อี.ที. เพื่อนรัก... 20 ปี ยิ่งใหญ่ครองใจคนทั้งโลก
Official website
more info. from IMDB
แนว : sci-fi / ผจญภัย / ครอบครัว
ความยาว : 130 นาที
กำหนดฉาย : 5 เมษายน 2545
"เขากลัว เขาโดดเดี่ยวไม่มีใคร เขาอยู่ห่างจากบ้าน 3,000,000 ปีแสง" E.T. The Extra-Terrestrial เป็นเรื่องราวสัมพันธภาพระหว่าง เอลเลียทท์ (เฮนรี่ โธมัส) เด็กชายผู้โดดเดี่ยว ที่อาศัยอยู่แถบชานเมืองแคลิฟอร์เนีย กับผู้มาเยือนจากต่างดาว ที่แสนชาญฉลาดและมีน้ำใจ ซึ่งมาหลงทางอยู่ในโลก ขณะที่เอลเลียทท์พยายามช่วยให้เพื่อนต่างดาวผู้นี้ ติดต่อกับดาวบ้านเกิด เพื่อขอความช่วยเหลือนั้น ทั้งสองต้องหลบหลีกบรรดานักวิทยาศาสตร์ และเจ้าหน้าที่รัฐบาล ที่พยายามไล่จับมนุษย์ต่างดาวเพื่อนำไปค้นคว้า อันนำไปสู่การผจญภัยที่ยิ่งใหญ่เกินจินตนาการ.. เมื่อยี่สิบปีที่แล้ว ผู้ชมทั่วโลกได้ให้การต้อนรับภาพยนตร์แนวใหม่ ซึ่งกลายเป็นภาพยนตร์คลาสสิค ที่แตะต้องทั้งความคิดและจิตใจ ภาพยนตร์เรื่องนี้ ดูเหมือนจะมีชีวิตในตัวมันเอง และเหนือกว่าภาพยนตร์หลายๆ เรื่อง แม้ว่าบรรดาแฟนภาพยนตร์ จะมีความคาดหวังสูง ในช่วงที่กำลังรอคอยภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ตาม ภาพยนตร์เรื่องนี้ ทำให้ผู้คนนับล้านตื่นตาตื่นใจ กับเรื่องราวที่มีเอกลักษณ์ และอยู่เหนือกาลเวลา ด้วยอำนาจของนิทาน และจิตวิญญาณของเทพนิยาย นับตั้งแต่ต้นเรื่อง ที่เปิดตัวอย่างไม่ต้องมีคำพูด เป็นบทกวีอันลึกลับ ไปจนถึงตอนสุดท้ายที่มีชีวิตชีวาและเฉียบคม ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ กลายเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ภาพยนตร์อเมริกัน และไม่เพียงเท่านั้น ยังกลายเป็นส่วนหนึ่ง ของวัฒนธรรมของชนชาตินี้ไปด้วย ภาพยนตร์เรื่อง E.T. The Extra-Terrestrial นั้น เป็นที่รู้กันว่าเป็นงานชิ้นเอกของ สตีเว่น สปีลเบอร์ก ในฐานะผู้กำกับฯ และอำนวยการสร้าง จากบทภาพยนตร์โดย เมลิสซา แมทธีสัน และอำนวยการสร้างโดยสปีลเบอร์ก และ แคธลีน เคนเนดี้ และบัดนี้ ในการเฉลิมฉลองครบรอบ 20 ปีของภาพยนตร์เรื่องนี้ ยูนิเวอร์แซล พิคเจอร์ส และ แอมบลิน เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ กำลังจะนำภาพยนตร์ที่น่าทึ่งเรื่องนี้ ในฉบับใหม่ออกฉาย ซึ่งรวมบางตอนที่ไม่มีใครเคยได้ดูมาก่อน รวมทั้งส่วนที่ทำด้วยคอมพิวเตอร์ และซาวนด์แทร็กที่รีมิกซ์ใหม่ ด้วยระบบดิจิตัล ภายใต้การดูแลของสปีลเบอร์กเอง ทีมงานเบื้องหลังฉากของสปีลเบอร์ก ในภาพยนตร์เรื่อง E.T. The Extra-Terrestrial ได้แก่ แฟรงค์ มาร์แชล ผู้ดูแลการอำนวยการสร้าง, อัลเลน ดาวี ผู้กำกับภาพ, เจมส์ ดี. บิสเซลล์ ผู้ออกแบบการผลิต, เดโบราห์ แอล. สก็อตต์ ผู้ดูแลเรื่องแต่งกาย, แครอล ลิตเติลตัน ผู้ตัดต่อ, จอห์น วิลเลียมส์ ผู้ประพันธ์เพลง, เดนนิส มูเรน เป็นผู้ดูแลวิชวลเอฟเฟคของ อินดัสเตรียลไลท์แอนด์มิวสิค (ILM) และ คาร์โล แรมบัลดี ผู้ออกแบบ E.T. ยังมี บิลล์ จอร์จ เป็นผู้ดูแลวิชวลเอฟเฟคของ ILM ให้กับตอนฉลองยี่สิบปีนี้ด้วย E.T. The Extra-Terrestrial นำแสดงโดย ดี วอลเลซ สโตน, ปีเตอร์ โคโยท, ดรูว์ แบร์รี่มอร์, เฮนรี โธมัส และ โรเบิร์ต แม็คนอห์ตัน ภาพยนตร์เรื่องนี้ เปลี่ยนแปลงชีวิตของทุกคนที่มีส่วนร่วม เป็นจุดเริ่มต้นอาชีพของ เฮนรี โธมัส และ ดรูว์ แบร์รีมอร์ (อีกทั้งนักแสดงสมทบอย่าง ซี.โธมัส โฮเวลล์ และ เอริกา เอเลเนียค) นักแสดง "ผู้มีประสบการณ์" ดีอย่าง วอลเลซ สโตน และ ปีเตอร์ โคโยท ก็ได้รับการต้อนรับมากขึ้น และทำให้ทีมงานมากมาย ได้รับชื่อเสียงมากขึ้น ภาพยนตร์เรื่องนี้ ได้รับการตอบสนองอย่างแรงกล้า จากทั้งนักวิจารณ์ภาพยนตร์และผู้ชม และติดบ็อกซ์ออฟฟิซ กล่าวสั้นๆ ก็คือ ภาพยนตร์เรื่องนี้ กลายเป็นเหตุการณ์ทางวัฒนธรรม อย่างน้อยก็เพิ่มบางส่วน ให้กับพจนานุกรมของอเมริกัน (วลีที่ว่า "E.T. phone home" อันมีชื่อเสียง) เป็นแรงผลักดันสำหรับเพลง ไม่เพียงเพลงเดียวแต่เป็นสองเพลง โดยนักร้องเพลงป๊อป ซึ่งเป็นที่นิยมของคนหลายรุ่นอย่าง นีล ไดมอนด์ และ ไมเคิล แจ็คสัน เป็นที่ลอกเลียนแบบ ในเรื่องสัมพันธภาพระหว่างเด็กกับมนุษย์ต่างดาว (ส่วนใหญ่ถูกลืมไปแล้ว) และมีการพูดถึงตอนต่อไปอย่างกว้างขวาง ภาพยนตร์เรื่อง E.T. The Extra-Terrestrial ซึ่งได้รับการยกย่องอย่างสูงนั้น ได้รับการเสนอชื่อ เข้าชิงรางวัลออสการ์ 9 รางวัล รวมทั้งภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, ผู้กำกับยอดเยี่ยม, และบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และในที่สุด ภาพยนตร์เรื่องนี้ ก็ได้รับรางวัลสาขาดนตรีประกอบยอดเยี่ยม, วิชวลเอฟเฟคยอดเยี่ยม, ตัดต่อเสียง และซาวนด์เอฟเฟคยอดเยี่ยม เนื่องจากฟิลม์ภาพยนตร์เสื่อมลงได้ กาลเวลายี่สิบปีมีผลต่อฟิลม์เนกาทีฟ ของภาพยนตร์เรื่อง E.T. ด้วยเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้น ความก้าวหน้าอย่างสูง ของเทคโนโลยีวิชวลเอฟเฟค ตั้งแต่การเริ่มต้นของยุคดิจิตัล ทำให้ สตีเว่น สปีลเบอร์กไม่เพียงซ่อมแซม แต่ยังสามารถยกระดับ และกระทั่ง "แก้ไข" ภาพยนตร์ของเขา ให้เป็นอย่างที่เขาตั้งใจแต่ดั้งเดิมได้ ในแง่ของโครงสร้างและเนื้อหา รวมทั้งด้านเทคนิคด้วย เพื่อให้เป้าหมายนี้สำเร็จ สปีลเบอร์กกลับไปหาบริษัท ILM อีกครั้ง เพื่อควบคุมความสร้างสรรค์ และต่อเนื่องของศิลปะ ซึ่งเคยเริ่มต้นเมื่อปี 1981 โดย บิลล์ จอร์จ, โคลิน เบรดี้ และคนอื่นๆ ที่ ILM ได้รับมอบหมายให้ทำภาพยนตร์เรื่อง E.T. The Extra-Terrestrial ฉบับพิเศษนี้ งานนี้แบ่งให้กับสองหน่วยของ ILM โดยมีจอร์จเป็นผู้นำในส่วนของเทคนิค และโคลินทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลอนิเมชั่น ทั้งสองทีมทำงานใกล้ชิดกันมาก ภายใต้การชี้นำอย่างใกล้ชิดของ สตีเว่น สปีลเบอร์ก เป็นเรื่องสำคัญ ที่การปรับปรุงวิชวลเอฟเฟคทุกส่วน ต้องเข้ากันได้กับภาพยนตร์ดั้งเดิม เพื่อที่ว่าจะไม่ดูเหมือนใหม่ ดังนั้นการปรับปรุงหลายส่วน จึงออกแบบโดย ILM ซึ่งละเอียดละออมาก เช่นการให้มีการแสดงอารมณ์ ทางสีหน้าของ E.T. ที่มากขึ้น หรือปรับฉากหลังที่หยาบเสียใหม่ด้วยเทคโนโลยี ซึ่งทำให้สามารถเคลื่อนเมฆ หรือให้มีลมพัดผ่านต้นไม้ในป่า ม้วนฟิลม์เนกาทีฟบางม้วน มีรอยขีดข่วนและสกปรกมาก มีการใช้ศาสตร์ทางมานุษยวิทยาผสมผสานบ้าง เช่นการกลับไปค้นดูว่า อัลเลน ดาวี ช่างภาพภาพยนตร์ใช้เลนส์อะไร และเนื่องจากไม่มี E.T. ตัวดั้งเดิมหลงเหลืออยู่เลย จอร์จ เบรดี้ และทีมงานต้องดูภาพยนตร์เรื่องเดิมทีละช็อต และอ้างอิงถึงรูปร่างของเจ้ามนุษย์ต่างดาวตัวนี้ ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อที่จะสร้างหุ่นจำลองตัวใหม่ขึ้น ซึ่งสามารถสแกนด้วยดิจิตัลได้ และแม้ว่า E.T. ที่ทำให้เป็นดิจิตัลเต็มๆ จะถูกสร้างขึ้นเพื่อบางฉากเท่านั้น แต่ส่วนใหญ่ก็จะเห็นว่า มีการปรับปรุงด้านคอมพิวเตอร์กราฟฟิค ทับหุ่นมนุษย์ต่างดาวตัวเดิม จอร์จ เบรดี้ และทีมงานใส่ใจกับรายละเอียดเล็กๆ อย่างเช่น การสร้างองค์ประกอบของการบิน ด้วยจักรยานของเอลเลียทท์กับ E.T. ขึ้นใหม่ ด้วยการทำให้ผ้าคลุมไหล่ ของชุดฮัลโลวีนของเขาพริ้วลม ในขณะที่ในเรื่องเดิมนั้นมันอยู่นิ่ง อาจเป็นได้ว่า การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่สุด ซึ่งสปีลเบอร์กระทำในภาพยนตร์เรื่อง E.T. ฉบับฉลองครบรอบ 20 ปีนี้ อาจเป็นสิ่งที่เขาอยากทำมาหลายปีแล้ว เช่นการเอาปืนออกจากมือของตำรวจ และเจ้าหน้าที่รัฐบาล ซึ่งกำลังวิ่งไล่ E.T. เอลเลียทท์และเพื่อนๆ ของเขา ในตอนไล่ตามจับที่ไม่ธรรมดา จุดที่ตื่นเต้นที่สุด คือที่จักรยานทะยานขึ้นนั่นเอง เทคโนโลยีมากมายที่เกิดขึ้นระหว่างปี 1981 จนปัจจุบันนั้น ยังทำให้ศิลปินของ ILM สามารถฟื้นฟูฉาก ที่ก่อนหน้านี้ได้ลบไปแล้วด้วย ได้แก่ ฉากที่ E.T. กับเอลเลียทท์ซุ่มซ่ามตกลงไปในอ่างอาบน้ำ และตอนหนึ่งของวันฮัลโลวีน ที่แมรี่ตามหาเอลเลียทท์ และยังเป็นช่วงที่แสดงให้ผู้ชมเห็นว่า E.T. กับเอลเลียทท์ มีประสบการณ์ทางความรู้สึกร่วมกัน เมื่อโทรศัพท์ดัง และเอลเลียทท์กระโดด E.T. ก็กระโดดด้วย ไม่ใช่เพราะว่าตกใจกับเสียงโทรศัพท์ แต่เพราะหัวใจของเอลเลียทท์ เต้นขาดไปจังหวะหนึ่ง นอกจากนี้ ยังมีการฟื้นฟูช่วงที่ E.T. เปิดเผยตัว และแสดงให้เห็นว่าคอของมันยืดได้ ซึ่งเป็นการแสดงถึงความเชื่อถือไว้วางใจที่เพิ่มมากขึ้น ระหว่างเพื่อนใหม่ทั้งสองด้วย |