จิอานนี (คิม รอสซี สจ๊วต) ชายหนุ่มที่ดูเหมือนงงๆ เมื่อมารับลูกชายที่มีคนเอามาส่งให้คืนหนึ่ง ในสถานีรถไฟมิวนิค เปาโล (อันเดรีย รอสซี) อายุสิบห้าปี กำลังนอนหลับอยู่บนรถไฟที่มุ่งหน้าสู่กรุงเบอร์ลิน เขาต่างไม่เคยพบกันมาก่อน เปาโลใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวของแม่ของเขามาตลอด ในขณะที่จิอานนีมีภรรยาและลูกใหม่คนหนึ่ง

ในตอนเช้า เด็กชายพูดคุยกับชายแปลกหน้าที่นั่งติดกับเขา นั่นคือพ่อของเขาเอง "ทุกอย่างโอเคไหม" เปาโลถาม พร้อมกับยิ้มให้ ราวกับทั้งสองต่างรู้จักกันมาชั่วชีวิต เปาโลพิการทั้งร่างกายและจิตใจ อันเป็นผลมาจากความผิดพลาดที่เกิดขึ้นในตอนคลอด ทำให้เขาต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษมาโดยตลอด ในตอนแรก จิอานนีละอายที่ไม่รู้ว่าตัวเองจะดูแลเปาโลได้อย่างไร แต่เปาโลก็ช่วยบอกจิอานนี และแสดงให้พ่อของเขาเห็นว่า เขาจะช่วยได้อย่างไร

เมื่อพวกเขาเดินทางมาถึงเบอร์ลิน เปาโลดูจะอยากรู้อยากเห็นไปหมดกับทุกสิ่ง และเขายังคุยสนิทสนมกับเด็กชายทุกคนที่เขาพบ เขากำลังอยู่ในวัยที่เด็กผู้ชายมักจะอยากออกจากโลกของตัวเอง มาสู่โลกภายนอก และเขาก็มักจะหลุดรอดจากสายตาที่ไม่ได้รับการฝึกฝนมา ให้ดูแลคนอื่นของพ่อของเขาไปได้ บางครั้ง จิอานนีเองก็รู้สึกแปลกใจในความเปิดเผย และความสามารถในการพูดคุยกับคนอื่นๆ ของเปาโล

ในโรงพยาบาล จิอานนีได้รู้จักกับ นิโคล (ชาร์ลอตต์ แรมพลิง) ผู้หญิงฝรั่งเศสที่อุทิศตัวเอง ให้กับการดูแลลูกสาวที่พิการอย่างรุนแรงของเธอที่ชื่อ นาดีน (อัลลา ฟาโรวิช) นิโคลเป็นผู้หญิงแกร่ง ที่แม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก แต่เธอก็ไม่เคยสูญเสียอารมณ์ขัน และความเชื่อมั่นในตนเองไปเลย และด้วยสัญชาติญาณนี้เอง ที่นิโคลได้ช่วยจิอานนี ด้วยการให้ความเข้าใจ และเขาก็ได้พบว่า ตัวเองเริ่มจะรู้สึกชอบพอเธอขึ้นมา โดยไม่รู้เลยว่า เธอเองก็มีความลับของเธออยู่ด้วยเช่นกัน

การอยู่ร่วมกันในห้องโรงแรมเล็กๆ ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายดายนักสำหรับพ่อและลูกคู่นี้ เปาโลมักจะตกเป็นเหยื่อของอารมณ์โกรธขึ้ง ที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรงและฉับพลัน อารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปมาอย่างรวดเร็ว รวมทั้งอาการคิดถึงบ้านด้วย แต่แม้กระนั้นก็ตาม ทั้งสองต่างก็ได้พบความช่วงเวลาแห่งความสุขร่วมกัน และต่างก็ได้พบกับความผูกพันใกล้ชิด ที่แยกพวกเขาออกมาจากโลกภายนอกทั้งมวล

หลังจากอยู่ในโรงพยาบาลมานานหลายวัน จิอานนีก็ไม่สามารถทนเห็นลูกชายของเขา ต้องถูกทรมานจากการวิธีบำบัดที่รุนแรงได้อีกต่อไป เพราะการบำบัดนั้นทำให้เปาโลเหนื่อยเกินไป และมันก็ไม่ได้ให้ในสิ่งที่เปาโลต้องการมากที่สุดด้วย นั่นก็คือความเอาใจใส่ ความรัก และความเคารพ และด้วยอารมณ์โกรธที่ปะทุขึ้น จิอานนีจึงเอาเปาโลออกมาจากความดูแลของหมอ เพราะเขาไม่สามารถทนเห็นลูกชายของเขา ทรมานอยู่ในโรงพยาบาลได้อีกต่อไป

และด้วยอารมณ์หุนหันพลันแล่นนั้นเอง จิอานนีจึงตัดสินใจพาเปาโลไปยังนอร์เวย์ เพื่อค้นหาเด็กสาวผมบลอนด์ที่เปาโลเคยรู้จัก ผ่านโครงการเพื่อนทางจดหมายของโรงเรียน และเรียกเธอว่าแฟนของเขา จิอานนีตัดสินใจว่า มันถึงเวลาแล้วที่เปาโลควรจะได้พบตัวจริงของเธอ และเปาโลเองก็ตื่นเต้นระคนหวาดกลัวไม่แพ้กัน

ในระหว่างนั่งเรือข้ามฟาก จิอานนีโยนไม้เท้าที่ช่วยในการเดินของเปาโลทิ้งลงไปในทะเล และนับจากวินาทีนั้น ทั้งสองต่างก็ไม่เคยแยกออกจากกันอีก เพราเขาไม่สามารถทิ้งกันได้อีกต่อไป ในที่สุด พวกเขาก็เป็นนายของตัวเอง และอารมณ์ของตัวเองได้ จิอานนีให้คำสัญญากับเปาโลว่า เขาจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน เมื่อเดินทางกลับถึงอิตาลีแล้ว และทั้งสองต่างจะไม่ทิ้งกัน

มันดูเหมือนจะเป็นการเริ่มต้น ของความสัมพันธ์ที่เต็มไปด้วยคำสัญญาและความหวัง บางทีพวกเขาอาจจะสามารถลืมความหลังอันเจ็บปวดนั้นริงๆ ก็ได้ แต่แล้วบางสิ่งไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นระหว่างทางนั้น และโชคชะตาก็กลับมาเล่นตลกกับพวกเขาอีกครั้ง...

ภาพยนตร์งดงามเรื่อง The Keys to the House ผลงานการสร้างสรรค์ของผู้กำกับ จิอานนี อเมลิโอ (The Stolen Children, Lamerica, Open Doors, The Way We Laughed) เป็นการสำรวจอย่างเข้มข้น ลึกลงไปในความเป็นพ่อ และธรรมชาติของความทุพพลภาพ ที่มักจะส่งผลอย่างใดอย่างหนึ่งต่อชีวิต The Keys to the House ได้รับแรงบันดาลใจมาจากนิยายเรื่อง Born Twice ของ จิเซปเป ปอนติกเจีย เป็นเรื่องราวของคุณพ่อยังหนุ่ม ที่พยายามสร้างความสัมพันธ์กับลูกชายพิการ ที่เขาได้พบเป็นครั้งแรกตอนเป็นวัยรุ่น

The Keys to the House นำแสดงโดย คิม รอสซี สจ๊วต (Pinocchio, Senza Pelle, Beyond The Clouds), ชาร์ลอตต์ แรมพลิง (Swimming Pool, I'll Sleep When I'm Dead, The Statement, Spy Game, The Wings of the Dove) ร่วมด้วย อันเดรีย รอสซี, อัลลา ฟาโรวิช

ภาพยนตร์เรื่อง The Keys to the House ได้รับรางวัล Italian National Syndicate of Film Journalists จำนวน 3 สาขาคือ ผู้กำกับ, ถ่ายภาพ และบันทึกเสียง นอกจากนั้น ยังได้รับรางวัลบันทึกเสียงยอดเยี่ยม David di Donatello Awards ซึ่งเป็นรางวัลตุ๊กตาทองของอิตาลี รางวัลอื่นๆ ที่ได้รับก็ได้แก่ 'CinemAvvenire' Award ในฐานะภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, Pasinetti Award ในฐานะภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และผู้แสดงนำชาย (คิม รอสซี สจ๊วต) และ Sergio Trasatti Award ใน Venice Film Festival ปี 2004