Eragon
เอรากอน กำเนิดนักรบมังกรกู้แผ่นดิน
Official website (US)
Official website (Thai)
more info. from IMDB
แนว : แอ็คชั่น / ครอบครัว / แฟนตาซี / Sci-Fi
ความยาว : 104 นาที
กำหนดฉาย : 14 ธันวาคม 2549

ภาพยนตร์เรื่อง Eragon ถ่ายทอดเทพนิยายว่าด้วยเหล่านักรบมังกร ที่เคยกอบกู้แผ่นดิน นำความสงบ และความรุ่งเรืองมาสู่ ดินแดนอาลาเกเซีย พวกมังกรจะถ่ายทอดพลังให้กับนักรบ รวมทั้งความเป็นอมตะด้วย ดังนั้นศัตรูหน้าไหนก็ไม่อาจพิฆาตนักรบมังกรได้ จนกระทั่ง กษัตริย์กัลบาทอริกซ์ (จอห์น มัลโควิช) ตัดสินใจรวบรวมพลังวิเศษไว้กับตัวเอง และกำจัดนักรบมังกรเสียสิ้น แต่พอ เอรากอน (เอ็ด สเพลเลียร์) เจอไข่สีน้ำเงินเข้มผิวเป็นมัน และฟักตัวออกมาเป็นมังกรเพศเมียชื่อ ซาเฟียร่า (ให้เสียงพากย์โดย ราเชล ไว้ซ์) ตำนานนักรบมังกรก็โลดแล่นอีกครั้ง

ยิ่งค้นพบรากเหง้าของตัวเองว่าสืบเชื้อสาย นักรบมังกร พร้อมคำชี้แนะจาก บรอม (เจเรมี ไอร่อนส์) เอรากอนก็มุ่งมั่นทวงคืนความยุติธรรมให้กับแผ่นดิน ถ้าเขาเอาชีวิตรอด จากเงื้อมมือของกษัตริย์กัลบาทอริกซ์สุดเจ้าเล่ห์ได้ ชื่อเสียงของเอรากอนเป็นที่เลื่องลือ ไปทั่วโลกแห่งเวทย์มนต์และพลังพิเศษ จนกลายเป็นฮีโร่ตัวจริง และเป็นเพียงความหวังเดียว ความหวังสุดท้ายของประชาชนแห่งดินแดนอาลาเกเซีย


ภาพยนตร์เรื่อง Eragon สร้างจากนวนิยายแนวผจญภัยล้ำจินตนาการ สุดแฟนตาซีสำหรับเยาวชนของ คริสโตเฟอร์ เปาลินี ที่ขายเป็นประวัติการณ์ไปทั่วโลก ซึ่งเป็นเล่มแรกใน ไตรภาคแห่งการสืบทอด (Inheritance Trilogy) ของนักประพันธ์หนุ่ม ว่าด้วยเทพนิยายอมตะแต่เลิศล้ำร่วมสมัย

ตอนที่สำนักพิมพ์ Knopf ตีพิมพ์นวนิยายเรื่อง Eragon ฉบับปกแข็งออกจำหน่ายเป็นครั้งแรก เมื่อเดือนสิงหาคม 2003 ก็กลายเป็นหนังสือยอดขายดีเป็นประวัติการณ์ มันติดอันดับขายดีทันทีที่วางแผง และครองอันดับอยู่ใน The New York Times Bestseller List นานถึง 87 สัปดาห์ติดต่อกัน และครองอันดับอยู่ใน Publisher’s Weekly Young Adult Fiction Bestseller List นานถึง 21 เดือนติดต่อกัน โดยครองแชมป์อันดับหนึ่งอยู่นาน 9 เดือน เฉพาะในอเมริกาเหนือ หนังสือนวนิยายเรื่อง Eragon ทั้งฉบับปกแข็งและฉบับปกอ่อน ขายไปแล้วกว่าสองล้านห้าแสนเล่ม และยังตีพิมพ์แพร่หลายไปในอีก 38 ประเทศทั่วโลกด้วย

Eragon เป็นตอนแรกของนวนิยายไตรภาค เล่มที่สองชื่อ Eldest ตีพิมพ์ออกจำหน่ายในสหรัฐอเมริกา และแคนาดา เมื่อเดือนสิงหาคม 2005 และกลายเป็นหนังสือนวนิยายขายดีอันดับหนึ่งของสหรัฐอเมริกา ซึ่งฉบับปกแข็งขายได้มากกว่าหนึ่งล้านเล่ม เป็นอันดับหนึ่งของ The New York Times Children’s Best Seller และติดอันดับ USA Today Top-50 Bestseller ทั้งยังคว้า รางวัล Young Adult/Teen 2006 Quill Book Award มาครองด้วย

ปีเตอร์ บุชแมน ที่เคยเขียนบทภาพยนตร์เรื่อง Jurassic Park III เป็นผู้ถ่ายทอดนวนิยายเรื่องแรกให้เป็นบทภาพยนตร์ บุชแมนซึ่งเป็นแฟนตัวยงของบทประพันธ์ และภาพยนตร์แนวแฟนตาซีกับวิทยาศาสตร์ ยังถึงกับ “ทึ่ง” ในความฉลาดเกินวัยของ เปาลินี ทั้งความเหนือชั้นของการเดินเรื่อง กับการสร้างสรรค์ตัวละคร และความสามารถในการเนรมิตโลกสุดจินตนาการ ได้อย่างน่ามหัศจรรย์ บุชแมนทุ่มเทแรงกายแรงใจอย่างเต็มที่ ในการถ่ายทอดความล้ำลึก ของเรื่องราวและตัวละครจากนวนิยายของ เปาลินี เพื่อให้แฟนๆ ของหนังสือนวนิยายมากมายทั่วโลก ประทับใจกับภาพยนตร์เรื่อง Eragon - เอรากอน กำเนิดนักรบมังกรกู้แผ่นดิน ไม่แพ้คนที่จะได้สัมผัสโลกของ Eragon เป็นครั้งแรกด้วย

ภาพยนตร์เรื่อง Eragon กำกับโดย สตีเฟ่น แฟงไมเออร์ อัจฉริยะงานภาพเอ็ฟเฟ็คตัวจริง ของวงการภาพยนตร์ทุกวันนี้ ตอนที่ยังทำงานให้กับ Industrial Light & Magic เขาก็ร่วมสร้าง Saving Private Ryan, Twister, The Perfect Storm, Lemony Snicket's A Series of Unfortunate Events และ Master and Commander: The Far Side of the World ทั้งยังเป็นเจ้าของรางวัล BAFTA Award สามรางวัล และยังเคยได้รับการเสนอชื่อ เข้าชิงรางวัลออสการ์ถึงสี่ครั้งแล้ว

เอ็ด สเพลเลียร์ ชายหนุ่มวัย 18 ปีหน้าใหม่ของวงการบันเทิง คว้าบทนำแสดงไปครองสำเร็จ หลังจากที่ Twentieth Century Fox และคณะผู้สร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ เลือกเฟ้นชายหนุ่มจากทั่วโลก ผ่านกระบวนการคัดสรรที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้ Harry Potter และทดสอบหน้ากล้องครั้งแล้วครั้งเล่า รวมทั้งการทดลองแสดงจริงหน้ากล้องอีกหลายสิบครั้ง

บทบาทอื่นๆ ในภาพยนตร์เรื่องนี้ ก็ได้นักแสดงแถวหน้าของฮอลลีวู้ดมาร่วมแสดงคับคั่ง ทั้ง เจเรมี ไอร่อนส์ (Kingdom of Heaven, Dungeons & Dragons, The Man in the Iron Mask, Lolita, Stealing Beauty, Die Hard: With a Vengeance, M. Butterfly) นักแสดงเจ้าของรางวัลออสการ์ รับบท บรอม อดีตนักรบมังกรที่คอยชี้แนะเอรากอน, จอห์น มัลโควิช (Being John Malkovich, Rounders, The Man in the Iron Mask, Con Air, In the Line of Fire, The Sheltering Sky) ที่เคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ รับบท กษัตริย์กัลบาทอริกซ์ ผู้ทรงอำนาจและชั่วร้ายสุดๆ, โรเบิร์ต คาร์ไลล์ (The Full Monty, The Beach, The World Is Not Enough, Trainspotting, Angela's Ashes) นักแสดงเจ้าของรางวัล BAFTA Award รับบท ดูร์ซา พ่อมดผู้มีพลังแก่กล้า, เซียนน่า กิลลอรี่ (Resident Evil: Apocalypse, Love Actually, The Time Machine, The Rules of Engagement) รับบท อารีอา นักรบสาวสวย, จีมอน ฮานซู (Blood Diamond, The Island, Constantine, In America, Gladiator) ที่เคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ รับบท อาจิฮัด หัวหน้ากบถวาร์เดน และ การ์เร็ต เฮ็ดลันด์ (Four Brothers, Friday Night Lights, Troy) รับบทเป็นชายหนุ่มผู้มีอดีตน่าสนใจ

ส่วนบทของ ซาเฟียร่า ก็ได้นักแสดงหญิงเจ้าของรางวัลออสการ์ ราเชล ไว้ซ์ (The Mummy, The Mummy Returns, The Constant Gardener, Constantine, Runaway Jury, About a Boy, Enemy at the Gates) มาพากย์เสียงได้สมบทบาท ต้องถือว่าไว้ซ์ช่วยถ่ายทอดแนวคิดสำคัญของ คริสโตเฟอร์ เปาลินี ในนวนิยายเรื่องนี้ ที่เน้นวิธีการสื่อสารกัน ระหว่างซาเฟียร่ากับเอรากอน ออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม เพราะซาเฟียร่าไม่พูดเหมือนมังกรที่ผู้ชมคุ้นเคย ดังนั้นริมฝีปากของเธอ จึงไม่ต้องอาศัยคอมพิวเตอร์มาสร้างภาพขยับปากแต่อย่างใด หากแต่มังกรเพศเมียสื่อสารกับนักรบด้วยกระแสจิต นั่นยิ่งเป็นการตอกย้ำ การถ่ายทอดอารมณ์ และความผูกพันกันทางจิตวิญญาณ ของตัวละครทั้งสองให้ชัดเจนขึ้น

ตัวละครแฟนตาซีที่สุดของนวนิยายเรื่องนี้ก็คือ ซาเฟียรา มังกรบินตัวมหึมา ก็ได้บริษัทสร้างภาพเอ็ฟเฟ็คที่ฝีไม้ลายมือโดดเด่นสุดๆ ของวงการภาพยนตร์ทุกวันนี้ถึงสองแห่ง มากันสร้างสรรค์ด้วยเครื่องไม้เครื่องมือสุดไฮเทคคือ WETA Digital (จาก Lord of the Rings ทั้งสามภาค และ King Kong) กับ Industrial Light & Magic (จาก Star Wars ทุกภาค และ Jurassic Park ทุกภาค) โดยเฉพาะฉากสงคราม ที่ฝ่ายธรรมะซึ่งนำทัพโดย เอรากอน นักรบหนุ่ม กับ ซาเฟียร่า เข้าห่ำหั่นกับกองทัพอธรรมของ กษัตริย์กัลบาทอริกซ์สุดโฉด ในช่วงท้ายเรื่องที่ WETA เนรมิตได้ตื่นตาตื่นใจสุดๆ

ภาพยนตร์เรื่อง Eragon ยังได้คณะสร้างภาพเอ็ฟเฟ็คฝีมือดีของ สตีเฟ่น แฟงไมเออร์ ระดมเทคนิคล้ำยุคมาเนรมิตซาเฟียร่า และดินแดนอาลาเกเซีย ให้เป็นโลกเวทย์มนต์ย้อนยุคที่เป็นอมตะ – ไม่ใช่โลกล้ำยุคดาดๆ – ที่ผู้ชมจะต้องตะลึง โดยมี วูล์ฟ โครเกอร์ (Reign of Fire, Enemy at the Gates, The 13th Warrior, The Last of the Mohicans, We're No Angels) ออกแบบสร้างสรรค์ฉาก, ฮิวจ์ จอห์นสัน (The Chronicles of Riddick, G.I. Jane, White Squall, Kingdom of Heaven) ถ่ายภาพ และ คิม บาร์เร็ต (The Matrix, From Hell, Romeo + Juliet, Gothika) ออกแบบเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายเฉียบคม ให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ตื่นตาตื่นใจ สมกับที่ผู้ชมทั่วโลกรอคอย

กว่าสองพันปีแล้ว ที่มังกรเป็นที่รัก, เป็นที่เกรงกลัว, หรือแม้แต่เป็นที่เคารพบูชา ขึ้นอยู่กับแต่ละวัฒนธรรม และยุคสมัย จนมาถึงปัจจุบัน ที่สัตว์ในเทพนิยายกลายเป็นสัญลักษณ์ ที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง ซาเฟียร่า ใน Eragon ก็ได้แรงบันดาลใจมาจากสัตว์ปีกตัวมหึมา ที่เล่าขานผ่านตำนานเก่าแก่ แต่นี่เป็นครั้งแรก ที่วิทยาการล้ำยุคจะเนรมิตให้มันมีชีวิตชีวาสมจริงที่สุด ถ้าคุณเคยตะลึงกับฝูงไดโนเสาร์ใน Jurassic Park รับรองว่า มังกร ใน Eragon จะทำให้คุณได้อึ้งอย่างแน่นอน เพราะซาเฟียร่าก้าวล้ำบรรดาไดโนเสาร์ใน Jurassic Park ด้วยภาพที่แสดงทั้งอารมณ์และความนึกคิด ออกมาทางสีหน้าและแววตาได้อย่างน่าทึ่ง