หลังจากที่ Fantasia ฉบับแรกถูกสร้างขึ้น และออกฉายในปี 1940 ก็ได้มีการนำกลับมาบูรณะและฉายใหม่ในปี 1990 เพื่อเป็นการฉลองครบรอบ 50 ปีของหนังอนิเมชั่นสุดยอดของโลก หลังจากนั้น ก็ได้มีการเตรียมการสร้างเวอร์ชั่นใหม่ เพื่อเป็นการต้อนรับปี 2000 อันเป็นการฉลองครบรอบ 60 ปีไปพร้อมๆกัน การสร้างสรรค์งานใช้เวลาถึง 9 ปีเต็ม จึงแล้วเสร็จสมบูรณ์ ทันกำหนดฉายรับปี 2000 พอดี
Fantasia ต่างจากภาพยนตร์ทั่วไปตรงที่ เป็นภาพยนตร์ที่สร้างขึ้นตามหลังเพลง คือมีการนำเพลงมาเป็นตัวดำเนินเรื่อง แล้วจึงสร้างภาพขึ้นมาให้เข้ากับเพลง ดังนั้น ภาพที่ได้เห็นจึงมาจากจินตนาการทั้งสิ้น
Fantasia 2000 ประกอบด้วยอนิเมชั่นสั้นๆจำนวน 8 องก์ เป็นการสร้างสรรค์ขึ้นมาใหม่ทั้งสิ้น ยกเว้นองก์ที่ 6 หรือ "The Sorceror's Apprentice" ซึ่งนำมาจากองก์ที่สนุกสนาน และประทับใจผู้ชมมากที่สุดของฉบับแรก โดยถูกนำมาบูรณะใหม่หมด ภาพจึงไม่ละเอียดเหมือนฉบับที่สร้างใหม่ เนื่องจากถูกสร้างด้วยเทคนิกเมื่อ 60 ปีที่แล้ว แต่ถึงกระนั้น ภาพที่ได้เห็นก็ยังสวยสดใสและมีชีวิตชีวา ไม่แพ้องก์อื่นๆที่เป็นผลงานของผู้คนในยุคนี้ ดังจะเห็นได้จาก ความนุ่มนวลของภาพ แม้จะนำมาฉายบนจอ IMAX ซึ่งใช้ฟิล์มขนาดใหญ่กว่าฟิล์ม 35 มม.ต้นฉบับเดิมถึง 10 เท่าก็ตาม
Fantasia 2000 แต่ละองก์มีเรื่องราวจบในตัวเอง ไม่มีความเกี่ยวข้องกันเลย อารัมภบทโดยบุคคลที่มีชื่อเสียงอย่าง Steve Martin, Bette Midler, James Earl Jones, Penn & Teller, Itzhak Perlman, Quincy Jones, และ Angela Lansbury เรียงร้อยจินตนาการทั้งหมดเข้าด้วยกัน...
Beethoven's Fifth Symphony เปิดฉากด้วยการแนะนำ Fantasia 2000 โดย Deems Taylor ท่ามกลางฉากหลังที่มี James Levine และ the Chicago Symphony Orchestra เป็นผู้บรรเลง องค์แรกนี้ เป็นการแสดงภาพของสามเหลี่ยมหลากสีจำนวนมหาศาล โบยบินดุจดั่งผีเสื้อ กระจายเต็มไปทั่วท้องฟ้า ต่อมา มีฝูงผีเสื้อสีดำบินโอบเข้ามา ฝูงผีเสื้อหลากสีต่างบินหนี แต่มีผีเสื้อ 2 ตัว ที่บินหนีฝูงผีเสื้อสีดำไม่พ้น ถูกล้อมวงอย่างไม่อาจต้านทานได้ ปีกทั้งสองขาดวิ่นอย่างน่าสงสาร..
|
Ottorino Respighi's "The Pines of Rome" Steve Martin ก้าวเข้ามาแนะนำองค์ที่ 2 ด้วยมุขตลกเล็กๆน้อยๆ ปลาวาฬคู่หนึ่งโบยบินกลางอากาศ ภายใต้การระเบิดของ supernova ลูกน้อยของพวกเขาพยายามหัดบินจนสำเร็จ แต่ด้วยความซุกซน กลับบินไปยั่วเย้าฝูงนก ปลาวาฬน้อยบินหนีการจิกตี ไปจนชนก้อนน้ำแข็งกลางน้ำ และถูกขังอยู่ภายใต้กองน้ำแข็ง ในที่สุด เขาก็หลบหนีออกมาจนได้ และด้วยอานุภาพของ supernova ครอบครัวปลาวาฬน้อยกับเพื่อนปลาวาฬฝูงใหญ่ พากันโบยบินสู่ท้องฟ้า และเริงร่ากลางอวกาศอย่างสนุกสนาน
|
George Gershwin's "Rhapsody in Blue" เรื่องราวของคน 4 คนในแมนฮัตตั้น ที่มีชีวิตอย่างไม่มีความสุข ..คนงานก่อสร้างผู้ใฝ่ฝันจะเป็นนักดนตรี , สามีผู้อยากได้เสรีภาพจากภรรยาจอมวุ่นวาย , เด็กน้อยที่อยากได้ความสนุกสนานสมวัย แทนที่จะต้องทำหลายสิ่งหลายอย่างในวันหนึ่งๆ ตามที่พ่อแม่กำหนด , ชายตกงานผู้อยากได้งานทำ.. ภาพขององก์นี้ใช้สีโทนน้ำเงินเป็นหลัก ได้แก่ เขียว, ม่วง, เทอคอยซ์ , ลาเวนเดอร์ แต่ก็มีการใช้สีโทนอื่นในบางจุด เพื่อเน้นอารมณ์ของตัวละคร
|
Dimitri Shostakovich's "Piano Concerto No.
2" ดัดแปลงจากเทพนิยายของ Hans Christian Andersen เรื่อง "The Steadfast Tin Soldier" หรือ ตุ๊กตาทหารตะกั่วขาเดียว ผู้พิชิตหัวใจของตุ๊กตาบัลเล่ต์กระเบื้อง หลังจากต่อสู้กับ jack-in-the-box ผู้ชั่วร้ายเพื่อปกป้องเธอ |
Camille Saint-Saens' "Carnival of the Animals" James Earl Jones แนะนำองค์ที่ 5 .. "อะไรจะเกิดขึ้นถ้าเอา โย-โย่ ไปให้นกกระสา..?" เป็นตอนที่สร้างภาพในสไตล์ของสีน้ำ เต็มไปด้วยมุขตลกน่ารักๆ โดยตลอดทั้งตอน..
|
Paul Dukas' "The Sorceror's Apprentice" ด้วยความเกียจคร้าน.. Mickey Mouse ขโมยหมวกพ่อมดจากเจ้านาย เขาใช้อิทธิฤทธิ์สั่งงานไม้กวาดให้ช่วยตักน้ำไปเทใส่บ่อ แล้วผลอยหลับไปในที่สุด ความวุ่นวายจึงเกิดขึ้นเมื่อไม้กวาดทำงานต่อไป โดยไร้ผู้ควบคุม... |
Sir Edward Elgar's "Pomp and Circumstance" ถึงคิวของ Donald Duck ที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับ Mickey Mouse เขามาในบทผู้ช่วยของ No-Ah ทำหน้าที่ต้อนบรรดาสรรพสัตว์ขึ้นเรือยักษ์ เพื่อเตรียมตัวลี้ภัย เพื่อให้รอดชีวิตจากน้ำท่วมโลกครั้งใหญ่ ระหว่างทำหน้าที่ เขาพลัดหลงกับ Daisy แฟนสาวโดยบังเอิญ ในที่สุด เรือยักษ์ก็ถึงจุดหมาย เมื่อน้ำท่วมโลกเหือดแห้งลง.. |
Igor Stravinsky's Firebird Suite กวาง Elk หนุ่มร่างกำยำ เดินอยู่เดียวดายท่ามกลางหิมะ เขาเรียกร้องให้เทพธิดาแห่งฤดูใบไม้ผลิมาทำหน้าที่ของเธอ ด้วยการปลุกให้ชีวิตต่างๆ ที่หลับใหลในฤดูหนาวอันโหดร้าย ตื่นขึ้นมามีชีวิตชีวาอีกครั้งตามฤดูกาล แต่เธอกลับไปปลุกนกไฟในภูเขาไฟ (Firebird) ให้ตื่นขึ้นมาเช่นกันโดยบังเอิญ ลาวาจากนกไฟหลั่งไหล เผาผลาญทำลายล้างทุกอย่างจนราบเป็นหน้ากลอง สุดที่เทพธิดาแห่งฤดูใบไม้ผลิจะต้านทานไหว ทิ้งไว้แต่ซากและเถ้าถ่านกระจายไปทั่ว.. เป็นองก์ที่มีความละเอียดอ่อนและสวยงามมากที่สุด ภาพที่เห็นจะดูน่าตื่นตาตื่นใจ นับเป็นปรากฏการณ์ใหม่ของภาพยนตร์อนิเมชั่นของโลก ที่สร้างสรรค์งานได้เช่นนี้
|
กำหนดฉายในระบบ IMAX 2D พร้อมกันทั่วโลก
ตั้งแต่ 1 มกราคม - 30 เมษายน 2000