Bridget Jones's Diary
บริดเจต โจนส์ ไดอารี่ บันทึกรักพลิกล็อค
Official website
more info. from IMDB
แนว : ตลก / ดราม่า / รัก
ความยาว : 97 นาที
กำหนดฉาย : 12 ตุลาคม 2544

บริดเจต โจนส์ (เรเน่ เซลวีเกอร์) - สาวลอนดอนวัยสามสิบกว่าๆ ตื่นขึ้นมาในเช้าวันปีใหม่ อย่างเหนื่อยอ่อน และยังคงเป็นโสดอยู่ ที่ยิ่งแย่ก็คือ เธอต้องไปร่วมงานเลี้ยงบุฟเฟ่ต์ประจำปีที่บ้านพ่อแม่ บุฟเฟ่ต์กำลังสนุกทีเดียวเมื่อเธอมาถึง ท่ามกลางแขกเหรื่อ มี มาร์ค ดาร์ซี (โคลิน เฟิร์ธ) ทนายความหนุ่ม รวมอยู่ด้วย เมื่อแรกเห็น บริดเจตรู้สึกประทับใจมาร์ค แต่หลังจากที่เอียงอายกันไปมา เธอไปได้ยินเขาพูดหยาบคายเกี่ยวกับแม่ของเธอ เธอจึงยืนยันกับตัวเองว่า เธอยังคงอยากเป็น 'คนโสด' อยู่

กลับมาที่ลอนดอน บริดเจตรู้สึกว่าต้องกำชีวิตของตัวเองไว้ เธอตัดสินใจที่จะเขียนไดอารี่ และมีความตั้งใจแน่วแน่ในปีใหม่นี้ ว่าเธอจะลดน้ำหนัก และแสวงหา "ชายหนุ่มแสนดี" โดยเฉพาะอย่างยิ่งก็คือ เธอตัดสินใจจะหยุดสัมพันธ์กับ ดาเนียล คลีเวอร์ (ฮิวจ์ แกรนท์) ผู้จัดการใหญ่ของสำนักพิมพ์ที่เธอทำงานอยู่ ที่ทั้งรูปหล่อและลึกลับ แต่เมื่อกลับมาทำงาน เธอกลับทำให้ตนเองขายหน้าต่อหน้าดาเนียล และ เรียก "ประชุมกลุ่มเพื่อนซี้โดยด่วน" ซึ่งได้แก่เพื่อนที่แสนดีทั้งสามของเธอ ทอม (เจมส์ คาลลิส) หนุ่มเปรี้ยวผู้เขียนเพลงเพียงหนึ่งเพลงเท่านั้น, จู้ด (เชอร์ลีย์ เฮนเดอร์สัน) นักธุรกิจหญิงตัวจิ๋ว และ ชาซซา (แซลลี ฟิลลิปส์) นักข่าวผู้ชอบพูดคำว่า "f_ck" เป็นนิจ เช่นเคยเมื่อพบกัน ก็มีการสูบบุหรี่อย่างหนัก และดื่มวอดก้ากันอย่างเมามัน เมื่อทุกคนมารุมเม้าท์นินทาสดาเนียล

หลายวันทีเดียว ที่บริดเจตและดาเนียลจีบกันทางอีเมล์ แล้วในงานปาร์ตี้เปิดตัวหนังสือใหม่ ด้วยคำแนะนำของเพื่อน บริดเจตจึงตัดสินใจที่จะทำเป็นไม่สนใจดาเนียล และ 'ทำเป็นทักทายคนอื่นไปทั่ว' เพื่อให้เขาหึง แต่เธอกลับต้องยุ่งยากใจ เพราะมาร์ค ดาร์ซี ซึ่งอยู่ที่นั่นกับ นาตาชา (เอ็มเบ็ธ ดาวิดทซ์) เธอทึ่งกับความเท่และดูดีของเขา บริดเจตทำอะไรไม่ถูก หลังจากที่เธอพูดสุนทรพจน์กล่าวแนะนำ ซึ่งผิดๆ ถูกๆ ไปหมด ดาเนียลมาชวนเธอไปทานอาหารเย็น เมื่อทานอาหารเย็น ดาเนียลบอกบริดเจตว่า เขากับมาร์คเป็นเพื่อนกัน จนกระทั่งมาร์คลักลอบมีสัมพันธ์สวาทกับคู่หมั้นของเขา จากนั้น บริดเจตกับดาเนียลก็จูบกัน และแม้ว่าเธอจะปฏิเสธที่เขาชวนเธอไปบ้าน แต่ในที่สุดเธอก็ไปจนได้ บริดเจตรู้สึกอิ่มอกอิ่มใจ จนกระทั่งแม่ของเธอ (เจมมา โจนส์) บอกเธอว่า ท่านกำลังจะไปจากพ่อของบริดเจต (จิม บรอดเบนท์) ไป เพื่อไปคบกับพรีเซ็นเตอร์ ที่ทำรายการขายสินค้าทางโทรทัศน์ที่ชื่อ จูเลียน (แพทริก บาร์โลว์)

ในขณะเดียวกัน ดาเนียลตกลงที่จะพาบริดเจตไปเที่ยวในช่วงสุดสัปดาห์ และจะไปร่วมปาร์ตี้ ที่เพื่อนของพ่อแม่ของเธอจัดขึ้นด้วย เมื่อทั้งสองมาถึงโรงแรม ทั้งสองพบว่า มาร์คกับนาตาชาก็กำลังจะไปร่วมปาร์ตี้ด้วย ในฐานะแขกรับเชิญที่โรงแรมเดียวกัน แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้บริดเจตกับดาเนียลหมดสนุก แต่แล้วเมื่อเช้าวันอาทิตย์มาถึง ดาเนียลทำให้บริดเจตผิดหวัง ด้วยการบอกเธอว่า เขาต้องกลับไปประชุมที่ลอนดอน ระหว่างทางกลับ ดาเนียลไปส่งบริดเจตที่งานปาร์ตี้ บริดเจตมาในชุดสาวบันนี่ แต่ไม่นานนัก เธอก็พบว่าไม่มีใครสวมชุดประหลาดอย่างเธอ มาร์คและนาตาชาก็อยู่ที่นั่นดูดีมาก ส่วนแม่ของเธอก็มากับจูเลียนเพื่อนชายคนใหม่ มีแขกอีกคนหนึ่งที่มาในชุดแปลก คือพ่อของบริดเจต นั่งอยู่อย่างโดดเดี่ยวที่เก้าอี้สนาม แต่งกายเป็นพระ

หลังจากนั้น บริดเจตมุ่งหน้าตรงไปที่แฟลตของดาเนียล ซึ่งเธอพบว่า ดาเนียลกำลังอยู่กับลาร่า เพื่อนสาวชาวอเมริกัน เธอจากไปด้วยความเจ็บปวดและสับสน รู้สึกลังเลที่จะกลับไปทำงานในวันรุ่งขึ้น บริดเจตรู้จากดาเนียลว่า เขากับลาร่าหมั้นกันแล้ว เธอกลับบ้านหมดหวัง แต่ในที่สุดก็ตัดสินใจที่จะสู้ต่อ หางานใหม่! ไม่นานนักเธอก็ได้งานหนึ่ง เป็นงานกับรายการโทรทัศน์ ที่ชื่อ SIT UP Britain แล้วเธอก็ออกจากบริษัทสำนักพิมพ์มาอย่างมีชัยชนะ งานแรกของเธอคือ การไปทำข่าวที่สถานีดับเพลิงลอนดอน ซึ่งเป็นเรื่องเลวร้ายสำหรับเธอ แต่เธอก็ดูมีพลังดึงดูดมาก ขณะเดียวกันเจ้านายของเธอ ริชาร์ด ฟินช์ (นีล แพร์สัน) ก็รู้สึกสนุกกับงานนี้ด้วย

เย็นวันนั้น บริดเจตบังเอิญพบกับมาร์คและนาตาชาอีกครั้ง ที่ทั้งสองเป็นแขกในงานแต่งงานของแม็กดา และเจเรมี ที่นั่นเป็นสถานการณ์ราวฝันร้าย เธอถูกแวดล้อมด้วยคู่แต่งงาน ที่ต่างถามเกี่ยวกับชีวิตรักของเธอ บริดเจตตอกกลับด้วยการเตือน 'บรรดาเพื่อนที่แต่งงาน' ว่ามีคู่แต่งงานกี่คู่แล้วที่ต้องหย่าร้าง แล้วมาร์คเองก็สนับสนุนความคิดของเธอ เมื่อเธอกำลังจะออกมา มาร์คทำให้บริดเจตประหลาดใจ ด้วยการบอกเธอว่า เขาชอบเธอ ไม่เพียงเท่านั้น เขาชอบเธอ 'อย่างที่เธอเป็น'

งานต่อไปที่เธอต้องทำให้กับ SIT-Up Britain คือการสัมภาษณ์ผู้นำแรงงานชาวอังกฤษ ที่แต่งงานกับชาวเคอร์ดผู้ต่อสู้เพื่ออิสรภาพ ผู้ซึ่งรัฐบาลต้องการส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดน เธอแทบไม่เชื่อเมื่อเธอพบว่า มาร์คเป็นผู้ดูแลคดีนั้น การสัมภาษณ์ครั้งนี้ของเธอ จึงดูน่าเชื่อถือได้ และประสบความสำเร็จมาก

ในวันเกิดของเธอ บริดเจตกำลังเตรียมอาหารเย็นให้กับ ทอม จู้ด และชาซซา การเตรียมอาหารของเธอวุ่นวายมาก แต่เมื่อมาร์คปรากฏตัวขึ้นอย่างไม่ได้คาดหมาย เพื่อแสดงความยินดีกับเธอ ในความสำเร็จในการสัมภาษณ์ เขาก็มาช่วยเธอในครัวจนเรียบร้อย เมื่อถึงเวลา เพื่อนๆ ของเธอมาถึง บริดเจตกับมาร์ครู้สึกสบายใจมากต่อหน้ากันและกัน ดินเนอร์นั้นถูกขัดจังหวะ เมื่อดาเนียลมาถึง และขอให้บริดเจตให้อภัย ซ้ำยังประกาศว่าเขารักเธอ มาร์ครู้สึกเสียหน้าและจากไป แต่ไม่นาน เขาก็กลับมาท้าให้ดาเนียลสู้ บริดเจตกับเพื่อนๆ มองดูด้วยความหวาดกลัว ในขณะที่มาร์คกับดาเนียลกำลังสู้กัน จนกระทั่งหมัดสุดท้ายที่แสนหนักของมาร์ค ทำให้ดาเนียลล้มลงกับพื้น บริดเจตรีบเข้าไปหาดาเนียล รู้สึกตกใจกับพฤติกรรมที่โหดร้ายของมาร์ค ดาเนียลบอกบริดเจตว่า 'ถ้าเขาไม่ได้อยู่กับเธอ เขาก็ไม่มีใครอีกแล้ว' แต่นั่นไม่เพียงพอสำหรับเธอ.. เธอถอนตัวเธอเองกลับสู่สภาพ 'โสด' อีกครั้ง

คำเตือน!!
ต่อไปนี้เป็นบทสรุปของหนัง.. ถ้าอยากรู้ว่าจบอย่างไร เอา mouse คลิกเลือกข้อความต่อไปนี้เพื่ออ่านต่อ...

คริสต์มาสมาถึงอีกครั้ง และบริดเจตกำลังอยู่บ้านกับพ่อ และแม่ของเธอก็หายจากวิกฤตวัยกลางคน วันต่อมา ครอบครัวโจนส์ กำลังจะไปร่วมงานเลี้ยง ครบรอบแต่งงานปีที่สี่สิบของครอบครัวดาร์ซี เมื่อบริดเจตรู้จากแม่ของเธอว่า ความจริงแล้ว ดาเนียลหนีไปกับภรรยาของมาร์ค ที่งานของดาร์ซี มาร์คแสดงอาการเย็นชาต่อบริดเจต จนกระทั่งเธออธิบายว่า เธอรู้ความจริงเกี่ยวกับดาเนียลแล้ว และเปิดเผยว่าเธอหลงรักเขา ทั้งสองถูกขัดจังหวะ โดยคำประกาศของพ่อของมาร์คที่ว่า มาร์คกำลังจะไปอเมริกา บริดเจตทำให้ตนเองอับอาย ด้วยการบอกต่อสาธารณชน ขอให้มาร์คไม่ไป และประกาศว่าเธอรักเขา แล้วเธอก็จากไป

เมื่อกลับมาถึงบ้านที่ลอนดอน เพื่อนๆ ของบริดเจตก็มารับเธอไปเที่ยว ที่ไม่ได้บอกเธอไว้ล่วงหน้า ไปปารีส เพื่อทำให้เธอสบายใจ เมื่อพวกเขากำลังขนของขึ้นรถ บริดเจตประหลาดใจ ที่เห็นมาร์คกำลังเดินมาหาเธอ ทั้งสองคืนดีกัน บริดเจตตัดสินใจไปเปลี่ยนกางเกงในตัวใหม่ที่ดูเซ็กซี่ ขณะที่เธอไม่อยู่ มาร์คอ่านไดอารี่ของเธอ และได้เห็นว่าเธอเขียนบางเรื่องเกี่ยวกับเขาในแง่ลบ เมื่อเธอได้ยินเสียงปิดประตู เธอรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้น เธอวิ่งลงบันได และวิ่งตามเขาไป ขณะที่เธอกำลังตามหาเขาอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่นั้น เขาก็โผล่ออกมาจากร้าน พร้อมกับสมุดไดอารี่เล่มใหม่ และทั้งสองก็กอดกันด้วยความรัก...


Bridget Jones's Diary เป็นเรื่องราวชีวิตแต่ละสัปดาห์ ของผู้หญิงโสดวัยสามสิบกว่าคนหนึ่ง ที่กำลังมองหาความรัก ท่ามกลางความสับสนในโลก ของยุคก่อนที่จะยอมรับเพศหญิง โดยมีศูนย์กลางของเรื่องอยู่ที่ตัวบริดเจต "สาวโสด" วัยสามสิบกว่าๆ ที่คิดว่าใครๆ ก็ปกติ ยกเว้นเธอ ด้วยความทะเยอทยานเพียงน้อยนิด เธออยากลดน้ำหนักและพบรักแท้ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่บรรลุผล ชีวิตรักของเธอกำลังอยู่ในห้วงวิกฤตการณ์ถาวร เมื่อเริ่มต้นปีใหม่ บริดเจตตัดสินใจว่า ถึงเวลาแล้วที่จะควบคุมชีวิตของเธอเอง และเริ่มเขียนไดอารี่

"ฉันตัดสินใจที่จะเปลี่ยนชีวิตของฉันเอง และเริ่มเขียนไดอารี่ บันทึกทุกสิ่งที่สำคัญ อันดับแรกสุดคือ ต้องลดน้ำหนักให้ได้ยี่สิบปอนด์ อันดับสองที่มีความสำคัญพอๆ กันคือ หาแฟนสักคนที่อ่อนโยนและแสนดี เพื่อไปเที่ยวด้วยกัน และจะต้องเลิกเด็ดขาดกับการคบคนประเภทติดเหล้า บ้างาน เสียสติ พวกถ้ำมอง จิตไม่ว่าง อารมณ์แปรปรวน หรือเร่าร้อน"

ขณะที่เพื่อนของเธอ - จู้ด, ชารอน และทอม ให้คำแนะนำอันสิ้นหวังแก่เธอ บริดเจตพบว่า ตนเองกำลังแบ่งใจระหว่างชายสองคน ดาเนียล คลีเวอร์ เจ้านายของเธอผู้มีเสน่ห์ และเซ็กซี่ แต่อันตราย และ มาร์ค ดาร์ซี เพื่อนเก่าแก่ของครอบครัว ซึ่งตอนแรกดูเหมือนว่าห่างเหินและน่าเบื่อ จนกระทั่งตัวจริงของเขาเปิดเผยออกมา บริดเจตพยายามควบคุมชีวิตอันยุ่งเหยิงของเธอ แต่ไม่สำเร็จ และพยายามที่จะจัดระเบียบตัวเอง ด้วยการเขียนไดอารี่ เมื่อสถานการณ์อันแสนลำบากของบริดเจตถูกเปิดเผยขึ้น เธอเองจึงค้นพบว่า เธอไม่มีความสามารถที่จะจัดการกับความสับสนรอบตัวเธอได้

เมื่อฟิลดื้งนำคอลัมน์ของเธอมาทำเป็นนวนิยายในปี 1996 บริดเจต โจนส์ กลายมาเป็นปรากฏการณ์ทางวัฒนธรรมของโลก หนังสือเล่มนี้ขายได้มากกว่า 4 ล้านเล่ม และตัวละครตัวนี้ก็เป็นสัญลักษณ์แห่งความปรารถนา และความสับสนในชีวิตของหญิงสตรีทั่วโลก นิยายทั้ง 2 เรื่องของเธอคือ Bridget Jones's Diary และ Bridget Jones: The Edge of Reason มียอดขายรวมกันมากกว่า 5 ล้านเล่มใน 32 ประเทศ

Bridget Jones's Diary เกิดขึ้นในปี 1995 โดยเป็นคอลัมน์หนึ่งในหนังสือพิมพ์อิสระในอังกฤษ เขียนโดย เฮเลน ฟิลดิ้ง นักหนังสือพิมพ์ บทภาพยนตร์โดย เฮเลน ฟิลดิ้ง, แอนดรูว์ เดวีส์ (Pride and Prejudice, Circle of Friends) และ ริชาร์ด เคอร์ทิส (Mr.Bean, Four Weddings and a Funeral, Notting Hill) ภาพยนตร์เรื่องนี้กำกับโดย ชารอน แม็กไกวร์ ที่มีผลงานสารคดีเด่นๆ มากมาย และอำนวยการสร้างโดย ทิม บีแวน, อีริค เฟลล์เนอร์ และ โจนาธาน คาเวนดิช

ภาพยนตร์เรื่องนี้ถ่ายทำในสถานที่ทั้งในและรอบลอนดอน และที่สตูดิโอเชพเพอร์ตัน ภาพยนตร์เรื่องนี้อำนวยการสร้างโดย เวอร์คกิ้ง ไทเทิ้ล ฟิล์มส์ ผู้กำกับภาพคือ สจ๊วท ดรายเบอร์ก (Runaway Bride, Analyze This, The Piano), ผู้ออกแบบการผลิตคือ เจมมา แจ็คสัน (State and Mains, The Winslow Boy), ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกายคือ ราเชล เฟลมมิ่ง (The Beach, A Life Less Ordinary, Trainspotting), ผู้ออกแบบเมคอัพและทรงผมคือ เกรแฮม จอห์นสตัน (Gladiator, Trainspotting), ผู้ควบคุมเสียงคือ เดวิด โครเซียร์ (Mission Impossible, The Madness of King George), ผู้ตัดต่อคือ มาร์ติน วัลช์ (Mansfield Park, Roseanna's Grave), ดนตรีประกอบโดย แพ็ททริค โดลย์ (Great Expectations, Indochine, Sense and Sensibility)

Bridget Jones's Diary นำแสดงโดย เรเน่ เซลวีเกอร์ (Nurse Betty, Jerry Maguire, Me, Myself, and Irene), ฮิวจ์ แกรนท์ (Notting Hill, Four Weddings And A Funeral) และ โคลิน เฟิร์ธ (Shakespeare In Love, The English Patient) ร่วมด้วย จิม บรอดเบนท์ (Moulin Rouge, Little Voice), เจมมา โจนส์ (Sense and Sensibility, The Winslow Boy), แซลลี ฟิลลิปส์, เชอร์ลีย์ เฮนเดอร์สัน (Trainspotting, Topsy-Turvy), เจมส์ คาลลิส, เอ็มเบ็ธ เดวิดทซ์ (Schindler's List, Bicentennial Man, Matilda), ออเนอร์ แบล็คแมน (จากซีรีส์ยอดฮิตทางโทรทัศน์ The Avengers ยุค '60) และ ซีเลีย อิมรี (Hilary and Jackie, The Borrowers)


เ ก ร็ ด ภ า พ ย น ต ร์

  • เพื่อรักษาให้ทุกอย่างตรงตามหนังสือ ผู้อำนวยการสร้างจึงเซ็นสัญญาให้ ชารอน แม็กไกวร์ มาเป็นผู้กำกับ ชารอนคือผู้ทำสารคดีที่ได้รับการยกย่อง ชารอนเป็นแบบหนึ่งของเพื่อนๆ ของบริดเจต คือชาซซา และจู้ด ผู้อำนวยการสร้าง โจนาธาน คาเวนดิช กล่าวว่า "เธอมีความเข้าใจเรื่องราวเป็นอย่างดี และนำความสมจริงมาสู่เรื่องราว เมื่อคุณดูภาพยนตร์ คุณรู้ตั้งแต่แรกว่ามันเป็นความจริง และนั่นเป็นองค์ประกอบเดียวกับที่คุณได้อ่านจากหนังสือ หนังสือเล่มนี้เป็นวรรณกรรมที่ประสบความสำเร็จ เพราะเป็นเรื่องราวของผู้คน ที่เราทุกคนคุ้นเคยและสัมผัสได้"
  • เพื่อเปลี่ยนเรเน่ให้เป็นบริดเจต ผู้อำนวยการสร้างหางานให้เธอทำที่สำนักพิมพ์พิคาดอร์ที่ลอนดอน ทำงานภายใต้ชื่อ บริดเจต คาเวนดิช เด็กฝึกงานในแผนกประชาสัมพันธ์ และได้จุ่มตัวเธอเองลงในโลกของบริดเจต หลายสัปดาห์ผ่านไป เรเน่รับโทรศัพท์ ถ่ายเอกสาร และชงกาแฟ ไม่มีใครสงสัยตัวจริงของเธอ โจนาธาน คาเวนดิช กล่าวว่า "การทำงานนี้มีคุณค่าสองระดับ ประการแรก เธอเรียนรู้เกี่ยวกับชีวิตของการทำงานในบริษัทสำนักพิมพ์ มันช่วยเธอเรื่องภาษาและธรรมเนียมมาก ประการที่สอง หลังจากที่เธอจากมาแล้วก็มีคนเริ่มรู้ว่า ความจริงเธอไม่ใช่สาวบ้านนอก แต่เป็นนักแสดงภาพยนตร์ฮอลลีวู้ด ซึ่งปลอมตัวได้อย่างประสบความสำเร็จ"
  • บริดเจต โจนส์ ไดอารี่ ฉบับภาษาไทย แปลโดยคุณพลอย จริยะเวช