สองปีที่แล้ว เจสัน บอร์น (แม็ตต์ เดม่อน) คิดว่าเขาสามารถหนีจากอดีตของเขาได้แล้ว แต่บัดนี้ อดีตของเขากำลังกลับมา..

บอร์น และ มารี (ฟรานก้า โปเทนเต้) ยังคงใช้ชีวิต ที่ต้องปิดบังสถานะจริงของพวกเขาเอาไว้ บอร์นที่ยังคงฝันร้าย และถูกหลอกหลอนโดยภาพจากอดีต ที่เขาไม่สามารถจำได้ เขาพามารีเดินทางจากเมืองหนึ่งไปยังอีกเมืองหนึ่ง ทั้งนี้เพื่อก้าวล้ำหน้าจากโอกาสที่จะโดนคุกคาม เมื่อมีคนแปลกหน้าจ้องมองพวกเขาอย่างไม่มีสาเหตุ ทุกครั้งที่มีคนต่อโทรศัพท์เข้ามาผิด... เพราะทุกวินาที อาจหมายถึงบอร์นต้องถูกดึงตัว กลับสู่โลกที่เขาหวังจะทิ้งไว้เบื้องหลัง โดยปราศจากคำเตือน

เมื่อคนกลุ่มหนึ่งปรากฏตัวขึ้นที่หมู่บ้านอันเงียบสงบ ที่เป็นบ้านหลังล่าสุดของพวกเขา ชีวิตของบอร์นและมารีพังทลายลง และต้องหลบหนี อดีตของบอร์นมาเคาะที่ประตูบ้าน ทางเลือกเดียวของพวกเขาตอนนี้ คือการหนี

แต่เมื่อมีการก้าวล้ำเส้น และเดิมพันในเกมส์แมวจับหนูระดับโลกครั้งใหม่เริ่มต้นขึ้น เจสัน บอร์น ที่ถูกสร้างขึ้นโดยเทร็ดสโตน หน่วยงานลับที่ผลิตมือสังหารอาชีพเลือดเย็น ที่ปัจจุบันกลายเป็นหน่วยงานที่ถูกล้มเลิกไปแล้วนั้น จึงคืนกลับมาอีกครั้ง

สองปีก่อน บอร์นหนีพ้นจากโลกอันตรายที่เคยสร้างเขาขึ้นมา พร้อมคำสัญญาว่า จะแก้แค้นใครก็ตาม ที่พยายามเข้ามายุ่งกับเขา บัดนี้ โลกใบเดิมได้กลับมาอีกครั้ง และบอร์นมุ่งมั่นที่จะรักษาคำสัตย์ ที่เขาเคยปฏิญาณเอาไว้

พวกนั้นควรจะเลิกยุ่งกับเขาได้แล้ว!

แม็ตต์ เดม่อน กลับมารับบทเป็น เจสัน บอร์น อีกครั้ง ในภาพยนตร์เรื่อง The Bourne Supremacy ซึ่งกลับไปเยือนโลกอันมืดมิดของมือสังหารอาชีพ ผู้พบว่าตัวเขายังคงถูกตามหลอกหลอน โดยภาพจากอดีตอันแสนเจ็บปวดจากชีวิตก่อนหน้านี้ The Bourne Supremacy ยังคงติดตามเรื่องราวของนักฆ่ากลับใจ และติดตามหาคำตอบ ของคำถามที่ยังไม่ได้รับคำตอบ ที่เคยถูกถามเอาไว้ ในภาพยนตร์สุดฮิตระดับโลกเรื่อง The Bourne Identity

ที่กลับมารับบทที่น่าประทับใจ ที่พวกเขาเคยสร้างเอาไว้ใน The Bourne Identity ก็คือ ฟรานก้า โปเทนเต้ ในบท มารี, ไบรอัน ค็อกซ์ ที่กลับมารับบทเป็นเจ้าหน้าที่ในองค์กรลับ วอร์ด แอ็บบ็อตต์, จูเลีย สไตลส์ กลับมารับบทเป็น นิคกี้ และ แกเบรียล แมนน์ ในบท แดนนี่ ซอร์น ที่มาเสริมทีมนักแสดงหลักของภาพยนตร์เรื่อง The Bourne Supremacy ก็คือ ทอม กัลล็อป (A.I. Artificial Intelligence) ในบท ทอม โครนิน, คาร์ล เออร์แบน (ภาพยนตร์ไตรภาคเรื่อง The Lord of the Rings) ในบท คิริลล์ มือสังหารคู่ปรับ และ โจน อัลเลน ผู้เคยได้รับการเสนอชื่อ เข้าชิงรางวัลออสการ์มาแล้วสามครั้ง (The Contender, Nixon) ในบทเจ้าหน้าที่พาเมล่า แลนดี้

การใช้โลเกชั่นที่น่าประทับใจทั่วโลก และความโลดโผนสุดมัน ที่ถูกนำขึ้นจอภาพยนตร์โดยผู้กำกับ พอล กรีนกราสส์ (มือเขียนบท/ ผู้กำกับภาพยนตร์คว้ารางวัลอย่าง Bloody Sunday) The Bourne Supremacy ยังคงมาพร้อมกับสไตล์อันดุดัน และภาพอันแปลกใหม่ ที่เคยถูกสร้างเอาไว้ในภาพยนตร์เรื่อง The Bourne Identity โทนี่ กิลรอย (The Bourne Identity) เขียนบทภาพยนตร์เรื่องนี้ โดยนำเค้าเรื่องมาจากหนังสือชื่อเรื่องเดียวกันของ โรเบิร์ต ลัดลั่ม

The Bourne Supremacy อำนวยการสร้างโดย แฟรงก์ มาร์แชลล์ ผู้เคยได้รับการเสนอชื่อ เข้าชิงรางวัลออสการ์มาแล้วหลายครั้ง (Seabiscuit), แพทริก โครว์ลีย์ (The Bourne Identity) และ พอล แอล แซนด์เบิร์ก (Picking Up the Pieces) ผู้อำนวยการสร้างบริหารได้แก่ ดั๊ก ไลแมน (Swingers), เจฟฟรีย์ เอ็ม ไวเนอร์ และ เฮนรี่ มอร์ริสัน

ทีมงานหลังกล้องระดับแถวหน้าของวงการ ได้แก่ ผู้กำกับภาพ โอลิเวอร์ วู้ด (The Bourne Identity, U-571), โปรดักชั่นดีไซเนอร์ โดมินิค วัตกิ้นส์ (Bad Boys II), ผู้ลำดับภาพ คริสโตเฟอร์ เร้าส์ (The Italian Job, Paycheck) และ ริชาร์ด เพียร์สัน (The Rundown), ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย ไดน่าห์ คอลลิน (Bloody Sunday) และคอมโพเซอร์ จอห์น พาวเวลล์ (The Italian Job)

เกร็ดภาพยนตร์

• Bloody Sunday คือผลงานการสร้างของผู้กำกับชาวอังกฤษ พอล กรีนกราสส์ ที่นำเสนอภาพเหตุการณ์ในวันที่ 30 มกราคม ปี 1972 ใน เดอร์รี่ ไอร์แลนด์เหนือ เมื่อการเดินขบวนเรียกร้องสิทธิ์อย่างสงบ กลับลงเอยด้วยการนองเลือด ภาพยนตร์เรื่องนี้สามารถคว้ารางวัลได้จากทั่วโลก ซึ่งก็รวมถึงรางวัลหมีทองคำ จากเทศกาลภาพยนตร์เมืองเบอร์ลิน และรางวัลออเดียนซ์ ที่งานเทศกาลภาพยนตร์ซันแดนซ์

• The Bourne Supremacy คือหนังสือเล่มที่ 2 จากหนังสือซีรีส์แนวทริลเลอร์สายลับ ที่ประสบความสำเร็จของ โรเบิร์ต ลัดลั่ม (1927-2001) ที่พูดถึงมือสังหารอาชีพที่ชื่อ เจสัน บอร์น ได้รับการตีพิมพ์ออกมาในปี 1986 และติดอยู่ในรายชื่อหนังสือเบสต์เซลเลอร์ของ The New York Times ถึง 25 อาทิตย์ โดยครองอันดับ 1 อยู่นานถึง 8 อาทิตย์

• ตอนที่ 3 ของหนังสือชุดนี้คือ The Bourne Ultimatum กำลังอยู่ระหว่างการสร้างเป็นภาพยนตร์