Jarhead
จาร์เฮด พลระห่ำ สงครามนรก
Official website
more info. from IMDB
แนว : แอ็คชั่น / ดราม่า / สงคราม / ตลก
ความยาว : 115 นาที
กำหนดฉาย : 2549

ฤดูร้อน ปี 1990 แอนโธนี่ สวอฟฟอร์ด (รับบทโดย เจค จิลเลนฮาล) ทหารเกณฑ์รุ่นที่สามวัย 20 ปี ถูกส่งตัวไปยังทะเลทรายซาอุดิอาระเบีย เพื่อร่วมรบในสงครามอ่าวเปอร์เซียครั้งแรก

ในปี 2003 ความทรงจำของเขาถึงช่วงเวลานั้น ณ สถานที่นั้น ได้กลายมาเป็นหนังสือเบสต์เซลเลอร์เรื่อง Jarhead สวอฟฟอร์ดเขียนเรื่องราวอย่างใกล้ชิด ตรงไปตรงมา และมีอารมณ์ขัน ซึ่งจะได้มาก็จากคนที่เคยผ่านประสบการณ์นั้น มาด้วยตัวเองเท่านั้น ซึ่งก็คือบรรดาทหารหนุ่มที่ถูกฝึกมาเพื่อออกรบ และต้องเผชิญหน้ากับความเป็นจริงที่แสนหงุดหงิด ของการต้องรอให้สงครามของพวกเขาเริ่มต้น..


หนังสือของสวอฟฟอร์ด ติดอันดับหนังสือเบสต์เซลเลอร์ของ The New York Times นานเก้าอาทิตย์ และได้รับการยกย่องว่าเป็น “หนังสือคลาสสิก เป็นความทรงจำถึงสงครามอ่าวเปอร์เซียปี 1991 ซึ่งเป็นที่นิยมเหมือนหนังสือดีๆ หลายเล่มที่เขียนถึงชีวิตในกองทัพ ซึ่งเป็นเส้นทางชีวิตอันโลดโผน ที่ชายหนุ่มหลายล้านคนคุ้นเคย แต่แทบไม่เคยถูกเปิดเผย”

มิชิโกะ กากุทานิ แห่ง Times กล่าวไว้ว่า Jarhead คือ “เสียงอันคิดคำนึงซึ่งเข้าถึงทั้งความเป็นชายชาตรีของสังคมทหารเกณฑ์และความโดดเดี่ยวของการต่อสู้ เขาทำให้เราเข้าใจ ถึงศิลปะอันน่าหวั่นเกรง ที่พลแม่นปืนต้องฝึกฝน... เป็นท่วงทำนองแห่งความน่าเบื่อ และความสยดสยองของการเตรียมพร้อมเพื่อโจมตีศัตรู และราคาค่างวดของสงคราม ทั้งทางร่างกายและจิตใจ และความผูกพันทางอารมณ์ระหว่างทหารด้วยกัน”

นี่คือเรื่องราวที่ไม่เคลือบแฝง ที่บอกเล่าโดยตรงจากปากของเด็กหนุ่มวัย 20 ปี ผู้บอกเล่าถึงสงคราม ที่แตกต่างไปจากสงครามที่หนังสือพิมพ์นำเสนอ หรือที่ออกอากาศทางทีวี นี่คือสงครามจากภาคพื้นที่มาพร้อมภาพของบ่อน้ำมันที่ลุกเป็นไฟ ซึ่งส่งควันดำสู่ท้องฟ้ายามราตรี เหมือนดาวหางที่ตกลงสู่โลกเหนือยอดเขา สงครามอาจเริ่มต้น ชายหนุ่มหลายคนอาจล้มลงกลางภูมิประเทศที่โหดร้าย ผู้มองหาความเพลิดเพลินในเกมส์อเมริกันฟุตบอล สวมหน้ากากกันแก๊สพิษ เฝ้าคอยจดหมายและหนังสือโป๊ พนันขันต่อกับเกมส์กัดแมงป่อง และเมาหัวราน้ำเพื่อฉลองคริสต์มาสที่ห่างไกลจากครอบครัว แต่ท่ามกลางสถานการณ์ที่เลวร้ายเหมือนนรก บังเกิดเป็นมิตรภาพ ความจงรัก และความไว้วางใจในแบบ “ถ้าไม่ทำก็ตาย” เหล่าพี่น้องทหารเกณฑ์หัวเกรียน มักลั่นปากสาบานจะยึดมั่นศรัทธา... เซมเปอร์ไฟ

ทีมผู้อำนวยการสร้างจาก Red Wagon Productions - ดักลาส วิค เจ้าของรางวัลออสการ์ (Gladiator) และ ลูซี่ ฟิสเชอร์ (Memoirs of a Geisha) รีบคว้าลิขสิทธิ์ของหนังสือเล่มนี้ และจ้างมือเขียนบทที่เคยเป็นนาวิกโยธินอย่าง วิลเลี่ยม โบรเยิลส์ จูเนียร์ (เขาเคยได้รับการเสนอชื่อ เข้าชิงรางวัลออสการ์จาก Apollo 13) ให้เข้ามาดัดแปลงความทรงจำของสวอฟฟอร์ด วิคกับฟิสเชอร์ยังติดต่อผู้กำกับเพียงคนเดียว ที่พวกเขารู้สึกว่าน่าจะสามารถนำเรื่อง Jarhead มาขึ้นจอได้ เขาก็คือ แซม เมนเดส ผู้กำกับเจ้าของรางวัลออสการ์ ซึ่งก่อนหน้านี้ เคยตีแผ่ชีวิตที่ดูเหมือนสงบสุขของย่านชานเมือง ในภาพยนตร์เรื่อง American Beauty และยังเคยทดสอบการปะทะกัน ระหว่างความผูกพันในครอบครัว กับความรุนแรงในแวดวงอาชญากรรม ในภาพยนตร์เรื่อง Road to Perdition มาแล้ว

เมนเดสและทีมงานหลังกล้อง ได้ร่วมมือกันสร้างสรรค์ภาพยนตร์สงครามรุ่นใหม่ ด้วยเรื่อง Jarhead ซึ่งเป็นมุมมองอันยากจะลืมเลือน ของสงครามที่ถูกมองผ่านสายตาของนาวิกโยธินนายหนึ่ง ราวกับโฮลเด้น คัลฟิลด์ของ เจดี ซาลิงเกอร์ เป็นผู้แปรขบวนทัพสู่อ่าวเปอร์เซีย

เจค จิลเลนฮาล (Brokeback Mountain, The Day After Tomorrow) นำทีมนักแสดงที่ยอดเยี่ยม และคว้าบทนำเป็นโทนี่ 'สวอฟฟ์' สวอฟฟอร์ด ผู้เปลี่ยนจากทหารเกณฑ์รุ่นที่ 3 ของตระกูล ด้วยวิสัยทัศน์ต่อความหาญกล้า เพื่อก้าวสู่การเป็นทหารผู้มีประสบการณ์ เป็นเพียงคนเดียวที่รู้ซึ้งถึงราคาค่างวดของสงครามที่แท้จริง ปีเตอร์ ซาร์สการ์ด (Kinsey, Shattered Glass) รับบท ทรอย คู่หูของสวอฟฟ์ในหน่วยลาดตระเวณ / พลแม่นปืนระดับหัวกะทิ ผู้ลักษณะภายนอกที่ดูนิ่งเฉย ปกปิดนิสัยที่ปั่นป่วน และอารมณ์เปลี่ยนแปลงง่าย เจ้าของรางวัลออสการ์ เจมี่ ฟ็อกซ์ (Ray, Collateral) รับบทเป็น จ่าสิบตรีไซก์ส ผู้สั่งการหน่วยลาดตระเวนและเป้าหมาย (STA) กองพันที่มาพร้อมกับการกัดไม่ปล่อย และความรู้สึกรักชาติที่ไม่เสื่อมคลาย คริส คูเปอร์ (Seabiscuit, Adaptation) เจ้าของรางวัลออสการ ์รับบทเป็นพันโทกาซินสกี้ ผู้บัญชาการผู้กระหายอยากปล่อยเครื่องจักรสังหารของเขา ออกไปเผชิญหน้ากับศัตรูที่ฝีมือเหนือกว่า

ที่เข้ามาร่วมงานหลังกล้องกับผู้กำกับเมนเดส ก็คือกลุ่มยอดฝีมือระดับคว้ารางวัล ซึ่งรวมถึงผู้กำกับภาพ โรเจอร์ ดีกิ้นส์ (ผู้เคยได้รับการเสนอชื่อ เข้าชิงรางวัลออสการ์ 5 ครั้ง จากภาพยนตร์อย่างเรื่อง The Man Who Wasn’t There และ The Shawshank Redemption), โปรดักชั่น ดีไซเนอร์ เดนนิส แกสส์เนอร์ (Road to Perdition, ได้รับรางวัลออสการ์จาก Bugsy), ผู้ลำดับภาพ วอลเตอร์ เมิร์ช (ผู้ได้รับรางวัลออสการ์จาก The English Patient และ Apocalypse Now) และผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย อัลเบิร์ต วอลสกี้ (ได้รับรางวัลออสการ์จาก Bugsy และ All That Jazz) ผู้ให้เสียงดนตรีประกอบฉากสงคราม ทั้งภายนอกและภายในใจของสวอฟฟอร์ด ก็คือผู้แต่งดนตรีประกอบ โธมัส นิวแมน (Road to Perdition, American Beauty เขาเคยได้รับการเสนอชื่อ เข้าชิงรางวัลออสการ์มาแล้ว 7 ครั้ง) และมิวสิคซูเปอร์ไวเซอร์ แรนดัลล์ โปสเตอร์ (The Aviator, The School of Rock), แซม เมอร์เซอร์ (Signs, The Sixth Sense) และ บ็อบบี้ โคเฮน (Memoirs of a Geisha, The Cider House Rules) ทำหน้าที่ผู้อำนวยการสร้างบริหาร โดยมี เดบร้า เซน (Traffic, American Beauty) ทำหน้าที่คัดเลือกตัวนักแสดง