต่เขาก็ไม่ได้ลุกขึ้นมาแบบฮีโร่ เขาก็เป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง ที่เจอปัญหาแล้วอยากที่จะผ่านมันไปให้ได้

แป้ง (อรจิรา แหลมวิไล) รับบท เอ๋ เป็นพี่สาวที่เจ้ากี้เจ้าการกับน้องชาย เป็นนักศึกษาแพทย์ที่ใกล้จบแล้ว เป็นคนที่อยากจะดูแลน้อง เพราะว่าครอบครัวเขาไม่เหลือใครแล้ว พ่อแม่เสียชีวิตหมด เหลือกันแค่ 2 คนพี่น้องที่จะต้องดูแลกันเอง เอ๋เป็นตัวละครที่อยู่กับชลสิทธ์มากที่สุด และถือเป็นช่วงที่ผ่อนคลายที่สุดของหนังเช่นกัน เพราะเป็นช่วงที่ชลสิทธ์ไม่จำเป็นที่จะต้องออกไปหาหลักฐาน หรือออกไปตามหาความจริงอะไร เป็นช่วงที่ให้ความรู้สึกของความเป็นบ้าน บทเอ๋จะเป็นเหมือนที่พักพิงของชลสิทธ์ เวลาที่เขามีเรื่องกลับมา หรือมีใครไม่เข้าใจ เขาก็จะยังมีพี่สาวคนนี้ที่ให้กำลังใจเขาอยู่เสมอ ถึงแม้บางครั้ง ตัวเอ๋จะตั้งคำถามจากอาการของชลสิทธิ์ว่า จริงๆ แล้วมันเกิดจากอาการทางจิต หรือว่ามันเกิดขึ้นจริงกันแน่ก็ตาม

เข็ม (กฤตธีรา อินพรวิจิตร) รับบทเป็น หมออุษา เป็นหมอทางด้านจิตแพทย์ แล้วก็มีคลีนิคเป็นของตัวเอง รับปรึกษาทางด้านจิตแพทย์โดยเฉพาะ คาแรกเตอร์จะเป็นผู้หญิงทำงาน มีหน้าที่การงานที่มั่นคง มีลูกหนึ่งคน รักครอบครัว คือมีภาพลักษณ์ที่น่าอิจฉา เหมือนเป็นตัวอย่างของครอบครัวที่ดีและสมบูรณ์แบบ ความเกี่ยวพันของหมออุษากับชลสิทธ์ เกิดขึ้นเมื่อชลสิทธ์เริ่มมีปัญหาทางจิตมากขึ้นเรื่อยๆ และคิดวนเวียนว่า สิ่งที่เขาเห็นมันเป็นความจริงหรือความฝัน เอ๋ก็เลยแนะนำให้เขาไปปรึกษาจิตแพทย์ ซึ่งก็คือหมออุษา สุดท้ายชลสิทธ์ก็ได้ดึงหมออุษา เข้ามาเกี่ยวพันกับเรื่องราวต่างๆ บทของหมออุษาสำคัญมาก เพราะเป็นตัวละครที่จะรู้ทุกเรื่องจากการรักษาอาการของชลสิทธิ์ จะรู้ว่าสิ่งที่ชลสิทธ์เห็น สิ่งที่ชลสิทธิ์คิด มันเป็นความฝันหรือเป็นความจริง และนอกจากความลับที่เธอต้องรับรู้แล้ว เธอยังต้องรับกับสถาณการณ์ครอบครัวที่เริ่มสั่นคลอน

เมย์ (ภัทรวรินทร์ ทิมกุล) รับบทเป็น ดาราราย ซึ่งเป็นตัวละครที่ทำให้เกิดภาพยนตร์เรื่องนี้ขึ้นมา เป็นอาจารย์สอนทางด้านจิตวิทยา จบจากเมืองนอก ชอบใช้วิชาที่สอน ทดลองกับนักศึกษา จนได้ฉายาจากลูกศิษย์ว่า “แม่หมอ” ด้วยคาแรกเตอร์ ด้วยวิธีการแต่งตัว ด้วยวิธีการพูดของเขา ก็จะทำให้ดูลึกลับ น่ากลัว น่าเกรงขาม สำหรับนักศึกษา ดารารายเข้ามาเกี่ยวพันกับเรื่อง เพราะว่าวันหนึ่งเขาหายไปจากสังคม หายไปจากคนรอบข้าง ทุกคนมาตามหาเขาว่าเขาหายไปไหน ทุกคนก็ไม่สามารถที่จะตอบได้ว่าเขาหายไปไหน แล้วอยู่ๆ ชลสิทธ์ก็ได้ยินเสียงที่ก้องอยู่ในหูทุกครั้งที่หลับตาว่า “ชื่อดาราราย ตามหาให้เจอ” ทำให้สงสัยและหวาดกลัวว่าดารายคือใคร ทำไมต้องเลือกให้เขาเป็นผู้ที่ต้องออกตามหา คนที่จะสามารถมารับบทตัวละครตัวนี้ได้ ต้องเป็นคนที่แค่เราเห็นหน้าเขาเวลาเขาหันมามอง เราต้องหลบตาเขา ดูแล้วรู้สึกกลัว และเกรงคนคนนี้