Die Another Day การผจญภัยครั้งล่าสุดของ 'พยัคฆ์ร้าย 007' เจมส์ บอนด์ อันนับเป็นตอนที่ 20 ของเรื่องราวที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด ในบรรดาหนังหลายภาค แห่งประวัติศาสตร์วงการภาพยนตร์ เริ่มเดินกล้องเมื่อวันที่ 14 มกราคม 2002 ณ สตูดิโอไพน์วู้ด ลอนดอน ซึ่งเป็นบ้านเกิดของหนังชุด เจมส์ บอนด์ ทุกเรื่อง ผู้สร้างผลงานคือ Eon Productions โดย ไมเคิล จี วิลสัน และ บาร์บาร่า บร็อคคอลี่ ซึ่งดำเนินรอยตามประเพณีปฏิบัติของครอบครัว ที่ก่อตั้งโดย อัลเบิร์ต อาร์ "คับบี้" บร็อคคอลี่ ผู้ล่วงลับ เขาคือผู้เริ่มต้นผลงานที่ประสบความสำเร็จมาโดยตลอด ตั้งแต่เมื่อ 40 ปีที่แล้ว เริ่มจากตอนที่ดังเป็นพลุอย่างเรื่อง Dr. No

Die Another Day จัดจำหน่ายในอเมริกาเหนือโดย MGM และทั่วโลกโดย ทเวนตี้ เซ็นจูรี่ ฟอกซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล กำกับการแสดงโดย ลี ทามาโฮริ (Mulholland Falls, The Edge, Along Came a Spider) เรื่องราวของการทรยศขายชาติ ซึ่งเพียบพร้อมไปด้วยอาวุธยุทโธปกรณ์ล้ำสมัย โดยการควบคุมจากกองทัพอย่างเต็มรูปแบบ

บทภาพยนตร์ Die Another Day เขียนโดย นีล เพอร์วิซ & โรเบิร์ต เวด (The World Is Not Enough, Let Him Have It และ Johnny English ที่กำลังถ่ายทำ) ภาพยนตร์ถ่ายทำในโลเคชั่นทั่วโลก รวมทั้ง ไอซ์แลนด์, ฮาวาย, สเปน และสหราชอาณาจักร และฉากสร้างกว่าสิบฉากในโรงถ่ายไพน์วู้ด รวมทั้งที่ Albert R. Broccoli 007 Stage ที่โด่งดังและใน Back Lot และที่กลับมามีส่วนร่วม ในครอบครัวของบอนด์อีกครั้ง ได้แก่รถแอสตัน มาร์ติน รุ่นท็อป V12 'Vanquish' รถคู่ใจของ 007 เฉกเดียวกับที่รุ่น DB 5 เคยทำหน้าที่เดียวกันมา เมื่อหลายสิบปีก่อน

Die Another Day เปิดฉากด้วยการไล่ล่า โดยเรือโฮเวอร์คราฟท์ความเร็วสูง ระหว่างบริเวณเขตปลอดทหารของเกาหลีเหนือและใต้ และต่อเนื่องผ่าน ฮ่องกง คิวบา จนถึงลอนดอน ที่ซึ่งบอนด์ได้พบกับสองสาว ซึ่งมีบทบาทสำคัญที่แตกต่างกันไป ในการค้นหาผู้ขายชาติ เพื่อป้องกันมิให้เกิดสงครามหายนะที่อาจจะตามมา และการติดตามเหล่าร้าย ทำให้บอนด์ต้องเดินทางไปยังไอซ์แลนด์ ที่ซึ่งเขาได้สัมผัสกับความมหัศจรรย์ ของพลานุภาพแห่งอาวุธชนิดใหม่เป็นครั้งแรก เป็นการนำเขาย้อนกลับ ไปสู่การเผชิญหน้าในครั้งก่อนที่เกาหลี ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด

เพียร์ซ บรอสแนน ผู้เคยร่วมแสดงในตอนที่โด่งดังอย่าง GoldenEye, Tomorrow Never Dies และ The World Is Not Enough กลับมารับบทบาท เจมส์ บอนด์ สายลับอังกฤษผู้ถูกสร้างสรรค์โดย เอียน เฟลมมิ่ง อีกครั้ง และครั้งนี้เขาต้องตกอยู่ในปัญหา เมื่อพบว่ามีปฏิบัติการลับในเกาหลีเหนือ กับการร่วมมือของผู้ทรยศไร้ชื่อ สองสาวที่ข้องแวะกับบอนด์ ได้แก่ ฮัลลี่ เบอร์รี่ (X-Men, Swordfish, Boomerang) ดาราสาวเมริกัน เจ้าของรางวัลออสการ์ สาขาผู้แสดงนำหญิงจาก Monster's Ball และดาราสาวชาวลอนดอน ที่เป็นหน้าใหม่ของวงการ โรซามุนด์ ไพค์ ผู้โด่งดังอย่างรวดเร็ว ทั้งในทางโทรทัศน์ และละครเวทีของอังกฤษ

นักแสดงชาวอังกฤษ โทบี้ สตีเฟนส์ (Possession, Space Cowboys, Onegin) และดาราอเมริกันเชื้อสายเกาหลี ริค ยูน (The Fast and the Furious, Snow Falling on Cedars) และดาราเอเชียน-อเมริกัน วิล ยุน ลี (ซีรีส์ Witchblade) รับบทเหล่าร้าย และผู้รับบทสายลับ NSA ผู้ไม่ยอมใคร คือดาราอเมริกันผู้มีชั่วโมงบินสูง - ไมเคิล แมดเซน (Species, Wyatt Earp, Reservoir Dogs) ในขณะที่ จูดี้ เดนช์ และ ซาแมนธา บอนด์ กลับมาอีกครั้งในบทบาท 'M' และ มันนี่เพ็นนี จอห์น คลีส (Harry Potter and the Sorcerer's Stone, A Fish Called Wanda, ภาพยนตร์ชุด Monty Python) ผู้รับบท 'Q' แทน เดสมอนด์ ลีเวลิน ผู้ล่วงลับไปแล้ว และผู้ที่เติมเต็มให้กับทีม MI-6 ได้แก่ คอลิน แซลมอน (Resident Evil, Tomorrow Never Dies, The World Is Not Enough)