Official website
more info. from IMDB
แนว : ดราม่า / Sci-Fi / ระทึกขวัญ
ความยาว : 92 นาที
กำหนดฉาย : 5 ธันวาคม 2549
ชีวิตของ นิค ลาร์สัน (เอริค ไลฟ์ลี่) ไปได้ดีทั้งด้านการงานและความรัก งานในบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ของเขากำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น ส่วนความรักกับศิลปินภาพถ่ายสาว จูลี่ มิลเลอร์ (เอริกา ดูแรนซ์) ก็กำลังหวานชื่น เขาขอให้เธอเลิกล้มความตั้งใจที่จะไปเรียนต่อที่นิวยอร์ก เพราะเชื่อว่าสักวันเขาจะมีเงินพอสำหรับเปิดแกลเลอรี่ให้เธอ แต่ชีวิตสมบูรณ์แบบของนิคกลับต้องพลิกผัน เพราะโทรศัพท์เพียงกริ๊งเดียว เมื่อ เดฟ บริสทอล (เดวิด ลูอิส) หัวหน้าของนิคโทรมาสั่งให้เขาเข้าบริษัทด่วน เพื่อเตรียมประชุมกับผู้ลงทุนในวันรุ่งขึ้น เหตุการณ์มากมาย ที่จะเปลี่ยนชีวิตของเขาไปตลอดกาลก็เกิดตามมา แม้ว่าโทรศัพท์เรียกตัวจะดังขึ้นในวันเกิดของหญิงคนรัก นิคก็เลือกที่จะไป เพราะเห็นความสำคัญของอนาคตมากกว่าปัจจุบัน จูลี่รู้สึกเสียใจอยู่ลึกๆ แต่ด้วยความรักที่มีต่อนิค เธอจึงยอมละทิ้งความสุขของตนเองและตามใจคนรัก โชคร้ายจริงๆ ที่นิคมองเห็นคุณค่าของเธอน้อยกว่าที่ควรจะเป็น... ไม่อยู่ฉลองวันเกิดสาวคนรักไม่พอ นิคยังแสดงด้านลบออกมาอีกระหว่างทางกลับเข้าเมือง เมื่อ เทรเวอร์ (ดัสติน มิลลิแกน) เพื่อนรักแนะว่าให้ลืมเรื่องงานซะ แล้วกลับไปฉลองวันเกิดจูลี่ต่อ นิคกลับแสดงท่าทีเยาะเย้ยเพื่อน ว่าคนไม่รักความก้าวหน้าอย่างเทรเวอร์คงไปไหนไม่ได้ไกล ถ้าไม่ได้แรงสนับสนุนจากเขา รถจี๊ปของนิคติดอยู่หลังรถบรรทุกที่ขับช้า เขาหักออกด้วยความใจร้อนเพื่อแซงหน้า แต่กลับเสียหลักจนเกิดอุบัติเหตุ ผลคือจูลี่และเพื่อนทั้งสองของเขาเสียชีวิต 1 ปีผ่านไป นิคพยายามดิ้นรนเพื่อให้ได้ชีวิตเดิมกลับคืนมา แต่ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น หน้าที่การงานเริ่มไม่ราบรื่น ขณะที่ บริสทอล ผู้เป็นหัวหน้ากลับรุ่งเรืองขึ้นเรื่อยๆ และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรองประธานบริษัท อย่างไรก็ตาม บริสทอลไม่ได้ใช้อำนาจในทางที่ถูกสักเท่าไหร่ ไม่นาน เหตุผลที่นิคไม่ได้เลื่อนขั้นก็เปิดเผย ระหว่างการประชุมกับนักลงทุน นิคเกิดอาการปวดหัวอย่างรุนแรง และมีอาการชักกระตุกแต่ไม่ถึงกับหมดสติ สาเหตุคือเขาถูกเร้าจากภาพความทรงจำ ซึ่งในกรณีนี้คือภาพถ่ายบริษัทที่มีเทรเวอร์อยู่ อาการนี้เกิดขึ้นก่อนหน้านี้แล้วครั้งหนึ่ง ตอนที่นิคนอนพักฟื้นอยู่ในโรงพยาบาลหลังอุบัติเหตุ และเกิดขึ้นอีกครั้งตอนที่เขามองรูปจูลี่ และตอนนี้เมื่อเขาจ้องรูปเทรเวอร์ ภาพนั้นก็เหมือนฉีกขาดเป็นเสี่ยงๆ นิคเหมือนควบคุมตัวเองไม่ได้ไปชั่วขณะ ภายในใจถูกความเจ็บปวดและภาพอดีตถาโถมเข้าใส่ และเมื่อความมืดเข้าครอบงำ เลือดกำเดาของเขาก็ไหลออกมาเป็นทาง สิ่งที่นิคต้องเผชิญหลังจากนั้น คือเหตุการณ์ซับซ้อนน่าสะพรึงเกินคาดเดาที่เกิดขึ้น เมื่อเขาย้อนเวลากลับไปเปลี่ยนอดีต ซึ่งทุกครั้งต้องแลกมาด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัส อำนาจการแก้ไขอดีตกลายเป็นความท้าทายสำหรับนิค เขารู้ว่าสามารถแก้ไขอดีตได้ แต่ไม่เคยคิดเลยว่า มันจะส่งผลกระทบต่อเหตุการณ์อื่นๆอย่างไรบ้าง... จะเกิดอะไรขึ้นถ้าคุณสามารถกลับไปแก้ไขอดีตได้ ใครคือผู้ได้ประโยชน์ แล้วอะไรจะเปลี่ยนแปลงบ้าง เมื่อคุณตัดสินใจแก้ไขเรื่องที่ผ่านไปแล้ว... คำถามเหล่านี้คือที่มาของ The Butterfly Effect 2 ภาคต่อของภาพยนตร์ปี 2004 ของค่าย New Line Cinema ที่คนดูรอคอยมากที่สุด คราวนี้ เอริก้า ดูแรนซ์ (จาก House of the Dead, ทีวีซีรี่ย์ Smallville) และ เอริค ไลฟ์ลี่ (จาก American Pie, The Breed, ทีวีซีรี่ย์ The L Word) คือนักแสดงที่เข้ามารับบทนำ ในเรื่องราวเกี่ยวกับการเดินทางกลับไปแก้ไขอดีต ที่ไม่มีใครรู้เลยว่า ปัจจุบันจะเปลี่ยนแปลงไปเลวร้ายเพียงใด The Butterfly Effect 2 กำกับการแสดงโดย จอห์น ลีโอเน็ตติ (กำกับ Mortal Kombat: Annihilation, กำกับภาพ Raise Your Voice, Detroit Rock City, Honey, The Scorpion King, Mortal Kombat, Spy Hard, The Perfect Man) และเขียนบทโดย ไมเคิล ไวซ์ (Crocodile, I'll Always Know What You Did Last Summer) อำนวยการสร้างโดย เอเจ ดิ๊กซ์ และ แอนโธนี่ รูห์เลน แห่งบริษัท FilmEngine ร่วมด้วย คริส เบนเดอร์ และ เจซี สปิงค์ แห่งบริษัท Benderspink อำนวยการสร้างบริหารโดย วิลเลี่ยม ชิฟลี่ย์ The Butterfly Effect ภาคแรก ออกฉายในปี 2004 นำแสดงโดย แอชตัน คุทเชอร์ และ เอมี่ สมาร์ท ทำรายได้ในอเมริกาไปทั้งหมด 58 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ |