เรนส์ (สเตฟานี่ มัวร์) ตื่นขึ้นมาในเขาวงกตห้องสี่เหลี่ยมลูกบาศก์ เธอสวมเครื่องแบบประหลาดสีเทากับรองเท้าบู๊ต มีรอยสักเป็นบาร์โค้ดที่มือ สิ่งสุดท้ายที่เธอจำได้คือ เธอเดินอยู่ในป่ากับลูกสาว แต่ตอนนี้ลูกสาวเธอหายไป เธอตกใจมากที่จำชื่อลูกตัวเองไม่ได้ นั่นเป็นเพราะความทรงจำส่วนใหญ่ของเธอถูกลบทิ้งไปแล้ว เหตุผลเดียวที่เธอยังจำชื่อตัวเองได้ ก็เพราะมันถูกปักอยู่บนเสื้อเธอ

ไม่ช้าเธอก็พบนักโทษคนอื่นๆ ซึ่งเธอรู้จักพวกเขาแต่เพียงชื่อบนเครื่องแบบ - - แฮสเกิล (มาร์ติน โรช), ไมเออร์โฮลด์ (ไมค์ นาห์รแกง), เจลลิโค่ (เทอร์รี่ ฮอล์คส), บาร์ท็อก (ริชาร์ด แมคมิลแลน) ทุกคนไม่มีใครจำชีวิตตัวเองก่อนตื่นมาเจอฝันร้ายนี้ได้ เจลลิโค่ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่านี่คือชื่อจริงๆ ของเธอ

เรนส์กระตุ้นให้กลุ่มที่อ่อนระโหยโรยแรงเร่งฝีเท้า แต่พวกเขาเตือนเธอว่ารีบเกินไปมันไม่ดี "ทำไม" เธอถามด้วยความกระวนกระวายอยากพบลูก คำตอบที่ได้รับทำให้เธอเสียววาบ "เพราะมันมีกับดัก" ไมเออร์โฮลด์ ชายอารมณ์ดีในกลุ่มชูมือของเขา มันเหลือแค่นิ้ว 2 นิ้ว กับนิ้วกุดๆ ที่เต็มไปด้วยเลือดอีก 3 นิ้วที่เหลือ เขาแทบจะไม่เหลือชิ้นดีแล้ว พวกเขาทดสอบให้เรนส์ดูว่าตรงไหนมีกับดัก และตรงไหนปลอดภัย เธอได้เห็นเครื่องจักรสังหารของเดอะคิวบ์ทำงานด้วยตาของเธอเอง เมื่อมีคนไปโดนกลไกมันเข้า และถูกลวดตาข่ายคมกริบรวบตัวไว้ เขาทำได้แค่ร้อง "ช่วยด้วย" แล้วลวดก็ถูกเครื่องจักรในกำแพงลากไป เหยื่อถูกตัดออกเป็นชิ้นๆ เท่ากัน จนกลายเป็นเศษเนื้อห่อด้วยเครื่องแบบสีเทา เรนส์มองดูด้วยความสยดสยอง ...สัตว์ชนิดไหนกันที่ทำแบบนี้!

หญิงสาวไม่เคยล่วงรู้เลยว่า มีคนแอบชื่นชมเธออยู่ เขาชื่อ วินน์ (แซคคารี่ เบนเนทท์) เป็นสมาชิกรุ่นน้องของทีมสังเกตการณ์ ซึ่งมีหน้าที่จับตาดูคนที่ติดอยู่ในเดอะคิวบ์ พวกเขาไม่รู้เลยว่าทำไมต้องมาเฝ้าดู ทุกคนเป็นตัวเบี้ยในหน่วยงานประหลาด ไม่มีใครจำได้ว่าทำงานอื่นมาก่อนนอกจากงานนี้ วินน์นึกไม่ออกว่าออกไปข้างนอกหนสุดท้ายเมื่อไหร่

ตั้งแต่เขาเห็นเรนส์ในเขาวงกตมรณะ โลกของวินน์ก็เปลี่ยนไป แม้คู่หูเขาจะเตือนแล้วว่าอย่าไปผูกพัน แต่เขากลับเริ่มสนใจในตัวหญิงสาว ผู้นำนักโทษคนอื่นๆ ไขปริศนาเดอะคิวบ์ วินน์ขอยืมแฟ้มเรนส์มาดู และก็พบว่า เธออาจถูกส่งมาเดอะคิวบ์ด้วยความเข้าใจผิด วินน์ไม่อาจนิ่งเฉยอยู่ได้ เขาให้คู่หู ดอดด์ (เดวิด ฮูแบนด์) ช่วยแจ้งไปยังเบื้องบนว่าได้ทำผิดพลาด และจับคนบริสุทธิ์มาแทน ดอดด์ไม่ต้องการมีส่วนร่วม เขาไม่ต้องการถูกเพ่งเล็งมากไปกว่านี้ เพราะ ชิกคลิส กับ โอเว่น คนงาน 2 ใน 4 คนหายตัวไปหลายวันแล้ว ดอดด์กลัวว่าเขากับวินน์อาจเป็นรายต่อไป

แล้วโทรศัพท์ก็ดังขึ้น มีคำสั่งใหม่ให้ประหารนักโทษที่ไปถึงทางออกของเดอะคิวบ์ พวกเขาต้องตกใจเมื่อรู้ว่า นักโทษคนนั้นคือ โอเว่น (โทนี่ มันช์) เพื่อนร่วมงาน วินน์ปฏิเสธที่จะทำตาม แต่ดอดด์บังคับให้เขากดปุ่มฆ่าเพื่อน วินน์ช็อกกับสิ่งที่เขาได้ทำลงไป เขารู้ว่ามีทางเดียวที่จะหลุดรอดจากฝันร้ายนี้ได้ คือเขาต้องช่วยเรนส์ออกจากเดอะคิวบ์โดยไม่คิดชีวิต ซึ่งมีทางเดียวเท่านั้น... เขาโดดลงไปในเดอะคิวบ์

ทันทีที่เข้าไป วินน์ก็ใช้ความรู้ที่มีเกี่ยวกับกลไกของเดอะคิวบ์ ตามหาเรนส์กับเพื่อนนักโทษ ก่อนที่พวกเขาจะตกเป็นเหยื่อเขาวงกตมรณะ วินน์ไม่ได้เฉลียวใจเลยว่า การกระทำของเขาไม่อาจหลุดรอดสายตาของเบื้องบน ซึ่งสั่งให้เดอะคิวบ์กำจัดทั้งวินน์และคนที่เขาพยายามช่วย เครื่องหมายนำทางที่วินน์ใช้ละลายไปต่อหน้าต่อตาเขา และกับดักทั้งหมดทำงานพร้อมกัน ไฟดับลง เดอะคิวบ์ตกอยู่ในความมืด ในช่วงเวลาอันพรั่นพรึงนั้น วินน์รู้เลยว่าเขาได้ก้าวข้ามจากผู้คุมมาเป็นนักโทษ จากผู้ดูมาเป็นเหยื่อ ฝันร้ายสุดสยองของเขากลายเป็นความจริง เขาติดอยู่ข้างใน ...และอาจไม่มีวันได้ออกมาอีกต่อไป!

หลังจากที่สร้างความเขย่าขวัญกันไปแล้วกับ Cube และ Cube 2: Hypercube ภาพยนตร์ไซไฟสยองขวัญ เกี่ยวกับห้องลูกบาศก์มรณะ ที่ผู้ใดที่หลงเข้าไปแล้ว การพยายามหลบหนีออกมานั้น หมายความว่าอาจจะต้องแลกด้วยชีวิต ในครั้งนี้ ตำนานความสยองขวัญเดินทางย้อนมายังจุดเริ่มต้นของเรื่องทั้งหมด กับ Cube Zero กำเนิดลูกบาศก์มรณะ ในห้องรูปทรงลูกบาศก์ อันเต็มไปด้วยบรรยากาศอันชวนฉงนฉงาย บรรดานักโทษฟื้นขึ้นมา พร้อมกับความทรงจำอันว่างเปล่า สิ่งเดียวที่ทุกคนรู้ก็คือ จะต้องหาทางออกไปจากที่แห่งนี้ให้ได้ แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่ยากยิ่ง เพราะแต่ละย่างก้าวใน Cube ล้วนเต็มไปด้วยกับดัก ที่พร้อมจะคร่าชีวิตของทุกคนได้ทุกเมื่อ

Cube Zero กำเนิดลูกบาศก์มรณะ ภาพยนตร์ผจญภัยที่น่าตื่นตาตื่นใจ เต็มไปด้วยปริศนาอำพรางอันสลับซับซ้อน และสมมติฐานที่ยากจะคาดดะเนได้ โดยการวางหลุมพรางไว้ด้วยหลักเหตุผลที่แปลกประหลาด กำกับและเขียนบทโดย เออร์นี่ บาร์บาราช (เขียนบท Cube 2: Hypercube) นำแสดงโดย แซคคารี่ เบนเนทท์ (ซีรีส์ Looking for Miracles), สเตฟานี่ มัวร์ (Urban Legends: Final Cut, John Q, Angel Eyes), เดวิด ฮูแบนด์ (Wrong Turn, Down to Earth, Frequency), ไมเคิล ไรลี่ย์ (Sugar, Black Swan)