ปี 1933 นักแสดงหญิงประจำละครสลับฉาก แอนน์ ดาร์โรว์ (นาโอมี่ วัตต์ส) พบว่าตัวเธอไม่ต่างจากชาวนิวยอร์กจำนวนมากมาย ในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ ผู้ปราศจากหนทางจะหาเลี้ยงชีพ แม้ไม่เต็มใจที่จะประนีประนอม และต้องปล่อยตัวเองให้จมอยู่กับงานในละครตลก แต่แอนน์มองว่าเธอมีทางเลือกที่แสนจำกัด ขณะที่เธอต้องเดินไปตามท้องถนนของเมืองแมนฮัตตันอย่างไร้จุดหมาย เมื่อความหิวทำให้เธอพยายามขโมยแอ๊ปเปิล จากแผงลอยของพ่อค้าขายผลไม้แต่ไม่สำเร็จ เธอได้รับความช่วยเหลือ จากผู้กำกับภาพยนตร์ที่ชื่อ คาร์ล เดนแฮม (แจ็ค แบล็ค)

ดูเหมือนว่านักผจญภัย-นักลงทุนผู้นี้ ไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับการลักทรัพย์ เพราะในวันนั้น เขาเพิ่งขโมยฟิล์มชุดเดียวที่มีอยู่ ของภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของเขา ที่ยังสร้างไม่เสร็จ มาจากใต้จมูกของผู้บริหารสตูดิโอ เมื่อพวกนั้นขู่จะยึดเงินทุนทั้งหมดของเขาไป ในเย็นวันนั้น คาร์ลจะพาลูกเรือของเขาขึ้นเรือบรรทุกสินค้าสัญชาติสิงคโปร์ ชื่อเรือเอสเอสเวนเจอร์ โดยตั้งความหวังไว้ว่า จะสามารถสร้างภาพยนตร์แอ็คชั่น/ ท่องเที่ยว ของเขาให้เสร็จสมบูรณ์ได้ คาร์ลแน่ใจว่าในที่สุดแล้ว เขาจะได้พบกับความยิ่งใหญ่ ที่เขารู้ดีว่ารอเขาอยู่ข้างหน้า และถึงแม้ทีมงานจะเชื่อว่า ความสำเร็จข้างหน้าจะรออยู่ที่สิงคโปร์ แต่คาร์ลหวังว่าเขาจะหาและได้ถ่ายทำ ณ สถานที่ลึกลับในตำนาน นั่นก็คือ เกาะหัวกะโหลก

โชคร้ายสำหรับคาร์ล เมื่อดารานำหญิงของเขาเกิดถอนตัวออกจากภาพยนตร์เรื่องนี้ แต่การออกค้นหาดารานำหญิงคนใหม่ ที่จะต้องใส่เสื้อผ้าไซซ์ 4 ได้ (เพราะเสื้อผ้าทุกชุด ได้ถูกตัดเย็บเอาไว้เรียบร้อยหมดแล้ว) ได้นำคาร์ลไปเจอแอนน์ นักแสดงสาวที่ต้องดิ้นรนทำมาหากิน แอนน์ไม่ค่อยแน่ใจนักกับการเซ็นสัญญากับคาร์ล จนกระทั่งเธอได้รู้ว่า นักเขียนบทละครที่กำลังมาแรง แจ็ค ดริสคอลล์ (เอเดรียน โบรดี้) กำลังเขียนบทภาพยนตร์เรื่องนี้อยู่ เพราะเงินค่าจ้างที่คาร์ล เพื่อนของเขาจ่ายเป็นค่าจ้างการผจญภัยอันเดือดพล่านครั้งนี้ เป็นเงินรายได้เพิ่ม จากรายได้ระดับพอประมาณของดริสคอลล์ ที่ได้จากงานละครเวทีของเขา

หลังจากได้ดารานำหญิงคนใหม่ที่เขาเพิ่งค้นพบ และยังได้มือเขียนบทที่เหมือนโดนบีบให้ต้องขึ้นเรือมาด้วย "เรือกองถ่ายที่เคลื่อนที่ได้" ของ คาร์ล เดนแฮม จึงมุ่งหน้าออกจากท่าเรือนิวยอร์ก... และมุ่งหน้าสู่จุดหมายปลายทาง ที่ไม่มีใครสักคนบนเรือจะคาดเดาได้!

บัดนี้ ปีเตอร์ แจ็คสัน เจ้าของสามรางวัลออสการ์ เจ้าของผลงานที่สร้างประวัติศาสตร์บทใหม่ให้วงการภาพยนตร์ ด้วยภาพยนตร์ไตรภาคเรื่อง The Lord of the Rings ได้นำจินตนาการทางภาพยนตร์ มาสู่หนึ่งในภาพยนตร์คลาสสิกที่อยู่คงทนยาวนานที่สุด และเป็นหนึ่งในการผจญภัยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล ด้วยภาพยนตร์เรื่อง King Kong

แจ็คสันที่ทำหน้าที่ทั้งกำกับ อำนวยการสร้าง และร่วมเขียนบทภาพยนตร์ ทุ่มเทความสนใจให้กับเรื่องราวที่ทุกคนชื่นชม ซึ่งนักผจญภัยผู้ผันตัวเองมาเป็นผู้สร้างภาพยนตร์อย่าง เมอเรียน ซี คูเปอร์ และผู้กำกับร่วม เออร์เนสต์ บี โชเอ๊ดแซ็ค ได้สร้างจนกลายเป็นผลงานอมตะเอาไว้ในปี 1933 พวกเขาได้สร้างภาพที่ติดตาตรึงใจของลิงยักษ์ ที่เกาะอยู่เหนือยอดตึกเอ็มไพร์สเตท เพื่อปกป้องเพื่อนที่เป็นมนุษย์ของมัน ให้พ้นจากการรุกไล่ของเครื่องบินโจมตี แจ็คสันได้นำเรื่องราวความรักระหว่างสาวสวยกับอสูรร้าย กลับมาสร้างสรรค์ใหม่ โดยหลอมรวมเข้ากับความตื่นตาตื่นใจ ของเรื่องราวที่เต็มไปด้วยฉากแอ็คชั่น และเรื่องของมนุษยธรรมอันแสนปวดร้าว และยังทำให้เราได้เห็น King Kong ในแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ด้วยการผสมผสานเอฟเฟ็กต์ต่างๆ รวมถึงความมหัศจรรย์ของงานวิชวลเอฟเฟ็กต์ของ วีต้า ดิจิตอล ลิมิเต็ด เจ้าของหลายรางวัลออสการ์ และ วีต้าเวิร์กชอป ลิมิเต็ด

King Kong คือผลลัพธ์ของความฝันที่มีมาเกือบตลอดชีวิต ของผู้กำกับแจ็คสัน โดยเขาได้นำองค์ประกอบที่ยอดเยี่ยมที่สุด ของเรื่องราวต้นฉบับ และทำให้มันดูตื่นเต้นมากขึ้นด้วยความมหัศจรรย์ของงานเอฟเฟ็กต์ และความสามารถของกลุ่มผู้สร้าง, นักแสดง และทีมงานระดับหัวกะทิ

แจ็คสันยังคงใช้ทีมงานหลักๆ ที่เคยอยู่เบื้องหลังภาพยนตร์ไตรภาค The Lord of the Rings เขายังได้ร่วมงานกับบรรดาเพื่อนร่วมงานที่ทำงานกันมานานอย่าง ฟราน วอลช์ และ ฟิลิปป้า โบเยนส์ โดยเขาร่วมเขียนบทภาพยนตร์เรื่องนี้ร่วมกับ ฟราน วอลช์ หุ้นส่วนเจ้าของรางวัลออสการ์สามรางวัล และผู้ร่วมเขียนบทของภาพยนตร์เรื่อง The Lord of the Rings อย่าง ฟิลิปป้า โบเยนส์, เจ้าของรางวัลออสการ์ เจน เบลนกิ้น, แคโรลินน์ คันนิ่งแฮม, ฟราน วอลช์ และ ปีเตอร์ แจ็คสัน อำนวยการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ ภายใต้ชื่อบริษัท วิงนัทฟิล์มส์ ของพวกเขา

King Kong นำแสดงโดย นาโอมี่ วัตต์ส (Mulholland Drive, The Ring, The Ring Two, Le Divorce, เคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ จากภาพยนตร์เรื่อง 21 Grams), แจ็ค แบล็ค (High Fidelity, Shallow Hal, Orange County, The School of Rock) และ เอเดรียน โบรดี้ (The Jacket, The Village, The Affair of the Necklace, เจ้าของรางวัลออสการ์ จากภาพยนตร์เรื่อง The Pianist)

ที่ร่วมแสดงกับ วัตต์ส, แบล็ค และโบรดี้ ก็คือทีมนักแสดงที่ประสบความสำเร็จจากทั่วโลก ดาราชาวเยอรมัน โธมัส เคร็ตสช์แมนน์ (U-571, The Pianist, Blade) รับบทเป็นกัปตันอิงเกิลฮอร์น ผู้บัญชาการเรือเวนเจอร์ ซึ่งยอมให้เดนแฮมและเงินสินบนกล่อม เสียจนเขายอมเอาชีวิตของพวกลูกเรือไปเสี่ยงอันตราย ด้วยการออกตามค้นหาเกาะหัวกะโหลก, โคลิน แฮงก์ส (Orange County, Get Over It, Whatever It Takes) รับบทเป็นเพรสตัน ผู้ช่วยของเดนแฮม และยังเป็นเสมือนเข็มทิศทางศีลธรรม ผู้พยายามทำให้เจ้านายของเขา และงานถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ พ้นจากการสับสนจนควบคุมไม่อยู่, นักแสดงหนุ่ม เจมี่ เบลล์ (Billy Elliot, The Chumscrubber, Nicholas Nickleby) รับบทเป็น จิมมี่ ลูกเรือที่อายุน้อยที่สุด ผู้ซึ่งประสบการณ์บนเรือเวนเจอร์ของเขา ได้รับการพิสูจน์ว่าสุดยอดยิ่งกว่านิทานท่องทะเลเรื่องไหนๆ, อีวาน ปาร์ก (Planet of the Apes, The Cider House Rules, The Replacements) นำความสามารถของเขามาสู่บท เฮย์ส ผู้คอยจับตาดูหนุ่มน้อยจิมมี่ และทำหน้าที่เป็นเสมือนจิตสำนึกของอิงเกิลฮอร์น

ไคล แชนด์เลอร์ (Mulholland Falls, The Color of Evening) รับบทเป็น บรูซ แบ็กซ์เตอร์ ดารานำชายของภาพยนตร์เกรดบี ที่ได้รับเลือกให้มาประกบบทกับ แอนน์ ดาร์โรว์ ในภาพยนตร์ผจญภัยของเดนแฮม, แอนดี้ เซอร์กิส (ผู้แสดงท่าทางต้นแบบให้กับ กอลลั่ม ตัวละคร CGI ในภาพยนตร์ไตรภาคเรื่อง The Lord of the Rings) มาแสดงเป็นตัวแทนคองในกองถ่าย และให้การแสดงต้นแบบโดยใช้เทคนิคโมชั่นแค็ปเจอร์สำหรับ "สิ่งมหัศจรรย์อันดับ 8 ของโลก" นั่นก็คือตัวละครคิงคอง เขายังร่วมแสดงบนจอด้วยการรับบทเป็น กุ๊กลัมปี้ กลาสีเรือท่าทางประหลาด ที่ดูแลงานในห้องครัวของเรือเวนเจอร์

เพื่อสร้างโลกที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงสองฉาก นั่นก็คือป่าคอนกรีตของเมืองแมนฮัตตันยุค 30 และสภาพแวดล้อมดึกดำบรรพ์ของเกาะหัวกะโหลก บ้านของเผ่าพันธุ์ที่ตกสำรวจ และกองทัพสัตว์ที่ยังไม่สูญพันธุ์ ปีเตอร์ แจ็คสันได้รวบรวมทีมสุดยอดฝีมือแห่งวงการภาพยนตร์ โดยส่วนใหญ่แล้วก็คือคนที่เขาเคยร่วมงานด้วยมานาน อาทิเช่น ผู้กำกับภาพ แอนดรูว์ เลสนี่ (Babe, ได้รับรางวัลออสการ์ สาขากำกับภาพยอดเยี่ยมจากภาพยนตร์เรื่อง The Lord of the Rings: The Fellowship of the Ring), โปรดักชั่น ดีไซเนอร์ แกรนต์ เมเจอร์ เจ้าของรางวัลออสการ์จากตอนที่ 3 The Return of the King และผู้ลำดับภาพ เจมี่ เซลเคิร์ก ผู้ได้รับรางวัลออสการ์จากตอนสุดท้าย ของภาพยนตร์ไตรภาคที่ยิ่งใหญ่ของแจ็คสัน งานวิชวลเอฟเฟ็กต์เป็นผลงานของบริษัท วีต้า ดิจิตอล ลิมิเต็ด ที่ตั้งอยู่ในนิวซีแลนด์อีกเช่นเคย ภายใต้การควบคุมดูแลของ โจ เล็ตเทอรี่ (The Return of the King, Jurassic Park, I, Robot, Mission: Impossible) และ วีต้า เวิร์กชอป ลิมิเต็ด ภายใต้การดูแลควบคุมงานของ ริชาร์ด เทย์เลอร์ (The Return of the King, The Frighteners, ซีรีส์ Xena: Warrior Princess) ภาพยนตร์เรื่องนี้แต่งดนตรีประกอบโดย เจมส์ นิวตัน ฮาวเวิร์ด ที่มีผลงานภาพยนตร์มาแล้วกว่า 90 เรื่อง เคยได้รับการเสนอชื่อ เข้าชิงรางวัลออสการ์มาแล้ว 6 ครั้ง, ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำมาแล้ว 2 ครั้ง และได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลแกรมมี่มาแล้ว 1 ครั้ง