ปี ค.ศ. 2079 โลกได้ตกอยู่ภายใต้สภาวะสงคราม กับมนุษย์ต่างดาวมาเป็นเวลาสิบปีแล้ว สเปนเซอร์ โอลด์แฮม (แกรี่ ซีนีส) เป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ทำงานให้กับรัฐบาล ผลงานล่าสุดของเขา คือการปกป้องโลกจากการถูกโจมตี

แต่แล้วต่อมา ความรู้ก็ได้เปลี่ยนชีวิตของโอลด์แฮม จนกลายเป็นเหยื่อของประดิษฐกรรมของตัวเอง เขาถูกกล่าวหาว่า เป็นสายลับให้กับมนุษย์ต่างดาว และได้กลายเป็นศัตรูของชาติ ที่ถูกตามล่าไปทั่วประเทศ ไม่มีใครที่รู้สึกตกตะลึง กับข้อกล่าวหาของโอลด์แฮมไปมากกว่า มายา (แม้ดลีน สโตว์) ภรรยาสุดที่รักของเขาเอง

เขาจะสามารถพิสูจน์ตัวเอง ถึงสถานภาพที่แท้จริงได้หรือไม่ และเขาจะสามารถปกป้องมวลมนุษย์ได้อย่างไร..?

Impostor เป็นภาพยนตร์ระทึกขวัญแนวจิตวิทยา ชายคนหนึ่งต้องเผชิญกับฝันร้าย เมื่อเขาต้องกลายมาเป็นอาชญากร เช่นเดียวกับเพื่อนๆ และครอบครัว ที่เชื่อว่าเขาเป็นอันตรายต่อมวลมนุษย์ นี่คือการเล่าเรื่องแบบสมจริง ในแนวทางของ ฟิลลิป เค. ดิค นักเขียนแนวไซ-ไฟผู้มีชื่อเสียง จินตนาการต่อโลกอนาคตของเขา ได้กลายมาเป็นแรงบันดาลใจ ในภาพยนตร์แนวนี้หลายเรื่อง อาทิ Blade Runner, Total Recall และล่าสุด Minority Report

Impostor ดัดแปลงมาจากเรื่องสั้น ในชื่อเดียวกันของ ฟิลลิป เค. ดิค ในปี 1952 ซึ่งต่อมาได้รับการยอมรับว่า เป็นนิยายวิทยาศาสตร์แนวจิตวิทยาที่คลาสสิค ด้วยเรื่องราวที่ซับซ้อนซ่อนเงื่อน เรื่องสั้นของดิ๊ค ได้ก่อให้เกิดแนวงานเขียนวิทยาศาสตร์แบบใหม่ ที่เจาะลึกเข้าไปในตัวตน การรู้จักตัวเอง และภาวะวิตกจริต ผู้ดัดแปลงเรื่องราวนี้ เพื่อนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์คือ สก็อต โรเซนเบิร์ก (Gone in Sixty Seconds, High Fidelity, Con Air) ร่วมเขียนบทภาพยนตร์โดย แคโรไลน์ เคส (ซีรีส์ The Army Show), เร็น ครูเกอร์ (The Ring, Reindeer Games, Scream 3, Arlington Road) และ เดวิด ทูว์ฮีย์ (Pitch Black, G.I. Jane, The Fugitive, Waterworld)

ผู้กำกับ แกรี่ เฟลดเดอร์ ผู้ซึ่งผลงานเรื่องแรก Things To Do In Denver When You're Dead ได้รับเสียงตอบรับอย่างดี จนทำให้เขามีโอกาสได้สร้าง Don't Say a Word และ Kiss the Girls ได้ปรุงแต่งมุมมองของดิ๊ค ให้กลายเป็นเรื่องราวที่หมิ่นเหม่ และระทึกขวัญอย่างไร้กาลเวลา ที่ว่าถึงศัตรูที่ฝงตัวอยู่ในจิตใจของเรา

Impostor แสดงโดย แกรี่ ซีนีส (Forrest Gump, Apollo 13, The Green Mile) รับบท สเปนเซอร์ โอลด์แฮม, แม้ดเดลีน สโตว์ (The Last of the Mohicans, Twelve Monkeys, The General's Daughter, We Were Soldiers) รับบท มายา ภรรยาของสเปนเซอร์, วินเซ็นต์ ดี 'โอโนฟรีโอ (The Cell, The 13th Floor, Men in Black) รับบท ดี.เอช ฮาธาเวย์ ชายผู้อยู่เบื้องหลังการกล่าวหาสเปนเซอร์, เมคิ ไฟเฟอร์ (Girl 6, Hell's Kitchen) รับบท เคล ชายหนุ่มผู้ลึกลับ ที่มีชีวิตด้วยภูมิปัญญาของตัวเอง

ภาพยนตร์เรื่องนี้ อำนวยการสร้างโดย มาร์ตี้ แคทซ์ (Good Morning Vietnam, Three Men and a Baby, Honey I Shrunk the Kids, Dead Poet Sciety), ออกแบบงานสร้างโดย เนลสัน โคเทส (Kiss the Girls, Living Out Loud, Murder at 1600, Stir of Echoes), กำกับภาพโดย รอเบิร์ท เอลส์วิท (Magnolia, Tomorrow Never Dies, Boogie Nights, The River Wild)

ฉากในเรื่องสั้นของ ฟิลลิป เค. ดิ๊ค เรื่องนี้ ไม่มีช่วงเวลาที่ชัดเจน แต่อยู่ในอนาคตที่เทคโนโลยีครองโลก อย่างไรก็ดี ในภาพยนตร์เรื่อง Impostor นี้ ฉากหลังถูกจัดให้อยู่ในปี 2079 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เทคโนโลยีพัฒนาสูงสุด เช่น การโคลนนิ่ง และการจัดการความทรงจำ

การออกแบบโลกในอนาคตของโคเทสหลายอย่าง ถูกทำให้เป็นรูปธรรม โดยเทคนิคพิเศษทางด้านภาพ ที่สร้างสรรค์โดย Industrial Light & Magic (ILM) ภายใต้การควบคุมและดูแลโดย โจ กรอสเบิร์ก ในบรรดาเทคนิคพิเศษใน Impostor ได้แก่ การลงจอดของยานพาหนะในสถานี ผ่านช่องท่อแก้วในโดมที่ปกป้องโลก ซึ่งต้องผสมผสานกัน ระหว่างการใช้เทคนิคภาพสามมิติ กับภาพที่วาดขึ้นมา ในเครื่องคอมพิวเตอร์ นอกจากนี้ กรอสเบิร์กยังดูแลเทคนิคพิเศษอื่นๆ อีกอาทิ โทรศัพท์วีดีโอ และการออกแบบเครื่องสแกนเนอร์ไฮเทค ตลอดจนอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับตามล่า สเปนเซอร์ โอลด์แฮม